สวัสดค่าาาาา >< ไรท์ลงลงต่อแล้วค่ะ
ช่วงนี้รวดเร็วมากกกก 555555 และเนื่องด้วยอีกเวลาแค่ไม่ถึง 20 วัน ไรท์ก็จะต้องเปิดเทอมแล้วล่ะค่ะ TWT ไรท์ก็เลยต้องรีบหน่อยค่ะ กะว่าไม่เกินเดือนนี้จะได้ลง ฟิค RonalSi
– เรื่องวุ่นวายของนายตัวดี! Part สุดท้ายแน่นอนค่ะ ‘..’ //เฮ้ยยย เดี๋ยวววว! เค้าคนละเรื่องกันแล้ววว >{}< เฮียกะเหมียวก็อยู่ในดินแดนของเค้าสิ เค้าไม่มีธุระข้ามพรมแดนมาฝั่งนี้นะ >[]<//
ขออภัยค่ะ.......ไหลไปหน่อย 5555555
แต่ว่า! ใน Part
นี้! วันนี้! เวลานี้! The Hunger Games กำลังจะบดขยี้หัวใจของรีดทุกท่านค่ะ
TWT! //รีดบอก....ของแกคนเดียวสิ
-..- // หลังจากที่ Part ที่แล้วฟิคเรื่องนี้ก็เข้าโครงเรื่องในหนังไปแล้วนะคะ
//มีรีดบางท่านบอกไรท์มาว่า
ไม่ยึดในหนังมันแล้ว เอาตามฟิคไรท์นี่แหละ
แถมยังทำให้รีดซอกช้ำใจด้วยการแยกฟินนิคกับพีต้าออกจากกันอีกด้วยค่ะ//
55555 เหมือนไรท์พาเสียเลยค่ะ บิดเบือนต้นฉบับสุดๆ 5555 ดูรอบเดียวแล้วจบเลยค่ะ
555555
เหตุการณ์จะเป็นอย่รางไรต่อไป เชิญรีดๆ รับชมกันได้เลยค่าาาา >///<
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
อ่า.......นี่มันที่ไหน.....ที่นี่ที่ไหนกัน แล้วนี่มันกี่โมงแล้ว ผมอยู่ที่......จริงสิ พีต้า!
.
.
“ไม่เป็นไรฟินนิค
นายปลอดภัยแล้ว ที่นี่เขต 13......”
.
.
***********************************************************************************
ผมตื่นขึ้นมาในเรือนแพทย์ของเขต
13 หมอบอกว่าผมหมดสติไปสองวันเต็มๆ ผมโวยวายก่อนเฮย์มิชและพลูตาร์ชจะเข้ามา
พยาบาลและหมอพากันกรูออกไป
ก่อนชายอ้วนกับชายขี้เมาที่ขาดแคลนเหล้าจะดื่ม จะอธิบายให้ผมฟังว่า
พวกเค้าเจอผมนอนเลือดไหลอยู่ในซากตึกบัญชาการเก่ากับกองไฟที่ลุกลามไปทั่ว
ก่อนพวกเค้าจะแบกผมขึ้นยานมาเป็นคนสุดท้าย
ผมถามถึงพีต้า
เฮย์มิชมีสีหน้าลำบากใจไม่ตอบผม ต่างจากพลูตาร์ชที่มีท่าทีเรียบเฉย
ไม่สะทกสะท้านที่เราเพิ่งจะโดนโจมตีอย่างไม่คาดคิดไปหมาดๆ
พลูตาร์ชบอกว่าพวกเค้าไม่พบพีต้าเลย
เจอแต่ผมที่นอนไม่ได้สติอยู่ตรงนั้นแค่คนเดียว..........
พระเจ้าช่วย.......ผมบอกพวกเค้าว่า
พีต้าโดนพวกแคปปิตอลจับตัวไป ต้องไปช่วยเค้า
แต่พลูตาร์ชกลับตอบผมอย่างเยือกเย็นว่า
“ตอนนี้เราจะเสี่ยงให้พวกนั้นรู้ตำแหน่งของเราอีกไม่ได้
นายไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นฉันจะจัดการเอง.....ในภายหลัง จากปลุกระดม”
“คุณต้องไปช่วยเค้าเดี๋ยวนี้!
ถ้าไม่งั้นผมจะเป็นคนไปเอง!”
ผมโวยลั่นเหมือนคนบ้าในวอดกักกัน
ก่อนเฮย์มิชจะเข้ามาห้ามปรามผมและบอกให้ผมใจเย็น
ด้วยเหตุผลที่ว่าผมจำเป็นต้องพักผ่อนเพื่อฟื้นอาการ ผมบาดเจ็บอยู่และยังต้องใช้เวลา การออกไปตอนนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย.........
และน่าแปลกที่คำพูดของคนขี้เมาดูน่าฟังมากกว่าคนที่เคยเป็นถึงผู้แฝงตัวเข้าไปในแคปปิตอล
ผมฉุนขาด อารมณ์เสียอยู่เป็นชั่วโมงหลังจากที่ไม่มีใครอยู่ในห้องผู้ป่วยของผม
และการที่ได้อยู่คนเดียวก็ทำให้ผมนึกถึงภาพสุดท้ายที่ผมเห็น.........พีต้าดูหวาดกลัว ทั้งๆ ที่ผมเองก็กอดเค้าไว้แล้วแท้ๆ ทั้งๆ ที่ผมก็อยู่กับเค้า ทำไมผมถึงไม่มีความสามารถมากพอ
ที่จะช่วยเค้าเอาไว้ได้ อย่างว่าแต่ช่วยเลย
แค่รั้งพีต้าไว้ผมยังทำไม่ได้............นั่นมันคือความผิดของผม ของผมคนเดียวทั้งหมด
ผมนั่งเหม่อลอย
โทษตัวเองอยู่บนเตียงในตอนที่เพิ่งจะรู้ว่าสัมภาระเล็กๆ น้อยๆ
ของผมอยู่ในห้องนั้นด้วย
รวมทั้งสิ่งที่ผมเองก็ต้องนึกแปลกใจ...........
เชือกของพีต้า
ไม่สิ บางทีผมอาจต้องเรียกว่า ‘ของแม่พีต้า’
มากกว่าแต่ผมก็ไม่ได้สนใจในรายละเอียดอะไรนั่นแล้วในตอนที่ผมเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา
มันคงจะอยู่ในกระเป๋าเสื้อนอกของผมในตอนที่สลบไป มือผมสั่นและเริ่มร้องไห้ออกมา
“อึก...โธ่
พีต้า....ฉันขอโทษ”
ผมเสียใจที่ไม่สามารถช่วยเค้าเอาไว้ได้.......ผมนี่มันแย่ที่สุด!
และหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้นอนพักผ่อนเลย จนกระทั่งแคทนิสโผล่เข้ามา.......อ่อ
เธอนั่นเอง
ผมคิดในตอนแรกก่อนจะก้มหน้าก้มตาถักเชือกของพีต้าต่อไป มันทำให้ผมฟุ้งซ่านน้อยลง
แคทนิส
เธอดูตกใจที่เห็นผมนั่งดูหมดอาลัยตายอยากแบบนั้น เธอไม่ได้พูดอะไรมาก ได้แต่หาคำตอบจากท่าทางของผม ผมเลยบอกเธอ
“ฉันอยากช่วยพีต้า อยากช่วย....แต่ฉัน ฉะ ฉันขยับไม่ได้” ผมบอกเธอ เพราะตอนนั้นผมหมดสติไปเลยต่างหาก
“มันจับพีต้าไป....มันจับเค้าไป และฉันทำอะไรไม่ได้ ฉันช่วยเค้าไว้ไม่ได้.....พวกมันจับเค้าไป”
ผมเริ่มพึมพำ ย้ำเตือนกับตัวเอง
ว่าคำสัญญาของผมมันสูญเปล่าเพียงใด.......ทั้งๆ
ที่ผมสัญญาไว้แล้วว่าจะคอยปกป้องพีต้า
แต่ผมก็ทำไม่ได้........ผมเฝ้าโทษตัวเอง
และไม่คิดโทษแคทนิสที่จากมาก่อน
เธอแค่กลัวและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรในตอนที่กองไฟลุกท่วมทางออก
ผมดูแคลนตัวเองที่ช่วยเหลือพีต้าเอาไว้ไม่ได้ หากอยากให้พีต้าอยู่กับผมจริง ผมจะต้องทำให้ดีกว่านี้
และหลังจากนั้นผมก็ได้ข่าวว่าสโนว์จับตัวคนอื่นๆ
ที่เข้าร่วมฮังเกอร์เกมส์ครั้งสุดท้ายซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเราเอาไว้ด้วย รวมถึงแอนนี่ น้องสาวของผม......เราไม่ได้ติดต่อกันเลยหลังจากที่ผมประกาศตัวว่าเป็นกบฏ
ต้องการจะให้เรื่องเงียบไปเพื่อที่แอนนี่จะได้ไม่ต้องมาพลอยโดนร่างแห่ไปด้วย แต่ที่ไหนได้ ถึงแม้จะคิดว่าเธอปลอดภัยแล้ว แต่พวกแคปปิตอลก็ตามไปจับตัวเธอจนได้อยู่ดี
เธอเป็นครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของผม............
ผมทำตัวซึมเศร้าอยู่หลายวัน ไม่ยอมออกจากห้อง เอาแต่ใช้เวลาอยู่กับของๆ
พีต้าเพียงชิ้นเดียวที่ผมมีและเอาแต่โทษตัวเองว่าที่เค้าต้องไปก็เพราะผมเอง ผมเป็นแบบนั้นอยู่หลายวัน ได้ข่าวว่าแคทนิสกำลังจะเป็นดาราดัง
ล่อหน้าล่อตาพวกแคปปิตอล ข้างนอกนั้น
และวันหนึ่งเธอก็เข้ามาหาผมอย่างเงียบเชียบ
แคทนิสนั่งลงข้างๆ ผม
แล้วกล่าวขอโทษที่เธอทิ้งพีต้าและวิ่งหนีออกมาคนเดียวในวันนั้น
เธอเสียใจที่ทำให้ผมและพีต้าต้องเจอกับเรื่องน่าเศร้าใจ.......แคทนิสรู้ดีว่าผมแคร์เค้ามากขนาดไหน
เธอบอกว่าเธอเคยสงสัยและไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่งว่าทำไมผมได้ถึงเอาแต่ห่วงใยพีต้า ผมไม่ได้ตอบเธอไปอย่างชัดเจน เธอขอโทษผมอีกพร้อมกับบอกผมว่าเธอรู้สึกแย่มากที่พีต้าหายตัวไป
พีต้าเป็นเพื่อนของเธอและเธอจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตัวพีต้ากลับคืนมา
เพื่อลบล้างความขี้ขลาดของเธอเอง
แต่ผมบอกเธอว่าผมไม่โกรธ
อีกทั้งยังขอโทษเธอไปด้วยที่ตอนนั้นผมเสียงดังใส่เธอไป
การดูแลพีต้านั้นเป็นหน้าที่ของผมและผมไม่ควรไปต่อว่าเธอแบบนั้น
“ฉันนึกว่านายจะดูแลเรา....เอ่อ
ฉันหมายถึงพีต้า แค่ตอนที่อยู่ในเกมส์เสียอีก
พลูตาร์ชบอกว่าเค้าส่งนายมาเพื่อไม่ให้เราตาย”
เธอทำหน้าสงสัยใคร่อยากรู้กับผม
ผมจึงตอบเธอไปอย่างเอื่อยๆ “ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่”
ผมว่าเสียงเบา
ฟังดูเหมือนหมดอาลัยตายอยาก
ดังนั้นแคทนิสจึงขอตัวออกไป
เธอขอโทษอีกและพูดก่อนจะเอามือออกจากขอบประตูแล้วมันก็ปิดลง
“ฉันหวังว่านายจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเร็วๆ
นี้นะ
บีทีบอก...ว่าเค้ามีหอกใหม่ให้นายด้วย ถ้านายอยากได้” เธอกระพริบตา
“และฉันว่าพีต้าก็คงอยากให้นายเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน” เธอพูดก่อนออกไป
รู้อะไรไหม ผมก็อยากทำ
อยากทำมากๆ ใบหน้าของพีต้าตอนร้องไห้บีบหัวใจของผม
และผมก็เริ่มออกไปไกลมากกว่าห้องของตัวเอง
จึงทำให้รู้ว่าที่นี่เข้มงวดมากเพียงใด แม้แต่คุณทริงเก็ตก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใส่วิก
และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพีต้าออกอากาศ..........
ผมยืนตะลึงตัวแข็งอยู่กับที่ ระบบในร่างกายของผมหยุดทำงานไปชั่วขณะ เมื่อพีต้ากำลังให้สัมภาษณ์อยู่บนจอ........เค้าดูเหมือนคนที่เพิ่งลุกขึ้นมาจากที่นอน แต่งตัวดี
สวมใส่เสื้อผ้าสไตล์พวกแคปปิตอลหัวสูง
และดูปลอดภัยดี
“พีต้า.....”
ผมจำได้ว่าตัวเองพึมพำไปอย่างนั้น
เกือบนึกไปว่าเอ่ยรำพันในใจเสียด้วยซ้ำ
ผมอธิบายไม่ถูกว่าดีใจขนาดไหนที่ได้เห็นเค้า
ถึงแม้พีต้าจะอยู่กับพวกแคปปิตอลแต่ผมก็แน่ใจว่านี่คือพีต้าตัวจริง เด็กหนุ่มบ้านขนมปังที่ผมชื่นชอบ แต่เพราะเหตุใดก็ไม่ทราบได้
ที่ทำไมผมรู้สึกว่าเค้ายังคงหวาดกลัวอยู่
แม้ว่าท่าทางที่ให้สัมภาษณ์นั้นจะดูสบายๆ
อีกทั้งยังเอ่ยถึงแคทนิสให้ล้มเลิกการก่อกบฏเสียด้วยซ้ำไป
แน่นอน
เมื่อพีต้าพูดเช่นนั้นออกมา
คนส่วนมากที่อยู่ในเขต 13 นี้จะต้องไม่เห็นด้วยและต่อต้านเค้าเป็นแน่
แต่ว่านั่นไม่ได้อยู่ในความสนใจของผมเลยแม้แต่น้อย
ผมกำลังสงสัยว่าพวกมันกำลังทำอะไรกับเค้ากันแน่ จับพีต้าใส่ชุดของพวกผู้ดีน่ารังเกียจนั่นแล้วบังคับให้เค้าพูดอะไรแปลกๆ
ออกมา
หลังจากครั้งแรกที่เห็นพีต้าออกอากาศผมเข้าไปพบพลูตาร์ช
และเจอเข้ากับประธานาธิปดีของเขต 13
เธอชื่ออะไรนะ? อัลม่า คอยน์ งั้นหรือ?.......จะอะไรก็ช่าง ช่างเธอเถอะ
นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเข้าห้องประชุมตั้งแต่เหตุการณ์ถล่มเขตอพยพเกิดขึ้น
ที่ผมเสียพีต้าไป
ผมเข้าไปบอกให้พวกเค้าพาตัวพีต้ากลับมาพวกเค้าสัญญากับผมเอาไว้แล้วว่าจะทำ
แต่พลูตาร์ชกลับบอกปัดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มของคนที่ชอบเล่นการเมือง
“พ่อหนุ่มคนนี้เป็นใครกัน”
ประธานาธิปดีถาม
เธอจ้องผมอย่างพินิจพิเคราะห์
ใบหน้าของเธอปรากฏรอยยิ้มและมองผมไม่วางตา
ผมจ้องกลับยืนกรานให้พวกเค้าส่งคนไปช่วยพีต้า และพลูตาร์ชก็ตอบว่าผมคือใคร
“เธอดูหน่วยก้านดีไม่น้อยเลยหนิ
น่าเสียดายที่ฉันเพิ่งได้เจอเธอไม่งั้นก็คงจะส่งเธอลงพื้นที่ไปพร้อมกับแคทนิสแล้ว”
เธอว่าเพียงเท่านั้น ก่อนจะละสายตาจากผมแล้วหันไปหาพลูตาร์ช และผมก็ชักสีหน้าไม่พอใจ.......ผมบอกแล้วว่าไม่ชอบให้ใครมองผมว่าทำงานให้กับแคทนิส เธอไม่มีสืทธิ์มาสั่งผมเลยเสียด้วยซ้ำ
เค้าไล่ผมออกมาด้วยประโยคที่แสดงความเด็ดขาดว่า
“จะยังไม่มีการช่วยเหลือตัวประกันในขณะนี้”
พลูตาร์ชทำตัวน่ารำคาญแต่ผมก็ยอมออกมาในที่สุด ผมไม่ชอบใจในหัวการค้าอยากปลุกระดมชาวพาเน็มของเค้าในตอนนี้หรอก.........ไม่ พีต้าต้องมาก่อนสำหรับผม
จนกระทั่งได้เห็นพีต้าเป็นครั้งที่สองนั่นทำให้ผมแทบจะหยุดหายใจไปเลย..........เมื่อเค้าร้องไห้ขอร้องให้แคทนิสหยุดโน้มน้าวผู้คนให้เป็นกบฏอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ดูท่าทางเค้าแย่เอามากๆ มันแย่ลง
และนั่นทำให้ผมแทบจะคลั่งไปเลย
ผมเคยคิดที่จะแอบออกไปแต่ว่าแผลของผมก็ยังคงไม่หายดี
ถึงแม้ว่าจะไม่ใส่ชุดคนไข้แล้วก็ตามแต่สถานะภาพตอนนี้ของผมก็ยังไม่พร้อมจริงๆ
การปฏิวัติเกิดขึ้นทั่วทั้งพาเน็ม
แทบทุกเขตลุกฮือขึ้นมาต่อต้านระบอบการปกครองที่ป่าเถื่อนของสโนว์ ถึงแม้ว่าตาแก่นั่นจะประกาศออกสื่อชัดเจน
ว่าใครก็ตามที่ก่อการกบฏจะต้องโทษถึงตาย
แต่พวกเค้าก็ทนไม่ไหวกับการถูกกดขี่อีกต่อไปแล้ว
ดังนั้นคำขู่ของสโนว์จึงไม่เป็นผล
จนกระทั่งครั้งที่สามที่ผมพบพีต้า.............
โอ้ พระเจ้า บอกผมทีว่านั่นคือพีต้าที่ผมรู้จัก
ผมแทบจะทรุดลงกับพื้นทันทีที่เห็นเค้าเอ่ยปากเสียงสั่นเครือในจอนั่น หน้าตาเค้าดูซีดเซียว ร่างกายเค้าผ่ายผอม พีต้าดูเหมือนถูกทรมาน............
ผมจำได้ว่า
ผมอ้าปากค้างไม่หุบกับสิ่งที่ได้เห็น
ใครทำอะไรกับเค้ากัน! ทำไมพีต้าถึงเป็นแบบนี้! ผมน้ำตาเอ่อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
นึกถึงตอนที่ผมไม่สามารถรั้งมือของเค้าเอาไว้ได้ อีกครั้งหนึ่ง เป็นเพราะผม
เค้าถึงต้องเป็นอย่างนั้น......บัดซบเอ้ย!
บ้าที่สุด! ไอ้พวกแคปปิตอลชั่ว!
ผมเห็นพีต้าร้องไห้ น้ำตาของเค้าไหลไปด้วยขณะพูด
ผมเอื้อมมือไปแตะยังใบหน้าของเค้าบนจอภาพซึ่งแสดงอย่างชัดเจน และเป็นเพราะผมอยู่ในห้องส่วนตัวจึงไม่มีใครรู้ว่าผมเองก็ร้องไห้ด้วยเช่นกัน
ผมพร่ำขอโทษเค้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไร้คนรับฟัง จนในที่สุดพีต้าก็เริ่มพูดแปลกๆ เมื่อเห็นภาพของแคทนิสออกอากาศแทรกเข้ามา ใบหน้าเค้าดูหวาดกลัวระคนดีใจ
พีต้าคงรู้ว่าเราเองก็ยังอยู่และเค้าจะได้กลับมาหาอ้อมอกของเราอีกครั้ง
แต่เค้าก็ยังคงพูดบทที่แคปปิตอลป้อนต่อไป
จนกระทั่งพีต้าตัดสินใจทำลายความปลอดภัยของตัวเองทิ้งไปซะ
“พวกเค้ากำลังไป พวกเค้าจะฆ่าหมดทุกคนในเขต 13 เธอต้องตายตอนเช้า....”
พีต้าประกาศกร้าวออกอากาศเตือนพวกเราถึงภัยที่กำลังตามมา เด็กหนุ่มผู้ตื่นกลัวของผมกล้าหาญ ท้าทายกับพวกทหารที่อยู่รอบตัวเค้า
ก่อนจะมีคนเข้ามาจับตัวเค้าแล้วการออกอากาศก็โดนตัดไป
พวกกบฏอย่างเราโดนล่วงรู้ตำแหน่งอีกแล้ว!
ผมหยุดหายใจไปเลยเมื่อภาพของพีต้าหายไป ผมเผลอใช้มือปัดป่ายไปบนจอภาพ
ถึงแม้จะรู้ว่าทำอะไรไม่ได้ก็ตาม
แต่การที่พีต้าทำแบบนั้นเป็นอะไรที่บ้าระห่ำมาก
เค้ากำลังจะขุดหลุมฝังตัวเองโดยที่มีพวกแคปปิตอลเป็นคนลั่นไกยิงเค้าดับลงหลุมนะ
พีต้า! พีต้า! พีต้านายทำอะไรลงไป
พวกนั้นจะฆ่านายนะ!
ผมนิ่งอึ้งอยู่หน้าจอในห้องของตัวเองในตอนที่พีต้าหายไปต่อหน้าต่อตา รู้สึกไม่ชอบใจที่พีต้าดูแย่มาก แต่อีกใจหนึ่งผมก็เคียดแค้นพวกแคปปิตอลที่บังคับและทำร้ายเค้า จนทำให้พีต้าไม่มีทางเลือก
เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น
ผมยังคงใคร่ครวญถึงความปลอดภัยของพีต้า
กระทั่งมีชายสองคนวิ่งเข้ามาในห้อง
แล้วลากผมลงไปหลบภัยที่ชั้นล่างสุดพร้อมกับคนอื่นๆ ผมไม่ให้ความร่วมมือ
และโวยว่าเราจะต้องไปช่วยเค้าพร้อมกับคนอื่นๆ ที่ถูกสโนว์จับตัวไป พวกมันจะฆ่าพีต้า!
แต่พวกเค้าก็ไม่ฟังผม ใช้เวลาพอสมควรที่พวกเค้าจะเอาผมลงไปได้
และไม่นานนักยานของแคปปิตอลก็มาถึงพร้อมกับระดมทิ้งระเบิดลงมาแบบไม่ยั้ง เพดานเหนือหัวของเราสั่นสะเทือนและเกิดรอยแตกร้าวไปทั่วจนน่าวิตกว่าเราจะไม่รอดกันทั้งหมด แต่ท้ายที่สุดแล้วผู้คนในเขต 13
ก็ผ่านมันไปได้จนกระทั่งรุ่งเช้า
ทุกคนที่ลี้ภัยดูเหนื่อยล้า เศร้าสร้อย
และเสียขวัญ
แคทนิสถูกเรียกตัวไปถ่ายทำอีกครั้ง
หลังจากที่เมื่อคืนผมเริ่มสงบสติอารมณ์และได้คุยกับเธออีกเล็กน้อย
เธอดูอ่อนแอไปเลยเมื่อเทียบกับเรื่องที่ผมเคยเจอ........แต่ใช่
นั่นมันก็เป็นเรื่องจริงอยู่หรอกที่มันจะออกมาในรูปนั้น ก็เพราะว่าเธอเป็นเพียงแค่เด็กสาวคนหนึ่งที่มีเพียงครอบครัวเป็นโลกทั้งใบหมุนอยู่รอบตัวเพียงเท่านั้น.........เธออาจมีบางส่วนที่คล้ายพีต้า
นั่นคือไม่ต้องการที่จะมีส่วนร่วมในสงครามนี้
และข่าวดีของผมก็มาถึง
พลูตาร์ชกำลังจะจัดคนให้เข้าไปช่วยตัวประกันในแคปปิตอล ผมยืนตัวตรงอาสาคนแรก
พร้อมทั้งยืนยันกับพวกเค้าว่าผมแข็งแรงดีแล้ว
แต่เฮย์มิชบอกว่าแคทนิสไม่ยอมพูดเพื่อออกอากาศ ผมขมวดคิ้ว
ผมถูกรั้งไว้ให้อยู่ที่นี่ ที่เขต 13
เพื่อพูดแทนแคทนิสเมื่อเธอไม่ยอมพูด
แต่ผมอยากไปใจจะขาด!
“ทำไมต้องเป็นผม ผมอยากไปกับพวกนั้น......เฮ้ พลูตาร์ชคุณก็รู้ว่าผมทำอะไรได้
ให้ผมไปเถอะ ได้โปรด”
ผมหันไปขอร้องกับพลูตาร์ช
แต่เค้ากลับทำทีท่าเมินเฉย ไม่น่าพอใจนั้นบ่อยมากเกินไปเสียแล้ว
“คงไม่ได้หรอกฟินนิค
นอกจากแคทนิสแล้วก็มีแต่เธอเท่านั้นที่อยู่ในเกมส์ครั้งสุดท้ายและอยู่ข้างแคทนิส
และที่สำคัญที่สุดก็คือพวกเค้าจะเชื่อว่าเธอพูดอะไรออกไป
พวกเค้าจะฟังเธออย่างตั้งใจรวมทั้งสโนว์ด้วย”
นี่ผมจะต้องเจอกับคำนี้อีกนานแค่ไหนเนี่ย!
ผมไม่ชอบให้ทุกคนคิดว่าผมเดินตามหรือทำงานให้กับแคทนิส!
เธอแทบไม่ออกคำสั่งหรือทำบ้าอะไรเลย
เธอเหมือนหุ่นเชิดมากกว่า
ผมไม่พอใจทำท่าปึงปัง
แต่สุดท้ายแล้วผมก็จำใจต้องทำ..........ออกไปพูดแทนแคทนิส
และไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ในการช่วยเหลือตัวประกันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
ผมพูดทุกอย่างที่พอจะซื้อเวลาให้พวกที่เข้าไปช่วยเหลือได้บ้าง
แต่ท้ายที่สุดแล้วสัญญาณของเราก็โดนตัดไป........แคทนิสบอกผมว่า
สโนว์รู้ว่าเราแอบลอบเข้าไป
ผมรู้สึกเหมือนโดนฟาดเข้าที่หัวด้วยด้ามปืนอีกครั้งหนึ่ง อยากจะออกไปข้างนอกแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่รออย่างร้อนใจ
จนกระทั่งยานของเรากลับมาพร้อมกับตัวประกันที่ช่วยมาได้สำเร็จ
มีคนบอกว่ามันช่างปาฏิหาริย์นักที่ยานของเราบินผ่านแนวป้องกันของแคปปิตอลกลับออกมาได้ พวกนั้นไม่ยิง
แต่กลับปล่อยให้ยานของเราผ่านออกมาง่ายๆ ราวกับได้รับบัตรเชิญกิตติมาศักดิ์
ผมเป็นคนแรกที่เห็นยานกลับเข้าฐานมา เพราะแทนที่จะไปนั่งกุมขมับชวนปวดหัวอยู่ในห้อง
ผมก็ออกมารอพวกเค้าที่ลานบินอย่างใจจดจ่อ
หัวใจผมหยุดเต้นอีกครั้งเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่ทราบได้ ในตอนที่ยานลงลำจอดสนิท.............
ผมเดินเข้าไป แต่ช้ากว่าหน่วยพยาบาลเล็กน้อย
พวกคนที่ใส่ชุดสะอาดสะอ้านกรูกันเข้าไปหาคนที่ก้าวเท้าออกมาจากอากาศยานเป็นคนแรกและเบียดผมออกไปจากวงก่อนจะได้เห็นอะไรๆ
เสียอีก
และในท้ายที่สุดแล้วผมก็เลยต้องมายืนชะเง้อชะแง้อยู่ที่ด้านนอกอย่างระส่ำระส่ายแทน จนพวกเค้าเคลื่อนพลไปยังหน่วยพยาบาล
ผมจึงเดินตามขบวนที่ถูกล้อมหน้าล้อมหลังด้วยทีมแพทย์ผู้ตื่นตัวไปอย่างติดๆ
รออยู่ครู่หนึ่งก่อนความชุลมุนวุ่นวายภายในห้องพยาบาลจะเริ่มเบาบางลง
พยาบาลกับหมอออกมาดูแลคนที่อยู่ในห้องรวม......พีต้าน่าจะอยู่ในห้องส่วนตัวอีกห้องหนึ่งซึ่งผมเห็นว่ามีพยาบาลเข้าออกเป็นระยะๆ
แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว
ผมจึงแอบเข้าไปหาพีต้า
แทรกตัวผ่านความวุ่นวายนั้นไป
เดินผ่านทุกๆ คน ทิ้งแอนนี่ไว้เบื้องหลัง (แม้ต่อมาผมจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเดินผ่านเธอมาก็ตาม สารภาพเลยก็ได้ ผมยอมรับว่าผมลืมเธอไปชั่วขณะ)
ผมเดินผ่านเหล่าพยาบาลและบุรุษแพทย์ที่หยุดมือแล้วมองมาทางผมอย่างนึกฉงน
ตรงมาที่ประตู
กระจกใสซึ่งมีตัวหนังสือพาดทับอยู่ทำให้มองลอดเข้าไปด้านในของห้องได้แต่ก็ไม่มากนัก
ซึ่งอันที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้สอดส่องสายตาเข้าไปในนั้นเลย ผมตื่นเต้น.......ที่จะได้เจอพีต้า อยากเห็นหน้าเค้า อยากเห็นว่าเค้าปลอดภัยดี
อยากบอกว่าผมขอโทษที่ทำให้เค้าต้องไปเจอเรื่องเลวร้าย
เพราะงั้น
ผมก็เลยกลั้นหายใจแล้วไม่ผลักประตูเข้าไปในทันที.......เพราะผมเกรงว่าพีต้าอาจจะโกรธผมไปแล้วที่ทิ้งเค้า เค้าจะโกรธผมไหมนะ? ถ้าไม่เข้าไปผมก็คงจะไม่ได้รับคำตอบ
และอีกอย่างผมก็อยากเจอเค้ามากกว่าใครทั้งนั้น..............
และเมื่อตัดสินใจแล้ว
ดังนั้นผมจึงออกแรงเพียงเล็กน้อยเพื่อผลักประตูเข้าไป
ภาพแรกที่ผมเห็น
ยามเมื่อประตูดีดตัวออกอย่างรวดเร็วก็คือ
พยาบาลสองสามคนที่เดินวนอยู่รอบ.........เด็กหนุ่มแผ่นหลังบอบบางที่ถูกสวมทับด้วยชุดสีขาวของคนไข้
เส้นผมสีทองเงางามนั้นดูหม่นหมองลงไปถนัดตามากเกินกว่าที่ผมจำได้
......พีต้า.......
ผมเข้าไป
จนกระทั่งประตูดีดตัวกลับอย่างเงียบเชียบแล้วผมก็ยังคงไม่ได้ขยับไปไหน.....ทำไมเค้าถึงได้ดูเป็นแบบนั้นกัน.......ผมย่นคิ้ว
และมีสีหน้าวิตกกังวลไปโดยไม่รู้ตัว
“เอ่อ ขอโทษนะคะ....”
“ไม่เป็นไรครับ ผมขออยู่กับเค้าตามลำพัง” ผมเอ่ย ยกมือขึ้นน้อยๆ เป็นเชิงว่าไม่เป็นไร
และต้องการให้เป็นเช่นนั้น
เมื่อพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วพูดกับผมยังไม่ทันจะได้จบประโยคเสียด้วยซ้ำ เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจแม้ความสงสัยจะมีมากกว่าก็ตาม
ก่อนจะออกไปพร้อมกับคนอื่นๆ
ปล่อยให้ผมได้อยู่กับเด็กหนุ่มที่ยังคงนั่งหันหลังอยู่บนเตียงพยาบาลตามลำพัง
ภายในห้องนี้เงียบทันทีเมื่อพวกพยาบาลออกไป ผมกลืนของเหลวลงคอ........พีต้าตัวเล็กลง ใช่ เค้าตัวเล็กลงมาก รึไม่ใช่สิ
ต้องพูดว่าผ่ายผอมต่างหาก ลำแขนของเค้าที่วางอยู่บนพื้นเตียงดูเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
ลำคอด้านหลังนั้นปรากฏเป็นร่องของกระดูกและเส้นเอ็น ใครทำอะไรเค้า
ทำไมถึง.......
“พีต้า“ ผมเอ่ยเรียก
มันฟังดูคล้ายเสียงกระซิบมากทีเดียว
เรือนผมสีทองหม่นขยับหันมาเล็กน้อย แต่ก็เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ผมเห็นโหนกแก้มสีช้ำของเค้าโผล่พ้นองศาออกมา ก่อนจะรีบรุดเข้าไปดูทันที
แต่พอเดินเข้าไปประจันหน้ากับพีต้าผมก็ต้องชะงักทันที
................พีต้าเปลี่ยนไป.............
และไม่ใช่ในทางที่ดีนัก
ผมหยุดหายใจไปชั่วขณะในตอนที่ไล่มองไปตามสัดส่วนที่เคยสดใสของพีต้า ซึ่งบัดนี้กลับดูเหี่ยวเฉาลง ร่างกายของเค้าเล็กแห้งราวกับเป็นเด็กขาดสารอาหารมาตั้งแต่เกิด ใบหน้าของเค้าพกช้ำ ซูบเซียวลง รอยคล้ำกับรอยช้ำใต้ตามันบ่งชัดว่าเค้าเจอไปอะไรมาบ้าง
และดวงตาสีน้ำตาลประกายทองที่เก็บงำดวงดาวนับล้านที่ผมหลงใหล
ก็ดูหม่นหมองลงไปมากมายอย่างน่าใจหาย
มันไม่ฉายแววระยิบระยับเปล่งประกายราวกับเด็กซุกซนอีกแล้ว ดวงตาที่แสดงถึงความอบอุ่นดุจแสงแดดอ่อนแรกแย้มของวัน
และความอ่อนโยนของเด็กหนุ่มไม่หลงเหลืออยู่เลย
ผมเห็นเพียงแค่แววตาหวาดระแวง
แสดงความเจ็บปวดและเหนื่อยล้า เหลือบขึ้นมามองผมอย่างระแวดระวังและคุกคาม
ถึงร่างกายเค้าจะดูผอมแห้งแต่ท่าทางก็ดูพร้อมที่จะมีเรื่องได้ทุกเมื่อ ริมฝีปากบางเชียบซีดเซียวของเค้าเม้มเข้าหากัน ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะร้องไห้
“พีต้า....”
เค้าขยับหนีผมทันทีที่ผมเอ่ยชื่อและเอื้อมมือจะแตะเค้า พีต้าตาขวาง นิ้วมือเล็กๆ
นั้นกำเข้าหากันแน่นอย่างไม่ไว้ใจ
นั้นทำให้ผมชะงักไปเลย
“ฉันเองไง ฟินนิค....นี่ฉันเอง”
พีต้ายังคงนิ่ง มองผมตาขวาง
ราวกับเห็นคนแปลกหน้า......นี่อย่าบอกนะว่าเค้า
“....นายจำฉันได้ไหม”
ผมเอ่ยคำถามกรีดแทงหัวใจตัวเองไปในที่สุด
และใช่
ปฏิกิริยาเช่นนั้นของเด็กหนุ่มที่ผมรู้สึกอยากที่จะขอโทษมากที่สุดก็กรีดย้ำมันลงเข้าไปอีก
พีต้าจำผมไม่ได้
“พีต้านาย...”
ผมคิดจะเดินเข้าไปหาเค้าให้ใกล้มากขึ้นกว่านี้อีก เพื่อบอกเค้าว่านี่คือผมเอง แต่พีต้ากลับกำหมัดแน่นทำท่าจะต่อยผม
คนที่อยู่นอกเหนือความทรงจำอย่างผมจึงต้องยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างเสียไม่ได้ ทำไม...เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน หากเป็นในเวลาปรกติ
เค้าคงจะวิ่งเข้ามากอดผมแล้วแท้ๆ
แต่พวกนั้นล้างสมองเค้าอย่างงั้นหรือ?!
เด็กหนุ่มผู้มีพลังงานแห่งความอ่อนโยนและความสดใสเหลือล้นของผมกำลังถูกห่มคลุมด้วยความน่ารังเกียจของแคปปิตอล พวกมันสาดความร้ายกาจ
และฉีกกระชากความใสซื่อบริสุทธิ์ของเค้าไป
แทนคนอื่นๆ ที่สโนว์เห็นสมควรว่าจะได้รับ.....ไม่ ไม่ใช่เค้า
อย่างน้อยก็ต้องไม่ใช่พีต้า!
เค้าดูน่าสงสาร ทั้งๆ
ที่ไม่อยากเข้ามามีส่วนร่วมกับสงครามครั้งนี้
พีต้าไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยซ้ำ เค้าเคยบอกว่าอยากอยู่บ้าน อบขนมปัง
ทำในสิ่งที่เค้ารักและได้อยู่กับแม่อย่างสงบสุข
แค่นั้นทุกวันก็มีค่าสำหรับเค้าแล้ว
แต่ว่านอกจากจะต้องหนีตายหัวซุกหัวซุนแล้วเด็กหนุ่มผมสีเปล่งประกายของผมก็ยังต้องมาเจอเรื่องที่ทำให้เค้าต้องโดนทำร้ายจนย่ำแย่แบบนี้อีก
พีต้าทำอะไรผิดกัน
ทำไมถึงต้องเป็นเค้า.....พวกนั้นระบุตัวชัดว่าต้องเป็นพีต้าเท่านั้น ทำไมถึงไม่เป็นคนอื่น จะเป็นผมก็ได้ ถ้าหากรู้อย่างนี้ตั้งแต่แรกผมจะขอไปแทนเค้าเอง
ผมจะไม่ยอมให้เค้าโดนทำร้ายหรือต้องทรมานเด็ดขาด
พีต้าอ่อนแอเกินไปที่จะต้องรับมือกับความโหดเหี้ยมของสโนว์......เค้าดูน่าสงสารโดยที่ไม่มีใครรับรู้เลยว่าเค้าจะต้องทุกข์ทนมากแค่ไหน
และที่สำคัญผมซึ่งเป็นห่วงเป็นใยเค้ามากที่สุดไม่สามารถทำอะไรได้เลย..........
..............ทำไม่ได้ แม้แต่จะรั้งพีต้าไว้ในอ้อมกอด
ผมรู้สึกถึงน้ำตาหยดแรกที่ไหลลงมาอาบแก้ของตัวเอง แต่มันไม่ได้มาจากความเสียใจของผม
ผมไม่อยากร้องไห้ให้พีต้าเห็นถึงแม้ว่าเค้าจะจำผมไม่ได้แล้วก็ตาม ผมส่ายหน้าให้ตัวเองก่อนจะเดินออกไปจากห้องนั้นทิ้งให้พีต้ากำหมัดอยู่คนเดียว ผมเดินออกจากห้องพยาบาลไป ตรงดิ่งไปที่ห้องของตัวเอง
และทันทีที่ประตูปิดลงผมก็ทรุดนั่งลงตรงนั้น แล้วร้องไห้ออกมา
ผมมันแย่เอง ไม่ดีพอ ที่ช่วยพีต้าเอาไว้ไม่ได้ มันไม่ใช่ความผิดของเค้าเลยที่ต้องโดนจับตัวไป ถูกบังคับให้พูดและโดนทรมานแบบนั้น ผมเคยสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะดูแลปกป้องเค้า
เพราะเค้าเป็นสิ่งที่ดีงามและบริสุทธิ์ที่สุดท่ามกลางเรื่องเลวร้ายและผู้คนที่เห็นแก่ตัว
เอาแต่แก่งแย่งอะไรพวกนั้น......สุดท้ายแล้วสิ่งที่พวกเค้าจะได้มันก็คือเถ้าถ่านหลังจากการทำลายล้างของสโนว์ ไอ้แก่ชั่วช้านั่น!
ผมเสียใจที่ปกป้องพีต้าเอาไว้ไม่ได้
ปล่อยให้เค้าอยู่ในเงื้อมือของสโนว์และไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ถึงแม้ว่าจะดิ้นรนสุดตัวแล้วก็ตาม........เป็นผมเองที่ไม่สามารถช่วยเค้าเอาไว้ได้ เป็นผมเอง...........
***************************************************************************
“ฟินนิค พวกเค้ามาถึงแล้ว กำลังรับการรักษาอยู่ นายจะไปดูไหม”
บ็อกส์เข้ามาบอกผม และยืนตัวตรงตามแบบทหารอยู่ที่หน้าประตูของผม
เค้าเอ่ยเหมือนคนที่เห็นใจผู้ที่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปอย่างผม ผมหันหน้าออกมาจากผนังห้องที่ไม่น่ามองเท่าไรนัก
แล้วกวาดสายตามองไปที่แขกผู้มาเยือนอย่างเรียบเฉย
ในตอนนั้นเองที่ผมนึกอยากจะหัวเราะสมเพสตัวเอง
เมื่อครั้งที่เรายังอยู่ในเขตอพยพ
ผมยังเป็นคนที่มีงานล้นมือไม่เคยว่างและหาตัวจับยากเสมอ ในตอนนั้นมีแต่คนเกรงใจผม ชื่นชม
และอยากพบเห็นตัวจริงของผม
แต่ตอนนี้ผมกลับกลายเป็นคนไข้ที่ป่วยจิต
เป็นคนที่น่าสมเพสคนหนึ่งที่ไร้ชีวิตดูไม่ได้ และต้องมีคนมาเชื้อเชิญราวกับเป็นผู้ที่ต้องได้รับการเอื้อเฟื้อเผื่อน้ำใจให้
ผมนึกได้ว่ายังไม่ได้เห็นหน้าแอนนี่เลยจึงได้ลุกตามบ็อกส์
ไปยังห้องพยาบาลที่ผมเพิ่งจะออกมาเมื่อไม่นานมานี้
ผมไม่ได้เอ่ยปากบอกบ็อกส์หรือใครทั้งนั้นว่าผมได้เข้าไปก่อนคนอื่นๆ
แล้ว
ความเสียใจยังคงเกาะกุมและกัดกินหัวใจของผมต่อไปเรื่อยๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมเห็นสายตาของบ็อกส์ที่มองมายังผม เค้าคงจะสงสัยว่าทำไมผมถึงได้มีห้องส่วนตัวและถูกพลูตาร์ชกำชับให้ดูแลอย่างดีขนาดนั้น......ผมมันไม่ควรค่าแก่การได้รับมัน บ็อกส์คงคิดอย่างนั้น
แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเค้า
ปล่อยให้ผู้พันผิวสีมาดเข้มคิดอย่างนั้นไปเถอะ
ผมได้แต่เหม่อมองออกไปตามทางที่ลิฟต์พาเราเลื่อนผ่านลงไป สายตาของผมเหม่อลอยและว่างเปล่า บ็อกส์หยุดเพื่อรับแคทนิสมาด้วย
เค้าดูเคารพม็อกกิ้งเจย์อย่างเธอมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด แคทนิสกระซิบเรียกชื่อผมและบีบมือผมเล็กน้อย แต่ผมก็ยังคงมีสายตาว่างเปล่า
จนกระทั่งไปถึงห้องพยาบาล
แคทนิสวิ่งเข้าไปก่อน
และในตอนนั้นเองที่ผมเห็นแอนนี่น้องสาวของตัวเอง ผมเพิ่งจำเธอได้
และไม่จำเป็นต้องออกแรงวิ่งให้เสียเวลาเลย
เธอเองก็เห็นผมและกู่ร้องเรียกชื่อผมเสียงดัง
ก่อนวิ่งโผเข้ามากอดผมอย่างรวดเร็ว
“ฟินนิค....ฟินนิค!”
.
.
.
TBC.
------------------------------------------------------------------------------------------
โธ่ววววววววว ฟินนิคอย่าโทษตัวเองสิคะ TUT ไม่เอานะคะ จุ๊ๆๆ //จุ๊ปากแล้วส่ายหน้า// ถ้าฟินนิคไม่เข้าไปช่วยพีต้าในตอนนั้น
พีต้าน้อยๆ ของเราก็คงจะเป็นอะไรไปแล้วล่ะค่ะ
มันไม่ใช่ความผิดของฟินนิคแมนเลยนะคะ
มันเป็นความผิดของตาแก่สโนว์นั่นต่างหาก! //ดึงหงอกคนแก่// แล้วก็ถ้าไม่ใช่เพราะแคทนิสที่ไม่ยอมรอพีต้าน้อยๆ
//ดึงเบียนาง//
//สักพักโดนธนูเสียบ// โอเคๆ ก็ได้ จิไม่ว่าก็ได้
เห็นว่ารู้สึกผิดที่ทิ้งพีต้าไว้หรอกนะ
ชริๆ แต่ก็ใช่ว่าจะทดแทนได้หรอกนะ
//เอ่อ...คือ ไรท์เป็นอะไรกับนางเอกของหนังทุกเรื่องคะเนี่ย
-*-//
ติดตาม Part สุดท้ายของภาคนี้กันได้ในตอนหน้าเลยค่ะ
>< และนี่คือเฟสไรท์ค่ะ เอาไว้ส่องว่าจะลงภาคหน้าอีกเมื่อไร (แต่คงจะเป็นหลังจาก
The Hunger Games ภาคสุดท้ายฉายไปแล้วนะคะ -*-) + (รีดเตะ....แล้วแกจะพูดทำไม ห๊า! >[]<)
>>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<< จิ้มเลยค่าาาา เอาไว้คุยกับไรท์ก็ได้นะคะ ^^
ขอบคุณอย่างสุดหัวใจสำหรับการติดตามอ่านฟิคของไรท์ค่ะ ขอบพระคุณค่ะ M_ _M //โค้งสุดตัว// คอมเม้นท์กันด้วยนะค่าาาาาา ^^
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
1 ความคิดเห็น:
ต้องรอสินะคะ? 😭😭😭😭 ใจร้ายอะไรท์
แสดงความคิดเห็น