ฮ่อลลลล
กลับมาแล้วค่ะรีดดด ><! ก่อนอื่นต้องขออภัยอย่างสู๊งงเลยค่ะที่แบบว่า....MaLec
จบแล้วเหรอ? แว๊ยๆๆ ยังไม่จบนะคะ ยังค้าาาา
5555 //หัวเราะแห้งๆ// +
//สักพักโดนรีดตบ// คือว่าไรท์ช่วงนี้มึนมากเลยค่ะ
และก็มีเรื่องแย่ๆ เข้ามาอีกค่ะ โอยยยย
อยากจะเอาหัวโขกขอบประตูตายให้มันรู้แล้วรู้รอดเลยค่ะรีดขาาาา //รีดบีบคอแล้วเขย่า...แกมาลงฟิคให้ฉันให้หมดก่อนสิยะ
แล้วค่อยตายได้//
เอื้ออออ โอเคค่ะรีดขา เรากลับมาต่อใน Part ปัจจุบันของเรากันนะคะ ต่อเนื่องจาก MaLec Part 27 เลยค่ะ ซึ่งก็อย่ากระไรเลยค่ะ
ไรท์นี่พิรี่พิไรมาก
เราไปอ่านกันเลยดีกว่าค่าาา
แม็กนัสมาช่วยอเล็คแล้วววววว
ในที่สุด
อเล็คของเราก็ได้รับความรักเสียทีค่ะ TUT //กระซิกๆ//
----------------------------------------------------------------------------------------------
และทันทีที่รู้ว่าเป็นแม็กนัสจริงๆ
ร่างบางก็ถึงกับถลากลับเข้าไปกอดเพื่อนร่างสูงทันที
ในคราแรกอเล็คหลงคิดไปว่าเค้าอาจเห็นภาพหลอนไปเอง
เพราะต้องการอยากจะเจอแม็กนัสเป็นอย่างมาก
แต่พอได้รับสัมผัสที่อบอุ่น พร้อมทั้งคำปลอบโยนที่คุ้นเคยกลับมา ร่างบางก็ยิ่งแน่ใจ
แล้วซุกหน้าเข้าไปหาอกอุ่นอันแข็งแรงของแม็กนัสมากเข้าไปอีก
ร่างสูงสะโอดสะองถอดแจ็คแก็ตแล้วห่มคลุมให้อเล็ค
เจซที่จกกระเป๋าเสื้อกั๊กมีฮู้ดอยู่ก็เอ่ยขึ้นอย่างลอยๆ “ฉันเองก็มานะ
อย่าเอาดีคนเดียวสิ” ร่างสูงผมบล์อนว่า
ก่อนจะใช้เท้าเขี่ยไปที่มิคาเอลหลังจากมองดูหน้าจอที่เรียงรายอยู่เต็มกำแพงห้องของบุคคลที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นอย่างมีสีหน้ารังเกียจ
ก่อนเจซจะทำหน้าเอะใจ “เฮ้ ฉันเคยเห็นหน้าหมอนี่นะ....เอ่อ แบบว่าในตอนที่เลือดไม่กบหน้าแบบนี้น่ะ”
แม็กนัสที่โอบกอดเพื่อนตัวน้อยราวกับว่าถ้าหากปล่อยไปแล้วอีกคนหนึ่งจะหายไป
ก็เงยหน้าขึ้นมาหาเจซแล้วตั้งคำถามทางสีหน้าใส่
ร่างสูงผิวสีแทนไม่ต้องการเอ่ยอะไรมากนักเพราะต้องการให้อเล็ครู้สึกว่าเค้าให้ความสำคัญมากกว่าสิ่งใด
แต่เจซน่ะให้อยู่นอกเหนือความสำคัญน่ะดีแล้ว
ร่างสูงผมบล์อนที่ไม่รู้ตัวว่าไม่ได้รับการให้ความสำคัญก็พูดต่อไปโดยที่มีร่างสูงผิวสีแทนสะโอดสะอง
ตั้งหน้าตั้งตาฟังอยู่บนเตียง
เจซนั่งยองๆ
ดูใบหน้าเปื้อนเลือดของมิคาเอล “มิค...มิคาเอล
ควอส์” ร่างสูงโปร่งที่แต่งตัวเหมือนหลุดออกมาจากหนังสือโรแมนติกแฟนตาซี
เอ่ยอย่างไม่แน่ใจนัก แต่ทว่าเค้าก็พูดถูก
“ใครนะ?” แม็กนัสทวน
“มิคาเอล ควอส์
ฉันเคยเห็นรูปหมอนี่จากเพื่อนของยัยน้องสาวจอมเหวี่ยงของฉันเอง เอิ่ม ไซม่อนมั้ง ใช่ ไซม่อน เจ้าแว่นหางหนูของคลารี่
เอารูปนี้มาอวดฉันตอนเค้าที่ไปปาร์ตี้ของพวกที่ชอบทำตัวลึกลับในแมนฮัตตัน
เจ้าแว่นนั่นเอาแต่พูดถึงเรื่องที่ฉันไม่รู้เรื่องแล้วก็บอกว่าเจ้านี่...”
เจซลุกขึ้นมาแล้ว
และใช้เท้าชี้ไปที่มิคาเอล
“...เป็นแฮคเกอร์ระดับพระกาฬ รายได้บางทีเดือนละเป็นแสนจากการรับงานใต้ดินของพวกนอกกฏหมาย และก็ไม่ชอบทำตัวสุงสิงกับใคร ขนาดเจ้าไซม่อนที่ว่าคลั่งจัดชวนคุยด้วย
ไอ้หมอนี่มันยังไม่ยอมพูดอะไรเลย”
แม็กนัสขมวดคิ้วแน่น
มองใบหน้าที่ยังคงไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ของเจ้าของห้องแห่งนี้ แล้วสังเกตเห็นสีหน้าเจ็บใจของเจซ
“มิน่าล่ะ ทำตัวลึกลับขนาดนั้น
แถมหน้าจริงยังชั่วขนาดผีห่ามาโปรดขนาดนี้....ไอ้หมอนี่มันถึงได้ตบตาฉันซะสนิทไปเลย ผับผ่าสิ!
บังอาจมาใช้แค่แว่นหนาๆ หลอกฉันยังงั้นเหรอ!
มันจะมากเกินไปแล้วไอ้มนุษย์คอมนี่!”ร่างสูงที่อายุยังน้อยเมื่อเทียบกับการกระทำนั้นทำหัวฟัดหัวเหวี่ยง
รู้สึกโมโหไม่น้อยที่ปล่อยให้มิคาเอลเข้าใกล้และวนเวียนอยู่รอบตัวของอเล็คมาเป็นเวลานาน
จนกระทั่งเพื่อนร่างบางที่เค้ารักต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เข้า
บ้าบอที่สุด!
แม็กนัสจึงออกความคิดเห็นขึ้นบ้าง
“ฉันว่าหมอนี่น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น
เพราะฉันไม่คิดว่าจะเป็นได้ถึงขนาดนี้....”
เค้าเอ่ยถึงความคลั่งไคล่ของมิคาเอล
ในขณะที่เจซเดินเข้ามาดูอเล็คบ้างในที่สุด
เด็กหนุ่มผมบล์อนแย่งอเล็คมากอดแล้วลูบศีรษะร่างที่ยังไม่หายเสียขวัญเบาๆ
แม็กนัสมองตาม
รู้สึกขัดใจอย่างเสียไม่ได้
“อย่าทำหน้างั้นสิพวก....นายเองก็ต้องขอบคุณหูของฉันนะที่สัมผัสไวสุดยอดไปเลยน่ะ ไม่งั้นถ้านายพรวดพราดออกไป
ป่านนี้อเล็คจะเป็นอย่างไงบ้างแล้วก็ไม่รู้”
เจซว่า ดูเหมือนตัวเองเป็นพระเอก ใช่
เป็นเพราะตอนที่ขึ้นมาถึงห้องอเล็คแล้วใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปพบกับความว่างเปล่า หัวใจของเค้าทั้งสองก็ร้อนรนทันที
คิดตงิดในใจตั้งแต่เจอผู้ชายหน้าโหดสามคนเฝ้าทางเข้าอาร์พาร์ทเมนท์อยู่แล้ว
แม็กนัสกำลังจะเดินไปด้านนอกเพื่อหาในบริเวณอื่นเป็นเวลาเดียวกับที่เจซได้ยินเสียงดังเอะอะมาจากห้องของมิคาเอลในตอนที่อเล็คกำลังขัดขืนเข้าพอดี
“ฉันต้องขอบคุณนายสินะ”
แม็กนัสว่าประชด ก่อนจะประชดอีก “ซูเปอร์แมน”
“รู้ตัวหนิ”
เจซยิ้มอย่างรู้สึกสาแก่ใจ
เมื่อแม็กนัสเอ่ยยกย่อง ถึงแม้ว่าจะดูไม่จริงใจนัก
แต่ร่างสูงผมบล์อนก็พอใจแล้วกับคนที่เค้าเพิ่งทำใจหลีกทางให้
ถ้าหากอเล็คไม่ได้รักแม็กนัสมากกว่าที่เค้ารักอเล็ค มีหวังเค้าได้สั่งเก็บหมอนี่แน่นอน
แต่ก็นะ
อเล็คไม่ได้รักเค้า....
เจซทำหน้าเศร้า
ดวงตาสีอ่อนทอดมองไปยังร่างบางซึ่งส่งคืนไปให้อยู่ในอ้อมกอดของแม็กนัสอย่างหวงหา
แต่ทว่าในใจรู้และมั่นใจว่าอเล็คจะต้องมีความสุขแน่นอนหากมีแม็กนัสคอยดูแลอยู่ด้วย
ถึงแม้ว่าไอ้นายแบบขายถ่านนี่จะทำตัวไม่น่าให้อภัยก็ตามเถอะ
แต่อเล็คก็รักหมอนี่และแม็กนัสที่เพิ่งรู้ใจตัวเองก็เช่นเดียวกัน....
“เฮ้ ฉันว่าเราควรไปจากที่นี่ดีกว่า และ...เจซ
นั่นชื่อนายใช่ไหม?
ฝากแตะหมอนั่นที นั่นกำลังจะลุกขึ้นมาอีกแล้ว”
ร่างสูงสะโอดสะองซึ่งตระคองกอดและลูบหลังของเพื่อนตัวน้อยไม่ให้หันไปมองบุคคลที่ไม่ควรได้มองอีกพูด อเล็คตันสั่นเทาเพราะแรงสะอื้น
ในขณะที่ชายหนุ่มผมบล์อนกลอกตาขึ้นฟ้าแล้วเดินเร็วๆ
คล้ายเบื่อหน่ายตัดข้ามห้องพักแคบๆ ไปเตะมิคาเอล
เสียงบู๊ตหนักๆ ย้ำกระทบกับพื้น
และหนักมากกว่าเดิมเป็นสามเท่าเมื่อถึงตัวมิคาเอล
เจซจัดเต็มในส่วนของตัวเองไปในรองเท้าบู๊ตข้างนั้นด้วย ถือเสียว่าเป็นโบนัสตบท้ายต่อจากแม็กนัส
ที่บังอาจมาทำอย่างนี้กับอเล็คของพวกเค้าก็แล้วกัน
เจซเคาะสันรองเท้ากับพื้นไม้
แล้วล่วงเอามือถือในกระเป๋ากางเกงออกมา “นายพาอเล็คออกไปเถอะ ฉันจะจัดการที่เหลือเอง”
“นายจะโทรไปหาพ่อเหรอ?”
ร่างสูงผิวสีแทนเงยหน้ามองอย่างตั้งคำถาม........ก็เจซไม่ถูกกับวาเลนไทน์ซึ่งเป็นพ่อของเจ้าตัวนี่นา
การไปขอความช่วยเหลือถือว่าเสียเกียรติ์ของลูกชายผู้หยิ่งผยองเป็นอย่างยิ่ง
แม็กนัสรู้จักตระกลูนี้ดี
จากการเข้าสังคมของคนมีหน้ามีตา
วาเลนไทน์และลูกสาวสุดที่รักมักจะเข้ามาทักทายเค้าเสมอจนบางครั้งแม็กนัสก็แอบคิดไปว่าเศรษฐีคนนั้นคิดจ้องจะจับคู่เค้ากับลูกสาวของตัวเองอยู่รึเปล่า
และเห็นได้ชัดว่าวาเลนไทน์เองก็รอคอยการยอมศิโรราบของลูกชายคนโตอย่างเนื้อเต้นด้วยเช่นกัน แม็กนัสมีความเห็นเป็นเช่นนั้น
แต่เห็นทีว่าร่างสูงสะโอดสะองคงจะคิดผิดไปถนัดเสียแล้ว....
“ไม่
ฉันมีคนของฉัน....ไม่จำเป็นต้องพึ่งตาแก่งี่เง่าบ้าอำนาจคนนั้นหรอก”
เจซแสยะยิ้ม ว่าเสียงแข็งกร้าวและฟังดูสมเพชชายวัยกลางคนที่เอ่ยถึงเป็นอย่างยิ่ง
เจซจัดการได้และเค้าดูเหมือนพ่อโดยที่ไม่รู้ตัวเลย
ดังนั้นแม็กนัสจึงเลิกคิ้วขึ้น
แล้วยักไหล่เป็นเชิงว่า “ก็ช่างนายสิ” ก่อนจะลุกขึ้นกระซิบกับเพื่อนตัวน้อยแล้วช้อนร่างบางผู้ซึ่งเกาะเสื้อของเค้าไว้แน่น
ขึ้นมาพาร่างอันสั่นสะอื้นไม่หายนั้นปลีกตัวไปที่ห้องของเจ้าตัว
แม็กนัสมองเห็นเจซพูดงึมงำกับมือถือเพราะเค้าอยู่ไกลออกมาแล้ว ในตอนที่เข้ามาในห้องของอเล็ค
ร่างสูงของนายแบบดังวางตัวของเพื่อนสนิทที่เพิ่งทำให้พวกเค้าใจหายใจคว่ำลงบนเตียงขนาดนอนหนึ่งคนของเจ้าตัวอย่างเบามือ แล้วย้ายตัวเองลงมานั่งคุกเข่าอยู่เบื้องล่าง
ปล่อยให้เพื่อนตัวน้อยได้นั่งสบายอยู่บนเตียงเพียงคนเดียว
แม็กนัสท้าวข้อศอกกับหัวเข่าข้างหนึ่ง
มองดูอีกคนหนึ่งซึ่งกระชับขยำแจ็คเก็ตของเค้าซะแน่นติดมือ
แต่มือขาวบอบบางข้างหนึ่งก็ไม่ยอมปล่อยจากฝ่ามืออบอุ่นของร่างสูง แม็กนัสไม่ได้ดึงออกเช่นเมื่อสองสามปีก่อนแต่อย่างใด
แต่กลับบีบกระชับแน่นขึ้นแล้วเอื้อมมือที่ว่างอยู่ขึ้นไปปัดผมที่ปรกหน้าของอเล็คออกไปเหน็บไว้ที่ข้างใบหูนิ่มที่เค้าเคยได้สัมผัส
“นายโอเคใช่ไหม หมอนั่นไม่ได้ทำอะไรนายใช่รึเปล่าอเล็ค?”
แม็กนัสเอ่ยเสียงแผ่วเบาแต่ทว่าทุ้มต่ำและชัดเจน
คนถูกถามเชิดจมูกสีชมพูระเรื่อมาทางเค้าแล้วส่ายหน้าช้าๆ
ก่อนจะเบะปากเพราะเสียขวัญอีกครั้ง
อเล็คยังไร้เดียงสาเกินไปที่จะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
แม็กนัสกระชับมืออีก
แล้วเริ่มนำมือไปกอบกุมที่ข้างแก้มเปรอะน้ำตาของเพื่อน
แล้วเกลี่ยไปมาเพื่อให้รู้สึกถึงความอบอุ่น “ไม่ต้องกลัวอเล็ค ไม่ต้องกลัวนะ เป็นฉันเองนั่นแหละที่ต้องขอโทษนาย
ฉันน่าจะมาให้เร็วกว่านี้....น่าจะอยู่กับนาย ปกป้องนาย” ร่างสูงสะโอดสะองผมชี้โด่เด่แต่เป็นทรงสวยมีแววตาปวดร้าว
และความรู้สึกยามเมื่อต้องการให้แม็กนัสมาช่วยก็ประดังกลับเข้ามาหาร่างบาง
อเล็คหวาดกลัวมาก
คนเดียวที่อยากเจอที่สุดก็คือเพื่อนร่างสูงตรงหน้า เจ้าตัวเสียขวัญ
และแม็กนัสก็อยู่ตรงนี้แล้ว
อเล็คยกมือขึ้นมาเตรียมจะแตะมือที่ทาบอยู่บนแก้มใสของตัวเอง “อึก แม็กนัส....”
ร่างบางแสนน่าสงสารเอ่ยขึ้นราวกับตอนเด็กๆ
ที่เคยกลัวจนตัวสั่นและทำอะไรไม่ถูก เนื่องจากกลัวมาก
ยังไม่ทันที่จะได้สัมผัสหลังมือของแม็กนัส
เพื่อนร่างสูงก็ดีดตัวขึ้นมานั่งบนเตียง รวบกอดเจ้าตัวเข้าให้เสียแล้ว แม็กนัส
เบน
โอบกอดปลอบประโลมเพื่อนตัวน้อยด้วยสองมือที่อบอุ่นราวกับประกายไฟที่แผดเผา
เมื่อกี้นี้ที่ได้ยินเสียงของอเล็ค
แม็กนัสก็รู้สึกใจเสียขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ มันทำให้เค้านึกถึงความรู้สึกในตอนเด็กๆ
ความรู้สึกของอเล็คที่มีเพียงแค่เค้าเท่านั้นที่เข้าใจ
และมันทำให้รู้ว่าความคิดที่จะตีตัวออกห่างเพื่อทำให้อเล็คอยู่ได้ด้วยตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ผิดถนัด ผิดมหัตไปเลยจริงๆ เพราะเค้าเองก็เพิ่งหายโง่ว่าเหตุใดจึงได้เพ้อหาในยามที่ไม่ได้เจอหน้าอเล็คเช่นนี้และรู้สึกผิดอย่างมากมายที่รู้ว่าตนเป็นต้นเหตุในการร้องไห้หลายต่อหลายครั้งของเพื่อนตัวน้อย
และตัวอเล็คเองก็ขาดแม็กนัสไปไม่ได้ด้วยเช่นกัน
แม็กนัสปล่อยให้อเล็คฟังเสียงหัวใจที่เต้นอย่างหนักหน่วงเป็นจังหวะของเค้า
ในเวลาที่เสียงทุ้มต่ำอันอ่อนโยนนั้นเอ่ยขึ้นอย่างชัดเจน
“ไปอยู่กับฉันนะอเล็ค
ฉันคงจะยอมให้นายห่างไปไกลหูไกลตาแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว”
ร่างสูงสะโอดสะองรู้สึกถึงการเคลื่อไหวที่อกเสื้อของตัวเอง อเล็คกังขาและอาจจะไม่เห็นด้วย แต่เค้าไม่ยอม
“ถ้านายไม่ไป ฉันจะอุ้มนายขึ้นแล้วพาไปให้ถึงห้องของฉันเลย”
เค้าว่าแล้วยิ้มบางๆ ถึงทางเลือกที่สองซึ่งไม่ต่างจากข้อแรกนัก
เคยนึกสงสัยตัวเองอยู่หลายครั้งว่าทำไมถึงได้ชอบบังคับเพื่อนร่างบางคนนี้นัก
แต่ถ้าเค้าไม่ทำหน้าดุ
อเล็คก็คงจะสุขภาพแย่กว่านี้อีกล่ะนะ
“อึ อือ...แม็กนัส...”
อเล็คครางคล้ายโอดครวญ
“งั้นนายคงจะเลือกเก็บของตามไปทีหลังสินะ”
คนให้ทางเลือกว่าพลางทำทีจะสอดแขนไปใต้ขาของเพื่อนผู้สะดุ้งยกขาหนี
ใบหน้าอเล็คดูจะยังปรับตัวไม่ทันหลังจากเพิ่งผ่านเรื่องสะเทือนใจมา แม็กนัสไม่ปล่อยให้คิดเลย
อเล็คทำหน้าบูดเคล้ากับน้ำตา แม็กนัสจึงยักไหล่
“มันดีกับเราที่สุดแล้ว”
ประโยคนั้นช่างเหมือนราวกับแสงอาทิตย์ยามเย็นของฤดูร้อนที่ร้อนแรงจนอาจทำให้ตาพร่า
แต่ก็ทำให้อบอุ่นและปลอดภัยอย่างน่ามหัศจรรย์ด้วยเช่นกัน
แม็กนัสจูบอเล็คอย่างอ่อนโยน ท่ามกลางสายฝนที่เพิ่งหยุดตกไปและร่างบางที่เพิ่งจะหยุดร้องไห้
.
.
.
TBC.
-----------------------------------------------------------------------------------------------
โอ่วววววว อเล็คจ๋าา ปลอดภัยแล้วนะลูกก TUT คือดูๆ แล้วอเล็คเป็นเคะน้อยๆ ที่ไม่น่ารังแกมากเลยค่ะ
เพราะว่ามีคนคอยปกป้องถึงสองคน เมะแข็งแรงสุดแซ่บกับเมะสูงยาวสุดโหด.....
คือใครมายุ่งกับอเล็ค พ่ออัดแหลกค่ะ มิคาเอลเดี้ยงเลยค่ะ
แล้วคนอื่นจะต่างกันไหมลองถามใจดูล่ะกันนะเออ
งืออ ดูเหมือนจะเลือดขึ้นหน้ามากมายเลยค่ะ
แต่ว่าไอ้ที่กรี๊ดสุดยอดไปเลยก็คือ........อร๊ายยยยยยยยยยยยย! >< แม็กนัสชวนอเล็คไปอยู่ด้วยยยย >[]< //วกอารมณ์ท้าย
Part กลับมากรี๊ด -*-//
โหยๆๆๆๆ แม็กนัสคงหวังอยากจะให้อเล็คมาอยู่ด้วยสุดหัวใจเลยล่ะค่ะ >///< ใช่ๆๆ
แม็กนัสอย่าให้คลาดสายตาเลยนะ ดีๆ น่ารักๆ
อย่างอเล็คหาไม่ได้อีกแล้วนะ จะต้องเฝ้าเอาไว้เลยยย //ชี้หน้า//
Part ต่อไปๆ
คลิกเลยค่ะ ><
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น