จัดไปอย่าให้เสีย Ray - Aund! ว่างยาวแล้วก็ลงมันถี่ๆ เลย 555555
อุ่ย......สวัสดีค่ะ รีดๆ ทุกท่าน M_ _M วันนี้ไรท์เปิดตัวแบบบ้าคลั่งค่ะ
55555 //เหมือสติแตกจนหลุดไปแล้ว -*- //
วันนี้พอว่างไรท์ก็รีบแล่นมาลงเลยค่ะ
55555 อูยยยย อิตาเบนเริ่มทำคะแนนแล้วค่ะ >//<!! อ่าาาาา พยายามเข้าทาเคชิ!
นายจะต้องทำด้ายยยยยย //เข้าโหมดให้กำลังใจ// +
//ไหนตอนแรกยังสาปแช่งอยู่เลย
โดนแม็กนัสเสกสายฟ้าฟาดใส่อยู่บ่อยๆ หนิ -..- //
5555555 แต่เรื่องนั้นมันเป็นแค่อดีตค่ะ.....ลบมันไป
//ปัดทิ้ง// เอาเป็นว่าตอนนี้เรามาลุ้นกันต่อดีกว่าค่ะ ว่าแม็กนัสจะฝ่า(?)ด่านแม่ของอเล็คไปได้ไหม ไปอ่านกันเลยค่าาาาา >///<
----------------------------------------------------------------------------------------
“ผมไม่ได้ทำเพื่อคุณ......ไม่ได้ทำเพื่อใครทั้งนั้น”
“แต่ผมทำเพื่ออเล็ค”
.
.
**********************************************************************
.
.
ร่างบางชะงักและสายตาไหววูบโดยไม่รู้ตัว
คราวนี้ร่างสูงหันมาพูดกับหญิงแก่ที่หัวรั้นจะเอานู่นเอานี่อย่างเดียวบ้าง
“ผมบอกแล้ว เค้าจะไม่จ่ายให้คุณ” ว่าอย่างได้ชัยที่ได้เหนือกว่า
ก่อนจะดึงตัวอเล็คออกไปจากจุดนั้น
ตรงไปที่รถคันหรูราคาแพงมหาศาลที่เครื่องยังไม่ทันได้หายร้อนดี
ซึ่งจอดรอท่าเอาไว้แล้ว
เพื่อนร่างบางที่โดนพาไปไร้แรงต้านทาน
อเล็คมองหน้าแม่กับน้องชายอย่างหาคำอธิบายไม่ได้กับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น.......เค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม็กนัสคิดอะไรอยู่กันแน่ และพอรู้ตัวอีกทีเค้าก็กำลังโดนดันเข้าไปในตัวรถอย่างอ่อนโยนเสียแล้ว แม็กนัสดันอเล็คเข้าไป
ร่างบางก็พาซื่อไม่ขัดขืน ทำตามนั้นอย่างว่าง่าย ดังที่เคยเป็นมา
แม็กนัสหันกลับมากล่าว
“และก็อย่างที่ผมบอกคุณไปแล้วนั่นแหละ....ว่าคุณจะไม่ได้อะไรจากอเล็คอีกแล้ว
ซึ่งเงินก้อนนี้เพียงพอแล้วที่จะให้คุณเริ่มต้นใหม่ ผมคิดว่าผมรู้ว่าบัญชีรายจ่ายของพวกคุณส่วนใหญ่เสียไปกับอะไรนะ
และผมรู้ว่าเสียมารยาท
แต่ผมก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นอเล็คโดนพวกคุณหลอกหลอกใช้แบบนี้อีกต่อไปแล้ว......เค้าให้คุณมาทั้งชีวิตแล้ว
ถึงเวลาที่คุณจะต้องปล่อยเค้าไปเสียที
คุณมอบชีวิตให้เค้าเพื่อกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองไม่ใช่หรือ
ผมคิดว่ามันคงไม่ได้หมายถึงจะต้องรับใช้คุณไปทั้งชาติหรอก จริงไหม?”
ร่างสูงร่ายยาวแทนความรู้สึกของอเล็ค
แล้วกดหัวอเล็คเข้าไปในรถ
ก่อนตัวเองจะเดินอ้อมไปอีกฝั่งหนึ่งแล้วขับรถคันสวยเด่นตาออกไปจากบ้านหลังนั้นอย่างรวดเร็ว
................และเค้าหวังเหลือเกินว่าอเล็คจะไม่กลับมาที่นี่อีก............
รถของแม็กนัสขับออกไปแล้ว แต่แมรีสยังอยู่ที่เดิม
จนกระทั่งโรเบิร์ตสามีของเธอเดินออกมาทวงถามหาหนังสือพิมพ์อย่างหงุดหงิด ก่อนที่แม็กซ์เอ่ยถามแม่ของเค้าอย่างติดจะทึ้งๆ
เหมือนตอนที่เค้าโกหกพี่ชายว่าเบ็ตตี้เป็นแฟนเค้า
“แม่ฮะ
อเล็คเป็นแฟนกับแม็กนัสอย่างนั้นหรือ”
แม่ไม่ตอบและพ่อของเค้าก็อึ้งกิมกิ
************************************************************************************
Agera คันสีน้ำเงินสวยที่มีเพียงไม่กี่คันบนโลกนี้
แล่นไปตามถนนที่เงียบเหงา
เพราะเขตนี้ค่อนข้างจะปลอดคนที่ชอบใช้ยานภาหนะส่วนตัว........เป็นเมืองที่ค่อนข้างเงียบน่าดู
เมื่อเทียบกับเมื่อหลายปีที่แล้ว
อเล็คไม่ได้คาดเข็มขัดเพราะยังคงมึนตึ้บไม่หาย ร่างเล็กเอาแต่นั่งหันหน้าไปมองเพื่อนร่าสูงที่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถอย่างจริงจังเกินความจำเป็น
“อะไรล่ะ?” แม็กนัสว่า
แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ราวกับว่าเค้าไม่ได้เอาเงินไปให้กับธนาคารเพื่อใช้หนี้และเพิ่งต่อว่าแม่ของอเล็คไปเมื่อกี้นี้..........บอกตามตรง
แม็กนัสแอบสะใจเล็กๆ ในข้อสุดท้าย
“นายมาที่นี่ทำไม?” อเล็คถามต่อจากแม็กนัส
โดยไม่ได้ให้คำตอบของร่างสูงที่ถามเอ่ยแบบส่งๆ เมื่อกี้นี้
.............ถ้าหากเป็นคนอื่นแล้วร่างเล็กคงจะเอ่ยด้วยความเกรงใจ
แต่อเล็คก็เรียนรู้มามากพอที่จะรู้ว่าความเกรงใจนั้นใช้กับแม็กนัสไม่ได้
หากเจ้าตัวต้องการที่จะได้คำตอบจริงๆ .............
และใช่ มันได้ผลเสมอ
“ฉันมารับนาย” แม็กนัสตอบแต่โดยดี
ไม่อยากเล่นเกมส์ทายปัญหาให้มากความนัก
แต่ทว่าเพื่อนตัวน้อยกลับยิ่งไม่เข้าใจ
“ทำไม...”
“ถึงนายไม่บอก
ฉันก็มองออกว่านายไม่อยากมาเสียเท่าไรอเล็ค....พ่อกับแม่ไม่เคยทำให้นายรู้สึกดีเลยใช่ไหม”
แม็กนัสพูด และอเล็คตัวสั่น
“นายพูดเรื่องอะไร” ร่างบางเสหน้าไปไม่สบตากับร่างสูงที่หันมามองเค้าสลับกับมองถนนด้านหน้าที่ร้างการสัญจร
“ฉันรู้ว่านายจะต้องจ่ายอะไรต่อมิอะไรที่ไม่ใช่ของตัวเอง”
“แต่ก็ใช่ว่าฉันจะทำไม่ได้นี่” อเล็คทำเสียงดื้อใส่
แม้ว่าแม็กนัสจะทำตัวเหมือนผู้ปกครองผู้รอบรู้ก็ตาม
“แต่นั่นมันก็มากเกินไปอเล็ค นายจ่ายไม่ไหวหรอก
บิลแจ้งชำระเยอะแยะเท่ากองจดหมายจากแฟนคลับซะขนาดนั้นน่ะ” แม็กนัสว่า
เหตุผลดูเหนือกว่าอเล็คไปเสียทุกข้อ
และร่างสูงผิวสีแทนหันกลับไปมองถนนดังเดิม
ไม่ได้มองมาที่เพื่อนตัวน้อยอีก จนกระทั่งอเล็คตาโตและพูดเสียงดัง
“นายรู้ได้ยังไงน่ะแม็กนัส....”
ร่างสูงสะโอดสะองเลิกคิ้วข้างเดียวใส่เค้าโดยไม่ละสายตาไปจากถนนตรงหน้า “.......โอ้
พระเจ้า แม็กนัส! นายค้นกระเป๋าฉันอย่างนั้นหรือ!”
แม็กนัสเลิกคิ้วทั้งสองข้างและเบะปากน้อยๆ
“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่นี่” เค้าว่าพลางยักไหล่ ดูไม่เดือดไม่ร้อนเพราะ จอมค้นข้าวของอย่างเค้า
ทำมันบ่อยอยู่แล้วล่ะ
อเล็คทำหน้าเหมือนความลับแตก
แล้วเอนหลังไปติดกับประตูรถฝั่งของตัวเอง บ้าจริง......อเล็คคิดในใจ มันไม่ใช่เรื่องน่าอวดเลย
“นายไม่จำเป็นต้องจ่ายให้พวกเค้าแล้วอเล็ค”
แล้วจู่ๆ เสียงนุ่มทุ้มก็ดังขึ้น
เปลี่ยนไปจากเดิมที่เอ่ยอย่างเล่นหัว แม็กนัสหันมาสบตาร่างบางที่อยู่ข้างเค้าแล้วตัดสินใจเหยียบเบรกแบบไม่บอกไม่กล่าวคนข้างๆ
เลย แม็กนัสจอดรถในที่สุด
อเล็คหัวเกือบทิ่มในขณะที่แม็กนัสเอี่ยวตัวเข้ามาหาเค้า
เพื่อนตัวน้อยถึงกับดันหลังให้เข้าไปติดกับฝั่งของตัวเองมากขึ้นไปอีกทันที เมื่อใบหน้าที่มีไรหนวดบางๆ
ของแม็กนัสใกล้เข้ามาหาเค้า
ลมหายใจอุ่นร้อนของร่างสูงสัมผัสละเลียดโดนแก้มขาวของอเล็ค
“อึก...แม็กนัส” ดวงตาสีฟ้าสวยเบิกกว้าง แก้มของคนที่โดนประชิดตัวเปลี่ยนเป็นสีแดง แม็กนัสท้าวมือไปด้านหลังของเพื่อนตัวน้อย จมูกของทั้งคู่บิดหันอยู่อย่างได้องศา และริมฝีปาก.....ที่ใกล้กันอย่างชวนเพลี้ยงพล้ำ
อเล็คหยุดหายใจและกระพริบตาปริบๆ
ในขณะที่แม็กนัสล้วงเอาเข็มขัดออกมาคาดให้เพื่อนตัวน้อยของเค้าเพื่อความปลอดภัยจนเสร็จสรรพ
แล้วผละออกไปอย่างแผ่วเบาในที่สุด
...................คาดเข็มขัด...............
จริงสิ
อเล็คยังไม่ได้คาดเข็มขัดตั้งแต่ขึ้นรถมาเลยนี่นา
มือแกร่งกลับมาจับพวงมาลัยเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้กลับบีบแน่นจนเกินไป “เกาะให้แน่นอเล็ค เราจะไปกันแล้ว” ร่างสูงเอ่ย
นิ้วมือทั้งสิบของเค้าขยับคลายไปมาเมื่อรู้ตัวเองว่าออกแรงจับมากเกินไป
“ฝนกำลังจะตก”
แม็กนัสว่าเสียงฟังดูจู่ๆ ก็กระด้างขึ้นมา
อกแกร่งกระเพื่อมขึ้นลงคล้ายกับกำลังควบคุมสติตัวเองอยู่
แต่อเล็คไม่สังเกตเห็น
“นายทำได้ยังไงน่ะ....ขับรถมาถึงที่นี่ได้เร็วขนาดนี้”
คนที่หายใจไม่เป็นจังหวะในเวลานี้ เอ่ยถามเสียงกระซิบ
อเล็คมองไม่เห็นแรงจูงใจของแม็กนัสที่จะต้องขับรถเร็วขนาดนั้น
และไม่เห็นเหตุผลที่แม็กนัสต้องมาเลยด้วยซ้ำ..............
พวกเค้าก็ต่างโตๆ กันแล้ว ต่างมีชีวิตเป็นของตัวเองรวมทั้งโลกส่วนตัวที่มากขึ้น
คางที่ประปรายไปด้วยไรหนวดบางๆ
เอียงมาทางอเล็คเล็กน้อย
แต่แม็กนัสเลือกที่จะไม่หันไปสบตาเพื่อนตัวน้อยที่ตัวสั่นเป็นลูกแมว
“ฉันมาที่นี่เพื่อรับนาย รู้แค่นั้นก็พออเล็ค” เค้าว่า “กลับกันได้แล้ว”
จากนั้นก็สตาร์ทรถแล้วเหยียบจนเกือบมิดไมล์
แต่เค้าก็ยังคงเป็นห่วงท้องไส้ของอเล็คอยู่จึงได้ขับเร็วไม่เท่าคราแรกที่มา และใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ซึ่งนานกว่าการนั่งเครื่องเพียงหนึ่งชั่วโมงของอเล็คนิดหน่อย จนกระทั่ง
Agera คันงามของแม็กนัสได้มาจอดเทียบท่าอยู่ที่อาร์พาร์ทเมนท์ของอเล็ค
ร่างสูงเดินตามเจ้าของถิ่นไปส่งถึงห้องดังที่ได้ยืนกรานเอาไว้ตั้งลงจากรถ
“เอ่อ..ขอบคุณนะแม็กนัส”
อเล็คเอ่ยพึมพำ ซึ่งตอนนี้ได้มายืนอยู่ในห้องของตัวเองแล้ว
ดวงตาแสนสวยที่น่าหลงไหลแต่ทว่าดูเศร้าสร้อยอย่างน่าสงสารนั้น
ยังคงไม่กล้าสบมองเพื่อนร่างสูง
แม็กนัสส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรหรอกเรื่องแค่นี้เอง” แต่อเล็คไม่ได้หมายถึงเรื่องที่มาส่งเค้า
“ไม่.....ฉันหมายถึง เรื่องเงินนั่นน่ะ”
เสียงเบาลงในท้ายประโยค ก่อนร่างบางจะรู้สึกถึงความเงียบงัน หลังจากนั้นอีกคนหนึ่งที่ตัวสูงกว่าก็โน้มหน้าลงมาอยู่ข้างใบหูที่รู้สึกร้อนผ่าวอย่างไม่รู้สาเหตุของอเล็ค
“ฉันก็หมายถึงเรื่องนั้นเหมือนกัน”
แม็กนัสกระซิบบอก
และได้ยินเสียงฝนตกกระหน่ำอยู่ด้านนอก
ทั้งคู่ต่างเงยหน้าขึ้นไปมองบนเพดานที่มีเม็ดฝนกำลังกรูกันตกกระทบใส่หลังคาเบื้องบน
แม้จะรู้ว่ามองไม่เห็นกันก็ตาม
ฝนหลงฤดูในช่วงเวลานี้ชวนให้ผู้คนหัวเสียได้ง่ายๆ
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรไปเสียแล้ว..........
“อา
ดูเหมือนว่าฉันคงจะต้องฝ่าฝนกลับคอนโดเสียแล้วล่ะ”
อเล็คกวาดตากลมโตของตัวเองขึ้นไปมองเพื่อนร่างสูงแวบหนึ่ง......รู้สึกคุ้นเคยเหลือเกิน ทั้งๆ ที่แม็กนัสก็เปลี่ยนไปแล้ว แต่ทำไมอเล็คถึงได้รู้สึกแบบนั้นขึ้นมาอีกนะ
ครื้นนน!
เสียงฟ้าร้องอย่างรุนแรงเป็นเหตุให้ร่างบางสะดุ้งขึ้น
และแม็กนัสก็กอดเค้าไว้
*******************************************************************************
ฝนตกหนักมาก
มากว่าสองชั่งโมงแล้ว
และเริ่มตกน้อยลงเสียทีเมื่อย่างเข้าอีกครึ่งชั่วโมงถัดมา
แม็กนัสนั่งอยู่ข้างอเล็คที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ อเล็คไม่ได้กำลังอ่านมันอยู่หรอก......แม็กนัสรู้
อเล็คอ่านหนังสือเร็ว เร็วมากเสียด้วยซ้ำ แต่นี่ผ่านไปเกือบห้านาทีเพื่อนร่างบางของเค้าเพิ่งจะพลิกหน้าถัดไป บางหน้าก็แช่ไว้กว่าสิบนาทีเลยเสียด้วยซ้ำ อเล็คดูเหมือนกำลังหาอะไรทำ
หลังจากที่แม็กนัสย้ายตัวเองมานั่งข้างเพื่อนตัวน้อย และไม่มีบทสนทนาอะไรเกิดขึ้นเลยทั้งนั้น จนกระทั่งแม็กนัสเอ่ยขึ้นในที่สุด
“นายจะอ่านมันไปทำไมในเมื่อนายเคยอ่านมันแล้วน่ะ....ไม่ต้องทำเป็นกำลังอ่านมันอยู่หรอก ฉันทำให้นายรู้สึกอึดอัดถึงขนาดนั้นเลยรึไง”
อเล็คชะงักค้าง
และหยุดหายใจเมื่อโดนจับได้
ร่างบางไม่เคยเก่งเลยเรื่องโกหกคนอื่น
และยิ่งอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้นเช่นนี้แล้วด้วย
ลืมเรื่องทำตัวให้เป็นธรรมชาติของเค้าไปได้เลย อเล็คปิดหนังสือแล้ววางไว้บนตัก
“ฉันขอโทษนะเรื่องค้นกระเป๋านาย”
แม็กนัสพูด แต่ในใจจริงแล้วเค้าอยากจะเอ่ยขอโทษเรื่องคืนนั้นมากกว่า
ถึงแม้จะได้ขอโทษไปแล้วก็ตาม แต่จู่ๆ
แล้วเค้าก็เลือกที่จะไม่พูดมันออกมาเพื่อเป็นการตอกย้ำความรู้สึกแย่ๆ
ให้กับอเล็คอีก
“นายทำอะไรกับบิลของฉันอย่างงั้นหรือ”
และเพื่อนตัวน้อยก็ยอมสนทนากับเค้าต่อ แต่แม็กนัสไม่เห็นด้วย
“บิลของครอบครัวนายต่างหาก....ไม่ใช่ของนายเลย”
อเล็คกลั้นยิ้ม และไม่รู้ว่าตัวเองกลับมามีอารมณ์อยากขำตั้งแต่เมื่อไรกัน
ร่างสูงสะโอดสะองขยับตัวเล็กน้อย
แล้วเอนตัวลงมาท้าวท่อนแขนกับหัวเข่า “ฉันจ่ายมัน” เค้าว่าสั้นๆ
แต่เรียกเสียงอุทานอย่างไม่รู้ตัวจากอเล็คได้ดี
“นายจ่ายมันหรือ?”
อเล็คทวนคำอย่างไม่เชื่อหู
แม็กนัสทำเสียงเหมือนกลั้นขำ
“ใช่ ทำไมล่ะ ไม่ได้หรือ....ขอโทษที ไม่ทันซะแล้วล่ะ”
“ขอโทษนะ”
“นายไม่จำเป็นต้องพูดงั้นน่าอเล็ค พ่อกับแม่และน้องๆ คงจะไม่รบกวนนายอีกแล้ว”
“ฉันจะย้ายไปอยู่กับพวกเค้า” แต่อเล็คทำแม็กนัสตกใจ
“ทำไมกันล่ะ?” แม็กนัสยืดตัวตรง
เคลื่อนกายเข้ามาหาอเล็ค และเพื่อนตัวน้อยก็ผวาหนีเค้าอย่างเผลอตัว
“เพื่ออะไรกันอเล็ค”
“ฉันตกงาน ที่นี่ไม่มีอะไรอีกแล้ว
เหมือนอย่างที่แม่ว่า....”
“แต่นายไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นอเล็ค นายไม่จำเป็นต้องกลับไป”
คราวนี้แม็กนัสไม่พูดเปล่า
มือแกร่งทั้งสองยกขึ้นมารวบจับไหล่บางที่เค้าเคยฝากรอยไว้อย่างเสียใจ.......แม็กนัสไม่ต้องการให้อเล็คกลับไปอยู่ที่นั่นอีกและเหนือสิ่งอื่นใด แม็กนัสอยากเห็นหน้าอเล็ค
ร่างบางสะดุ้งหนีอีก
แต่ไปไหนไม่ได้แล้ว
“แต่ว่า...”
อเล็คเอ่ยเสียงฟังดูอู้อี้ และเริ่มติดขัดคล้ายจะร้องไห้
.............แม็กนัสไม่รู้หรอกว่าอเล็คดีใจแค่ไหนที่เห็นแม็กนัสมาหาเค้า ได้รู้ว่าแม็กนัสทำเพื่อเค้า
และอบอุ่นดุจแสงตะวันอีกครั้งเฉกเช่นเมื่อก่อน คือแม็กนัสที่พร้อมจะจับมือเค้าไปตลอดทาง แต่หลายสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในเวลาที่ผ่านมานี้
กลับทำให้อเล็คคิดว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว.............
“นายไม่รู้หรืออเล็ค ว่าที่ฉันขับรถไปหลายร้อยไมล์เพื่ออะไร”
แม็กนัสทำหน้ารวดร้าว
แต่เพื่อนตัวน้อยของเค้าก็ยังคงจอบจ้องเค้าด้วยสายตาที่ไม่เข้าที แม็กนัสจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
“ฉันทำไปก็เพื่อนาย”
“เพื่อฉัน?” อเล็คทวนคำ
และเปอร์เซ็นของความไม่เชื่อก็มีมากกว่า แม้แม็กนัสจะยืนกรานว่าเป็นเช่นนั้นก็ตาม
“ใช่ เพื่อนาย” ร่างสูงกล่าว
“อย่างร้องไห้อีกเลยอเล็ค
ฉันไม่อยากให้นายร้องไห้อีกแล้ว”
แม็กนัสเข้ามาประชิดตัวแล้วใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเพื่อนตัวน้อย..........อีกครั้งที่ความสับสน
ซึ่งแปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจ
เอ่อล้นออกมาจากดวงตาแสนสวยของอเล็ค
ความรู้สึกนั้นมันบีบคั้นอเล็คจนชินชา
ทำให้ไม่รู้สึกถึงเวลาที่น้ำตานั้นอาบแก้มของตัวเอง
.
.
.
TBC.
--------------------------------------------------------------------------------------
5555555 ปรากฏว่าอิตาเบนไม่ได้ขออนุญาติแมรีสแบบนอบน้อม แต่เป็นดับเครื่องชนค่ะ 55555
ไปฉุดลูกชายเค้าต่อหน้าต่อตาเลยนะแม็กนัสสสสสสสสสสส >{}< ถูกใจ!
//อ้าว!//
สะใจแมรีส! 55555 แต่อิซาเบลที่แอบจอบดูอยู่ข้างบนก็เห็นนี่นา อูยยยยย สองเท่าเลยค่ะ อเล็คของเราก็มีคนเป็นห่วงและเห็นคุณค่ากะเค้าเหมือนกันนะเออ
//ปรายตาแล้วหัวเราะใส่แมรีสกะอิซเบล// แม็กนัส! เอาใจอเล็คมาให้ได้นะ
>{}<!! //เชียร์//
ทำให้อเล็คหายกลัวนายให้ได้ เอิ่มม
แต่พอนึกถึงตอนนั้นแล้ว
นายก็เป็นคนทำเองไม่ใช่รึ? //โดนสายฟ้าฟาดใส่อีกรอบ//
เอาเถิดหนา
//หัวไรท์เกรียมแล้วค่ะ// ยังไงก็จงเดินหน้าแสดงความรู้สึกที่แท้จริงซึ่งเพิ่งตาสว่าง
ต่อไป พวกเรารอคอยอยู่ 5555555 คอมเม้นท์กันด้วยนะคะ ><
ติดตามชมกันต่อได้ใน Part หน้าค่ะ รักรีดทุกท่านมากเลยนะค้าาาาาา ><
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
1 ความคิดเห็น:
มันต้องอย่างงี้ ไม่เป็นไรฉุดไปแล้วเดี๋ยวไปขอขมาทีหลัง(เอาหลานไปด้วย 555+)
แสดงความคิดเห็น