อร๊ายยย กลับมาแล้วค่ะ หลังจากที่หายไปสามวัน
(ใช่ป่าวนะ?) 55555 ไรท์มาพร้อมกับ Part รองสุดท้ายของเรื่องค่ะ ฮ่อลลลล
ยิ่งพูดยิ่งตอกย้ำอ่าาา
แม็กนัสกับอเล็คก็จะ Happy ending แล้ว โอ้----
แต่ว่าตอนจบที่กำลังดำเนินอยู่นี้ก็น่ารักอย่างมากมายเยล่ะค่ะ ถูกใจไรท์มาก
ชอบตอนจบมากๆ เลยล่ะค่ะ ^^
โอ๊ะ ถ้างั้นเราก็ไปเสพ เอ้ย! ไปอ่านกันเลยดีกว่านะคะ
><
ปะ ไปกันเลยค้าาา
---------------------------------------------------------------------------------------------
และกว่าจะล่วงเลยเวลาทำงานของคนเมืองอันเร่งรีบได้
ก็ทำเอาแม็กนัสหมดมุขจะหลอกล้อเลยไปทีเดียว
และเวลาก็ชอบเล่นตลกอย่างร้ายกาจเพราะอีกไม่ถึงสามชั่วโมงก็จะถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว ผู้คนที่ออกมาหามื้อเที่ยงจะต้องสังเกตเห็นว่าร้านเปิดแล้วแน่ๆ
และคงจะไม่ต้องสงสัยเลยว่าเด็กเฝ้าร้านเพียงคนเดียวจะเป็นอย่างไรเมื่อโดนกองทัพของมหาชนพุ่งเข้าใส่เหมือนกับคนจีนแย่งของฟรีแบบนั้นเข้า
แม็กนัสไม่อยากจะคิดเลย
แค้วกก!
“นั่นอะไรน่ะอเล็ค?” แม็กนัสเลิกคิ้วถาม
เมื่อเห็นเพื่อนร่างบางเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษแล้วฉีกมัน
ก่อนจะยื่นส่งมาให้เค้าบนโต๊ะ
“ฉันเดินไปดูของที่หลังร้านมาน่ะ ยังมีของสองสามอย่างที่จำเป็นต้องซื้อ นายช่วยไปซื้อให้หน่อยสิ...นะ”
ร่างบางผู้มีผิวขาวดุจหิมะแรกแย้มส่งยิ้มหวาน
ขอร้องให้เพื่อนร่างสูงทำตามคำที่ขอไป
แม็กนัสลู่ไหล่ลงราวกับเรือทิ้งสมอ
แต่เค้าก็มิอาจถอนตัวจากมนตร์สะกดของดวงตาสีฟ้าสวยและรอยยิ้มอันน่ามองนั้นได้เลยสักครั้ง
ให้ตายอเล็ค ชักจะหนักข้อขึ้นทุกวันแล้วนะ เจ้าหนูกินน้ำฝนนี่....
“โอเค ก็ได้” ร่างสูงว่าก่อนจะอ่านรายการของเพียงไม่กี่อย่างบนกระดาษคร่าวๆ แล้วยืดตัวสูงขึ้น
โน้มตัวลงไปจูบปากกับอีกคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ก่อนร่างสูงสะโอดสะองของนายแบบหนุ่มชื่อดังจะยืนขึ้นจนเต็มความสูง
แล้วเดินออกไป
“ฉันจะกลับมาให้เร็วที่สุด ฉันสัญญา” แม็กนัสเอ่ย จะกลับมาให้เร็วที่สุดซึ่งเป็นเพราะว่าห่วงใยอีกคนหนึ่งที่ไม่น่าไว้วางใจให้อยู่ร้านคนเดียวเป็นอย่างยิ่ง
ก่อนจะเดินกำกุญแจรถคันหรูออกไป
ทิ้งให้เพื่อนร่างบางนั่งหน้าขึ้นสีอยู่ที่เดิมอย่างตั้งตัวไม่ทัน
กริ๊งง...
แม็กนัสออกไปแล้ว พร้อมกับเสียงกระดิ่งน้อยๆ ที่ดังขึ้นเมื่อเปิดประตูแล้วปิดลง
อเล็คเห็นรถคันสีเทาเงินซึ่งเป็นอีกหนึ่งในคอลเล็คชั่นรถซิ่งของเพื่อนร่างสูงพุ่งออกไปจากหน้าร้านแล้วเหวี่ยงตัวเข้าตรอกไปอย่างรวดเร็ว
อเล็คเริ่มเป็นกังลวกับการขับรถของอีกคนมาได้สักพักหนึ่งแล้ว เนื่องจากมันดูไม่ปลอดภัยใกล้เส้นชีวิตมากมายเหลือเกิน และสิ่งสำคัญที่อเล็คไม่พึ่งเข้าใจก็คือ
เหตุใดแม็กนัสถึงได้ชอบขับรถเข้าไปในตรอกนัก
“ก็มันเป็นทางลัดนี่นาอเล็ค” แม็กนัสตอบเอื่อยๆ อย่างไม่รู้สึกรู้สา
ดูท่าจะกระตือรือร้นมากกว่าเสียด้วยซ้ำเมื่อเอ่ยถึงเส้นทางที่จะต้องใช้ความชำนาญในการขับเพื่อไม่ให้ไปกระแทกกับผนังตึกเข้า
ร่างสูงของนายแบบฮอตผิวสีแทนมักจะใช้เส้นทางพวกนี้ในการไปเข้างานตามสถานที่ต่างๆ
ซึ่งได้ถูกนัดไว้บ่อยๆ
“ก็โอเค แต่ถ้านายทำให้โจเซฟตายเข้าเมื่อไร
ฉันจะเล่นงานนายแน่เจ้านายแบบตีนผี” ร่างบางที่เหน็บดินสอไว้บนหูนิ่ม ว่าอย่างคาดโทษ
“โจเซฟเป็นแฟนนายรึไง?” คราวนี้แม็กนัสเอ่ยอย่างเริ่มติดจะไม่พอใจนิดๆ
บ้างที่ร่างบางของตัวเองเป็นห่วงคนอื่นอย่างออกหน้าออกตาเช่นนี้
“เค้าเป็นคนจรจัด” และอเล็คก็ส่ายหน้าพรืด
คิดแปลกใจว่าแม็กนัสนี่ก็หึงได้แม้กระทั้งกับคนจรจัด
แต่จะว่าไปแล้ว ตอนนี้แม็กนัสไม่อยู่มันก็ดีเหมือนกัน
อเล็คจะได้ทำนู่นทำนี่ด้วยตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องมีเพื่อนร่างสูงคอยตามประกบ อเล็คถอนหายใจ....บางทีแม็กนัสก็เป็นห่วงเค้ายิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
ดีล่ะ ใช้โอกาสตอนที่แม็กนัสไม่อยู่นี่แหละ
ทำอะไรอิสระตามที่ตัวเองคิดจะอยากทำได้สักที
อเล็คยิ้มบาง
ก่อนจะลุกขึ้นไปที่หลังเคาน์เตอร์คิดเงินแล้วเลื่อนบันไดสูงติดล้อเข้ามา
ก่อนจะใช้ปีนขึ้นไปจัดข้าวของที่วางตกแต่งอยู่บนชั้นที่สูงขึ้นไป มันเป็นชั้นตารางที่เรียงรายสูงขึ้นไปจรดถึงเพดานราวกับว่าเป็นช่องวางของต่างๆ
จำนวนหลายสิบช่อง อเล็คเขียนไอเดียนี่ไว้ในสมุด และใช่
แม็กนัสก็เป็นคนขโมยมันเอามาใส่ในส่วนนี้ตามที่อเล็คได้วางเอาไว้อย่างพอเหมาะพอเจาะ
และดูเหมือนว่า
นอกจากจะทำงานด้านวงการบันเทิงแล้ว แม็กนัส
เบน คงจะผันตัวมาเป็นหุ้นส่วนของร้านลาเฟ่อีกด้วย เสียแล้วล่ะ
เพราะแม็กนัสมองเห็นความตั้งใจจริงของอเล็คนั่นเอง....
อเล็คขึ้นไปนั่งอยู่บนด้านบนซึ่งอยู่สูงสุดของบันได
มือสีขาวนวลน่าสัมผัสหยิบจับของหลายต่อหลายอย่างจัดตกแต่งให้อยู่ในที่ในทางที่เหมาะสมมากกว่าเดิม และถ้าแม็กนัสอยู่ก็เดาว่าคงจะต้องเสนอตัวขอทำให้เองแน่ๆ
แต่ว่าร่างบางเป็นคนต้องการจะเคลื่อนย้าย
ถ้าเช่นนั้นแล้วไม่สู้ให้อเล็คทำเองไม่ดีกว่างั้นหรือ
เพราะฉะนั้น
โอกาสที่เค้าจะได้อยู่คนเดียวนั้นมันช่างมีน้อยและสำคัญมากเหลือเกิน
อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายก็จะแห่ทะลักกันเข้ามาพักเที่ยงในย่านนี้กันแล้ว
เค้าจะต้องตระเตรียมร้านให้พร้อมถึงแม้ว่าจะไม่มีคนเข้ามาช่วยงาน
แต่ร่างบางก็ยินดี่ที่จะให้บริการลูกค้าทุกคนโดยไม่มีข้อกังขา
ร้านนี้ไม่ได้มีการติดป้ายประกาศสำหรับกำหนดการเปิดร้านใหม่อีกครั้งหลังจากปิดตัวไปร่วมเดือน
นั่นก็เพราะว่าแม็กนัสต้องการจะเลื่อนวันเปิดร้านออกไปให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพียงเพราะว่ากลัวว่าอเล็คจะทำงานหนักมากจนเกินไป
แต่อเล็คก็เปิดร้านในวันนี้จนได้ หลังจากที่แงงอนกับแม็กนัสมาหลายวัน
และตั้งแต่มาถึงร้าน
ร่างบางผู้ที่มีดวงตาสีฟ้าสวยน่าหลงใหลก็ยังไม่ได้หุบยิ้มลงเลย เรียวปากบางอันน่าจุมพิตนั้นฉาบเคลือบไปด้วยรอยยิ้มบางๆ
ที่ทำให้ผู้พบเห็นยิ้มตามได้ไม่ยากนัก
อเล็คกำลังอยู่ในร้าน
ที่ครั้งหนึ่งเค้าเคยเข้ามาที่นี่ในฐานนะลูกจ้างของคุณบีพอทท์ แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว
อันที่จริง นี่มันเหนือความคาดหมายของเค้ามาก อเล็คหลงรักย่านนี้ หลงรักคนที่นี่ และผูกพันธ์กับร้านนี้อย่างมากมาย
เป็นไปไม่ได้เลยที่เค้าจะสามารถหาเงินมาซื้อร้านในย่านนี้ที่มีราคาสูงลิ้วจนน่าตกใจนี้ได้ แต่ทว่าอเล็คก็ได้มาแล้ว
ได้มาโดยที่เค้าเองก็ติดจะไม่พอใจนิดๆ
ที่แม็กนัสไม่ปรึกษาอะไรเค้าเลย
เพราะแม็กนัสรู้ว่าอเล็คจะต้องไม่เห็นด้วยกับการซื้อร้านนี้แน่นอน
ร่างบางอเล็คไม่อยากรบกวนแม็กนัส แต่ร่างสูงก็ทำตัวสบายๆ
มากพอที่จะไม่ปรึกษาอเล็ค
อเล็คคิดถึงเสียงกริ้งหน้าร้านยามเมื่อมีคนเข้าออก
คิดถึงเสียงของลูกค้าที่สั่งออเดอร์อย่างกระตือรือร้นและเป็นมิตร คิดถึงรอยยิ้มของทุกคน คิดถึงเสียงที่เรียกเค้า และคิดถึงคนที่เดินสวนกับเค้าผ่านไปมา
อเล็คคิดถึงทุกคน....
คิดถึงกลิ่งของกาแฟและขนมปังอบใหม่ที่แซมทำ
คิดถึงเทคนิคการขว้างถาดไปเก็บของเจซ(เพราะงั้นทางร้านจึงได้เปลี่ยนเป็นถาดซึ่งทำจากพลาสติกเนื้อดี แข็งแรงเป็นพิเศษ) คิดถึงใบหน้าอวบอิ่มของฮาร์โมนี่และพี่สาวร่างเพียวสุดแกร่งของเธอ
และคิดถึงดวงตากลมโตเหมือนตัวการ์ตูนที่มองผ่านแว่นของเดฟ
ถ้าเพื่อนๆ
มาอยู่ตรงนี้ด้วยก็คงจะดี
อเล็คยิ้มเศร้าโดยที่ไม่รู้ตัว ร่างบางกำลังคิด
หลังจากเปิดร้านวันนี้แล้วเค้าน่าจะไปถามหาความเป็นไปของเพื่อนๆ เสียหน่อย บางทีหากยังโชคดีอยู่ พวกนั้นอาจจะยังว่างงานอยู่
ใช่ ก็คงจะว่างอยู่หรอกนะ ผ่านมาเกือบเดือนแล้วนี่
อเล็คทำเสียงหลุดหัวเราะกับตนเองให้กับความคิดที่ว่าบรรยากาศในร้านจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง และในขณะที่เจ้าของร้านคนใหม่กำลังจัดแจงอะไรหลายต่อหลายอย่างอยู่นั้น
เวลาก็ได้เดินไปอย่างรวดเร็วเสียแล้ว จู่ๆ
เสียงกริ้งที่ประตูหน้าร้านก็ดังขึ้น
แต่อเล็คกำลังกอดขวดแก้วหลายใบไว้อยู่ในอ้อมแขนจึงไม่สามารถหันไปต้อนรับทันทีได้
“อ๊ะ ยินดีต้อนรับครับ”
เสียงก้าวเดินอย่างแสนคิดถึงดังขึ้นแล้วหยุดลงในตอนที่อเล็คกุลีกุจอวางของในอ้อมแขนเสร็จพอดี พลันเสียงนั่นก็เอ่ยอย่างตื่นตัวระคนยินดี
“โอ้ ร้านเปิดใหม่อีกครั้งแล้วหรือนี่”
“อะ ฮ่ะ ครับ ใช่ครับ...”
อเล็คหมุนสะโพกบนที่นั่งของบันไดสูง หันมาหาลูกค้าคนแรกที่เข้ามาในร้านของเค้า
และแน่นอนลูกค้าคนนี้จะต้องเคยมาใช้บริการของร้านมาก่อนอย่างแน่นอน อเล็คหันไปปั้นหน้ายิ้มแย้มก่อนจะหุบมันลง
ชายคนแรกที่ใส่รองเท้าหุ้มข้อยาวขึ้นมาจนถึงหน้าแข้ง แต่งตัวฮาร์ตคอ ดูสูงชะลูดมากกว่าคนอื่นๆ
ที่ตามหลังมา ยกมุมปากให้แล้วเอ่ยขึ้น
“ร้านของนายน่าเข้ามากเลยนะอเล็ค” เจซพูด พร้อมกับคนอื่นๆ
ที่ส่งยิ้มพร้อมทั้งโบกมือให้ร่างบางที่นั่งอยู่บนบันได
“งายยย อเล็ค”
“สวัสดีจ๊ะอเล็ค โอ้ พระเจ้า ร้านใหม่นี่มันสวยมากๆ เลย”
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอควรพูดนะน้องสาว เธอต้องพูดว่า....เฮ้ อเล็ค
เธอเจ๋งสุดยอดไปเลย ต่างหากล่ะ”
“พวกผู้หญิงงี่เง่าหุบปากไปก่อนได้ไหม....โอ้
ฉันไม่ได้กลิ่นหอมๆ ที่ฉันชอบเลย
นี่ยังไม่มีใครอบขนมปังเลยใช่ไหม?”
สาบานได้
ในตอนนั้นร่างบางแทบจะตกจากบันไดที่ตัวเองนั่งอยู่ได้อยู่แล้ว
ใบหน้าของร่างบางนิ่งอึ้งและรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินออกมาจากอกของตัวเองนับล้านตัว
ด้านหน้าต่ำลงไปที่เบื้องหน้าของประตูคือ
กลุ่มชายหญิงซึ่งยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรให้แก่เค้า
ทุกคนเอ่ยทักทายเรียงหน้ากันเข้ามาหาเพื่อนร่างบางผิวขาวที่มีความฝันอันยิ่งใหญ่ อเล็ครีบปีนลงมาจากบันไดอย่างรวดเร็ว
จนคนที่รออยู่ข้างล่างกลัวว่าจะเป็นอันตรายเข้า
“โว่ว ระวังพวก” เจซยิ้ม
แล้ววิ่งเข้าไปคว้าตัวอเล็คขึ้นมากอดจนตัวลอย
และเพื่อนร่างบางเองก็กอดตอบเจซอย่างแสนคิดถึงไปเช่นเดียวกัน นานแล้วที่เค้าไม่ได้ติดต่อกัน แต่ทว่าเพื่อนๆ ที่รออยู่ด้านหลังกลับโวยขึ้น
“โห่หห อะไรกัน
นายรอให้เค้าเดินมาถึงพวกเราก่อนไม่ได้ยังงั้นเหรอ”
เดฟผายมือมาทางอเล็คอย่างไม่พอใจในตัวเจซ
แต่เพื่อนผมบล์อนที่อายุน้อยที่สุดก็เบะปากแล้วยักไหล่ข้างเดียว
ก่อนจะปล่อยให้ร่างบางในอ้อมกอดเป็นอิสระ
อเล็คเข้าไปกอดทุกๆ คน เนื่องจากในตอนที่ร้านปิดตัวลงไปอย่างกะทันหัน
เจ้าตัวก็ไม่ได้บอกลาหรือเจอเพื่อนๆ อีกเลย
และ โอ้ พระเจ้า
พวกเค้าทุกคนปลอดภัย
อเล็คแจกรอยยิ้มที่หลายต่อหลายคนหลงใหลให้แก่กลุ่มเพื่อนตรงหน้า
เจซอดยิ้มตามไม่ได้
แม้โดยปรกติแล้วฮาร์โมนี่จะเรียกเค้าว่าเป็นพวกที่ขี้โมโหอยู่ตลอดเวลาก็ตามเถอะ
ร่างสูงผมบล์อดที่พ่วงตำแหน่งเด็กที่อายุน้อยที่สุดในร้านพูดขึ้น
“เอ่อ
เราเห็นประกาศรับพนักงานหน้าร้านน่ะนะ เราก็เลย...” เค้าเกาหลังหู
แสร้งทำเป็นว่าไม่รู้เจตนาของการมารวมตัวกันของพวกเค้า
“....คิดว่าจะมาถามเจ้าของร้านหน่อยว่ายังพอมีที่ว่างอยู่รึเปล่า?”
อเล็คต่อยเจซเบาๆ ที่หัวไหล่
“อย่ามาล้อเล่นน่า” ร่างบางหัวเราะ
แล้วหันไปมองเพื่อน “ถ้าไม่มีพวกนาย ฉันคงทำได้ไม่เหมือนเดิม” จู่ๆ
รอยยิ้มของอเล็คก็จางหายไป เหลือแต่รอยยิ้มบางๆ
ที่แสดงถึงความรู้สึกจากใจจริงแต่เพียงเท่านั้น
หญิงผิวเข้มร่างผอมเพียวที่สุดเดินออกมาข้างหน้าแล้วใช้แขนข้างหนึ่งโอบอเล็คไว้
“โอ้ ไม่เอาน่าอเล็ค
เธอน่ะเติมเต็มส่วนที่เป็นด้านดีของพวกเรานะ”
ผ้าโพกหัวสีแดงลายปักสีขาวของเธอเป็นสิ่งที่อเล็คจะจำไม่มีวันลืม
“ขอบใจ ซาบรีนา....แต่พูดแบบนั้นเหมือนจะว่าคนอื่นๆ
ด้วยยังไงไม่รู้นะ” อเล็คยิ้มให้พี่สาวของหญิงอ้วนผู้มีผิวขาวอมชมพู
ฮาร์โมนี่ยักไหล่ แล้วโดนเจซมอง
“ก็เธอพูดถึงส่วนที่แสนแย่ของเจซไง”
“ขอบใจ
พวกเธอทั้งสองคน” เจซว่า
ก่อนจะโดนซาบรีน่าตบเข้าที่หลังจนเกือบเซ
เธอเป็นนักเรียนปริญญาโทเอกโบราณศึกษาที่กำลังทำงานหารายได้เสริมจากการวิจัยโครงกระดูกจากไคโรอยู่ แต่ก็ดูเหมือนคนนำทางในพื้นที่ป่าดิบชื่นอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่ต้องขอบใจเจซ เรายินดีเจียดคอมเม้นท์เล็กๆ น้อยๆ
ให้นายเสมอไอ้น้องชาย”
เจซไม่ค่อยชอบคุยกับซาบรีนา เธอทำให้เค้านึกถึงนักรบหญิงอะเมซอน
ผู้มีแรงบึกบึนเหมือนชายฉกรรจ์แต่กลับมีรูปร่างเพรียวบางเหมือนรีฮันน่าหรือนางแบบวิคตอเรียซีเคร็ตอะไรเทือกนั้น
และบางครั้งเจซก็เคยนึกไปว่าซาบรีนาคงจะไม่ใช่ผู้หญิงเต็มร้อย
แต่ร่างสูงชะลูดก็ลืมมันไปซะ
แล้วเอ่ยขึ้นอย่างต้องการตัดปัญหากับนักรบหญิงอะเมซอน “โอ้ ช่างมันเถอะ...เอาล่ะ
ที่นี้นายพอจะบอกได้รึยังว่าต้องการจะจ้างพวกเรารึเปล่า?
เพราะเวลาของนาฬิกาไม่เคยคอยท่าใครหรอกนะ” เจซยิ้มให้อเล็ค และร่างบางก็ฉีกยิ้มกว้างมากกว่าเดิม
“ให้ตาย ไม่มีใครรู้จักที่นี่ดีเท่าพวกนายอีกแล้วล่ะนะ”
พวกเค้าทุกคนปรบมือและโห่ร้องอย่างยินดีกับการเริ่มต้นใหม่ในสถานที่เดิม ที่ๆ เก็บงำความทรงจำหลายต่อหลายอย่างเอาไว้
“เฮ้ อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องหางานใหม่แล้วจริงไหม”
เดฟพูด
ในขณะที่กริ้งหน้าประตูของร้านส่งเสียงดังขึ้นอีก
กริ้งงง
ทุกคนที่เพิ่งได้ตำแหน่งคืนหันไปมองทางต้นเสียงกันเป็นตาเดียว และบุคคลปริศนาที่เพิ่งพุ่งเข้ามาใหม่หยุดชะงักชนิดที่ว่าเกือบเบรกเต็มฝีเท้าเลยทีเดียว
“อ้าว เจ้านายแบบขายถ่าน
อยู่นี่กับเค้าด้วยเหรอ
วันนี้ไม่มีคิวขายถ่านที่ไหนรึไง?”
เจซสังเกตเห็นใบหน้าประหลาดใจของผู้มาใหม่
แล้วเดินแหวกผ่านคนอื่นๆ เข้ามาประจันหน้ากับร่างสูงสะโอดสะอง
ใบหน้าลูกชายคนโตของวาเลนไทน์เงยขึ้นอย่างเหยหยัน
พร้อมแสยะยิ้มมุมปากใส่เล็กน้อย
“หน่อยย
ไอ้เด็กปากหมานี่วอนซะแล้ว”แม็กนัสที่ถือของติดมือกลับเข้ามาแยกเขี้ยวใส่
ถึงแม้จะไม่ได้มีท่าทีแปลกใจมากมายก็ตามเถอะ แต่ไอ้เจ้าเด็กเมื่อวานซืนนี่ก็ทำเค้าระคายตาระคายหูไม่น้อยเลยทีเดียว
“เอ่อ แม็กนัส พวกเค้ากลับมาทำงานที่นี่น่ะ”
อเล็คที่อยู่หลังสุดชะโงกหน้าออกมาจากหลังของซาบรีน่า ยิ้มน้อยๆ
ให้แม็กนัสที่เพิ่งกลับมาจากการหลอกให้ไปซื้อของ
“โอ้ อเล็คที่รัก
อันที่จริงพวกเราอาจจะมาช้ามากกว่านี้ก็ได้นะถ้าเค้าไม่บอกเราน่ะ”
ซาบรีนากระซิบ
ผมตัดสั้นของเธอถูกปัดไปไว้ข้างหลังท้ายทอย
ร่างบางทำหน้างง ไม่ได้ฟังแม็กนัสกับเจซที่เถียงกันอยู่ “หา?”
“ใช่ เธอพูดถูก ดูท่าเจ้าชายของเธอจะรู้ดีมากๆ
เลยล่ะว่าควรทำยังไง และเค้าก็ใจดีมากๆ เลยด้วยนะ และ....อู่ว์
เค้าหล่อล่ำกว่าในนิตยสารหรือในทีวีเป็นไหนๆ เลยล่ะ”
ฮาร์โมนี่ก้มหน้าเข้ามาร่วมวงด้วย
แล้วหัวเราะคิกคักอย่างเช่นที่เด็กสาวชอบทำกันในเวลาที่เห็นดาราในทีวี
“อะไรนะ?”
แต่อเล็คก็ดูจะงุนงงมากกว่าเดิมในคราแรกเสียอีก
ก่อนจะเข้าใจกระจ่างในตอนนั้นเองว่าแท้จริงแล้วแม็กนัสนั้นชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี่เอง
“ร้ายนักนะแม็กนัส...” อเล็คพึมพำ
แต่ก็ไม่สามรถปกปิดรอยยิ้มดีใจที่มุมปากของตัวเองไว้ได้
จนกระทั่งแม็กนัสเบื่อเถียงกับเจซแล้ว เดินเข้ามาหาอเล็คแล้วจูบร่างบางเข้าไปหนึ่งที
“ไง ฉันกลับมาแล้ว อดใช้ทางลัดของฉันไม่ได้จริงๆ เลยอเล็ค”
แม็กนัสยักคิ้วให้เจซอย่างยี่ยวน
ในขณะที่เพื่อนร่างบางก็ตัวแข็งหน้าขึ้นสีไปพร้อมๆ กับคนอื่นๆ
จะยกเว้นเสียก็แต่เจซที่เกิดอาการหมั่นไส้ขึ้นเป็นทวีคูณ
“อู่ว์ พระเจ้า
ทำไมเค้าถึงไม่บอกพวกเราเลยล่ะว่าเค้าแอบซุ่มเงียบคบแฟนในวงการอยู่น่ะ”
แซมท้าวเอวแล้วพูดหยอกน้อยๆ
“โทษนะ นี่แฟนป้ายแดง”
แม็กนัสตอบอย่างเป็นกันเอง ขณะโอบไหล่อเล็ค
แต่ร่างสูงก็ยังมิวายเล่นหูเล่นตาใส่เจซ
“ไอ้ขายถ่าน”
เจซคำรามรอดไรฟัน ถึงแม้ว่าจะยอมหลีกทางให้ก็เถอะ แต่ตอนนี้เค้ายังไม่พร้อมเท่าไรนักหรอกนะ
แม็กนัสแสยะยิ้มใส่ “ให้ตาย ถึงฉันจะขายถ่าน ก็ขายถ่านแบบเซ็กซี่โว้ย”
แม็กนัสประชดเจซ และเริ่มรู้วิธีที่จะคุยกับเจซได้แล้ว
ความกวนประสาทแม็กนัสก็ไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน
แต่ทว่าคนที่ดูเหมือนจะโดนจำกัดคำพูดจะไม่สามารถทนให้ตัวเองได้หน้าแดงเล่นๆ
อีกต่อไปแล้ว
ดังนั้นอเล็คจึงโพล่งขึ้นน้อยๆ เพื่อให้ทุกคนรู้เวลา “เฮ้
นี่ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ
ฉันว่าเราเลิกเล่นกันดีกว่าไหม”
“อืม ฉันเห็นด้วยนะ” เจซว่า
สีหน้าบึ้งตึงมากกว่าปรกติ
ดังนั้น เสียงตบมือและถูเข้าด้วยกันจึงดังขึ้น แซมตะเบ็งเสียงดัง “งั้นจะรออะไรอยู่ล่ะ มีคนที่ต้องการพลังงานกำลังรอเราอยู่นะ เอาล่ะ ยังพอมีเวลา ไปเตรียมเสิร์ฟกาแฟกับขนมปังกันเถอะ!”
และเหล่าเพื่อนก็ขานรับ “วูวว
ไปกันเลย” เดฟมวิ่งเข้าไปเอาผ้ากันเปื้อนกับถาด
ซาบรีนาไปเตรียมเครื่องชงกาแฟ
ส่วนฮาร์โมนี่ก็เข้าไปช่วยแซมที่เดินดุ่มๆ
อย่างขึงขังเข้าไปในครัวดูเหมือนคนกำลังจะไปออกรบ
และเจซก็นั่งบนเก้าอี้ตัวใหม่ของร้าน
แม็กนัสชายตามองและเอ่ยอย่างกับตัวเองเป็นผู้จัดการของร้าน
“แล้วนายล่ะ
ไม่มีงานทำกับเค้ารึไงห๊ะ?”
“มี มีสิ” เจซที่ห้อยแขนกับพนักพิงผายมือใส่แม็กนัสเล็กน้อย
“แล้วทำไมนายไม่ไปทำมันซะล่ะ”
แม็กนัสออกปากไล่
“ฉันก็ต้อนรับแขกกับรับออเดอร์ไง”
เจซตอบหน้ายิ้มแย้ม
แต่แม็กนัสกลับหันไปทำหน้าสะพรึงกับอเล็ค
“โฮยย
อเล็คบอกฉันทีว่าหมอนี่โกหก
หน้าตาไม่น่าให้รับแขกเลยนะ” แม็กนัสชี้ไปที่เด็กหนุ่มผลบล์อนหน้าตาไม่รับแขก
เจซที่แอบได้ยินก็ชักสีหน้า
“แกพูดงี้หมายความว่าไงห๊ะเจ้าบ้า?” เค้าว่าอย่างหาเรื่อง
แต่แม็กนัสก็ได้หาสนใจไม่ “เงียบน่าไอ้เด็กพังค์ ฉันแก่กว่านายนะโว้ย คนเค้าคุยกันอยู่ไม่เห็นรึไง?”
ว่าออกไปเล็กน้อยเป็นเชิงอย่าขัดการสนทนา
ก่อนร่างสูงสะโอดสะองทำหน้าไม่เชื่อหูเมื่ออเล็คยิ้มแหย่ๆ อย่างช่วยไม่ได้
ตอบคำถามแม็กนัสไปตามจริง
“ฮาา
นี่แหละหน้าที่เดิมของเค้า แต่สาวๆ ที่เป็นนักเรียนก็ชอบเจซมากเลยนะ”
อเล็คว่าก่อนจะปลีกตัวออกไปต้อนรับแขกบ้าง
และปล่อยให้สองหนุ่มยืนกัดกันต่อไป
ซึ่งอันที่จริงมันก็ทำให้ร้านดูมีสีสันขึ้นเยอะเลยล่ะ
จนกระทั่งถึงเวลาเที่ยงเศษ....
.
.
.
TBC.
----------------------------------------------------------------------------------------------
อร๊ายยยยยยยยยยยย!! >[]< โคจรกลับมาพบกันในที่ๆ
ความทรงจำทั้งหมดได้เกิดขึ้นกันแล้ววววว
อร๊ายยยยย
ทุกคนกลับเมื่อเพื่อหนูนะอเล็คคคคคคค
ขอซับน้ำตาแห่งความซาบซึ้งเสียหน่อยเถอะค่ะ TUT //กระซิกๆ//
อิตาเบนก็ร้ายใช่ย่อยนะจ๊าา อิๆ >///< แต่ไรท์ชอบโมเม้นท์ที่อิตาเบนกับเจซโคจรมาเจอกันอีกและทะเลาะกันต่อหน้าอเล็คอีกจริงๆ
เลยค่ะ ไม่มีใครยอมใครเลย 5555555
คนนี้ก็แง๊งงงง คนนั้นก็แง๊งงงงง สุดท้ายอเล็คต้องเป็นคนห้ามทัพค่ะ 55555 โอ๊ยยยย
ทำใจนะเจซนะ นายเป็นคนหลีกทางให้แม็กนัสเองไม่ใช่เหรอ?
//สักพักโดนดาบเทวดาเสียบ// อั๊กกก! รึไม่จริงง่าาา
พูดเรื่องจริงทำไมต้องทำร้ายกันด้วยยยย....อาเลคคคคคค //วิ่งทั่กๆ ไปหาอเล็ค//
และที่เอ่ยถึงไม่ได้เลยก็คือเพื่อนๆ ที่ร้านลาเฟ่ของอเล็คค่ะ มีซาบรีน่าเพิ่มมาด้วย เธอเป็นพี่สาวของฮาร์โมนี่นั่นเองค่ะ เป็นพี่น้องที่ขนาดตัวไม่เหมือนกันเลยสักนิดค่ะ 5555555 ไรท์ตั้งใจจะเพิ่มเธอขึ้นมาเองค่ะ เพราะว่าเพิ่งปิ๊งขึ้นมาตอนที่เขียนฉากนี้ค่ะ ไรท์คิดว่าน่าจะมีคนอย่างเธออยู่ร้านด้วย เธอเป็นเด็กป. โท ที่รักงานในร้านนี้เหมือนกันกับคนอื่นๆ ค่ะ ถ้าอยากเห็นหน้าตาของเธอก็ให้นึกถึง Rihanna ไว้นะคะ จะประมาณนั้นเลยค่ะ แบบที่เล่นในเรื่อง Battleship เลยค่ะ แมนมาก แต่ก็ยังมีความเป็นผู้หญิงอยู่ค่ะ แต่ก็เป็นคนเดียวที่เจซพอจะเกรงใจนอกจากอเลคค่ะ เป็นเพราะไม่อยากสาวความยาวกับซาบรีน่านั่นเองค่ะ 55555 ก็นางแมนซะ
สนุกมากเลยค่ะเขียนเรื่องนี้ TUT
ขอบคุณรีดทุกท่านที่เป็นแฟนคลับของ
MaLec นะคะ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ รักรีดทุกท่านมากนะคะ จู๊บบบบบบ
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น