สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นไรท์ต้องขอเป็นปากเสียงแทนรีดๆ
ก่อนเลยค่ะว่า................
โธ่เอ้ยยย ขวัญเอ้ยขวัญมา
กว่าจะมาลงได้! สิ้นชีพไปนานนะแก!!
หายหัวไปเนี่ยไร้สัญญาณติดต่อเลยยยยย อยู่ๆ ก็หายแล้วก็กลับมาแบบเงียบๆ
แฮ่ๆๆ
เค้าขอโต๊ดนะตัวเองงงงง
ที่เค้าหายไปนานอ่ะ เค้าเหลวไหล.......ลั้นลาไปหาคนอื่นเสียนานเลย
ฮาาาาาา
ต้องขอโทษด้วยค่ะที่ไรท์หายไปนานสำหรับ
MaLec แต่บัดนี้ไรท์กลับมาแล้วค่ะ พุ่งเข้ามากราบแบตักรีด..........ในที่สุดงานก็เสร็จ สอบแบบไม่หมกเม็ดผ่านไปแล้วค่ะ
ไรท์เป็นอิสระแล้วค่ะ
พอเปิดปีใหม่มาก็มีงานอีก
-_-“ เซ็ง......
แต่วันนี้เรื่องคาใจทั้งหลายเราจะสลัดทิ้งไปแล้วมาอ่านฟิคกันดีกว่านะคะ รอตอนต่อมานาน ไปอ่านกันเลยค่ะ เชิญค่าาาาาา
--------------------------------------------------------------------------------------------------
20.45 น. ณ ร้านลาเฟ่ต์ในย่านนิวยอร์ก.................
“เฮ้เจซ.....นั่นนายจะไปเลยเหรอ?”
เดฟที่กำลังยกถาดไปเก็บหลังร้าน ชะโงกหน้าหันกลับมาถามเจซที่เพิ่งเดินสวนเค้าไป
“ใช่
ฉันบอกคุณบีพอทท์แล้ว....พรุ่งนี้จะทำชั่วโมงเพิ่มให้ แต่วันนี้ฉันต้องรีบไปแล้ว”
คนถูกถามไม่แม้แต่จะหันกลับมาตอบ
“รีบ?......ไปไหนอ่ะ?”
เดฟอ้าแขนถามอีกรอบ
แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากคนที่เพิ่งพรวดพราดเดินออกจากประตูหน้าไปเสียแล้ว
“จะรีบไปไหนของเค้าว่ะ.....แม่ตายรึก็ไม่ใช่
มันกำพร้าแม่ตั้งแต่เกิดนี่หว่า” เดฟบ่นพึมพำพลางเกาหัวแล้วเดินไปหลังร้าน
-------------------------------------------
---------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------
อาร์พาร์ทเมนของอเล็ค..................
เจซ
เวย์แลนด์เดินจ้ำขึ้นบันไดไม้เก่าๆ แล็กเกอร์ถลอก
ไปยังห้องที่อยู่สูงขึ้นไปซึ่งเค้าหมายมั่นจะมาหา
ตึก!
ตึก! ตึก!
อเล็ค....นายจะเป็นอะไรรึเปล่านะ....ร่างสูงชะลูดคิดอย่างร้อนใจขณะมาถึงหน้าห้องของเพื่อนตัวเล็กพอดี
ร่างสูงผมบล์อนล่วงเอากุญแจห้องที่ซ่อนอยู่ใต้พรมเช็ดเท้าอย่างคุ้นเคยและไขมันเข้าไปอย่างรีบร้อน
ไม่สนใจสิ่งใดนอกจากเพื่อนตัวเล็กผิวขาวซีดที่อยู่ข้างใน แต่ทว่าเค้ากลับต้องแปลกใจ
เมื่อประตูนั้นไม่ได้ล็อค...........
เกิดอะไรขึ้นกับคนที่เจ้าระเบียบรอบคอบอย่างอเล็ค
ลืมล็อคบ้านตอนป่วยได้ยังไงเนี่ย
เมื่อคิดได้ดังนั้นเจซจึงรีบเปิดประตูถลาเข้าไปในห้องโดยไม่เคาะประตูก่อนอย่างเสียมารยาท
ตามความเคยชิน
“อเล็ค!”
และเมื่อพุ่งเข้าไป
ดวงตาสีอ่อนก็ไม่จำเป็นต้องกวาดทอดมองหาเจ้าของห้องนานนัก เพราะไปสะดุดเข้ากับร่างเล็กๆ
ที่นอนขุดคู้อยู่บนโซฟาตัวที่เจซเคยบอกไว้ว่าไม่ชอบมันเอาเสียเลย
เจซยีหัวตัวเอง
อเล็คดูเหมือนเหนื่อยและเพลียมาก............
ร่างสูงชะลูดเดินเข้าไปหาเพื่อนตัวน้อยอย่างเงียบเชียบที่สุด
เพาะกลัวว่าอเล็คจะตื่นเอาถ้าหากเจ้าตัวกำลังนอนพักผ่อนอยู่จริงๆ
แต่ก็ต้องถึงบางอ้อ เมื่อเค้าได้สังเกตเห็นแล้วว่า
อเล็คยังไม่ได้แม้แต่จะถอดเสื้อนอกออกเลยแม้แต่ตัวเดียว เจซนั่งลงข้างๆ ตัวเพื่อนร่างเล็กแล้วรู้สึกใจหายระคนร้อนใจขึ้นมาไม่ได้
เมื่อเห็นคราบน้ำตาบนแก้มของอเล็ค
ดูก็รู้ว่าร้องไห้มาอย่างหนัก........
นิ้วเรียวยาวของเจซบรรจงเช็ดคราบน้ำตานั้นให้กับอเล็ค
บนแก้มขาวที่บัดนี้ดูซีดเซียวยิ่งกว่าเดิม
พร้อมทั้งอุณหภูมิบนผิวกายที่เพิ่มสูงมากกว่าปรกติ ทำให้เจซที่สัมผัสได้ยิ่งร้อนใจหนักกว่าเก่า
หวังว่าคงจะไม่ได้เป็นแบบนี้เพราะร้องไห้หรอกนะ.........เจซคิดในใจ
ในขณะที่กำลังถอดฮู้ดชื่นๆ ของอเล็คออกและนำผ้ามาห่มให้เจ้าตัวรู้สึกอุ่นขึ้น
...............เพราะถ้าเป็นแบบนั้น
ฉันจะสาปแช่งเจ้าแม็กนัสจอมเฮงซวยนั่น เอาให้มันดับ เจ๊ง ล้มจมกันไปเลย!
ร่างสูงผมบล์อนกำหมัดแน่น
เจซ
เวย์แลนด์ผละออกมาจากโซฟาตัวที่เค้าสาบานว่าถ้าอเล็คตื่นมาจะบ่นเพื่อนตัวเล็กในเรื่องนี้
เพราะว่าเค้าเคยบอกแล้วว่า “อย่านอนบนโซฟาตัวสีเหมือนมีราขึ้นทั้งตัวแบบนี้เด็ดขาด!....มันทำให้นายดูเหมือนคนป่วยในสะลำเลยอเล็ค”
และแน่นอน
อเล็คก็นอนห่มผ้าสีสะอาดตัดกับสีโซฟาอยู่อย่างที่เจซเคยห้ามไว้
เออ....ฉันเคยห้ามไว้หนิ
แล้วทำไมฉันต้องให้เค้านอนบนโซฟานั่นต่อไปด้วยล่ะ.....โอ๊ยย
เจ้าบ้าเจซเอ้ย!............คิดแล้วก็ขอยีหัวตัวอีกหนึ่งทีกับความบ้องตื่นของเค้า แล้วร่างสูงผมบล์อนของเจซก็เดินเข้าไปดึงผ้าห่มออก
ตามมาด้วยการช้อนตัวอเล็คขึ้นแนบออกอย่างเบามือที่สุด
จนร่างสูงเองก็อดคิดไม่ได้ว่าอเล็คเคยตัวเล็กและเบาขนาดนี้เลยหรือ
“โอย...ถ้านายเอาหน้ามาใกล้ฉันอีกนิดเดียวฉันไม่รับรองว่าฉันจะทำอะไรนายตอนยังไม่ได้สตินะอเล็ค.....”
เจซงึมงำก่อนจะยกคอขึ้นสูงอีกนิด เพื่อไม่ให้ตัวเองได้กลิ่นแชมพูอ่อนๆ
บนศีรษะของอเล็ค
.........เค้าก็เคยใช้กลิ่นนี้
แต่ทำไมพออเล็คใช้กลับไม่ยักกะเหมือนกันแฮะ...........
และแล้วร่างหมดแรงของอเล็คก็ถูกวางไว้บนเตียงนุ่มสะอาดอย่างเหมาะสม ร่างกายอ่อนแรงนั้นถูกห่มคลุมด้วยผ้าห่มผืนหนาให้ความอบอุ่น อีกทั้งถูกวางด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นหมาดๆ
บนหน้าผากที่เจซจัดหามาให้อีกต่างหาก
และตอนนี้เค้าก็กำลังกอดอกนั่งไขว้ห้างอยู่บนเก้าอี้ที่เพิ่งลากมาเมื่อครู่ มอง
พิจารณาอเล็คที่นอนพักผ่อนอยู่บนเตียงอย่างเงียบๆ
สิบชั่วโมงแล้วที่อเล็คอยู่ในห้องนี้
นอนพักเพราะพิษไข้ที่เพิ่งโดนมา......ปรกติก็เป็นคนที่บอบบางอยู่แล้ว
พอโดนละอองฝนนิดหน่อยบวกกับที่ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าแห้งๆ
ทันทีก็เลยทำให้ป่วยแบบนี้สินะ.......
..................แล้วอะไรทำให้อเล็คตัวเปียกปอน
นอนร้องไห้จนหลับไปเสียดื้อๆ แบบนี้ล่ะ?.............
หวังว่าคงจะไม่ใช่เพราะ!
เจซกำมือแน่น และขบกรามพูดรอดไรฟันทีละคำอย่างเยือกเย็น “แม็ก
- นัส - เบน”
............ทำให้เพื่อนตัวเล็กแสนบอบบางที่น่าสงสารของเค้าต้องร้องไห้อย่างหนัก
ถึงขนาดต้องหลับคาที่แบบนี้ หมอนั่นคงจะต้องพูดจาทำร้ายจิตใจอเล็คแบบไม่คิดเลยสักนิดแน่ๆ..................
..................ทั้งๆ
ที่เมื่อก่อนอเล็คก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของหมอนั่นแท้ๆ แต่ทำไมตอนนี้ถึงกล้าทำนิสัยทรามๆ
แบบนี้กับอเล็คได้นะ!...............
เจ้าคนถ่อย!!
เจซฟาดหมัดใส่ตักของตัวเองอย่างโมโห
และมือนั้นยังคงกำแน่นราวกับว่าไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้เค้าเย็นลงได้
นอกจากจะได้ชกหน้าไอ้หมอนั้นเข้าจังๆ สักครั้งหนึ่ง
ไอ้บ้าเอ้ย! บัดซบที่สุด.....ถ้าฉันอยู่ที่นั่นด้วย ฉันจะไม่ให้มันพูดกับนายสักคำเลยอเล็ค! ฉันจะซัดหน้ามันก่อนที่จะได้อ้าปากด้วยซ้ำ!! ไอ้บัดซบเอ้ย! ไอ้นายแบบขายถ่าน! ไอ้ @#$%^& */=#$@^%&* =+_=%$
แล้วคำด่าทอ
หยาบคายมากมายก็บังเกิดพรั่งพรูออกมาจากความคิดของร่างสูงผมบล์อนอย่างเจซ เวย์แลนด์ ซึ่งอยากจะตะโกนออกมาเสียงดังๆ
เสียจริงว่าเค้าคิดอยากทุบหัว
เอามีดแทง ยกดาบจ่อ เอาปืนจี้
แล้วเป่าขะหมองไอ้บ้านขายถ่านนั่นให้ตายไปเลยจริงๆ
แต่กลัวว่าคนป่วยที่นอนหายใจสม่ำเสมอที่อยู่ตรงหน้านี่จะตื่นเสียก่อน
เค้าเป็นห่วงอเล็คมากพอๆ
กับที่โลกใบนี้จะถล่มลงมานั่นแหละน่า............
เจซรู้สึกปวดขมับตุ้บๆ
จากการที่เค้าได้เค้นคำด่าสารพัด และกลัดกลั้นความโมโห ไม่พอใจ
เอาไว้ในจิตใจของเค้า
จนในที่สุดเค้าก็นับหนึ่งถึงสิบในใจ แล้วพรูลมหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบว่า
“หมอนั่นโชคดีที่มีนายแคร์อยู่นะอเล็ค.......ไม่งั้นฉันคงทนไม่ไหว
ต้องตามไปอัดมันถึงบ้าน”
กล่าวเสร็จ ร่างของเจซก็หยัดตัวขึ้นจนเต็มความสูง
คิดเอาไว้ว่าจะเดินออกไปหาอะไรกินและสงบสติอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลงก่อนที่เพื่อนตัวน้อยจะตื่นขึ้นมาเจอเค้าเข้า
...............เจซไม่อยากให้อเล็คเห็นเค้าอารมณ์เสีย
ไม่อยากให้เพื่อนของเค้าต้องพลอยเป็นห่วงไปด้วย.................
แต่แล้วเสียงขยับตัวภายใต้ผ้าห่มผืนหนา
และเสียงครางอื้ออึงในลำคออย่างแหบแห้งของร่างเล็กก็ทำให้เจซต้องรีบหันกลับมาแทบไม่ทัน บนเตียงขนาดเจ็ดฟุตสำหรับหนึ่งคนนอน
มีร่างที่กำลังฟื้นตัวจากนิทราและพยายามที่จะลุกขึ้นมาดูบรรยากาศโดยรอบ
แต่เค้ากลับรู้สึกเหมือนศีรษะโดนทุบ
“อะ อือ...อึก”
มือเรียวเล็กยกขึ้นมากุมขมับของตัวเอง
แล้วพบว่ามีผ้าผืนเล็กโปะอยู่บนหน้าผากของเค้า
อเล็คมีสีหน้าเหยเกจากความรู้สึกปวดหัวและความงุนงง
และแทบจะในทันทีที่ปริศนาของเค้าถูกคลาย
“อเล็ค....เฮ้ อเล็คเป็นยังไงบ้าง”
เจซเดินเข้ามาเบาๆ และเอ่ยด้วยเสียงที่เบาและนุ่มนวลกว่ามาก
เค้าลากเก้าอี้ตัวเดิมที่เพิ่งลุกออกไปเข้ามาใกล้ขอบเตียงให้มากที่สุด
แล้วหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้นั้นก่อนจะดันตัวอเล็คให้กลับลงไปนอนอย่างเดิม
“ไม่ๆๆ
นายนอนพักเหมือนเดิมนั่นแหละดีแล้ว
นายป่วยอยู่นะรู้ตัวไหมอเล็ค” เจซพูดเสียงนุ่ม ก่อนจะหยิบผ้าที่อยู่บนหน้าผากอเล็คออกมา
ชุบน้ำลงในภาชนะเล็กๆ ที่วางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง บิดจนหมาดแล้วนำกลับมาวางที่เดิม
นิ้วมือเรียวยาวของเจซเต็มไปด้วยแหวนวงใหญ่ที่เจ้าตัวชอบใส่อยู่เป็นประจำ มันเป็นแหวนแฟชั่นแนวพังก์
เลยทำให้เจซดูเหมือนนักล่าปีศาจผู้บูชาพังก์เป็นชีวิตจิตใจ อเล็คเคยพูดไว้อย่างนั้นด้วยเสียงกลั้นขำ
แต่ตอนนี้กลับไม่สดใสร่างเริงเช่นเมื่อก่อนเมื่อความอ่อนล้าเข้ารุมเร้าคนตัวเล็ก
อเล็คดูงุนงงไม่น้อย
“เจซ...ทำไมนาย.....” เสียงแหบพร่าของอเล็คถูกห้ามไว้ก่อนที่จะได้เอ่ยจบประโยค
“นายเพิ่งตื่น
เอ้า...ดื่มน้ำก่อนสิ” เจซมีสีหน้าเรียบเฉย
เค้าแกล้งทำเป็นว่าไม่เดือดไม่ร้อนเรื่องที่
อเล็คป่วยแบบนี้เพราะแม็กนัส เบน และยกแก้วขึ้นพร้อมกับประคองอเล็คขึ้นมา
“นายมาอยู่นี่ได้ไงน่ะ”
อเล็คที่หัวถึงหมอนอีกครั้งถามขึ้น หลังจากที่เจซวางแก้วน้ำลงที่โต๊ะข้างหัวเตียง.......เพื่อร่างสูงโปร่งผมบล์อนมองเพื่อนที่นอนป่วยอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยใจแล้วกอดอกอย่างเคยชิน
“นายน่าจะถามตัวเองก่อนนะ ว่านายเป็นแบบนี้ได้ยังไง”
เจซถอนหายใจ เมื่ออเล็คซุกหน้าเข้าไปในผ้าห่ม
“....ตากฝนน่ะ”
เพื่อนตัวเล็กของเจซบอกอู้อี้จากใต้ผ้าห่ม
ชายหนุ่มผมบล์อดพยายามฝืนความต้องการที่จะอ้าปากบอกไปว่า “ไม่ใช่แค่ตากฝน
แต่นายไปหาเจ้าแม็กนัส เบนมาใช่ไหม” แต่แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปในที่สุด
เจซยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมอย่างไม่แสดงอาการ
“นายต้องพักผ่อนนะ
ฉันลาคุณบีพอทท์เผื่อไปแล้ว....หนึ่งอาทิตย์” เจซบอกหน้าตาย
แต่เพื่อนที่นอนป่วยอยู่กลับเด้งตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ห๊ะ! อะไรนะ....หนึ่งอาทิตย์เลยเหรอ!
แล้วฉันจะ.....โธ่ เจซ....” อเล็คโอดครวญ เค้ารู้ดีว่าเจซเป็นคนค่อนข้างเด็ดขาด
และย่อมมีเหตุผลเสมอ แต่ไม่เคยถามความเห็นจากของเค้าเลยสักคำ
เจซชี้แจงถึงอาหารที่ถูกเตรียมไว้ในครัวให้อเล็คฟังและบอกว่ามันพร้อมทานเสมอเมื่ออเล็คอุ่นเสร็จ ก่อนเจซจะส่งยาให้อเล็คทาน
ซึ่งคนป่วยก็ดูเหมือนจะไม่ถูกโรคกับยาเอามากๆ
ใบหน้าของเค้าดูบิดเบี้ยวเมื่อกลืนยาลงไป เรียกรอยยิ้มเล็กๆ
ของเจซได้เป็นอย่างดี
เจซจ้องหน้าอเล็คอย่างเหม่อลอยราวกับว่าจะพูดอะไรบ้างอย่าง
แต่แล้วเค้าก็ล้มเลิกความคิดนั้นซะแล้วตบหน้าขาของตัวเองเสียงดังก่อนจะลุกขึ้น
เตรียมตัวกลับ
“วันนี้ฉันจะกลับก่อนนะ
แล้วพรุ่งนี้จะมาใหม่ตอนก่อนเข้าร้าน”
หนุ่มผมบล์อนที่กำลังสะพายกระเป๋าชะงักเมื่อโดนเรียกไว้
“เดี๋ยวเจซ.....เอ่อ ขอบใจนะ”
อเล็คพูดฟังดูไม่แน่ใจนัก
เพราะท่าทางที่ชะงักค้างของเจซมันทำให้เค้ารู้สึกไม่กล้าขึ้นมา
เพื่อนร่างสูงโปร่งเดินกลับมาแล้วขยี้หัวอเล็คเบาๆ
“นายนอนพักซะ
ถ้าอาทิตย์หนึ่งแล้วนายยังไม่หาย.....รับรองฉันทำโอทีแซงหน้านายได้แน่นอน” เจซยิ้มบางๆ
ก่อนจะเดินออกจากห้องของอเล็คไป
ร่างบางเจ้าของห้องเพียงแต่รับยิ้มของเพื่อนไว้ด้วยสิ่งที่คลายยิ้มมากที่สุดแล้วนอนหลับไปด้วยฤทธิ์ยา
ด้านนอกที่หน้าประตูของอเล็ค
เจซทาบฝ่ามือลงกับบานประตูสีเขียวอ่อนอย่างเงียบๆ
แล้วพิงหน้าผากตามลงไป เค้าถอนหายใจอย่างรู้สึกเหนื่อยในความรู้สึกของตัวเอง
............เค้าอยากบอกอเล็คไปตรงๆ
ว่าเค้ารู้สึกยังไง และบอกให้อเล็คเลิกยุ่งกับคนใจร้ายอย่างแม็กนัสเสียที แต่เค้ารู้....ว่าอเล็คคงทำไม่ได้...........
.............เจซไม่ดีพอให้อเล็คคิดถึงแทนแม็สนัส.............
“ฉันรักนายอเล็ค”
เค้าพูดอย่างแผ่วเบาก่อนจากประตูนั้นไป
******************************************************************************
“ฮัลโหลที่รัก.....วันนี้ผมอยากทานอาหารฝีมือคุณจัง....”
ทันทีที่วางสายโทรศัพท์
ดาราสาวก็มีสีหน้าสะพรึงทันทีเมื่อแฟนหนุ่มของเธอโทรมาแล้วบอกว่าอยากจะทานอาหารฝีมือเธอ.......เธอตอบกลับไปเสียงหวานอย่างร่าเริงเหมือนเคย
แต่ทว่าพอวางสายเสร็จเธอก็แทบอยากจะกรี๊ดร้องออกมาเสียงดังลั่น
แล้วฉันทำอาหารเป็นไหมล่ะเนี่ยยยย! แค่มีดก็ยังจับไม่เป็นเลยแล้วจะให้ฉันทำอะไรให้กินล่ะ......แม็กนัสคิดอะไรของเค้าอยู่กันนะ!!
เอลซ่าเต้นเร่าๆ
กับตัวเองแล้วจิกเล็บยาวๆ เข้าเนื้อ.....จริงอย่างว่า เธอทำอาหารไม่เป็น
ทำอะไรไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ..........อย่าว่าแต่ทำอาหารเลย แค่งานบ้านง่ายๆ
เธอก็ขอบายซะแล้ว
แต่เมื่อหลายปีก่อนเคยมีเรื่องที่ทำให้เธอต้องประหลาดใจ
เมื่อเธอดันไปโม้ไว้ว่าตัวเองเป็นแม่ศรีเรือนที่ดีสามารถคบหากับแม็กนัสได้เลยสบายๆ
(แม็กนัสเป็นพวกชอบไม่ดูแลความเป็นอยู่ของตัวเอง)
และอยู่ๆ
วันหนึ่งแม็กนัสก็โทรมาเล่นมุขและขอบคุณเธอที่ทำความสะอาดห้องพร้อมกับเตรียมอาหารเย็นไว้ให้แล้ว!
ถ้าจะไม่รับน้ำใจก็ยังไงอยู่
ในเมื่อมันจะสามารถทำให้แม็กนัสรักเธอมากขึ้นและทำให้เธอดูเหมือนนางฟ้าไปเลย
เธอจึงสวมรอยของใครก็ไม่รู้
แล้วบอกออกไปว่า..........ใช่
เธอเป็นคนทำเอง
แทบจะทุกวันที่เธอแสนมีความสุขกับความดีที่ตัวเองไม่ได้ทำ แต่พอมาวันนี้เธอกลับต้องรู้สึกปวดหัวอย่างหนักเมื่อแม็กนัสบอกว่าอยากทานอาหารฝีมือเธอและอยากจะช่วยทำเสียด้วยซ้ำ!
“โอ้
พระเจ้า.....ฆ่าฉันดีกว่าถ้าจะให้แม็กนัสรู้เรื่องนี้” เอลซ่ายกมือขึ้นเกยหน้าผาก
และแล้วความคิดสำหรับการเอาตัวรอดเฉพาะหน้าของเธอก็ผุดขึ้นมาในหัว
.
.
.
.
TBC.
---------------------------------------------------------------------------------
แล้วเอลซ่าเธอจะทำอย่างไร แม็กนัสจะรู้ความจริงไหม ติดตามได้ในตอนต่อไปค่ะ ไม่นานค่ะไม่นานไรท์สัญญาเลยค่ะ เพราะ Part ต่อไปเป็นรูปเป็นร่างแล้วค่ะ
555555
เอ่อ....ต้องขอบอกก่อนเลยค่ะว่าชื่อ
“เอลซ่า” เนี่ย
ไรท์ไม่ได้เอามาจากแม่หญิงเอลซ่าใน Frozen หรอกนะค่ะ
ในตอนที่ไรท์เริ่มเขียนเรื่องนี้ยังไม่เข้าฉายค่ะและไรท์ชอบเอลซ่ามากกกกกกเลยค่ะ พี่แก้มพากย์เสียงและร้องได้ขนลุกมากเลยค่ะ ชอบบบบบบบ
ดูทุกวันอ่ะ
แต่ชื่อ “เอลซ่า”
ในฟิคนี้นั้น ไรท์เอามาจากชื่อภรรยาของเฮีย “คริส
เฮมสเวิรด์” เค้าค่ะ ดูตัวเธอจะเป็นหนามย่ออกของทอมจริงๆ
เลยค่ะ //อ้าว ซะงั้น! O_o//
ติดตามความเคลื่อนไหว
และมาพูดคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้กับไรท์ได้เลยค่ะที่
รับแอดเสมอนะคะทุกคนนนน รักรีดค่ะ........
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
1 ความคิดเห็น:
ลงแล้วๆๆๆๆๆๆ
รักไร้ทที่สุด
แสดงความคิดเห็น