วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

[FIC - TMI] + [Part 7] Your Heart……หัวใจนายเป็นของฉัน – Magnus x Alec



สวัสดีค่ะ  ก่อนอื่นไรท์ต้องขอเป็นปากเสียงแทนรีดๆ ก่อนเลยค่ะว่า................

โธ่เอ้ยยย ขวัญเอ้ยขวัญมา กว่าจะมาลงได้สิ้นชีพไปนานนะแก!!  หายหัวไปเนี่ยไร้สัญญาณติดต่อเลยยยยย อยู่ๆ ก็หายแล้วก็กลับมาแบบเงียบๆ

แฮ่ๆๆ เค้าขอโต๊ดนะตัวเองงงงง  ที่เค้าหายไปนานอ่ะ  เค้าเหลวไหล.......ลั้นลาไปหาคนอื่นเสียนานเลย ฮาาาาาา

ต้องขอโทษด้วยค่ะที่ไรท์หายไปนานสำหรับ MaLec แต่บัดนี้ไรท์กลับมาแล้วค่ะ  พุ่งเข้ามากราบแบตักรีด..........ในที่สุดงานก็เสร็จ  สอบแบบไม่หมกเม็ดผ่านไปแล้วค่ะ ไรท์เป็นอิสระแล้วค่ะ

พอเปิดปีใหม่มาก็มีงานอีก -_-“ เซ็ง......

แต่วันนี้เรื่องคาใจทั้งหลายเราจะสลัดทิ้งไปแล้วมาอ่านฟิคกันดีกว่านะคะ  รอตอนต่อมานาน ไปอ่านกันเลยค่ะ เชิญค่าาาาาา


--------------------------------------------------------------------------------------------------


20.45 น.  ณ ร้านลาเฟ่ต์ในย่านนิวยอร์ก.................

“เฮ้เจซ.....นั่นนายจะไปเลยเหรอ?” เดฟที่กำลังยกถาดไปเก็บหลังร้าน ชะโงกหน้าหันกลับมาถามเจซที่เพิ่งเดินสวนเค้าไป

“ใช่  ฉันบอกคุณบีพอทท์แล้ว....พรุ่งนี้จะทำชั่วโมงเพิ่มให้  แต่วันนี้ฉันต้องรีบไปแล้ว” คนถูกถามไม่แม้แต่จะหันกลับมาตอบ

“รีบ?......ไปไหนอ่ะ?” เดฟอ้าแขนถามอีกรอบ  แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากคนที่เพิ่งพรวดพราดเดินออกจากประตูหน้าไปเสียแล้ว

“จะรีบไปไหนของเค้าว่ะ.....แม่ตายรึก็ไม่ใช่ มันกำพร้าแม่ตั้งแต่เกิดนี่หว่า” เดฟบ่นพึมพำพลางเกาหัวแล้วเดินไปหลังร้าน


-------------------------------------------


---------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------------------------------


อาร์พาร์ทเมนของอเล็ค..................

            เจซ   เวย์แลนด์เดินจ้ำขึ้นบันไดไม้เก่าๆ แล็กเกอร์ถลอก ไปยังห้องที่อยู่สูงขึ้นไปซึ่งเค้าหมายมั่นจะมาหา

          ตึกตึก!  ตึก!

อเล็ค....นายจะเป็นอะไรรึเปล่านะ....ร่างสูงชะลูดคิดอย่างร้อนใจขณะมาถึงหน้าห้องของเพื่อนตัวเล็กพอดี  ร่างสูงผมบล์อนล่วงเอากุญแจห้องที่ซ่อนอยู่ใต้พรมเช็ดเท้าอย่างคุ้นเคยและไขมันเข้าไปอย่างรีบร้อน ไม่สนใจสิ่งใดนอกจากเพื่อนตัวเล็กผิวขาวซีดที่อยู่ข้างใน  แต่ทว่าเค้ากลับต้องแปลกใจ เมื่อประตูนั้นไม่ได้ล็อค...........

เกิดอะไรขึ้นกับคนที่เจ้าระเบียบรอบคอบอย่างอเล็ค ลืมล็อคบ้านตอนป่วยได้ยังไงเนี่ย

เมื่อคิดได้ดังนั้นเจซจึงรีบเปิดประตูถลาเข้าไปในห้องโดยไม่เคาะประตูก่อนอย่างเสียมารยาท ตามความเคยชิน

 “อเล็ค!

และเมื่อพุ่งเข้าไป  ดวงตาสีอ่อนก็ไม่จำเป็นต้องกวาดทอดมองหาเจ้าของห้องนานนัก  เพราะไปสะดุดเข้ากับร่างเล็กๆ ที่นอนขุดคู้อยู่บนโซฟาตัวที่เจซเคยบอกไว้ว่าไม่ชอบมันเอาเสียเลย  เจซยีหัวตัวเอง

อเล็คดูเหมือนเหนื่อยและเพลียมาก............

ร่างสูงชะลูดเดินเข้าไปหาเพื่อนตัวน้อยอย่างเงียบเชียบที่สุด เพาะกลัวว่าอเล็คจะตื่นเอาถ้าหากเจ้าตัวกำลังนอนพักผ่อนอยู่จริงๆ แต่ก็ต้องถึงบางอ้อ เมื่อเค้าได้สังเกตเห็นแล้วว่า อเล็คยังไม่ได้แม้แต่จะถอดเสื้อนอกออกเลยแม้แต่ตัวเดียว  เจซนั่งลงข้างๆ ตัวเพื่อนร่างเล็กแล้วรู้สึกใจหายระคนร้อนใจขึ้นมาไม่ได้ เมื่อเห็นคราบน้ำตาบนแก้มของอเล็ค

ดูก็รู้ว่าร้องไห้มาอย่างหนัก........

นิ้วเรียวยาวของเจซบรรจงเช็ดคราบน้ำตานั้นให้กับอเล็ค บนแก้มขาวที่บัดนี้ดูซีดเซียวยิ่งกว่าเดิม พร้อมทั้งอุณหภูมิบนผิวกายที่เพิ่มสูงมากกว่าปรกติ ทำให้เจซที่สัมผัสได้ยิ่งร้อนใจหนักกว่าเก่า

หวังว่าคงจะไม่ได้เป็นแบบนี้เพราะร้องไห้หรอกนะ.........เจซคิดในใจ ในขณะที่กำลังถอดฮู้ดชื่นๆ ของอเล็คออกและนำผ้ามาห่มให้เจ้าตัวรู้สึกอุ่นขึ้น

...............เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ฉันจะสาปแช่งเจ้าแม็กนัสจอมเฮงซวยนั่น เอาให้มันดับ เจ๊ง ล้มจมกันไปเลย!

ร่างสูงผมบล์อนกำหมัดแน่น

เจซ   เวย์แลนด์ผละออกมาจากโซฟาตัวที่เค้าสาบานว่าถ้าอเล็คตื่นมาจะบ่นเพื่อนตัวเล็กในเรื่องนี้ เพราะว่าเค้าเคยบอกแล้วว่า “อย่านอนบนโซฟาตัวสีเหมือนมีราขึ้นทั้งตัวแบบนี้เด็ดขาด!....มันทำให้นายดูเหมือนคนป่วยในสะลำเลยอเล็ค”

และแน่นอน อเล็คก็นอนห่มผ้าสีสะอาดตัดกับสีโซฟาอยู่อย่างที่เจซเคยห้ามไว้

เออ....ฉันเคยห้ามไว้หนิ

แล้วทำไมฉันต้องให้เค้านอนบนโซฟานั่นต่อไปด้วยล่ะ.....โอ๊ยย เจ้าบ้าเจซเอ้ย!............คิดแล้วก็ขอยีหัวตัวอีกหนึ่งทีกับความบ้องตื่นของเค้า  แล้วร่างสูงผมบล์อนของเจซก็เดินเข้าไปดึงผ้าห่มออก ตามมาด้วยการช้อนตัวอเล็คขึ้นแนบออกอย่างเบามือที่สุด จนร่างสูงเองก็อดคิดไม่ได้ว่าอเล็คเคยตัวเล็กและเบาขนาดนี้เลยหรือ

“โอย...ถ้านายเอาหน้ามาใกล้ฉันอีกนิดเดียวฉันไม่รับรองว่าฉันจะทำอะไรนายตอนยังไม่ได้สตินะอเล็ค.....” เจซงึมงำก่อนจะยกคอขึ้นสูงอีกนิด เพื่อไม่ให้ตัวเองได้กลิ่นแชมพูอ่อนๆ บนศีรษะของอเล็ค

.........เค้าก็เคยใช้กลิ่นนี้ แต่ทำไมพออเล็คใช้กลับไม่ยักกะเหมือนกันแฮะ...........

และแล้วร่างหมดแรงของอเล็คก็ถูกวางไว้บนเตียงนุ่มสะอาดอย่างเหมาะสม  ร่างกายอ่อนแรงนั้นถูกห่มคลุมด้วยผ้าห่มผืนหนาให้ความอบอุ่น  อีกทั้งถูกวางด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นหมาดๆ บนหน้าผากที่เจซจัดหามาให้อีกต่างหาก และตอนนี้เค้าก็กำลังกอดอกนั่งไขว้ห้างอยู่บนเก้าอี้ที่เพิ่งลากมาเมื่อครู่  มอง  พิจารณาอเล็คที่นอนพักผ่อนอยู่บนเตียงอย่างเงียบๆ

สิบชั่วโมงแล้วที่อเล็คอยู่ในห้องนี้  นอนพักเพราะพิษไข้ที่เพิ่งโดนมา......ปรกติก็เป็นคนที่บอบบางอยู่แล้ว พอโดนละอองฝนนิดหน่อยบวกกับที่ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าแห้งๆ ทันทีก็เลยทำให้ป่วยแบบนี้สินะ.......

..................แล้วอะไรทำให้อเล็คตัวเปียกปอน นอนร้องไห้จนหลับไปเสียดื้อๆ แบบนี้ล่ะ?.............

หวังว่าคงจะไม่ใช่เพราะ!

เจซกำมือแน่น  และขบกรามพูดรอดไรฟันทีละคำอย่างเยือกเย็น “แม็ก - นัส - เบน” 

............ทำให้เพื่อนตัวเล็กแสนบอบบางที่น่าสงสารของเค้าต้องร้องไห้อย่างหนัก ถึงขนาดต้องหลับคาที่แบบนี้  หมอนั่นคงจะต้องพูดจาทำร้ายจิตใจอเล็คแบบไม่คิดเลยสักนิดแน่ๆ..................

..................ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนอเล็คก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของหมอนั่นแท้ๆ  แต่ทำไมตอนนี้ถึงกล้าทำนิสัยทรามๆ แบบนี้กับอเล็คได้นะ!...............

เจ้าคนถ่อย!!

เจซฟาดหมัดใส่ตักของตัวเองอย่างโมโห  และมือนั้นยังคงกำแน่นราวกับว่าไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้เค้าเย็นลงได้ นอกจากจะได้ชกหน้าไอ้หมอนั้นเข้าจังๆ สักครั้งหนึ่ง

ไอ้บ้าเอ้ย!  บัดซบที่สุด.....ถ้าฉันอยู่ที่นั่นด้วย  ฉันจะไม่ให้มันพูดกับนายสักคำเลยอเล็คฉันจะซัดหน้ามันก่อนที่จะได้อ้าปากด้วยซ้ำ!!  ไอ้บัดซบเอ้ย!  ไอ้นายแบบขายถ่าน!  ไอ้ @#$%^& */=#$@^%&* =+_=%$

แล้วคำด่าทอ  หยาบคายมากมายก็บังเกิดพรั่งพรูออกมาจากความคิดของร่างสูงผมบล์อนอย่างเจซ   เวย์แลนด์ ซึ่งอยากจะตะโกนออกมาเสียงดังๆ เสียจริงว่าเค้าคิดอยากทุบหัว  เอามีดแทง  ยกดาบจ่อ  เอาปืนจี้ แล้วเป่าขะหมองไอ้บ้านขายถ่านนั่นให้ตายไปเลยจริงๆ  แต่กลัวว่าคนป่วยที่นอนหายใจสม่ำเสมอที่อยู่ตรงหน้านี่จะตื่นเสียก่อน

เค้าเป็นห่วงอเล็คมากพอๆ กับที่โลกใบนี้จะถล่มลงมานั่นแหละน่า............

เจซรู้สึกปวดขมับตุ้บๆ จากการที่เค้าได้เค้นคำด่าสารพัด  และกลัดกลั้นความโมโห  ไม่พอใจ  เอาไว้ในจิตใจของเค้า  จนในที่สุดเค้าก็นับหนึ่งถึงสิบในใจ แล้วพรูลมหายใจออกมา  ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบว่า “หมอนั่นโชคดีที่มีนายแคร์อยู่นะอเล็ค.......ไม่งั้นฉันคงทนไม่ไหว ต้องตามไปอัดมันถึงบ้าน”

กล่าวเสร็จ  ร่างของเจซก็หยัดตัวขึ้นจนเต็มความสูง  คิดเอาไว้ว่าจะเดินออกไปหาอะไรกินและสงบสติอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลงก่อนที่เพื่อนตัวน้อยจะตื่นขึ้นมาเจอเค้าเข้า

...............เจซไม่อยากให้อเล็คเห็นเค้าอารมณ์เสีย  ไม่อยากให้เพื่อนของเค้าต้องพลอยเป็นห่วงไปด้วย.................

แต่แล้วเสียงขยับตัวภายใต้ผ้าห่มผืนหนา  และเสียงครางอื้ออึงในลำคออย่างแหบแห้งของร่างเล็กก็ทำให้เจซต้องรีบหันกลับมาแทบไม่ทัน   บนเตียงขนาดเจ็ดฟุตสำหรับหนึ่งคนนอน มีร่างที่กำลังฟื้นตัวจากนิทราและพยายามที่จะลุกขึ้นมาดูบรรยากาศโดยรอบ

แต่เค้ากลับรู้สึกเหมือนศีรษะโดนทุบ “อะ  อือ...อึก” มือเรียวเล็กยกขึ้นมากุมขมับของตัวเอง แล้วพบว่ามีผ้าผืนเล็กโปะอยู่บนหน้าผากของเค้า  อเล็คมีสีหน้าเหยเกจากความรู้สึกปวดหัวและความงุนงง

และแทบจะในทันทีที่ปริศนาของเค้าถูกคลาย “อเล็ค....เฮ้  อเล็คเป็นยังไงบ้าง” เจซเดินเข้ามาเบาๆ และเอ่ยด้วยเสียงที่เบาและนุ่มนวลกว่ามาก  เค้าลากเก้าอี้ตัวเดิมที่เพิ่งลุกออกไปเข้ามาใกล้ขอบเตียงให้มากที่สุด  แล้วหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้นั้นก่อนจะดันตัวอเล็คให้กลับลงไปนอนอย่างเดิม

“ไม่ๆๆ นายนอนพักเหมือนเดิมนั่นแหละดีแล้ว  นายป่วยอยู่นะรู้ตัวไหมอเล็ค” เจซพูดเสียงนุ่ม  ก่อนจะหยิบผ้าที่อยู่บนหน้าผากอเล็คออกมา ชุบน้ำลงในภาชนะเล็กๆ ที่วางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง  บิดจนหมาดแล้วนำกลับมาวางที่เดิม 

นิ้วมือเรียวยาวของเจซเต็มไปด้วยแหวนวงใหญ่ที่เจ้าตัวชอบใส่อยู่เป็นประจำ  มันเป็นแหวนแฟชั่นแนวพังก์ เลยทำให้เจซดูเหมือนนักล่าปีศาจผู้บูชาพังก์เป็นชีวิตจิตใจ  อเล็คเคยพูดไว้อย่างนั้นด้วยเสียงกลั้นขำ  แต่ตอนนี้กลับไม่สดใสร่างเริงเช่นเมื่อก่อนเมื่อความอ่อนล้าเข้ารุมเร้าคนตัวเล็ก

อเล็คดูงุนงงไม่น้อย “เจซ...ทำไมนาย.....” เสียงแหบพร่าของอเล็คถูกห้ามไว้ก่อนที่จะได้เอ่ยจบประโยค

“นายเพิ่งตื่น เอ้า...ดื่มน้ำก่อนสิ” เจซมีสีหน้าเรียบเฉย  เค้าแกล้งทำเป็นว่าไม่เดือดไม่ร้อนเรื่องที่ อเล็คป่วยแบบนี้เพราะแม็กนัส   เบน  และยกแก้วขึ้นพร้อมกับประคองอเล็คขึ้นมา

“นายมาอยู่นี่ได้ไงน่ะ” อเล็คที่หัวถึงหมอนอีกครั้งถามขึ้น หลังจากที่เจซวางแก้วน้ำลงที่โต๊ะข้างหัวเตียง.......เพื่อร่างสูงโปร่งผมบล์อนมองเพื่อนที่นอนป่วยอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยใจแล้วกอดอกอย่างเคยชิน

“นายน่าจะถามตัวเองก่อนนะ ว่านายเป็นแบบนี้ได้ยังไง” เจซถอนหายใจ เมื่ออเล็คซุกหน้าเข้าไปในผ้าห่ม

“....ตากฝนน่ะ” เพื่อนตัวเล็กของเจซบอกอู้อี้จากใต้ผ้าห่ม  ชายหนุ่มผมบล์อดพยายามฝืนความต้องการที่จะอ้าปากบอกไปว่า “ไม่ใช่แค่ตากฝน แต่นายไปหาเจ้าแม็กนัส   เบนมาใช่ไหม”  แต่แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปในที่สุด  เจซยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมอย่างไม่แสดงอาการ

“นายต้องพักผ่อนนะ ฉันลาคุณบีพอทท์เผื่อไปแล้ว....หนึ่งอาทิตย์” เจซบอกหน้าตาย แต่เพื่อนที่นอนป่วยอยู่กลับเด้งตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ห๊ะ! อะไรนะ....หนึ่งอาทิตย์เลยเหรอ! แล้วฉันจะ.....โธ่ เจซ....” อเล็คโอดครวญ  เค้ารู้ดีว่าเจซเป็นคนค่อนข้างเด็ดขาด และย่อมมีเหตุผลเสมอ แต่ไม่เคยถามความเห็นจากของเค้าเลยสักคำ

เจซชี้แจงถึงอาหารที่ถูกเตรียมไว้ในครัวให้อเล็คฟังและบอกว่ามันพร้อมทานเสมอเมื่ออเล็คอุ่นเสร็จ  ก่อนเจซจะส่งยาให้อเล็คทาน ซึ่งคนป่วยก็ดูเหมือนจะไม่ถูกโรคกับยาเอามากๆ  ใบหน้าของเค้าดูบิดเบี้ยวเมื่อกลืนยาลงไป เรียกรอยยิ้มเล็กๆ ของเจซได้เป็นอย่างดี

เจซจ้องหน้าอเล็คอย่างเหม่อลอยราวกับว่าจะพูดอะไรบ้างอย่าง  แต่แล้วเค้าก็ล้มเลิกความคิดนั้นซะแล้วตบหน้าขาของตัวเองเสียงดังก่อนจะลุกขึ้น เตรียมตัวกลับ

“วันนี้ฉันจะกลับก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้จะมาใหม่ตอนก่อนเข้าร้าน” หนุ่มผมบล์อนที่กำลังสะพายกระเป๋าชะงักเมื่อโดนเรียกไว้

“เดี๋ยวเจซ.....เอ่อ ขอบใจนะ” อเล็คพูดฟังดูไม่แน่ใจนัก เพราะท่าทางที่ชะงักค้างของเจซมันทำให้เค้ารู้สึกไม่กล้าขึ้นมา  เพื่อนร่างสูงโปร่งเดินกลับมาแล้วขยี้หัวอเล็คเบาๆ

“นายนอนพักซะ ถ้าอาทิตย์หนึ่งแล้วนายยังไม่หาย.....รับรองฉันทำโอทีแซงหน้านายได้แน่นอน” เจซยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องของอเล็คไป

ร่างบางเจ้าของห้องเพียงแต่รับยิ้มของเพื่อนไว้ด้วยสิ่งที่คลายยิ้มมากที่สุดแล้วนอนหลับไปด้วยฤทธิ์ยา

ด้านนอกที่หน้าประตูของอเล็ค  เจซทาบฝ่ามือลงกับบานประตูสีเขียวอ่อนอย่างเงียบๆ แล้วพิงหน้าผากตามลงไป  เค้าถอนหายใจอย่างรู้สึกเหนื่อยในความรู้สึกของตัวเอง

............เค้าอยากบอกอเล็คไปตรงๆ ว่าเค้ารู้สึกยังไง และบอกให้อเล็คเลิกยุ่งกับคนใจร้ายอย่างแม็กนัสเสียที  แต่เค้ารู้....ว่าอเล็คคงทำไม่ได้...........

.............เจซไม่ดีพอให้อเล็คคิดถึงแทนแม็สนัส.............

“ฉันรักนายอเล็ค” เค้าพูดอย่างแผ่วเบาก่อนจากประตูนั้นไป


******************************************************************************


“ฮัลโหลที่รัก.....วันนี้ผมอยากทานอาหารฝีมือคุณจัง....”

ทันทีที่วางสายโทรศัพท์ ดาราสาวก็มีสีหน้าสะพรึงทันทีเมื่อแฟนหนุ่มของเธอโทรมาแล้วบอกว่าอยากจะทานอาหารฝีมือเธอ.......เธอตอบกลับไปเสียงหวานอย่างร่าเริงเหมือนเคย  แต่ทว่าพอวางสายเสร็จเธอก็แทบอยากจะกรี๊ดร้องออกมาเสียงดังลั่น

แล้วฉันทำอาหารเป็นไหมล่ะเนี่ยยยย! แค่มีดก็ยังจับไม่เป็นเลยแล้วจะให้ฉันทำอะไรให้กินล่ะ......แม็กนัสคิดอะไรของเค้าอยู่กันนะ!!

เอลซ่าเต้นเร่าๆ กับตัวเองแล้วจิกเล็บยาวๆ เข้าเนื้อ.....จริงอย่างว่า เธอทำอาหารไม่เป็น ทำอะไรไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ..........อย่าว่าแต่ทำอาหารเลย แค่งานบ้านง่ายๆ เธอก็ขอบายซะแล้ว

แต่เมื่อหลายปีก่อนเคยมีเรื่องที่ทำให้เธอต้องประหลาดใจ  เมื่อเธอดันไปโม้ไว้ว่าตัวเองเป็นแม่ศรีเรือนที่ดีสามารถคบหากับแม็กนัสได้เลยสบายๆ (แม็กนัสเป็นพวกชอบไม่ดูแลความเป็นอยู่ของตัวเอง)

 และอยู่ๆ วันหนึ่งแม็กนัสก็โทรมาเล่นมุขและขอบคุณเธอที่ทำความสะอาดห้องพร้อมกับเตรียมอาหารเย็นไว้ให้แล้ว!

 ถ้าจะไม่รับน้ำใจก็ยังไงอยู่  ในเมื่อมันจะสามารถทำให้แม็กนัสรักเธอมากขึ้นและทำให้เธอดูเหมือนนางฟ้าไปเลย เธอจึงสวมรอยของใครก็ไม่รู้  แล้วบอกออกไปว่า..........ใช่  เธอเป็นคนทำเอง

แทบจะทุกวันที่เธอแสนมีความสุขกับความดีที่ตัวเองไม่ได้ทำ  แต่พอมาวันนี้เธอกลับต้องรู้สึกปวดหัวอย่างหนักเมื่อแม็กนัสบอกว่าอยากทานอาหารฝีมือเธอและอยากจะช่วยทำเสียด้วยซ้ำ!

“โอ้ พระเจ้า.....ฆ่าฉันดีกว่าถ้าจะให้แม็กนัสรู้เรื่องนี้” เอลซ่ายกมือขึ้นเกยหน้าผาก และแล้วความคิดสำหรับการเอาตัวรอดเฉพาะหน้าของเธอก็ผุดขึ้นมาในหัว


.


.


.


.


TBC.


---------------------------------------------------------------------------------


แล้วเอลซ่าเธอจะทำอย่างไร  แม็กนัสจะรู้ความจริงไหม  ติดตามได้ในตอนต่อไปค่ะ  ไม่นานค่ะไม่นานไรท์สัญญาเลยค่ะ เพราะ Part ต่อไปเป็นรูปเป็นร่างแล้วค่ะ 555555

เอ่อ....ต้องขอบอกก่อนเลยค่ะว่าชื่อ “เอลซ่า” เนี่ย  ไรท์ไม่ได้เอามาจากแม่หญิงเอลซ่าใน Frozen หรอกนะค่ะ ในตอนที่ไรท์เริ่มเขียนเรื่องนี้ยังไม่เข้าฉายค่ะและไรท์ชอบเอลซ่ามากกกกกกเลยค่ะ  พี่แก้มพากย์เสียงและร้องได้ขนลุกมากเลยค่ะ  ชอบบบบบบบ  ดูทุกวันอ่ะ

แต่ชื่อ “เอลซ่า” ในฟิคนี้นั้น ไรท์เอามาจากชื่อภรรยาของเฮีย “คริส  เฮมสเวิรด์” เค้าค่ะ  ดูตัวเธอจะเป็นหนามย่ออกของทอมจริงๆ เลยค่ะ //อ้าว ซะงั้น! O_o//

ติดตามความเคลื่อนไหว  และมาพูดคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้กับไรท์ได้เลยค่ะที่


รับแอดเสมอนะคะทุกคนนนน   รักรีดค่ะ........

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund





1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ลงแล้วๆๆๆๆๆๆ
รักไร้ทที่สุด