สวัสดีค่ะ........อร้ายยยยยยยย
ได้กลับมาแล้วคิดถึงรีดจังเลยค่าาาาา >//< !!! แฟนๆ MaLec คงจะลืมกันไปแล้วแหงเลย 5555 ทำไมนังนี่ถึงได้หายไปนานนัก แฮ่ะๆ
ไรท์หายไปเตรียมการอะไรหลายอย่างสำหรับการแจกการ์ดขอบคุณครั้งแรกของไรท์น่ะค่ะ.....มีของแถมที่น่าจะชอบกัน
^^
เดี๋ยว! เดี๋ยว
กลับมาก่อนๆๆๆ ผิดเรื่องแล้ว Ray - Aund ไหนบอกจะมาลงฟิค MaLec
ไง RonalSi โผล่มาจากไหนยะ! >{}< 5555555 Sorry ค่าาาา
มาถึง Part นี้แล้วไรท์ล่ะเริ่มจะเจ็บหัวใจนิสๆ
แล้วค่ะ.....แม็กนัสอย่าทำให้รู้สึกตามไปด้วยได้ป่ะขอร้อง แบบว่า...อร้าย! จิสปอยล์ ต้องไปอ่านเองค่ะ
>< แต่ว่า Part นี้ต่อจาก Part
16 หรือ Part ที่แล้วเลยค่ะ ท่านใดที่ลืมแล้วกลับไปอ่านใหม่ด้วยนะคะ
เดี๋ยวจะหาว่าไรท์ไม่เตือน.......อารมณ์จะไม่ต่อเนื่องเอาค่ะ
//ที่หลังก็อย่าลงช้าสิยะ -_-“....รีดพูด// 55555
ไร้สาระจริงเลยไรท์ เอาล่ะค่ะ ไปอ่านกันเลยค่าาาา >0< !!
--------------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อสามชั่วโมงที่แล้วทันทีที่กลับมาถึงห้อง แม็กนัสก็จัดการรื้อผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มออกมาและใช้มันห่อของทุกสิ่งทุกอย่างที่เค้าเคยใช้กับอเล็คเมื่อคืนนี้ซึ่งมันกองเรียงรายอยู่บนเตียง เค้าโยนมันใส่ถังขยะสแตนเลสใบใหญ่ที่สุด แล้วยกมันออกไปนอกระเบียงก่อนจะจุดไฟเผา
สายลมอ่อนๆ ในเมืองพัดกลิ่นไหม้บางส่วนเข้ามาในห้อง แต่แม็กนัสไม่สนใจ ร่างสูงสะโอดสะองหยิบซองบุหรี่ที่มีคนซื้อให้ขึ้นมาสูบ แล้วเค้าก็นึกถึงอเล็คอีก
“สูบบุหรี่มันไม่ดีนะแม็กนัส.....เหม็นจะตาย ฉันไม่ชอบเลย”
อเล็คเคยเปรยไว้ว่าอย่างนั้นหลังจากที่แม็กนัสลองสูบบุหรี่ตัวแรกของชีวิต
และเค้าก็ตัดสินใจจะไม่แตะมันอีกเลย.........แม้กระทั่งตอนที่เครียดที่สุดอย่างตอนนี้
แม็กนัสก็ยังทำใจที่จะสูบมันอีกไม่ได้
ร่างสูงสะโอดสะองที่อยู่ในสภาวะตึงเครียดจัด นั่งกุมขมับตัวเองอยู่บนขอบเก้าอี้ในขณะที่กริ่งหน้าประตูดังขึ้น แม็กนัสหันสีหน้าไม่สู่ดีไปทางประตูนั้นและยอมลุกขึ้นไปเปิดมันในที่สุด และปรากฏว่าเป็นเอลซ่าที่ทำหน้าร่าเริงอยู่ตรงหน้าประตูห้องเค้า แม็กนัสเชิญเข้ามาและไม่มีกะใจจะตอบคำถามเล็กๆ
น้อยๆ ของเธอ ก่อนเธอจะทำตัวแปลกๆ
.................
.............ใช่ แปลกมาก............
“คุณรู้ได้ยังว่าผมมีไวน์อยู่....”
แม็กนัสพูดได้แค่นั้น ก่อนแฟนสาวของเค้าจะขอตัวกลับออกไปเสียดื้อๆ แม็กนัสหน้าชาเหมือนโดนตบ ไม่ใช่เพราะเธอทำท่าเหมือนจะโกรธเค้า แต่เป็นเพราะเอลซ่ารู้ได้ยังไงว่าเค้ามีไวน์อยู่ ทั้งๆ ที่เค้าเองก็ไม่ชอบดื่มมัน............
ขมับเค้าเต้นตุ้บ และมันทำให้ร่างสูงรู้สึกปวดหัวมากยิ่งขึ้น
............อะไรกัน จะบอกว่าเอลซ่ามีส่วนทำให้ไวน์ขวดนั้นเข้ามาอยู่ที่นี้อย่างนั้นเหรอ ไม่จริงน่า คนอย่างเอลซ่าน่ะเหรอ จะเป็นคนทำ.............
แม็กนัสนั่งนิ่งบนเก้าอี้ ไม่มีคำพูดใดหลุดรอดออกมาจากปากของเค้า เป็นเพราะร่างสูงกำลังคิด......คิดว่ามันมีความเป็นไปได้มากแค่ไหนที่เอลซ่าจะเป็นคนทำเรื่องนี้
แต่ความจริงมันชัดเจนอยู่แล้ว ไม่มีข้อแก้ตัวไหนที่แม็กนัสจะเอามาหักล้างได้ เอลซ่า......เธอดูจะรู้ดีว่ามีอะไรอยู่ในตู้เก็บเหล้าของเค้า
เธอเป็นคนทำให้เรื่องเมื่อคืนนี้เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เค้าทำเรื่องเลวร้ายกับอเล็ค.........หรือบางทีเธออาจจะอยากเป็นอเล็คเสียเอง แต่มันไม่เป็นไปตามอย่างที่เธอคิด...........แม็กนัสปวดหัวตึบ
แฟนสาวที่เค้าคิดว่าอ่อนหวานที่สุดและเพรียบพร้อมที่สุดกำลังจะกลายเป็นคนที่ฉีกทุกความสุขของเค้าให้พังทลายลง..........ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอเล็ค ทุกอย่างที่เค้าเป็นมาตลอด แม็กนัสคนนี้จะไม่มีสิทธิ์ได้รับมันอีกแล้ว ไม่มีทาง
............เอลซ่ากำลังทำให้ความสัมพันธ์ของแม็กนัสกับเพื่อนสนิทของเค้าต้องจบลงไป ทั้งๆ ที่ร่างสูงเองก็เพิ่งจะรู้สึกว่ามันมีบางสิ่งบางอย่างกำลังจะก่อตัวขึ้นระหว่างเค้ากับอเล็ค..............
บางสิ่งบางอย่างที่เค้าเข้าใจเพียงผิวเผิน แม้แต่ตัวเค้าเองก็ยังมองไม่เห็นมันเลยด้วย แต่อเล็คฉลาดและอ่อนโยนกว่าเค้ามาก เลยเก็บงำความรู้สึกที่แม็กนัสไม่เข้าใจนั้นไว้ตลอดมา.............
“นี่ฉันทำอะไรลงไป” แม็กนัสกระซิบ
และรู้สึกเหมือนน้ำตาสายหนึ่งไหลอาบแก้ม
**************************************************************************
“เรื่องเฮงซวย.......คีย์การ์ดก็เฮงซวย!
เป็นบ้าอะไรกันไปหมดยะเนี่ยย!!” นักแสดงสาวกดด่าและกระแทกคีย์การ์ดตัวเองเข้ากับแป้นรูดแต่ทว่ากลับเป็นเล็บยาวๆ
ของเธอเสียเองที่เสียหลัก
เอลซ่าหน้าเบ้แล้วกรีดร้องออกมาในที่สุด..........เธอสุดจะกลั้นแล้ว
....................ตอนนี้เธอดูเหมือนนางร้ายที่ดูน่ากลัวมากกว่าคนที่แสดงบทนางร้ายที่เล่นกับเธอมารวมกันซะอีก
เสียงกรี๊ดของเธอทำเอาขนพองสยองเกล้า..............
“ให้มันได้อย่างนี้สิ!
ฉันเกลียด...เกลียดอะไรก็ตามที่มันทำให้แผนวันนี้ของฉันเจ้งไม่เป็นท่า!” นักแสดงสาวแทบจะฉีกกระโปรงตัวเอง หากประตูของเธอไม่เด้งออกมาเสียก่อน เอลซ่าตกใจแต่ก็ผลักประตูออกไปแล้วกระแทกปิดไว้อย่างหาที่ระบายอารมณ์ ภายในที่พักของเธอเงียบและมืดมาก เหตุเป็นเพราะก่อนออกไปหญิงสาวได้ปิดม่านไว้ทุกจุด........เธอไม่ชอบแสงที่สาดเข้ามาในห้องนัก มันทำให้เธอรู้สึกแย่เพราะว่าโลกดูสวยเกินไป
เอลซ่าปิดไฟและกระแทกก้นลงบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ก่อนเธอจะโดนผลักจนเซถลาเกือบล้ม
“ว้ายย!”
“เอลซ่าอย่านั่งทับผม”
เสียงหนึ่งดังขึ้น จนหญิงสาวที่เกือบทำหน้าเสีย
เปลี่ยนมาเป็นตบเอาเข้าที่ไหล่ของผู้มาใหม่
“มิคาเอล! แกทำอะไร เข้ามาเงียบๆ........นี่ที่ของฉันนะ!” เอลซ่ายืนขึ้น
และมิคาเอลเห็นเธอแทบดิ้นไประหว่างพูด
คนผู้น้องป้องปากหาว
“อันที่จริงผมมารอพี่อยู่ตั้งนานแล้วล่ะ ตอนที่....เอ่อ พี่ไปทำอะไรตามประสาสาวๆ ของพี่นั่นแหละ ถามจริงเสียแผนขนาดนั้นแล้วพี่ยังมีกะใจกลับบ้านช้าอีกเหรอ”
มิคาเอลทำหน้าหน่ายโลก
“แกอย่ามาย้อน! ฉันต่างหากที่จะต้องเล่นแก ไอ้น้องบ้า....ไหนแกบอกว่ามันอยู่ที่นั้นไง ไอ้ไวน์เสร็งเคร็งขวดนั้นน่ะ!” เอลซ่าชี้นิ้วไปด้านนอกอย่างเดือดดาลและตัวสั่นเมื่อนึกถึงสีหน้าที่แม็กนัสมองเธอก่อนออกมา
“พี่จะมาว่าของๆ ผมไม่ได้ ก็เป็นพี่เองหนิที่ทำตัวเสร็งเคร็งไมได้เรื่องน่ะ.....อุตส่าห์จะเอาตัวเองไปประเคนให้เค้าถึงที่แล้วแต่ก็พลาดโอกาสไป จุ๊ๆๆ ไม่เอาน่าเอลซ่า อย่าร้องไห้” ชายหนุ่มที่นั่งไขว้ห่างอยู่บนเก้าอี้นวมสีครีมทำท่าจุ๊ปากใส่พี่สาวของตนเอง............มิคาเอลมีความสุขเสมอที่ได้ล้อเลียนเอลซ่า และเค้าดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนเลยที่เอลซ่ากำลังจะถูกจับได้ ก็เค้าไม่ได้เสนอหน้าไปกับเธอด้วยหนิ
จะกลัวอะไร?
แต่ใช่ว่า สีหน้าของมิคาเอลตอนนี้จะฉายแววออกมาว่ารู้สึกดี
“แกว่าฉันเสนอตัว.....ร่านเหรอ!?”
“พอเถอะเอลซ่า ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อทะเลาะกับพี่อีก.....” มิคาเอลยกมือขึ้นปรามทั้งพี่สาวและทั้งตัวเองด้วย.............เพราะแบบนี้ไง
เค้าจึงเลือกที่จะไม่เจอหน้าแล้วหมกตัวอยู่ในรูหนู วนเวียนอยู่กับสิ่งที่เค้ารักและหลงไหล แต่ชายหนุ่มใส่เสื้อยืดแบบเด็กมัธยมปลายก็เก็บความอยากที่จะพูดคำว่า
“แล้วมันไม่จริงหรือไง” ไว้ในใจ ก่อนจะหยิบกระดาษชุดหนึ่งขึ้นมา
โยนมันลงบนโต๊ะรับแขกเตี้ยๆ ด้านหน้า ปึกกระดาษบางๆ กระจายออกจากกันเล็กน้อย
“ผมหามาให้แล้ว” มิคาเอลพูด ฟังดูเหมือนเค้าเป็นข้าทาสคอยรับใช้เอลซ่าแต่ไม่ใช่เลย.....เค้าก็แค่รำคาญถ้าหากไม่มีคำตอบให้เธอได้หยุดโวยวายเสียทีก็เท่านั้น
และเอลซ่าก็ตาลุกวาว หญิงสาวก้าวเดินเข้าไป เธอนั่งลงแล้วหยิบแผ่นแรกขึ้นมาดู มือของเธอสั่นเพราะความรู้สึกหลายอย่าง........มันเป็นตารางเวลาของคนที่เข้าออก และกระดาษอีกหลายใบเป็นรูปภาพ
มิคาเอลพูดเนิบๆ “ฐานข้อมูลของโรงแรมบอกผมว่า
มีคนเข้ามาพบ แม็กนัส เบน ของพี่เมื่อคืนนี้ เวลาประมาณทุ่มสี่สิบ และ ใช่....นั่นคือภาพ ไม่
ไม่ใช่อันนั้น
อย่าหยิบออกไปก่อนสิเอลซ่า พี่นี่ซื่อบื่อจริง....เออ อันนั้นล่ะ
เค้าเป็นเด็กผู้ชาย” คนเป็นน้องเอ่ยเสียงเริ่มฉุนเฉียว เอลซ่าเลื่อนดูภาพที่มิคาเอลดึงเอามาจากกล้องวงจรปิดของคอมโดแม็กนัส
เธอเห็นภาพที่หน้าประตูของแม็กนัส........ใช่ จริงๆ ด้วย
เป็นเด็กผู้ชายผมสีดำขลับ
ผิวขาวจนเกือบซีด และเอลซ่าก็รู้สึกคุ้นเอามากๆ
แต่เธอนึกไม่ออก นักแสดงสาวเลื่อนกระดาษดูภาพต่อไป และเธอก็ต้องเบนสายตากลับไปโฟกัสใหม่ เมื่อภาพในห้องแม็กนัสที่เธอเห็นนั่นมัน..........
ไม่จริง!
ไม่จริงน่า......เอลซ่าคิดในใจพลางจ้องตาแทบถลน
“ใช่ เค้ามีเซ็กซ์กัน” มิคาเอลเอ่ยขึ้น ตอกย้ำความจริงเหมือนอ่านใจพี่สาวของตัวเองออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“มันเป็นใครกัน แล้วทำไมแม็กนัสถึง....” เอลซ่าเริ่มแผดเสียง
แต่แล้วก็ต้องชะงักไปราวกับคนพูดไม่คิด.......ก็ใช่น่ะสิ เพราะไวน์ขวดนั้นอย่างไรเหล่าที่ทำให้เรื่องบ้าๆ
แบบนั้นเกิดขึ้นได้
ผู้เป็นน้องส่งกระดาษที่มีรายละเอียดอะไรบ้างอย่างให้พี่สาว
แล้วฉวยรูปที่มีเพียงสองสามรูปกลับมากระแทกใส่โต๊ะ มิคาเอลลุกขึ้นแล้วเดินวนไปรอบๆ อย่างช้าๆ ราวกับว่าเค้าเป็นวิทยากรพิเศษในชั้นเรียน
“เค้าชื่อ อเล็ค ไลต์วู้ด ใช่ ผมรู้เค้าดูเหมือนเด็กมากๆ เลย เค้าอายุ 24 ปี เป็นลูกชายคนแรกของแมรีสและโรเบิร์ต ไลต์วู้ด
มีน้องสองคน หญิงชายอย่าละหนึ่ง.....จบ การบริหารมาจากมหาลัยเดียวกับที่รักของพี่ พวกเค้าเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ขึ้นประถมใหม่ๆ
จนกระทั่งตอนนี้......ปัจจุบัน เค้าทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านลาเฟ่ต์เล็กๆ ในย่านที่เร่งรีบที่สุดในเมืองและดูจะเป็นที่ชื่นชอบที่สุดในบรรดาลูกค้าอีกด้วย”
มิคาเอลเค้นเสียง “ผมตกอะไรไปไหม?” และตวัดหางตาไปมองพี่สาวผู้จ้องรูปของอเล็คเขม็งไม่วางตา
...........เอลซ่ามือแข็งค้าง ที่แท้ก็ไอ้เจ้าเด็กเมื่อวานซืนที่คอยเกาะแกะแม็กนัสอยู่ตลอดเวลานี่เอง คอยเข้ามาจุ้นจ้านเวลาของเธอกับแม็กนัส เป็นมารคอหอยชั้นดีและเป็นมารหัวใจไม่ยอมเลิกรา!.........
เอลซ่าจ้องรูปของอเล็คเขม็ง
และเผลอขยำมันด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองที่สุดเกินจะบรรยาย แต่แล้วมิคาเอลก็หยิกมือของพี่สาวแล้วกระชากระดาษกลับมา
“พี่นิสัยเสียใหญ่แล้วเอลซ่า...”
มิคาเอลปรามแล้วคลี่กระดาษของตัวเองให้เรียบเหมือนเดิม......เค้าหวงของๆ ตัวเองมากๆ........
“....โว้ว ใจเย็นสิ
นี่ของผม” ร่างสูงของชายหนุ่มหันข้าง
ทำให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาแต่ออกร้ายในอีกมุมหนึ่ง “ผมรู้พี่คงจะ...” เค้ากลอกตาขึ้นฟ้าแล้วยักไหล่
“.....ปรี๊ด ปรอทแตกเลยใช่ไหม”
“มันมีสิทธิ์มากเกินไป” เอลซ่ากำหมัดแน่นและกัดฟันกรอด เล็บที่เธอเพิ่งไปทำมาจิกลงไปบนเนื้อนิ่ม.........ไอ้เด็กนี่มันเป็นใครมีดีมาจากไหนกัน ทำให้แม็กนัสถึงต้องมีอารมณ์พิศวาสกับมันด้วย รึจะต้องโทษพระเจ้าเฮงซวยที่ทำให้มันไปหาแม็กนัสในเวลาที่ประจวบเหมาะและทำให้เรื่องทั้งหมดกลายเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเธอจะชวดจับแม็กนัสอย่างเดียวหรอกนะ แต่เอลซ่ายังโดนอีกคนหนึ่งสงสัยไปเต็มๆ เลยอีกด้วย........
“ฉันทนไม่ได้ที่จะเห็นมันมีความสุข
หลังจากที่มันได้นอนกับแม็กนัสที่ควรจะเป็นของฉันมากกว่า!” นักแสดงสาวแผดเสียงและโบกไม้โบกมือไปทั่ว
“อย่าพาลสิเอลซ่า พี่นิสัยเสียอีกแล้วนะ”
ผู้จัดการส่วนตัวของเธอปราม และเริ่มจะเหลืออดแล้วกับนิสัยที่พี่สาวชอบเลียนแบบมาจากแม่ที่เค้ารู้สึกไม่ชอบยิ่งกว่ามาก
แต่พี่สาวที่โดนความอิจฉาริษยาครอบงำก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้นอีกต่อไปแล้ว
“ฉันอยากให้มันเสียใจ อยากให้มันอยู่ห่างจากแม็กนัสของฉัน และไม่มีความสุขอีกเลยตลอดกาล.....”
แล้วหญิงสาวก็พูดบางอย่างที่ทำให้น้องชายของเธอต้องรู้สึกขัดใจ
มิคาเอลชักสีหน้า เค้ากอดอกนั่งบนที่ท้าวแขนโซฟาประจันหน้ากับพี่สาว
และชูแขนขึ้นข้างหนึ่งอย่างท้วงประเด็น “ผมไม่ชอบไอเดียพี่เลย
หมายถึง...พี่กำลังทำให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่รู้สึกแย่ไปเลยนะ”
และใช่ เค้าไม่เห็นด้วยเอาเสียเลย........
“แต่ฉันอยากให้มันเป็นอย่างนั้น
เป็นอย่างที่ฉันต้องการและแกก็ไม่ได้เสียผลประโยชน์เลยหนิเจ้าน้องชาย แกควรจะได้ประโยชน์เสียด้วยซ้ำ.....พอถึงเวลานั้นแล้วแกจะทำยังไงก็ได้”
เอลซ่าว่าเสียงเย็น และพูดถึงข้อเสนอที่มิคาเอลเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็จริง.........
“ผมทำเรื่องชั่วก็เพราะพี่บอกให้ทำหรอกนะ”
เค้าว่า ก่อนจะโดนพี่สาวตวาดใส่อีกรอบ
************************************************************************
และในทางด้านของอเล็คที่น่าสงสาร................
ร่างบางไม่ได้ออกไปไหนเลย เอาแต่เก็บตัวอยู่ไหนห้องทั้งวัน แม้ว่าจะไม่มีใครที่เค้าต้องการอยากจะหลบหน้าอยู่แถวนี้ก็ตาม...........แต่อเล็คก็บอบช้ำเกินกว่าที่จะออกไปสูดอากาศข้างนอกแล้ว
เค้ารู้สึกเจ็บและหนาวอย่างประหลาด.........อเล็คนอนขดอยู่บนโซฟาเดี่ยวตัวยาวที่เค้าคิดว่าเพียงแค่จะนั่งพักในตอนแรกเท่านั้น
แต่ตอนนี้กลับนอนกอดตัวเองอยู่บนนั้นและไม่ได้ขยับไปไหนอีกเลย อเล็คกดจมูกลงกับแขนเสื้อของแม็กนัสที่เจ้าตัวสวมอยู่ ในตอนแรกร่างบางคิดจะถอดมันออก แต่ว่าเค้าก็กลับไม่ได้ทำแบบนั้น.......อเล็คเหนื่อยเหลือเกิน เค้าไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นและหลับไปในที่สุด
จนกระทั่งเป็นเวลาค่ำแล้ว โทรศัพท์ของเค้าก็ดังขึ้น เจซโทรมาถามว่าอเล็คเป็นอย่างไรบ้าง
และเพื่อนตัวน้อยก็บอกว่าไม่เป็นไร เค้าโอเคอยู่ท่าเดียว.........แต่ใช่ว่าอเล็คจะเคยชนะเจซ ในตอนที่อเล็คหลุดปากบอกร่างสูงผมบล์อนออกไปว่าอยากพักผ่อนแล้วเพราะรู้สึกปวดหัว
“นายตัวร้อนรึเปล่าอเล็ค”
“อืม ฉัน...”
อเล็คอยากจะดีปากตัวเองเสียให้ได้นัก หลังจากที่เค้าเผลอตอบไปแบบนั้นและเจซก็สั่งห้ามเค้าไปทำงานจนกลัวจะหายป่วยรอบสอง
“แต่คุณบีพอทท์ต้องบ่นฉันแน่ๆ เลยนะ”
ร่างบางเริ่มงอแงจะกลับไปทำงาน
และเจซสาบานว่าถึงจะต้องพังร้านเค้าก็จะลางานให้อเล็คให้ได้ แค่คุณบีพอทท์ก็ทำอะไรเค้าไม่ได้หรอก
ยกเว้นซะแต่ไล่ออกน่ะนะ (แต่ชายเจ้าของร้านก็ไม่กล้าพอ
เพราะพ่อของเจซเป็นคนมีหน้ามีตา)
“สาววัน....ฉันให้นายสามวันอเล็ค ถ้านายยังไม่หายฉันจะไปดูแลนายเอง ตอนนี้บ้านฉันค่อนข้างยุ่งนิดหน่อย ยัยน้องสาวขี้สำออยของฉันกำลังจะทำบ้านแตกและฉันไม่เข้าใจทำไมทุกคนจะต้องคอยโอ๋เธอด้วย แค่นี้ก่อนนะ......ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะอเล็ค ถ้าว่างแล้วฉันจะไปหานาย”
แต่เจซก็ไม่เคยมาเลยตลอดสามวันที่เค้าได้ให้เวลาไว้ เป็นเพราะยุ่งมากทั้งที่ทำงานและที่บ้าน แต่อเล็คก็ไม่ได้ว่าอะไร มีอยู่ครั้งหนึ่งร่างบางเคยคิดว่าถ้าแม็กนัสโทรมาจะเป็นยังไงนะ โทรมาถามเค้าว่าเป็นอย่างไรบ้างอเล็ค? เหมือนกับเจซ
ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้วแม็กนัสติดจะไม่กล้าโทรมามากกว่า
ร่างสูงสะโอดสะองรู้สึกผิดเกินไปที่จะคิดว่าอเล็คอยากคุยกับเค้า
แต่ทว่าไม่ใช่ว่าไม่เป็นห่วง........
ในขณะที่องค์รักนาม เจซ เวย์แลนด์ กำลังตัวปั่นอยู่กับการหาเงินส่งตัวเองเรียนซึ่งเค้าเถียงหัวชนฝาว่าจะไม่ใช้เงินของพ่อเด็ดขาด
และกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับน้องสาวที่ไม่รู้ไปกินยาบ้ามาจากที่ไหนนั้น ไม่ว่างมาดูแลอเล็ค แม็กนัส
เบน ก็นั่งแทบไม่ติดเก้าอี้
ร่างสูงสะโอดสะองปัดแคนเซิร์นงานทั้งหลายกับผู้จัดการไปจนกว่าเค้าจะพร้อม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคืบแคลงเรื่องแฟนสาวของตัวเองและคิดถึงเป็นห่วงแต่อเล็ค...........
แม็กนัสมาหาอเล็คที่อาร์พาร์ทเมนท์ทุกวัน แต่ไม่ได้ขึ้นไปเพราะเค้านึกถึงภาพที่อเล็คตัวสั่นใส่เค้า
และถอยห่างเมื่อเค้าเข้าไปใกล้
เพราะฉะนั้นคงจะไม่มีประโยชน์อะไรถ้าจะไปให้อเล็คเห็นหน้า เค้าทำให้อเล็คผิดหวังและเสียใจ..........
แม็กนัสจะมาที่นี่สามครั้งต่อวัน
หรือบางวันอาจมากกว่านั้น
บางทีอาจอยู่ทั้งวันเลยด้วยซ้ำไป
ร่างสูงสะโอดสะองเป็นซี้กับผู้ดูแลอาร์พาร์ทเมนท์ไปโดยปริยายเสียแล้ว
เมื่อเค้าไว่วานให้ผู้ดูแลร่างอ้วนเอาอาหารแต่ละมื้อขึ้นไปให้อเล็คได้ โดยอ้างว่าเธอเป็นห่วงอเล็คมาก และทุกครั้งที่เธอกลับลงมารายงานแม็กนัสด้วยสีหน้าคลั่งไคล่นายแบบหนุ่มว่าอเล็คเป็นอย่างไร ร่างสูงก็หน้าเสียไปเลย
ในใจแม็กนัสอยากขึ้นไป อยากพบอเล็คมากเหลือเกิน........เค้าจะรอให้คนดูแลลงมาบอกเค้าว่าอเล็คยอมทานอาหารแล้วถึงจะวางใจแล้วกลับคอนโดไปได้
“อเล็คป่วยด้วยล่ะ
เห็นหน้าตาเค้าดูไม่ดีเลย” หญิงร่างไม่ผอมเพรียวบอกกับเค้า แม็กนัสเลยกระวีกระวาดมากกว่าเป็นสองเท่า ครั้งถัดมาร่างสูงฝากยาขึ้นไปด้วยและยังคงไม่วางใจหากยังไม่เห็นอเล็คจริงๆ
แต่อเล็คจะร้องไห้ถ้าเห็นเค้า..........
“นายเป็นยังไงบ้างอเล็ค...”
แม็กนัสรำพึงกับตัวเองอยู่บ่อยครั้ง
และทำหน้าเจ็บปวดใจอย่างที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่าแสดงสีหน้าออกมาชัดเจนขนาดไหน
ในเวลาสามวัน มันช่างนานชั่วกับชั่วกัลป์สำหรับแม็กนัส วันนี้เป็นอีกวันที่ร่างสูงสะโอดสะองหัวใจล่องลอยไปไกล เค้ามาที่เดิมแต่กลับไม่พบกับผู้ดูแลที่ชื่นชอบผลงานของเค้ายิ่งกว่าอะไรดี จนกระทั่งร่างสูงหันไปเจอโน้ตที่ถูกแปะเตือนไว้
‘ขอโทษนะจ๊ะ ฉันต้องออกไปเฝ้าพี่สาวที่ผ่าตัดนิ่วฉุกเฉิน....’
แน่นอนเธอฝากถึงแม็กนัส และร่างสูงก็ถึงกับต้องกลืนน้ำลายเอือกไปเลย งั้นหมายความว่าเค้าก็ต้องขึ้นไปหาอเล็คด้วยตัวเองสินะ แม็กนัสชั่งใจ.........นี่ก็มื้อสุดท้ายของวันนี้แล้ว แค่เคาะประตู แล้ววางของไว้ก็คงจะไม่เป็นไรหรอกมั่ง
เดี๋ยวอเล็คก็คงจะรู้เอง.....แม็กนัสคิดในใจ เป็นเพราะเค้าไม่อยากให้อเล็คเห็นหน้าเค้านั่นเอง
..........แต่มันก็ดูแย่ไปเสียหน่อย
ถ้าหากไม่ดูแลกันเลย
เค้าทำให้อเล็คเจ็บ.........
แต่มันก็ยากนะ.......แม็กนัสจำเป็นต้องฝืนห้ามความอยากที่จะเจอหน้าอเล็ค
เพราะถ้าเค้าดึงดันที่จะทำแบบนั้นแล้วล่ะก็หมายถึงการตอกย้ำความเจ็บปวดให้อเล็ค และเพื่อนตัวน้อยของเค้าก็คงจะต้องร้องไห้ออกมาแน่ๆ
...........แม็กนัสอาจจะไม่ใช่คนที่อบอุ่นสำหรับอเล็คซะแล้ว...........
นายแบบหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบกับความรู้สึกที่เค้าเองก็ไม่เคยพบเจอ และไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังทำเหมือนเพื่อนตัวน้อยซึ่งนอนขดตัวอยู่ในห้อง
เมื่อครั้งที่เจ้าตัวต้องโกหกว่าเอากาแฟจากคนที่ร้านมาให้ แต่จริงๆ แล้วก็เป็นสิ่งที่อเล็คตั้งใจจะเอามาให้แม็กนัสเอง เหมือนกับตอนนี้แต่ทว่ากลับกลายเป็นอีกคนหนึ่งเสียเอง................
ร่างสูงสะโอดสะองที่แต่งตัวเรียบง่ายราวกับว่าไม่ต้องการให้ผู้อื่นสังเกตเห็นเค้า
เดินมาถึงหน้าห้องของเพื่อนตัวน้อยในที่สุด แต่แล้วจู่ๆ เค้าก็รู้สึกเหมือนโดนแช่แข็งไปทั่วทั้งตัวและตบตีกับความคิดของตัวเอง
..............อเล็คจะเป็นอย่างไรบ้างนะ?...........
.............ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้เห็นอเล็คอีกเลย............
................นายน่าจะเข้าไปแม็กนัส อเล็คกำลังป่วยและบาดเจ็บ...............
...............เค้าหนาว
และต้องการนาย.............
..............ไม่ ไม่ใช่หรอก
อเล็คไม่ต้องการแบบนั้น อเล็คกลัวนาย............
..............เค้าเกลียดนายแล้ว............
เดจาวูเวอร์ชั่นหวนกลับ
และแม็กนัสก็ได้รับรู้ถึงสิ่งที่อเล็คเคยรู้สึก......ว่าความกลัวที่จะถูกปฏิเสธนั้นเป็นเช่นไร
............ใช่ แม็กนัสรู้สึกแล้ว เพียงแต่ไม่อาจรู้ได้เท่านั้นว่าเพื่อนตัวน้อยของเค้านั้นเคยใจเต้นระส่ำแค่ไหนเมื่อยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องของเค้า
เหมือนที่แม็กนัสเองก็ทำอยู่ตอนนี้
อเล็ค......และแม็กนัสเลือกที่จะเคาะประตูในที่สุด
.
.
.
TBC.
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
แม็กนัสรู้สึกแล้วสินะว่าอเล็คเคยเป็นยังไงในตอนที่ต้องไปยืนทำตากลมๆ
อยู่หน้าห้องนายน่ะ! -{}- ใจตุ่มๆ ต่อมๆ เลยล่ะสิ ฮ่ะ! //เหมือนไรท์ประกาศตัวเป็นศัตรูแบบโจ่งแจ้งเลยค่ะ
-..- // ไหนตอนแรกใครบอกว่ารู้สึกตาม
แต่ตอนนี้ไหงมาก่อบังเกอร์จะรบด้วยซะงั้น -..-“ 55555 แต่ถึงไงนายก็เป็นพระเอกนะแม็กนัส เป็นข่าวเกาเหลากันหน่อยจะเป็นไรไป รีดๆ เค้าเข้าข้างนายอยู่แล้ว เป็นพระเอก หล่อด้วยหนิ ถึงจะโง่มานานมากก็เหอะ 5555
//สักพักโดนสายฟ้าช็อตใส่...เอิ่ม
ไม่ใช่ คนละเรื่องล่ะ -..-“ ไม่ใช่ TMI จริงๆ
ซะหน่อย//
แต่ว่า อร้ายยยยยยย แม็กนัสทำยังไงต่อล่ะค่ะนี่
เคาะประตูไปแล้วอะไรจะเกิดขึ้นมาหลังจากนั้นเอ่ย?
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือเอลซ่าผู้บงการน้องชายค่ะ เธอจะให้น้องชายทำอะไร และอเล็คผู้มุ้งมิ้งของเราจะโดนอะไรบ้างนะ
*0* ชั่วร้ายยยยย เอลซ่าขี้อิจฉานิสัยไม่ดีเลยยยย มิคาเอลยังมีความเป็นมนุษย์ศิลธรรมและความชั่งใจนึกถึงคนอื่นมากกว่าเลย เฮอะ--!
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปติดตามได้ใน
Part หน้าเลยค่ะ
^^
และสำหรับท่านใดที่อยากพูดคุยกับไรท์หรือว่าติดตามข่าวคราวของฟิคคู่ต่างๆ
ที่ไรท์เขียนนั้น ตามาเป็นเพื่อนกับไรท์ได้ในเฟสเลยค่ะที่ >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<< จิ้มได้เลยค่ะ
^^
และที่สำคัญที่สุดเลยค่ะ รีดทุกท่านกรุณาแสดงตัวด้วยค่ะว่าท่านติ่งวาย
มิฉะนั้นไรท์อาจไม่รับได้ค่ะ เพราะว่าหลายคนเคยหลงเข้ามาขอเป็นเพื่อนกะไรท์ คือไรท์ไม่อยากให้เค้าใจแตกน่ะค่ะ 5555 และอยากให้แน่ใจว่าไม่มีใครหลงเข้ามา รบกวนขอความกรุณารีดทุกท่านช่วยแสดงตัวด้วยนะคะ
แนะนำตัวในโพสต์หรือในแชทก็ได้ค่ะ....ไรท์จะรีบรับทันทีเลยค่ะ ^^ ขอบคุณค่ะ
รักรีดทุกๆ ท่านมากๆ
เลยค่ะ อย่าลืมเม้นท์ๆ กันนะคะ ไรท์จะได้มีกะลังใจเขียนให้เสร็จจริงๆ สักที
//ยิ้มทั้งน้ำตา// TUT จะได้ลงอีกไวๆ ด้วย ฮาาาาาา
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
1 ความคิดเห็น:
ไรท์คะ...เอลซ่าเนี่ยะ...เธอเป็นนางมารกลับชาติมา้กิดหรือคะโอ๊ยนางนี่ //หยาบคาย// แม็กนัสนายควรจะรู้ตัวได้แล้วอย่าพึ่งงมโข่งยุ...สงสารอเล็ค..
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นรีดขอบอกเลยว่าสะใจยัยเอลซ่ามากและชอบประโยค"ใช่ เค้ามีเซ็กส์กันนน" สะใจอย่างบอกไม่ถูกคะเหมือนตอกย้ำๆๆ
#สุดท้ายนะคะรีดขอให้ไรท์เปลี่ยนพื้นหลังนิดหนึ่งได้ไหมคะ...รีดอ่านแล้วลายตามากเลยคะ ด้วยรักและหวังดีคะไม่ได้มีเจตนาทำให้ไรท์เฟลหรือเสียความรู้สึกอย่างใดคะ
แสดงความคิดเห็น