วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558

[FIC - TMI] + [Part 16] Your Heart……หัวใจนายเป็นของฉัน – Magnus x Alec



สวัสดีค่าาาา  รีดๆ ที่รักทุกท่าน  หายไปนานพอสมควรเลยค่ะไรท์เนี่ย อิๆ //ยิ้มแห้ง//  ต่อจากเมื่อ Part ที่แล้วที่แม็กนัสมาส่งอเล็คแล้วเจอเจซอยู่ในห้องนะคะ  อ๊ากกกกกกก  จะเป็นยังไงต่อนะ

แปะเฟสตามธรรมเนียมดั้งเดิมค่ะ >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<<  ยินดีรับแอดรีดทุกท่านเลยนะคะ ^^ 

ช่วงนี้ไรท์อาจหายหน้าและไม่ค่อยตอบอะไรๆ หรือรั่วซึมในเฟสเสียเท่าไรนะ  นั่นเป็นเพราะไรท์กำลังเร่งปิดเรื่องนี้อยู่นั่นเองค่ะ  งืมมมม พล็อตหลายอย่างหลายฉากมากเลยค่ะ  ไรท์นี่จดเป็นรายการเลยค่ะ ฮ่า – ฮ่า – ฮาาา  //หัวเราะแห้งมาก// ง่าาา อยากจะให้เสร็จเร็วๆ จังเลยค่ะ......//ตื่นเต้นเอง 555//

อย่ากวนเวลาให้ช้าที  กระนั้นแล้วรีดๆ ก็ไปอ่านกันเลยค่าาา //ช่วงนี้ติดพระนเรศวร -..- // + //เขียนฟิคฮอลลีวู้ด แต่ติดพระนเรศวรไม่ผิดชิมิเคอะ  ผู้พันเบิร์ดเท่มากกกกกกกกก >< //


----------------------------------------------------------------------------------------


และพวกเค้าทั้งคู่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อเจอเจซนั่งอยู่ในห้อง


.


.


*******************************************************************


ทันทีที่เห็นว่าอเล็คมากับใคร เจซก็ยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว  ดวงตาสีอ่อนเฉียบคมมองสำรวจไปที่เสื้อแขนยาวสีสดใสที่ร่างบางใส่อยู่(ซึ่งมันเป็นของแม็กนัส) และคนอย่างอเล็คก็ไม่ได้ชอบใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันแบบนี้เสียด้วย.....เจซตรอง

  แต่ถึงยังไงร่างกายของอเล็คที่ถึงแม้จะมีเสื้อผ้าปกปิดกายแล้วแต่ก็ยังไม่มิดนัก  ไหนจะยังร่องรอยอันแสนจะเด่นชัดที่ต้นคอขาวราวกับสำลีนั่นอีกล่ะ........เจซไม่แน่ใจ  ถึงจะคอยมองโลกในแง่ร้ายมาโดยตลอด   แต่เค้าก็ไม่อยากคิดเข้าข้างแม็กนัสหรอกนะ  ดังนั้นร่างสูงผมบล์อนจึงมองข้ามร่องรอยนั้นไปอย่างผิวเผิน

ดังนั้นตอนนี้ร่างสูงของนายเวย์แลนด์จึงยังไม่ทันได้สรุปสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้สังเกตเห็นเพราะยังไม่ค่อยแน่ใจนัก  แต่ที่รู้ๆ ตอนนี้ทันทีที่ แม็กนัส   เบน ปรากฏตัวอยู่ข้างอเล็คที่วันนี้ไม่ได้ไปเข้างานและขาดการติดต่อกับเค้าไปโดยสิ้นเชิงจนกระทั่งเลิกงานนั้น  เจซ   เวย์แลนด์ก็พุ่งตรงเข้าไปผลักและชกแม็กนัสเข้าอย่างเต็มแรง  จนร่างสูงสะโอดสะองที่ยังไม่ทันได้รู้ตัวอีกตามเคยนั้น ต้องกระเด็นออกไปกระแทกกับประตูของห้องฝั่งตรงข้ามเต็มๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เข้ามาส่งอเล็คในห้องเลยเสียด้วยซ้ำ

ผั๊วะ!

โครมม!

ทันทีที่เหวี่ยงหมัดใส่ไปโดยไม่ต้องเล็งนานนัก  ร่างของแม็กนัสก็กระเด็นล้มลงไปกองกับมุมประตูของห้องฝั่งตรงข้าม  แม็กนัสนิ่งค้าง อ้าแขนออกเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ แต่ไม่นานนักเมื่อจำความได้ว่าเป็นเจซ  เค้าก็แจ่มแจ้ง........หากเป็นในเวลาปรกติ แม็กนัส   เบน คงจะไม่ยอมให้ใครต่อยเค้าฟรีๆ แบบนี้เป็นแน่ เค้าจะต้องรีบดีดตัวขึ้นมาตอบแทนมันสักหมัดอย่างแน่นอน  แต่ทว่าเรื่องเลวร้ายที่เค้าเพิ่งทำลงไปมันทำให้แม็กนัสสลดลงไปไม่น้อยเลย  ร่างสูงสะโอดสะองจึงทำได้แค่เพียงนั่งมองหน้าเจซอย่างไม่เอาเรื่องอยู่กับพื้น

แก....แม็กนัส   เบน!” ร่างสูงผมบล์อนของเจซคำรามออกมาอย่างเดือดดาลและเน้นเสียงอย่างโกรธแค้นในคำหลัง  กำปั้นถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง  หนุ่มผมบล์อนผู้เดือดดาลกำลังจะเข้าไปต่อยอีก  แต่แล้วเค้าก็ต้องชะงักเมื่อโดนรั้งแขนแข็งแรงไว้

“เจซอย่า  ได้โปรด!” ร่างบางผิวขาวผู้อ่อนแรงร่ำร้องขณะที่เกี่ยวแขนที่ยกขึ้นของชายหนุ่มผมบล์อนเอาไว้

เจซชะงักในทันใด  หันหน้ากลับมามองอเล็คราวกับว่าไม่เข้าใจ  แต่แท้ที่จริงแล้วนั้นเป็นเพราะว่าเค้าเข้าใจ.....เข้าใจว่าทำไมอเล็คถึงห้ามเค้าไว้  แววเดือดดาลยังคงฉายอยู่บนใบหน้าของเจซ

ร่างสูงผมบล์อนลดมือลงแล้ว  แต่อารมณ์ยังฉุนเฉียวไม่หาย  หันทั้งตัวมาพูดกับอเล็คเสียงห้วน “ทำไมนายจะต้องปกป้องมันด้วย!” เค้าระบายออกมาอย่างหมดความอดทน และฉุนขึ้นอีกเมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางที่อ่อนแรงของเพื่อนตัวน้อย......เจซอารมณ์ฉุนเฉียวจนไม่ทันได้สังเกตมากนัก

เมื่อเจซพูดจบ  อเล็คไม่ได้เอ่ยคำใด  เพราะถึงไม่พูดเจซก็คงจะรู้แก่ใจอยู่แล้วว่าทำไม  อเล็คก้มหน้าไม่ยอมตอบ และไม่ได้หันหน้าไปมองแม็กนัสเลยแม้แต่น้อย  ร่างสูงสะโอดสะองปวดใจเมื่อเพื่อนตัวน้อยทำตัวห่างเหิน........อเล็คไม่อยากจะเห็นหน้าเค้าแล้วใช่ไหม?

เพื่อนตัวน้อยของชายหนุ่มทั้งสองรู้สึกระส่ำระส่ายภายใต้เสื้อแขนยาวตัวหนานุ่มของเพื่อนร่างสูงผิวสีแทน  อเล็คอาศัยความใหญ่ของเสื้อปกปิดร่องรอยที่แม็กนัสทำไว้ และร่างบางรู้สึกโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่ฮูดของเสื้อช่วยปกปิดผิวกายบริเวณช่วงคอของเค้าเอาไว้  มือขาวๆ อันสันเทาของเค้าหดอยู่ในแขนเสื้อ

แต่ทว่ามือเรี่ยวสวยอันบอบบางก็แอบเกาะชายเสื้อยืดแนวอีโมพังค์ของเจซไว้  เพื่อบอกเป็นนัยว่าอย่าทำอะไรแม็กนัสนะ..........เรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นเสียงดังพอสมควร  แต่เพื่อนร่วมอาร์พาร์ทเมนท์ของอเล็คไม่มีใครโผล่หัวออกมาดูเลยสักคน

ร่างบางผู้เป็นเจ้าของห้องที่นี่ซึ่งเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่พูดไม่จา  กับอีกคนที่เฝ้ามองหน้าที่ก้มต่ำลงไปอย่างเค้นหาคำตอบ  และบุรุษคนสุดท้ายที่มองเห็นมือบอบบางเกาะชายเสื้ออีกคนหนึ่งอยู่ด้วยเจตนาดี แต่ทว่าเค้ากลับเข้าใจผิด  แม็กนัสชักสีหน้าบ้างแล้วลุกขึ้นจนเต็มความสูงด้วยความเร็ว

“แกน่ะนั่งลงไปเลย” เจซปากเสีย  มักจะหาเรื่องให้ตัวเองเพราะฝีปากเสมอ  และครั้งนี้แม็กนัสผู้เริ่มฉุนคิดจะเข้ามาต่อยเค้าจริงๆ แต่ก็หยุดไปเลยเมื่อเห็นไหล่อเล็คกระตุก..........บางทีวันนี้เจ้าโย่งผมบล์อนนี่อาจจะยังไม่สมควรโดนเค้าต่อย

............พอแล้วสำหรับเรื่องน่าตื่นเต้นของอเล็คในวันนี้............

ร่างสูงสะโอดสะองทำท่าจะขอตัวกลับคอนโดไปเพราะไม่อยากอยู่.....รั้งแต่จะทำให้อเล็คเสียความรู้สึกไปเปล่าๆ  แต่แล้วก็กลับเป็นเจซเสียเองที่ชิงพูดขึ้นเสียก่อน

เฮ้  นี่นาย.....บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่าที่อเล็คหายไปวันนี้น่ะเพราะนายใช่ไหม” เจซยิงคำถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม  ในใจเค้าอยากจะเรียกแม็กนัสว่า ไอ้นายแบบบ้านขายถ่านมากกว่า ด้วยอัธยาศัยที่ไม่อยากจะญาติดีด้วยเท่าไรนัก

แม็กนัสส่งสายตาไปลอบมองอเล็คเล็กน้อย แล้วตอบไปอย่างไม่ยินดียินร้าย  แต่ติดจะไม่ชอบใจเสียมากกว่า “ใช่  เป็นเพราะฉันเอง”

“นายพาอเล็คไปไหนมา” เจซขยับเข้าไปหาอย่างคุกคาม  แต่โดนอเล็ครั้งไว้

“มันไม่ใช่เรื่องของนาย” แม็กนัสบอกปัด  โทนเสียงเค้าฟังดูราบเรียบ และสะใจเล็กๆ ที่เจซต้องการคำตอบจากเค้า  ซึ่งแม็กนัสไม่ตอบ  ร่างสูงสะโอดสะองที่มีรอยช้ำตรงมุมปากเหยียดยิ้มขึ้น พร้อมกับคิ้วเข้มที่กระตุกขึ้นอย่างรู้สึกได้ชัย

“แกจะหาเรื่องฉันอีกทีใช่ไหม” เจซทำท่าจะเดินหน้าเข้าไปอีก  ฝีเท้ายามเมื่อกระทบพื้นเสียงนั้นฟังดูหนักมาก  ร่างสูงผมบล์อนไม่สนใจมารยาทเล็กน้อยที่เค้าอุตส่าห์เจียดมันให้กับแม็กนัสเพียงเพราะเค้าเห็นแก่หน้าอเล็คอีกแล้ว

และแม็กนัสเองก็ไม่ได้ถอยไปไหน  กลับเอ่ยอย่างใจเย็น “แต่ก็เป็นนายเองที่เริ่มก่อนทุกทีไม่ใช่หรือไง” แม็กนัสว่า และเจซก็ต้องชะงักลงไปในทันที..........อเล็คไม่รู้เรื่องที่เค้าต่อยแม็กนัสในตรอกวันนั้น

แต่กระนั้นร่างสูงผู้อารมณ์ร้ายอยู่เป็นนิจก็ไม่ยอมแพ้  เจซจึงเปลี่ยนประเด็น  นิ้วเรียวยาวที่มีแหวนวงใหญ่ประดับนิ้วไม่เหมือนใครชี้ใส่หน้าแม็กนัสอย่างเอาเรื่อง

“ฟังไว้นะ....อย่างนายน่ะ  มันหมดโอกาสไปตั้งนานแล้ว  นายไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้อเล็ค  ไม่มีสิทธิ์......ฉันรู้ ว่าคนเกือบทั้งประเทศอยากจะได้ใกล้ชิดนาย  แต่อเล็คก็ไม่ควรจะได้เจอนายอีก  ไม่ควรจะได้นึกถึงนายเลยด้วยซ้ำ เพราะอะไรรู้ไหม  ก็เพราะว่านายน่ะมันน่าสมเพสแล้วก็เฮงซวยที่สุดไง....รู้ไว้ซะ   นายน่ะมัมหน้าไม่อายที่ทำอเล็คร้องไห้”

ยิ่งพูด อารมณ์เค้าก็ยิ่งเดือดพล่าน  เจซคิดจะเข้าไปประชิดตัวแม็กนัสจริงๆ แต่ก็โดนอเล็คกระตุกชายเสื้อไว้ “เจซ...” อเล็คกระซิบอยู่ด้านหลังของชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง  ใบหน้าของอเล็คโดนผมปรกหน้าปิดบังจนเกือบหมดจึงไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ตอนนี้ร่างบางกำลังแสดงสีหน้าออกมาเช่นไร

แต่เจซก็ยอมหยุดในทันใด  เพราะความลืมตัวของเค้ากำลังจะทำให้เพื่อนตัวน้อยคนนี้กลับมารู้สึกแย่อีกครั้งหนึ่ง

“ไสหัวไปซะ แม็กนัส   เบน แล้วอย่าเสนอหน้ามาที่นี่อีก” หนุ่มผมบล์อนพูดรอดไรฟัน  แม็กนัสมองหน้าท้าทายกลับไป  แต่ไม่มีปากเสียงใดๆ เพิ่มเติมอีก  ร่างสูงสะโอดสะองรู้สึกเจ็บแปลบไม่น้อยที่ถูกประเมินด้วยข้อเท็จจริงนั้นอย่างถ่องแท้.........และใช่  มันจริงทั้งหมด

แม็กนัสสูดหายใจเข้าเล็กน้อย  ทำท่าจะกลับออกไปจริงๆ แต่แล้วก็กลับเป็นเจซเสียเองที่ทนความโมโหของตัวเองไม่ไหว พูดห้วนๆ ว่าจะกลับแล้วสะบัดผมสีอ่อนของตัวเองหันหลังกลับไป

............เหตูผลก็เพราะไม่อยากให้อเล็ครู้สึกแย่อีกนั่นแหละ  เหตุผลทั้งหลายทั้งแหล่ของสองหนุ่มนี้ก็ดูเหมือนจะหนีไม่พ้นเพื่ออเล็คทั้งสิ้น...............

แม็กนัสมองตามหลังเจซที่ไม่อยากระเบิดอารมณ์ซัดกระจายต่อหน้าอเล็ค วิ่งลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว  บันไดไม้เก่าๆ ส่งเสียงดังง่อนแง่นประท้วงเจซที่วิ่งกระทืบมันแรงเกินไป  แต่เพียงครู่เดียวเสียงนั้นก็หายไป  แล้วบ่งบอกว่าคนที่ขี้หงุดหงิดที่สุดได้จากไปแล้ว  ที่ตรงนั้นจึงเหลือไว้เพียงแต่แม็กนัสและอเล็คเพียงเท่านั้น...........

และร่างสูงที่ได้รอยช้ำเพิ่มก็รู้สึกตัวเป็นคนแรก แม็กนัสขยับตัวอย่างอึดอัดเมื่ออยู่เพียงลำพังกับอเล็ค  “ฉันว่านายเข้าไปพักดีกว่านะวันนี้คง.....ไม่มีใครมากวนนายแล้วล่ะ” แม็กนัสว่าพลางมองหน้าอเล็คแวบหนึ่ง........ร่างสูงพูดเป็นเชิงเตือนกับตัวเองว่าเพื่อนตัวน้อยคงจะไม่อยากเจอหน้าเค้าแล้ว

“นายเข้าไปเถอะ เดี๋ยวจะช่วย....” แม็กนัสว่า พลางจะเข้าไปใกล้อเล็ค แต่ว่าอีกคนหนึ่งกลับถอยห่างเค้าและเสี้ยววินาที แม็กนัสเห็นเพื่อนของเค้าตัวสั่น............

พลันคำพูดนั้นของร่างสูงก็ถูกกัดกร่อนหายไปราวกับถูกน้ำกรดสาด อเล็คถอยหนีเค้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  นั่นมันชัดเจนแล้วใช่ไหม

“ขะ ขอบใจแม็กนัส แต่ไม่ดีกว่า......กลับ ดีๆ นะ” ร่างบางว่าเสียงกล้าๆ กลัวๆ ฟังดูอ้อมแอ้มในตอนท้าย  ถอยหลังไม่มองหน้าแม็กนัสก่อนจะปิดประตูลงเสียงค่อนข้างดัง  และนั่นเป็นเพราะอเล็คยังคงสะเทือนใจไม่หาย

แม็กนัสรู้สึกเหมือนโดนกระแทกประตูใส่หน้า  ใจเค้าเริ่มชาเห่อ  และพาตัวเองกลับไปอย่างที่ควรจะเป็น.......ก็แหงล่ะ  เค้าทำอะไรไม่ได้แล้วหนิ  อเล็คดูจะดูแลตัวเองได้แต่ก็ยังไม่น่าไว้ใจที่สุดสำหรับแม็กนัสอยู่ดี..........ใช่  เค้าเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด

และเมื่อร่างสูงสะโอดสะองของเพื่อนที่ทำให้ร่างกายพร้อมทั้งจิตใจบอบช้ำไม่น้อย กลับไปแล้ว  อเล็คก็ทรุดตัวลงกับบานประตูแล้วกอดตัวเอง.......และครั้งนี้เค้าหนาวจับขั้วหัวใจ

ถึงแม้จะปลอบใจตัวเองและทำอย่างนี้มาหลายครั้งแล้ว  แต่อเล็คก็ไม่เคยรู้สึกหนาวจับใจขนาดนี้มาก่อน  หรือบางทีอาจเป็นเพราะเค้ารู้ว่าจะไม่มีคนที่สามารถปกป้องเค้าได้แล้วก็เป็นได้

.........อเล็ครู้สึกเหมือนเดียวดายมากกว่าเมื่อก่อน............


***************************************************************************************


อู่ว์ ชุดนี้ดีไหมนะ......โอ๊ะ  ไม่สิ ชุดสีนี้พร้อมสายรัดถุงน่องนี่แหละดูดีที่สุดแล้ว  งั้นก็เอาชุดนี้ล่ะกัน

ฉันคิดในขณะที่กำลังใส่ชุดชั้นในสุดเซ็กซี่ที่เพิ่งเลือกเสร็จอยู่  ฉันสวมทับด้วยกระโปรงเดรสสีเขียวอมฟ้ายาวถึงตาตุ่มแอบซ่อนเก๋ด้วยลูกไม่ตรงชายกระโปรงและแถบกระดุมปกเสื้อ

โอ้  ให้ตายเถอะ วันนี้ฉันดูสวยจริงๆ

ฉันซ่อนตัวจริงของตัวเองเอาไว้ภายใต้ลุคอันอ่อนหวานที่ผู้คนต่างมองว่าฉันเป็นอย่างนั้น 

ฮ่ะ! จะไม่ให้สวยได้ยังไงล่ะ  ก็วันนี้มันเป็นวันสำคัญของฉันนี่นา.......สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้  ฉันกำลังจะไปหาแม็กนัสและร่ำร้องอยากดื่มไวน์อย่างที่ได้ว่าเอาไว้กับเจ้าน้องชายผู้มากแผนการกันอย่างดิบดี  อืมม  ตรงไหนนะ...อ่อใช่  ตรงมุมห้องรับแขก  มิคาเอลจะบันทึกภาพจากที่นั่นและเอาภาพความรักอันร้อนแรงของฉันกับแม็กนัสไปว่อนลงเน็ต  และพอเป็นข่าว....ที่นี้พ่อยอดรักของฉันจะหนีไปไหนได้!

ไม่มีทาง.....ไม่มีทางที่จะเป็นอื่นไปมากกว่านี้อีกแล้ว  ไม่ว่าจะเป็นยังไง  ทุกอย่างก็ต้องลงเอยด้วยการแต่งงานของเรา  ฉันกำลังจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก

ฉันอดไม่ได้ที่จะระบายเสียงหัวเราะออกมาอย่างสมใจ  รอยยิ้มเคลือบลิปสติกสีแดงพีชสดสวยสะท้อนอยู่ต่อหน้าฉัน  ริมฝีปากอันสวยงามนั้นเป็นของฉันเองและมันกำลังเหยียดยิ้มอย่างพอใจในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

แม็กนัสที่รัก.....คุณจะได้รักฉันไปตลอดกาลแน่นอน และไม่ว่ายังไงเราก็จะไม่แยกออกจากกันนะคะ  คุณดัง......ฉันก็ต้องดัง

ฉันคว้ากระเป๋าใบหวานเข้ากับชุดแล้วเดินทางไปหาแม็กนัส  ฉันโทรไปหาเค้า ถามเค้าว่าอยู่ที่ไหนและฉันกำลังไปหาเพราะมีเรื่องกลุ้มไม่สบายใจ  เค้าตอบกลับมาอย่างเรียบง่าย........แน่นอนคุณไม่มีวันปฏิเสธฉันอยู่แล้ว หึๆ

ฉันเหยียดยิ้มออกมาอย่างสุขใจ และโปรยมันให้กับปาปารัสซี่ที่แอบถ่ายอยู่อย่างโจ่งแจ้ง......เฮอะ  ถ้าจะถือกล้องแบบนั้นไม่ห้อยป้ายนักข่าวกลอสซิปมาด้วยเลยล่ะ  ฉันทำเป็นมองไม่เห็นก่อนหน้านั้น ก่อนจะทำหน้าเป็นเพิ่งจะสะดุดตาแล้วส่งยิ้มกลับไป

มันเปลี่ยนเป็นยิ้มอันอ่อนหวานในที่สุด  เมื่อพวกเค้ามองว่าฉันเป็นสาวเรียบร้อยและอ่อนหวาน............ใช่  นั่นแน่นอนอยู่แล้ว  พวกเค้ามองว่าฉันเป็นคนดี เป็นดาราที่อยู่ในกฎระเบียบเสมอ พวกเค้าเลยสนับสนุนฉัน  แต่ว่ามันยังไม่พอ  ตอนนี้ฉันอยากเป็นที่รู้จักมากกว่านี้อีก  ประสบการณ์ชีวิตสอนให้ฉันทะเยอทะยาน  เมื่อก่อนครอบครัวของฉันอยู่อย่างอดอยากมากแค่ไหน  ฉันจำได้

และฉันจะไม่มีวันกลับไปเป็นแบบนั้นอีก  ไม่มีทางเด็ดขาด!

ถ้าฉันดัง  ยังไงก็ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นแน่นอนอยู่แล้ว  และแม็กนัสช่วยฉันได้ เค้าจะทำให้ฉันพลอยดังไปด้วยเมื่อเราแต่งงานกัน  เอเจนซี่ของเค้าเคยเอ่ยปากเอาไว้ว่าอย่างนั้น...............

และในที่สุดฉันก็มาถึง  ฉันลงจากรถ  โปรยยิ้มให้คนอื่นๆ อย่างเป็นมิตรแม้ฉันจะไม่ชอบนักก็ตามเถอะ  จะทำไปทำไมในเมื่อมันแลกออกมาเป็นเงินไม่ได้ ให้ตายเถอะ!

แต่ฉันก็เลิกสนใจและเลิกคิดเรื่องนั้นเมื่อเข้ามมาในลิฟต์  สีหน้าฉันบิดเบี้ยวทันที.......มันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งล่ะ เวลาที่ฉันต้องทำอะไรที่ไม่อยากทำ  อยากจะเดินผ่านไปเฉยๆ เสียอย่างนั้นแต่ว่าก็ทำไม่ได้ ฉันต้องเล่นละครเอาไว้  ก็ โอ้.....นั่นมันเรื่องถนัดของฉันเลยนี่นา  และฉันก็จะได้ใช้มันมากกว่านี้อีกกับแม็กนัสที่รออยู่บนห้อง 

บานลิฟต์เปิดออกพร้อมกับที่ฉันแทรกตัวออกไป  สูดหายใจเข้าเล็กน้อยแล้วปั้นหน้าเสียใหม่.......

“เฮ้ หวัดดีค่ะ” ฉันพูด ริมฝีปากยิ้มน้อยๆ พลางยกไหล่  เมื่อแม็กนัสเปิดประตูให้ฉัน  สีหน้าเค้าดูเหมือนเพิ่งตื่นและ........

“โอ้พระเจ้า! นั่นหน้าคุณไปโดนอะไรมาคะ!?” ฉันอุทานเสียงดังมากกว่าความตกใจของตัวเองเล็กน้อย  เพื่อให้แม็กนัสรู้สึกว่าฉันเป็นห่วงเค้ามากที่สุด

แต่แม็กนัสไม่ได้ตอบฉันว่ามุมปากของเค้าไปโดนอะไรมา และทักทายฉันเพียงไม่กี่คำ  ซึ่งฉันก็ไม่ได้ติดใจอะไรนักกับท่าทีทะลึ่งทะเล้นที่อยู่ๆ ก็หายไปของเค้า  เพราะมีเรื่องที่สำคัญมากกว่านั้นต้องให้ทำ........เค้าเชิญฉันเข้าไปในห้อง  ฉันเข้าไปแล้วนั่งแช่อยู่ที่โซฟาสีม่วงประหลาดๆ ของเค้าที่ฉันคิดไม่ชอบใจอยู่หลายครั้ง แต่ไม่ได้พูดออกไป  ตอนนั่งลงฉันได้กลิ่นเหมือนมีอะไรไหม้ๆ ลอยมากจากตรงระเบียงด้านนอก

แต่แล้วแม็กนัสที่เดินไปเดินมาก็ถามฉันขึ้น “คุณมีธุระอะไรเหรอเอลซ่า?” เค้าพูดฟังดูเสียมารยาทสุดๆ ไปเลย

“โธ่....ที่รัก ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะคะ  คนเป็นแฟนจะมาหากันไม่ได้เลยหรือยังไงกัน” ใช่  คุณเป็นแฟนฉันนะ  อย่าพูดอะไรแบบนั้นอีกเป็นอันขาด!

ฉันเก็บอาการฉุนขาดนิดๆ ไว้ในใจ ในขณะที่แม็กนัสปฏิเสธน้อยๆ ...........วันนี้เค้าดูเหมือนแปลกไปมาก  ไม่มีชีวิตชีวา หรือเหมือนทุกทีที่ผ่านมา  แต่ตอนนี้ฉันไม่สนใจแล้ว  สายรัดถุงน่องใต้กระโปรงฉันตึงเปรี๊ยะ

“คุณดูไม่ดีเลยมีอะไรหรือเปล่าคะ” ฉันถามออกไป  แม็กนัสทำหน้าเหมือนโดนตบเล็กน้อยก่อนจะจ้องหน้าฉัน แล้วส่ายหัวน้อยๆ

“ไม่....ไม่มีอะไรครับ”

เป็นอะไรของเค้ากันนะ  แต่ก็ช่างเถอะ.........

ฉันเลิกสนใจท่าทางเหมือนสะเทือนใจอะไรบางอย่างของเค้าซะ  แล้วลุกขึ้นมา  อ้อมไปทางด้านหลังของแม็กนัส  ใช้ปลายเล็บลูบต้นคอเค้า

“ถ้างั้น  ฉันว่าเรามาดื่นกันสักหน่อยดีกว่า  ไวน์ชั้นดีอาจจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้” ว่าจบฉันก็ผละออกจากเค้าในทันที แล้วเดินไปที่ห้องครัว 

“เอลซ่า  แต่ว่า.....” แม็กนัสร้องเรียกแต่ฉันไม่ฟัง

และถึงแม้เค้าจะบอกว่าไม่อยากก็สายไปเสียแล้ว  ฉันมาถถึงส่นในสุดของห้องครัว  จับบานตู้เปิดออกจากกันอย่างรวดเร็ว  แต่สิ่งที่ฉันพบกลับเป็นความว่างเปล่า!

“ไวน์ ยี่ห้อ Shiras อยู่ในตู้ชั้นในสุด  ในรายการฉันระบุไว้ว่าอย่างนั้นพนักงานจะเอามันไว้ที่นั่น  ถึงเวลาพี่จะเปิดดั๊มเมื่อไหร่ก็ได้เลย.....แต่เอลซ่า แค่จิบเดียวนะ  แค่นั้นก็พอ”

มิคาเอลบอกฉันไว้ว่าอย่างนั้นหนิ  แล้วทำไม!......ทำไมมันถึงไม่มี

หรือว่าแม็กนัสดื่มไปแล้ว  บ้าน่า!

ฉันหน้าเสีย  เสียวสันหลังวาบในขณะที่รู้สึกว่าในห้องนี้เงียบไป  แม็กนัสไม่ได้พูดและไม่ได้ทำอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ

นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย! ไวน์ขวดนั้นหายไปไหน!

ฉันแทบจะกรีดร้องออกมา  แต่ก็ฝืนมันไว้แล้วค่อยๆ หันหลังกลับมา  และทันทีที่ฉันเห็นแม็กนัสยืนอยู่ข้างหลังฉัน  โอ้ พระเจ้า! ฉันแทบจะร้องออกมาอย่างตกใจไปแล้ว  เค้าเดินมาตั้งแต่เมื่อไรกัน?  แล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย

ฉันกระพริบตา เลี่ยงสายตาที่จ้องมองมาเล็กน้อย “เอ่อ...มีอะไรเหรอคะแม็ก...”

“ผมไม่เคยบอกคุณเรื่องนั้น” เค้าเอ่ยในที่สุด  ฉันรีบหันควับกลับมามองเค้าอย่างลืมตัว  แต่ก็ตีหน้าใสซื่อพร้อมกับกระพริบตามองเค้าปริบๆ

“เรื่องอะไรหรือคะ?”

“เรื่องไวน์นั้น” เค้าพูดเสียงเรียบ และมันฟังดูเปลี่ยนไปที่สุด

และกลายเป็นว่าฉันขุดหลุมฝังตัวเองบัดซบเอ้ย!!

“ฮ่ะ” ฉันทำสายตาเหมือนล้อเลียนเค้า  แต่ที่จริงกำลังแสร้งทำเป็นว่าฉันไม่รู้ว่าเค้าพูดถึงเรื่องอะไรต่างหาก  ฉันก้าวถอยออกมา  เบี่ยงออกไปทางประตูซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก......ท่าไม่ดี หากอยู่ต่ออีกหน่อยเค้าจะต้องต้อนฉันจนจนมุมแน่ๆ  ฉันคงต้องถอยซะแล้ว  บ้าเอ๊ย!

“ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดถึงเรื่องอะไรนะคะ.....ถะ ถ้าคุณไม่อยากดื่ม งั้นฉันคงต้องไปท่องบทต่อแล้วล่ะ  ถ้าฉันจะแอบอู้สักนิดหนึ่งไม่ได้” ฉันแฝงความนัยว่ากำลังตัดพ้อเค้าอยู่ในท้ายประโยค  แต่แม็กนัสก็ไม่ได้สนใจมันเลยแม้แต่น้อย  ฉันมองหน้าเค้าเล็กน้อย เห็นแม็กนัสทำหน้าไม่เข้าใจใส่ฉัน

“คุณรู้ได้ยังว่าผมมีไวน์อยู่....”

และไม่ต้องรอให้เค้าพูดจบเลย ฉันทำเป็นไม่ได้ยินที่เค้าพูด  หมุนตัวเดินหันหลังเปิดประตูออกไปโดยที่เค้ายังพูดไม่ทันจบเสียด้วยซ้ำ  ฉันจ้ำอ้าว  เสียงสันสูงกระทบพื้นกระชั้นถี่  ฉันกดแป้นลิฟต์อย่างรีบร้อน จะลงบันไดทางหนีไฟไปด้วยซ้ำถ้าหากมันเปิดไม่เร็วดังใจฉัน  พอบานลิฟต์เปิดฉันก็ก้าวเข้าไปทันที  ฉันล้วงเอามือถือขึ้นมา  กระแทกนิ้วกดเบอร์ๆ หนึ่งแล้วโทรออกไป

มิคาเอล! ไหนแกบอกว่ามันอยู่ในนั้นไง แล้วมันหายไปได้ยังไง ฉันไปหาทำไมถึงไม่มี!

“อะไร! เจ๊พูดเรื่องอะไร  หาไวน์ไม่เจองั้นเหรอ” เจ้าน้องบ้าพูดจาชวนประสาทเสียกับฉัน แต่ฉันไม่มีอารมณ์มาเล่นด้วย  หมอนั่นตะคอกใส่ฉันว่า อะไร เพราะฉันตวาดใส่ไปก่อน  ก่อนมิคาเอลจะเปลี่ยนเป็นเสียงราบเรียบในคำถัดมา.........เจ้าบ้านี่ดูไม่เดือดไม่ร้อนอะไรกับฉันเลย

ฉันระเบิดเสียงไม่ได้ดั่งใจ “มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงกัน!” ฉันรู้สึกเลยว่าใบหน้าตัวเองบิดเบี้ยวเพราะความโมโหและความกลัว........กลัวว่าแม็กนัสจะจับได้ และรู้ว่าตลอดมาทั้งหมดฉันสร้างภาพว่าเป็นคนดีใช้หลอกเค้าว่าฉันเป็นนางฟ้า

“ผมจะดูให้” มิคาเอลตอบรับสั้นๆ ก่อนฉันจะได้ยินเสียงเคาะแป้นของเค้าอีกครั้ง แล้วสายฉันก็โดนตัดไป

เวรเอ๊ย! ให้มันได้อย่างนี้สิ!

ฉันกอดอกตัวเองอย่างกลัดกลุ้ม


.


.


.


TBC.


-----------------------------------------------------------------------------------------------


อ๊ากกกกก  นังเอลซ่าาาา! //กรีดร้อง// เธอแย่แล้วล่ะ 55555 //ด้วยความสะใจ// 5555  น้องชายเธอก็ยังทำเหมือนไม่เดือดไม่ร้อนกะเธอเลยอ่ะ  เพี้ยงงง ขอให้แม็กนัสมันฉลาดด้วยเถิดดด  สาธุ ---  ขอให้หมอนี่ตาสว่างสักทีด้วยเถอะค่ะ  จะได้เห็นกงจักรเป็นกงจักรเสียที 55555 //สะใจอีกหนึ่งยก//

อร้ายยยยยย  แม็กนัสจะหายโง่ไหนนะ แล้วมิคาเอลจะบอกอะไรกับอเลซ่า  ติดตามได้ใน Part หน้านะค่ะ ><

ไรท์รู้สึกตัวเองมึนจุง  ขอตัวไปจูนสมองก่อนนะคะ 5555  รักรีดทุกท่านมากเลยค่าา

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund




ไม่มีความคิดเห็น: