วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2558

[FIC - TMI] + [Part 32] Your Heart……หัวใจนายเป็นของฉัน – Magnus x Alec



อร๊ายยย  กลับมาแล้วค่ะ หลังจากที่หายไปสามวัน (ใช่ป่าวนะ?)  55555  ไรท์มาพร้อมกับ Part รองสุดท้ายของเรื่องค่ะ  ฮ่อลลลล  ยิ่งพูดยิ่งตอกย้ำอ่าาา   แม็กนัสกับอเล็คก็จะ Happy ending แล้ว โอ้----  แต่ว่าตอนจบที่กำลังดำเนินอยู่นี้ก็น่ารักอย่างมากมายเยล่ะค่ะ  ถูกใจไรท์มาก  ชอบตอนจบมากๆ เลยล่ะค่ะ ^^

โอ๊ะ  ถ้างั้นเราก็ไปเสพ  เอ้ย! ไปอ่านกันเลยดีกว่านะคะ ><

ปะ ไปกันเลยค้าาา



---------------------------------------------------------------------------------------------



และกว่าจะล่วงเลยเวลาทำงานของคนเมืองอันเร่งรีบได้ ก็ทำเอาแม็กนัสหมดมุขจะหลอกล้อเลยไปทีเดียว

และเวลาก็ชอบเล่นตลกอย่างร้ายกาจเพราะอีกไม่ถึงสามชั่วโมงก็จะถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว  ผู้คนที่ออกมาหามื้อเที่ยงจะต้องสังเกตเห็นว่าร้านเปิดแล้วแน่ๆ และคงจะไม่ต้องสงสัยเลยว่าเด็กเฝ้าร้านเพียงคนเดียวจะเป็นอย่างไรเมื่อโดนกองทัพของมหาชนพุ่งเข้าใส่เหมือนกับคนจีนแย่งของฟรีแบบนั้นเข้า

แม็กนัสไม่อยากจะคิดเลย

แค้วกก!

“นั่นอะไรน่ะอเล็ค?” แม็กนัสเลิกคิ้วถาม  เมื่อเห็นเพื่อนร่างบางเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษแล้วฉีกมัน ก่อนจะยื่นส่งมาให้เค้าบนโต๊ะ

“ฉันเดินไปดูของที่หลังร้านมาน่ะ  ยังมีของสองสามอย่างที่จำเป็นต้องซื้อ  นายช่วยไปซื้อให้หน่อยสิ...นะ” ร่างบางผู้มีผิวขาวดุจหิมะแรกแย้มส่งยิ้มหวาน  ขอร้องให้เพื่อนร่างสูงทำตามคำที่ขอไป

แม็กนัสลู่ไหล่ลงราวกับเรือทิ้งสมอ  แต่เค้าก็มิอาจถอนตัวจากมนตร์สะกดของดวงตาสีฟ้าสวยและรอยยิ้มอันน่ามองนั้นได้เลยสักครั้ง

ให้ตายอเล็ค  ชักจะหนักข้อขึ้นทุกวันแล้วนะ  เจ้าหนูกินน้ำฝนนี่....

“โอเค  ก็ได้” ร่างสูงว่าก่อนจะอ่านรายการของเพียงไม่กี่อย่างบนกระดาษคร่าวๆ  แล้วยืดตัวสูงขึ้น โน้มตัวลงไปจูบปากกับอีกคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว  ก่อนร่างสูงสะโอดสะองของนายแบบหนุ่มชื่อดังจะยืนขึ้นจนเต็มความสูง แล้วเดินออกไป

“ฉันจะกลับมาให้เร็วที่สุด  ฉันสัญญา” แม็กนัสเอ่ย  จะกลับมาให้เร็วที่สุดซึ่งเป็นเพราะว่าห่วงใยอีกคนหนึ่งที่ไม่น่าไว้วางใจให้อยู่ร้านคนเดียวเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะเดินกำกุญแจรถคันหรูออกไป  ทิ้งให้เพื่อนร่างบางนั่งหน้าขึ้นสีอยู่ที่เดิมอย่างตั้งตัวไม่ทัน

กริ๊งง...

แม็กนัสออกไปแล้ว  พร้อมกับเสียงกระดิ่งน้อยๆ ที่ดังขึ้นเมื่อเปิดประตูแล้วปิดลง  อเล็คเห็นรถคันสีเทาเงินซึ่งเป็นอีกหนึ่งในคอลเล็คชั่นรถซิ่งของเพื่อนร่างสูงพุ่งออกไปจากหน้าร้านแล้วเหวี่ยงตัวเข้าตรอกไปอย่างรวดเร็ว

อเล็คเริ่มเป็นกังลวกับการขับรถของอีกคนมาได้สักพักหนึ่งแล้ว  เนื่องจากมันดูไม่ปลอดภัยใกล้เส้นชีวิตมากมายเหลือเกิน  และสิ่งสำคัญที่อเล็คไม่พึ่งเข้าใจก็คือ เหตุใดแม็กนัสถึงได้ชอบขับรถเข้าไปในตรอกนัก

“ก็มันเป็นทางลัดนี่นาอเล็ค” แม็กนัสตอบเอื่อยๆ  อย่างไม่รู้สึกรู้สา  ดูท่าจะกระตือรือร้นมากกว่าเสียด้วยซ้ำเมื่อเอ่ยถึงเส้นทางที่จะต้องใช้ความชำนาญในการขับเพื่อไม่ให้ไปกระแทกกับผนังตึกเข้า  ร่างสูงของนายแบบฮอตผิวสีแทนมักจะใช้เส้นทางพวกนี้ในการไปเข้างานตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งได้ถูกนัดไว้บ่อยๆ

“ก็โอเค  แต่ถ้านายทำให้โจเซฟตายเข้าเมื่อไร ฉันจะเล่นงานนายแน่เจ้านายแบบตีนผี” ร่างบางที่เหน็บดินสอไว้บนหูนิ่ม ว่าอย่างคาดโทษ

“โจเซฟเป็นแฟนนายรึไง?” คราวนี้แม็กนัสเอ่ยอย่างเริ่มติดจะไม่พอใจนิดๆ บ้างที่ร่างบางของตัวเองเป็นห่วงคนอื่นอย่างออกหน้าออกตาเช่นนี้

“เค้าเป็นคนจรจัด” และอเล็คก็ส่ายหน้าพรืด  คิดแปลกใจว่าแม็กนัสนี่ก็หึงได้แม้กระทั้งกับคนจรจัด

แต่จะว่าไปแล้ว  ตอนนี้แม็กนัสไม่อยู่มันก็ดีเหมือนกัน  อเล็คจะได้ทำนู่นทำนี่ด้วยตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องมีเพื่อนร่างสูงคอยตามประกบ  อเล็คถอนหายใจ....บางทีแม็กนัสก็เป็นห่วงเค้ายิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก

ดีล่ะ  ใช้โอกาสตอนที่แม็กนัสไม่อยู่นี่แหละ ทำอะไรอิสระตามที่ตัวเองคิดจะอยากทำได้สักที

อเล็คยิ้มบาง  ก่อนจะลุกขึ้นไปที่หลังเคาน์เตอร์คิดเงินแล้วเลื่อนบันไดสูงติดล้อเข้ามา ก่อนจะใช้ปีนขึ้นไปจัดข้าวของที่วางตกแต่งอยู่บนชั้นที่สูงขึ้นไป  มันเป็นชั้นตารางที่เรียงรายสูงขึ้นไปจรดถึงเพดานราวกับว่าเป็นช่องวางของต่างๆ จำนวนหลายสิบช่อง  อเล็คเขียนไอเดียนี่ไว้ในสมุด  และใช่  แม็กนัสก็เป็นคนขโมยมันเอามาใส่ในส่วนนี้ตามที่อเล็คได้วางเอาไว้อย่างพอเหมาะพอเจาะ

และดูเหมือนว่า นอกจากจะทำงานด้านวงการบันเทิงแล้ว แม็กนัส   เบน คงจะผันตัวมาเป็นหุ้นส่วนของร้านลาเฟ่อีกด้วย เสียแล้วล่ะ

เพราะแม็กนัสมองเห็นความตั้งใจจริงของอเล็คนั่นเอง....

อเล็คขึ้นไปนั่งอยู่บนด้านบนซึ่งอยู่สูงสุดของบันได  มือสีขาวนวลน่าสัมผัสหยิบจับของหลายต่อหลายอย่างจัดตกแต่งให้อยู่ในที่ในทางที่เหมาะสมมากกว่าเดิม  และถ้าแม็กนัสอยู่ก็เดาว่าคงจะต้องเสนอตัวขอทำให้เองแน่ๆ แต่ว่าร่างบางเป็นคนต้องการจะเคลื่อนย้าย ถ้าเช่นนั้นแล้วไม่สู้ให้อเล็คทำเองไม่ดีกว่างั้นหรือ

เพราะฉะนั้น โอกาสที่เค้าจะได้อยู่คนเดียวนั้นมันช่างมีน้อยและสำคัญมากเหลือเกิน

อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า  มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายก็จะแห่ทะลักกันเข้ามาพักเที่ยงในย่านนี้กันแล้ว  เค้าจะต้องตระเตรียมร้านให้พร้อมถึงแม้ว่าจะไม่มีคนเข้ามาช่วยงาน แต่ร่างบางก็ยินดี่ที่จะให้บริการลูกค้าทุกคนโดยไม่มีข้อกังขา 

ร้านนี้ไม่ได้มีการติดป้ายประกาศสำหรับกำหนดการเปิดร้านใหม่อีกครั้งหลังจากปิดตัวไปร่วมเดือน

นั่นก็เพราะว่าแม็กนัสต้องการจะเลื่อนวันเปิดร้านออกไปให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพียงเพราะว่ากลัวว่าอเล็คจะทำงานหนักมากจนเกินไป

แต่อเล็คก็เปิดร้านในวันนี้จนได้  หลังจากที่แงงอนกับแม็กนัสมาหลายวัน

และตั้งแต่มาถึงร้าน  ร่างบางผู้ที่มีดวงตาสีฟ้าสวยน่าหลงใหลก็ยังไม่ได้หุบยิ้มลงเลย  เรียวปากบางอันน่าจุมพิตนั้นฉาบเคลือบไปด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่ทำให้ผู้พบเห็นยิ้มตามได้ไม่ยากนัก  อเล็คกำลังอยู่ในร้าน ที่ครั้งหนึ่งเค้าเคยเข้ามาที่นี่ในฐานนะลูกจ้างของคุณบีพอทท์  แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว

อันที่จริง  นี่มันเหนือความคาดหมายของเค้ามาก  อเล็คหลงรักย่านนี้  หลงรักคนที่นี่  และผูกพันธ์กับร้านนี้อย่างมากมาย  เป็นไปไม่ได้เลยที่เค้าจะสามารถหาเงินมาซื้อร้านในย่านนี้ที่มีราคาสูงลิ้วจนน่าตกใจนี้ได้  แต่ทว่าอเล็คก็ได้มาแล้ว

ได้มาโดยที่เค้าเองก็ติดจะไม่พอใจนิดๆ ที่แม็กนัสไม่ปรึกษาอะไรเค้าเลย  เพราะแม็กนัสรู้ว่าอเล็คจะต้องไม่เห็นด้วยกับการซื้อร้านนี้แน่นอน

ร่างบางอเล็คไม่อยากรบกวนแม็กนัส  แต่ร่างสูงก็ทำตัวสบายๆ มากพอที่จะไม่ปรึกษาอเล็ค

อเล็คคิดถึงเสียงกริ้งหน้าร้านยามเมื่อมีคนเข้าออก  คิดถึงเสียงของลูกค้าที่สั่งออเดอร์อย่างกระตือรือร้นและเป็นมิตร  คิดถึงรอยยิ้มของทุกคน  คิดถึงเสียงที่เรียกเค้า  และคิดถึงคนที่เดินสวนกับเค้าผ่านไปมา

อเล็คคิดถึงทุกคน....

คิดถึงกลิ่งของกาแฟและขนมปังอบใหม่ที่แซมทำ  คิดถึงเทคนิคการขว้างถาดไปเก็บของเจซ(เพราะงั้นทางร้านจึงได้เปลี่ยนเป็นถาดซึ่งทำจากพลาสติกเนื้อดี  แข็งแรงเป็นพิเศษ)  คิดถึงใบหน้าอวบอิ่มของฮาร์โมนี่และพี่สาวร่างเพียวสุดแกร่งของเธอ  และคิดถึงดวงตากลมโตเหมือนตัวการ์ตูนที่มองผ่านแว่นของเดฟ

ถ้าเพื่อนๆ มาอยู่ตรงนี้ด้วยก็คงจะดี

อเล็คยิ้มเศร้าโดยที่ไม่รู้ตัว  ร่างบางกำลังคิด หลังจากเปิดร้านวันนี้แล้วเค้าน่าจะไปถามหาความเป็นไปของเพื่อนๆ เสียหน่อย  บางทีหากยังโชคดีอยู่  พวกนั้นอาจจะยังว่างงานอยู่

ใช่  ก็คงจะว่างอยู่หรอกนะ  ผ่านมาเกือบเดือนแล้วนี่

อเล็คทำเสียงหลุดหัวเราะกับตนเองให้กับความคิดที่ว่าบรรยากาศในร้านจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง  และในขณะที่เจ้าของร้านคนใหม่กำลังจัดแจงอะไรหลายต่อหลายอย่างอยู่นั้น เวลาก็ได้เดินไปอย่างรวดเร็วเสียแล้ว  จู่ๆ เสียงกริ้งที่ประตูหน้าร้านก็ดังขึ้น  แต่อเล็คกำลังกอดขวดแก้วหลายใบไว้อยู่ในอ้อมแขนจึงไม่สามารถหันไปต้อนรับทันทีได้

“อ๊ะ ยินดีต้อนรับครับ”

เสียงก้าวเดินอย่างแสนคิดถึงดังขึ้นแล้วหยุดลงในตอนที่อเล็คกุลีกุจอวางของในอ้อมแขนเสร็จพอดี  พลันเสียงนั่นก็เอ่ยอย่างตื่นตัวระคนยินดี

“โอ้  ร้านเปิดใหม่อีกครั้งแล้วหรือนี่”

“อะ ฮ่ะ ครับ  ใช่ครับ...” อเล็คหมุนสะโพกบนที่นั่งของบันไดสูง หันมาหาลูกค้าคนแรกที่เข้ามาในร้านของเค้า และแน่นอนลูกค้าคนนี้จะต้องเคยมาใช้บริการของร้านมาก่อนอย่างแน่นอน  อเล็คหันไปปั้นหน้ายิ้มแย้มก่อนจะหุบมันลง

ชายคนแรกที่ใส่รองเท้าหุ้มข้อยาวขึ้นมาจนถึงหน้าแข้ง  แต่งตัวฮาร์ตคอ ดูสูงชะลูดมากกว่าคนอื่นๆ ที่ตามหลังมา  ยกมุมปากให้แล้วเอ่ยขึ้น “ร้านของนายน่าเข้ามากเลยนะอเล็ค” เจซพูด พร้อมกับคนอื่นๆ ที่ส่งยิ้มพร้อมทั้งโบกมือให้ร่างบางที่นั่งอยู่บนบันได

“งายยย อเล็ค”

“สวัสดีจ๊ะอเล็ค  โอ้ พระเจ้า ร้านใหม่นี่มันสวยมากๆ เลย”

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอควรพูดนะน้องสาว  เธอต้องพูดว่า....เฮ้ อเล็ค เธอเจ๋งสุดยอดไปเลย ต่างหากล่ะ”

“พวกผู้หญิงงี่เง่าหุบปากไปก่อนได้ไหม....โอ้ ฉันไม่ได้กลิ่นหอมๆ ที่ฉันชอบเลย  นี่ยังไม่มีใครอบขนมปังเลยใช่ไหม?”

สาบานได้ ในตอนนั้นร่างบางแทบจะตกจากบันไดที่ตัวเองนั่งอยู่ได้อยู่แล้ว  ใบหน้าของร่างบางนิ่งอึ้งและรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินออกมาจากอกของตัวเองนับล้านตัว 

ด้านหน้าต่ำลงไปที่เบื้องหน้าของประตูคือ กลุ่มชายหญิงซึ่งยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรให้แก่เค้า ทุกคนเอ่ยทักทายเรียงหน้ากันเข้ามาหาเพื่อนร่างบางผิวขาวที่มีความฝันอันยิ่งใหญ่  อเล็ครีบปีนลงมาจากบันไดอย่างรวดเร็ว จนคนที่รออยู่ข้างล่างกลัวว่าจะเป็นอันตรายเข้า

“โว่ว  ระวังพวก” เจซยิ้ม แล้ววิ่งเข้าไปคว้าตัวอเล็คขึ้นมากอดจนตัวลอย และเพื่อนร่างบางเองก็กอดตอบเจซอย่างแสนคิดถึงไปเช่นเดียวกัน  นานแล้วที่เค้าไม่ได้ติดต่อกัน  แต่ทว่าเพื่อนๆ ที่รออยู่ด้านหลังกลับโวยขึ้น

“โห่หห อะไรกัน นายรอให้เค้าเดินมาถึงพวกเราก่อนไม่ได้ยังงั้นเหรอ” เดฟผายมือมาทางอเล็คอย่างไม่พอใจในตัวเจซ  แต่เพื่อนผมบล์อนที่อายุน้อยที่สุดก็เบะปากแล้วยักไหล่ข้างเดียว ก่อนจะปล่อยให้ร่างบางในอ้อมกอดเป็นอิสระ

อเล็คเข้าไปกอดทุกๆ คน  เนื่องจากในตอนที่ร้านปิดตัวลงไปอย่างกะทันหัน เจ้าตัวก็ไม่ได้บอกลาหรือเจอเพื่อนๆ อีกเลย  และ โอ้ พระเจ้า  พวกเค้าทุกคนปลอดภัย  อเล็คแจกรอยยิ้มที่หลายต่อหลายคนหลงใหลให้แก่กลุ่มเพื่อนตรงหน้า

เจซอดยิ้มตามไม่ได้ แม้โดยปรกติแล้วฮาร์โมนี่จะเรียกเค้าว่าเป็นพวกที่ขี้โมโหอยู่ตลอดเวลาก็ตามเถอะ  ร่างสูงผมบล์อดที่พ่วงตำแหน่งเด็กที่อายุน้อยที่สุดในร้านพูดขึ้น

“เอ่อ เราเห็นประกาศรับพนักงานหน้าร้านน่ะนะ เราก็เลย...” เค้าเกาหลังหู แสร้งทำเป็นว่าไม่รู้เจตนาของการมารวมตัวกันของพวกเค้า “....คิดว่าจะมาถามเจ้าของร้านหน่อยว่ายังพอมีที่ว่างอยู่รึเปล่า?”

อเล็คต่อยเจซเบาๆ ที่หัวไหล่ “อย่ามาล้อเล่นน่า” ร่างบางหัวเราะ  แล้วหันไปมองเพื่อน “ถ้าไม่มีพวกนาย ฉันคงทำได้ไม่เหมือนเดิม” จู่ๆ รอยยิ้มของอเล็คก็จางหายไป เหลือแต่รอยยิ้มบางๆ ที่แสดงถึงความรู้สึกจากใจจริงแต่เพียงเท่านั้น

หญิงผิวเข้มร่างผอมเพียวที่สุดเดินออกมาข้างหน้าแล้วใช้แขนข้างหนึ่งโอบอเล็คไว้ “โอ้ ไม่เอาน่าอเล็ค  เธอน่ะเติมเต็มส่วนที่เป็นด้านดีของพวกเรานะ” ผ้าโพกหัวสีแดงลายปักสีขาวของเธอเป็นสิ่งที่อเล็คจะจำไม่มีวันลืม

“ขอบใจ ซาบรีนา....แต่พูดแบบนั้นเหมือนจะว่าคนอื่นๆ ด้วยยังไงไม่รู้นะ” อเล็คยิ้มให้พี่สาวของหญิงอ้วนผู้มีผิวขาวอมชมพู

ฮาร์โมนี่ยักไหล่  แล้วโดนเจซมอง “ก็เธอพูดถึงส่วนที่แสนแย่ของเจซไง”

“ขอบใจ  พวกเธอทั้งสองคน” เจซว่า ก่อนจะโดนซาบรีน่าตบเข้าที่หลังจนเกือบเซ  เธอเป็นนักเรียนปริญญาโทเอกโบราณศึกษาที่กำลังทำงานหารายได้เสริมจากการวิจัยโครงกระดูกจากไคโรอยู่  แต่ก็ดูเหมือนคนนำทางในพื้นที่ป่าดิบชื่นอย่างบอกไม่ถูก

“ไม่ต้องขอบใจเจซ  เรายินดีเจียดคอมเม้นท์เล็กๆ น้อยๆ ให้นายเสมอไอ้น้องชาย”

เจซไม่ค่อยชอบคุยกับซาบรีนา  เธอทำให้เค้านึกถึงนักรบหญิงอะเมซอน ผู้มีแรงบึกบึนเหมือนชายฉกรรจ์แต่กลับมีรูปร่างเพรียวบางเหมือนรีฮันน่าหรือนางแบบวิคตอเรียซีเคร็ตอะไรเทือกนั้น  และบางครั้งเจซก็เคยนึกไปว่าซาบรีนาคงจะไม่ใช่ผู้หญิงเต็มร้อย

แต่ร่างสูงชะลูดก็ลืมมันไปซะ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างต้องการตัดปัญหากับนักรบหญิงอะเมซอน “โอ้ ช่างมันเถอะ...เอาล่ะ  ที่นี้นายพอจะบอกได้รึยังว่าต้องการจะจ้างพวกเรารึเปล่า? เพราะเวลาของนาฬิกาไม่เคยคอยท่าใครหรอกนะ” เจซยิ้มให้อเล็ค  และร่างบางก็ฉีกยิ้มกว้างมากกว่าเดิม

“ให้ตาย  ไม่มีใครรู้จักที่นี่ดีเท่าพวกนายอีกแล้วล่ะนะ”

พวกเค้าทุกคนปรบมือและโห่ร้องอย่างยินดีกับการเริ่มต้นใหม่ในสถานที่เดิม  ที่ๆ เก็บงำความทรงจำหลายต่อหลายอย่างเอาไว้

“เฮ้  อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องหางานใหม่แล้วจริงไหม” เดฟพูด  ในขณะที่กริ้งหน้าประตูของร้านส่งเสียงดังขึ้นอีก

กริ้งงง

ทุกคนที่เพิ่งได้ตำแหน่งคืนหันไปมองทางต้นเสียงกันเป็นตาเดียว  และบุคคลปริศนาที่เพิ่งพุ่งเข้ามาใหม่หยุดชะงักชนิดที่ว่าเกือบเบรกเต็มฝีเท้าเลยทีเดียว

“อ้าว เจ้านายแบบขายถ่าน อยู่นี่กับเค้าด้วยเหรอ  วันนี้ไม่มีคิวขายถ่านที่ไหนรึไง?” เจซสังเกตเห็นใบหน้าประหลาดใจของผู้มาใหม่  แล้วเดินแหวกผ่านคนอื่นๆ เข้ามาประจันหน้ากับร่างสูงสะโอดสะอง  ใบหน้าลูกชายคนโตของวาเลนไทน์เงยขึ้นอย่างเหยหยัน พร้อมแสยะยิ้มมุมปากใส่เล็กน้อย

“หน่อยย  ไอ้เด็กปากหมานี่วอนซะแล้ว”แม็กนัสที่ถือของติดมือกลับเข้ามาแยกเขี้ยวใส่  ถึงแม้จะไม่ได้มีท่าทีแปลกใจมากมายก็ตามเถอะ  แต่ไอ้เจ้าเด็กเมื่อวานซืนนี่ก็ทำเค้าระคายตาระคายหูไม่น้อยเลยทีเดียว

“เอ่อ แม็กนัส  พวกเค้ากลับมาทำงานที่นี่น่ะ” อเล็คที่อยู่หลังสุดชะโงกหน้าออกมาจากหลังของซาบรีน่า  ยิ้มน้อยๆ ให้แม็กนัสที่เพิ่งกลับมาจากการหลอกให้ไปซื้อของ

“โอ้ อเล็คที่รัก  อันที่จริงพวกเราอาจจะมาช้ามากกว่านี้ก็ได้นะถ้าเค้าไม่บอกเราน่ะ” ซาบรีนากระซิบ  ผมตัดสั้นของเธอถูกปัดไปไว้ข้างหลังท้ายทอย

ร่างบางทำหน้างง  ไม่ได้ฟังแม็กนัสกับเจซที่เถียงกันอยู่ “หา?”

“ใช่ เธอพูดถูก  ดูท่าเจ้าชายของเธอจะรู้ดีมากๆ เลยล่ะว่าควรทำยังไง และเค้าก็ใจดีมากๆ เลยด้วยนะ และ....อู่ว์ เค้าหล่อล่ำกว่าในนิตยสารหรือในทีวีเป็นไหนๆ เลยล่ะ” ฮาร์โมนี่ก้มหน้าเข้ามาร่วมวงด้วย แล้วหัวเราะคิกคักอย่างเช่นที่เด็กสาวชอบทำกันในเวลาที่เห็นดาราในทีวี

“อะไรนะ?” แต่อเล็คก็ดูจะงุนงงมากกว่าเดิมในคราแรกเสียอีก  ก่อนจะเข้าใจกระจ่างในตอนนั้นเองว่าแท้จริงแล้วแม็กนัสนั้นชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี่เอง “ร้ายนักนะแม็กนัส...” อเล็คพึมพำ แต่ก็ไม่สามรถปกปิดรอยยิ้มดีใจที่มุมปากของตัวเองไว้ได้

จนกระทั่งแม็กนัสเบื่อเถียงกับเจซแล้ว  เดินเข้ามาหาอเล็คแล้วจูบร่างบางเข้าไปหนึ่งที

“ไง ฉันกลับมาแล้ว  อดใช้ทางลัดของฉันไม่ได้จริงๆ เลยอเล็ค” แม็กนัสยักคิ้วให้เจซอย่างยี่ยวน  ในขณะที่เพื่อนร่างบางก็ตัวแข็งหน้าขึ้นสีไปพร้อมๆ กับคนอื่นๆ  จะยกเว้นเสียก็แต่เจซที่เกิดอาการหมั่นไส้ขึ้นเป็นทวีคูณ

“อู่ว์ พระเจ้า  ทำไมเค้าถึงไม่บอกพวกเราเลยล่ะว่าเค้าแอบซุ่มเงียบคบแฟนในวงการอยู่น่ะ” แซมท้าวเอวแล้วพูดหยอกน้อยๆ

“โทษนะ นี่แฟนป้ายแดง” แม็กนัสตอบอย่างเป็นกันเอง ขณะโอบไหล่อเล็ค  แต่ร่างสูงก็ยังมิวายเล่นหูเล่นตาใส่เจซ

ไอ้ขายถ่าน” เจซคำรามรอดไรฟัน  ถึงแม้ว่าจะยอมหลีกทางให้ก็เถอะ  แต่ตอนนี้เค้ายังไม่พร้อมเท่าไรนักหรอกนะ

แม็กนัสแสยะยิ้มใส่ “ให้ตาย  ถึงฉันจะขายถ่าน ก็ขายถ่านแบบเซ็กซี่โว้ย” แม็กนัสประชดเจซ และเริ่มรู้วิธีที่จะคุยกับเจซได้แล้ว ความกวนประสาทแม็กนัสก็ไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน

แต่ทว่าคนที่ดูเหมือนจะโดนจำกัดคำพูดจะไม่สามารถทนให้ตัวเองได้หน้าแดงเล่นๆ อีกต่อไปแล้ว  ดังนั้นอเล็คจึงโพล่งขึ้นน้อยๆ เพื่อให้ทุกคนรู้เวลา “เฮ้ นี่ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ  ฉันว่าเราเลิกเล่นกันดีกว่าไหม”

“อืม ฉันเห็นด้วยนะ” เจซว่า  สีหน้าบึ้งตึงมากกว่าปรกติ

ดังนั้น เสียงตบมือและถูเข้าด้วยกันจึงดังขึ้น  แซมตะเบ็งเสียงดัง “งั้นจะรออะไรอยู่ล่ะ  มีคนที่ต้องการพลังงานกำลังรอเราอยู่นะ  เอาล่ะ ยังพอมีเวลา  ไปเตรียมเสิร์ฟกาแฟกับขนมปังกันเถอะ!

และเหล่าเพื่อนก็ขานรับ “วูวว ไปกันเลย” เดฟมวิ่งเข้าไปเอาผ้ากันเปื้อนกับถาด  ซาบรีนาไปเตรียมเครื่องชงกาแฟ  ส่วนฮาร์โมนี่ก็เข้าไปช่วยแซมที่เดินดุ่มๆ อย่างขึงขังเข้าไปในครัวดูเหมือนคนกำลังจะไปออกรบ  และเจซก็นั่งบนเก้าอี้ตัวใหม่ของร้าน  แม็กนัสชายตามองและเอ่ยอย่างกับตัวเองเป็นผู้จัดการของร้าน

“แล้วนายล่ะ ไม่มีงานทำกับเค้ารึไงห๊ะ?”

“มี  มีสิ” เจซที่ห้อยแขนกับพนักพิงผายมือใส่แม็กนัสเล็กน้อย

“แล้วทำไมนายไม่ไปทำมันซะล่ะ” แม็กนัสออกปากไล่

“ฉันก็ต้อนรับแขกกับรับออเดอร์ไง” เจซตอบหน้ายิ้มแย้ม  แต่แม็กนัสกลับหันไปทำหน้าสะพรึงกับอเล็ค

“โฮยย อเล็คบอกฉันทีว่าหมอนี่โกหก  หน้าตาไม่น่าให้รับแขกเลยนะ” แม็กนัสชี้ไปที่เด็กหนุ่มผลบล์อนหน้าตาไม่รับแขก

เจซที่แอบได้ยินก็ชักสีหน้า “แกพูดงี้หมายความว่าไงห๊ะเจ้าบ้า?” เค้าว่าอย่างหาเรื่อง

แต่แม็กนัสก็ได้หาสนใจไม่ “เงียบน่าไอ้เด็กพังค์  ฉันแก่กว่านายนะโว้ย  คนเค้าคุยกันอยู่ไม่เห็นรึไง?” ว่าออกไปเล็กน้อยเป็นเชิงอย่าขัดการสนทนา  ก่อนร่างสูงสะโอดสะองทำหน้าไม่เชื่อหูเมื่ออเล็คยิ้มแหย่ๆ อย่างช่วยไม่ได้ ตอบคำถามแม็กนัสไปตามจริง

“ฮาา นี่แหละหน้าที่เดิมของเค้า  แต่สาวๆ ที่เป็นนักเรียนก็ชอบเจซมากเลยนะ” อเล็คว่าก่อนจะปลีกตัวออกไปต้อนรับแขกบ้าง  และปล่อยให้สองหนุ่มยืนกัดกันต่อไป

ซึ่งอันที่จริงมันก็ทำให้ร้านดูมีสีสันขึ้นเยอะเลยล่ะ

จนกระทั่งถึงเวลาเที่ยงเศษ....



.



.



.



TBC.



----------------------------------------------------------------------------------------------



อร๊ายยยยยยยยยยยย!! >[]<  โคจรกลับมาพบกันในที่ๆ ความทรงจำทั้งหมดได้เกิดขึ้นกันแล้ววววว   อร๊ายยยยย  ทุกคนกลับเมื่อเพื่อหนูนะอเล็คคคคคคค   ขอซับน้ำตาแห่งความซาบซึ้งเสียหน่อยเถอะค่ะ TUT  //กระซิกๆ//  อิตาเบนก็ร้ายใช่ย่อยนะจ๊าา  อิๆ >///<  แต่ไรท์ชอบโมเม้นท์ที่อิตาเบนกับเจซโคจรมาเจอกันอีกและทะเลาะกันต่อหน้าอเล็คอีกจริงๆ เลยค่ะ   ไม่มีใครยอมใครเลย  5555555

คนนี้ก็แง๊งงงง  คนนั้นก็แง๊งงงงง  สุดท้ายอเล็คต้องเป็นคนห้ามทัพค่ะ 55555  โอ๊ยยยย  ทำใจนะเจซนะ นายเป็นคนหลีกทางให้แม็กนัสเองไม่ใช่เหรอ? //สักพักโดนดาบเทวดาเสียบ//  อั๊กกก! รึไม่จริงง่าาา  พูดเรื่องจริงทำไมต้องทำร้ายกันด้วยยยย....อาเลคคคคคค  //วิ่งทั่กๆ ไปหาอเล็ค//

และที่เอ่ยถึงไม่ได้เลยก็คือเพื่อนๆ ที่ร้านลาเฟ่ของอเล็คค่ะ  มีซาบรีน่าเพิ่มมาด้วย  เธอเป็นพี่สาวของฮาร์โมนี่นั่นเองค่ะ  เป็นพี่น้องที่ขนาดตัวไม่เหมือนกันเลยสักนิดค่ะ 5555555  ไรท์ตั้งใจจะเพิ่มเธอขึ้นมาเองค่ะ  เพราะว่าเพิ่งปิ๊งขึ้นมาตอนที่เขียนฉากนี้ค่ะ  ไรท์คิดว่าน่าจะมีคนอย่างเธออยู่ร้านด้วย  เธอเป็นเด็กป. โท ที่รักงานในร้านนี้เหมือนกันกับคนอื่นๆ ค่ะ  ถ้าอยากเห็นหน้าตาของเธอก็ให้นึกถึง Rihanna ไว้นะคะ  จะประมาณนั้นเลยค่ะ แบบที่เล่นในเรื่อง Battleship เลยค่ะ  แมนมาก  แต่ก็ยังมีความเป็นผู้หญิงอยู่ค่ะ   แต่ก็เป็นคนเดียวที่เจซพอจะเกรงใจนอกจากอเลคค่ะ  เป็นเพราะไม่อยากสาวความยาวกับซาบรีน่านั่นเองค่ะ 55555  ก็นางแมนซะ

สนุกมากเลยค่ะเขียนเรื่องนี้ TUT

โอเคค่ะ นี่คือเฟสบุ๊คของไรท์ >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<<  เข้าไปเป็นเพื่อนกันได้นะคะ ^^

ขอบคุณรีดทุกท่านที่เป็นแฟนคลับของ MaLec นะคะ  ขอบคุณจริงๆ ค่ะ  รักรีดทุกท่านมากนะคะ จู๊บบบบบบ

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund




ไม่มีความคิดเห็น: