ฮา ฮ๊า! //ทำเสียงหลุดโลก//
ไรท์เพิ่งจะไปเปิดเช็คดูเมื่อครู่นี้ค่ะ แล้วพอได้ความก็ถึงกับเอามือทาบอกแล้วอุทานออกมาเบาๆ
สองคำค่ะ (รีดเดาเอานะคะ 55) ....จะจบแล้วนี่นา!! โอยยย เร็วจริงๆ เลยย
//นี่แกลงมา 30 Part แล้วนะ -*-//
แม็กนัสกับอเล็คกำลังจะจากเราไปด้วยความสุขสันต์ของพวกเค้าแล้วล่ะค่ะรีดขา
//ยิ้มอ่อนอาลัย// มันนานมากเลยค่ะ สำหรับไรท์
แล้วความหมั่นไส้ที่มีให้อิตาเบนตั้งแต่ Part แรกก็ยังรู้สึกเหมือนเพิ่งเริ่มหมั่นไส้เมื่อสามเดือนที่แล้วนี้เองค่ะ
//เป็นปีแล้ว Aund เอ้ย//
โอเคค่ะ มาเข้าเรื่องกันดีกว่านะคะ อเล็คผู้น่าสงสารของเรากำลังจะได้มีความสุขชั่วนิจนิรันดร์แล้วล่ะค่ะ
>< รู้สึกดีแทนเจ้าตัวจริงๆ เลยค่ะ
คือ Part หน้ากรี๊ดจริงๆ ค่ะ แต่ Part นี้ก็รู้สึกดีด้วย
//สปอยล์รีดอีกและ นั่นไง
เอาอีกแล้วไรท์ชอบเป็นงี้อ่ะค่ะ// และอิตาเบนก็น่าเอาถามเสิร์ฟฟาดแล้วตะโกนว่า “ทำไมไม่ตัวงี้ตั้งแต่แรกฟะ!” ใส่มากมายเลยค่ะ
รีดอาจคิดเหมือนไรท์ ต้องไปอ่านพิสูจน์กันค่ะ
^^
ถือซะว่าลงรับคริสต์มาสล่ะกันเนอะ
^^
งั้นก็ไปกันเล้ยค่าา ><
-------------------------------------------------------------------------------------------
ใช่
อเล็ครู้จักที่นี่
.
.
*********************************************************************
.
ร่างบางดวงตาเบิกกว้าง
เป็นเวลาเดียวกันกับที่รถขับพุ่งออกมาจากซอยแคบๆ แล้วแล่นไปตามท้องถนนของย่านที่เค้ารู้จัก
-- KAMPAMULA LAFE –
ป้ายขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บนริมถนนฝั่งหน้าร้าน
ซึ่งถูกปิดสนิทและดูร้างจนเงียบเหงา
ทำให้รู้สึกน่าใจหายเป็นอย่างยิ่งกับผู้คนที่เป็นขาประจำของร้าน แม้แต่ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามยังรู้สึกผูกพันกับความครึกครื้นยามเมื่อมีลูกค้าเข้าออกของร้านลาเฟ่อย่างเสียมิได้
และรอยยิ้มของเด็กเสิร์ฟซึ่งมองเห็นได้จากฝั่งตรงข้ามก็ตราตรึงอยู่ในใจของทุกๆ
คน
จวบจนกระทั่งแม็กนัสขับรถมาจอดที่หน้าร้าน แล้วปลดสายเข็มขัดนิรภัยออก ร่างสูงปลดให้อเล็คดด้วย
อเล็คผู้ซึ่งไม่ยอมโวยวายใส่เค้าเลยทันทีที่เห็นร้านลาเฟ่ที่เจ้าตัวทำงานมาตลอดหลายต่อหลายปี
ร่างสูงสะโอดสะองเลียริมฝีปากของตัวเองอย่างช่างใจก่อนจะเริ่มเอ่ย
“ฉันเสียใจด้วยนะที่ร้านของนายกับทุกคนถูกปิดตัวลงน่ะ ในตอนนั้นฉันไม่มีโอกาสได้บอกคำนี้กับนาย แต่เห็นได้ชัดว่าถึงพูดไปก็คงจะไม่มีอะไรดีขึ้น”
แม็กนัสหยุดประโยคไว้
เว้นระยะของคำด้วยความเงียบเพื่อส่งความรู้สึกเห็นใจไปให้อเล็คอย่างจริงใจ
และร่างบางรู้สึกได้ถึงมันเป็นอย่างดี
อเล็คพยักหน้าแล้วยิ้มบางๆ
ให้เป็นเชิงว่าขอบคุณ
แต่แม็กนัสก็รู้มากพอที่จะมองออกว่ามันเป็นยิ้มแห่งความเศร้าใจของเล็ค
“เรื่องมันผ่านมาแล้วก็ช่างมันเถอะ แต่ก็อย่างว่าจริงๆ นั่นแหละ ที่นี่เป็นที่ๆ มีความสำคัญกับพวกเรามากจริงๆ”
อเล็ครู้สึกรักเพื่อนร่วมงานที่แสนดีทุกคน
เช่นเดียวกับที่พวกเค้าก็มอบมันให้อเล็คด้วยเช่นกัน
แต่แม็กนัสก็ไม่ได้ใส่ใจในข้อสำคัญนั้นแล้ว
ก่อนมือแกร่งจะเอื้อมข้ามเกียร์ไปจับมือขาวนุ่มของอเล็ค
“ฉันรู้เรื่องนั้นแล้วนะ
เจซบอกฉันแล้วว่านายเป็นคนเข้ามาในห้องของฉันเอง ไม่ใช่เอลซ่า”
แม็กนัสกล่าว ไม่ยอมปล่อยมือของอเล็คเมื่อร่างบางทำท่าจะดึงกลับ
แต่ทว่าเพื่อนตัวน้อยกลับหน้าเสีย
และกลัวว่าแม็กนัสจะโกรธเข้าเมื่อรู้ความจริงที่ว่าเจ้าตัวได้ถือวิสาสะเข้ามาเกือบทุกคืน
“อะ เอ่อ ฉะ ฉันขอโทษแม็กนัส ฉันรู้ว่านายจะต้องไม่ชอบใจแน่ๆ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะ...”
“เฮ้”
นิ้วเรียวยาวได้รูปถูกยกขึ้นมาห้ามประโยคนั้นไว้
แม็กนัสส่ายหน้าช้าๆ แล้วยกฝ่ามืออีกข้างขึ้นมาสัมผัสผิวแก้มเนียนใสนั้นอย่างแผ่วเบา
“ฉันควรขอบคุณนายต่างหาก
มีแค่นายเท่านั้นที่รู้ว่าฉันต้องการอะไร
และจะไม่ทิ้งฉันไปไหน ไม่ว่าฉันจะทำตัวงี่เง่าแค่ไหนก็ตาม” คำบอกกล่าวนั้นฟังดูแสนจะจริงใจ
แต่ร่างบางกลับร้องไห้ออกมาอย่างนึกเสียใจที่ทำเรื่องละเลยการขอวิสาสะแบบนั้นลงไป
แม็กนัสยิ้ม “เฮ้ อย่าร้องไห้สิอเล็ค เราสัญญากันแล้วไง ถ้านายร้องไห้
คืนนี้นายจะต้องไปนอนที่เตียงนะ”
นิ้วเรียวยาวเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้เพื่อนตัวน้อย
และอเล็คก็พยักหน้าเร็วๆ ตอบรับ
ก่อนแม็กนัสจะเอ่ยถึงสิ่งที่ตัวเค้าเองอยากจะพูดมาหลายต่อหลายครั้งแล้วแต่ทว่ายังไม่มีโอกาส และวันนี้เค้าได้มีโอกาสแล้ว
“ขอบคุณนะอเล็ค
ขอบคุณที่อยู่ข้างฉันมาตลอดแม้ว่าฉันจะผลักไสนายมากมายแค่ไหน แต่นายก็ยังเป็นคนเดียวที่รู้ว่าฉันคือใคร”
แม็กนัสมีสีหน้าที่เกินจะบรรยาย เอื้อนเอ่ยสิ่งที่ติดอยู่ในใจของเค้าตลอดมา
และหลายวันมานี้การได้อยู่กับอเล็คทำให้เค้ามั่นใจที่จะพูดมันออกไป
“และการที่ให้นายเข้ามาอยู่กับฉัน
ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่...เพื่อรอให้ถึงวันที่นายจะต้องออกไปหรอกนะ”
แม็กนัสเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เบาะนั่งของอเล็คซึ่งตอนนี้นั่งตัวตรงโลกหมุนคว้างโดยที่ยังปะติดปะต่อคำของแม็กนัสไม่ได้
อเล็คไม่เคยหวังให้แม็กนัสต้องการเค้า....
แต่ถึงกระนั้นความรู้สึกที่แม็กนัสเพิ่งรู้สึกและได้ค้นพบก็ไม่อาจทำให้ร่างสูงยึดติดกับความรู้สึกในเวลาเก่าก่อนได้อีกต่อไปแล้ว
“อเล็คฉันรู้ว่านายอาจเกลียดฉัน และไม่คิดจะให้อภัยกับฉันที่เคยได้ทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ
นาๆ กับนายลงไป แต่ฉัน ฉันอยากจะบอกให้นายรู้ว่า ไม่สิ
ฉันต้องบอกให้นายรู้ว่า....”
เพื่อนตัวน้อยของเค้าช่างเปรียบเสมือนสิ่งสำคัญในชีวิตที่เค้าจำเป็นต้องมี
“...ฉันรักนายอเล็ค”
แม็กนัสได้ปลดเปลื้องถ้อยคำเล็กๆ อันหนักหน่วงและกักขังหัวใจของตัวเองออกมาแล้วในที่สุด
แล้วส่งมอบมันให้แก่ร่างบางผู้ที่มีสีหน้าเปลี่ยนสีไปในทันทีที่เค้าเอ่ยจบ
อเล็ค ไลต์วู้ด ลืมหายใจ
หัวใจดวงน้อยหยุดเต้นและชะงักการสูบฉีดเลือดให้แก่ร่างกายอันต้องการความดูแลนี้ไปชั่วขณะ ก่อนกล่องหัวใจดวงน้อยๆ
ที่แตกหักง่ายจะพองโตขึ้นมาราวกับต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาได้รับการหล่อเลี้ยงจากสายน้ำอันชุ่มช่ำ
อเล็คยังคงไม่เชื่อหูตัวเองจนกระทั่งแม็กนัสโน้มกายลงมาจูบเค้าอย่างอ่อนโยน
และแปรเปลี่ยนเป็นความดูดดื่มตามความต้องการของเพื่อนร่างสูงสะโอดสะอง
ร่างเล็กจึงยกแขนขึ้นมาเกี่ยวกระหวัดรอบคอของร่างสูง
เมื่อแม็กนัสใช้แขนแกร่งทั้งสองข้างกอดกายของอเล็คไว้ราวกับสิ่งล่ำค่าที่สุดในชีวิต
อเล็คได้รับความรักในที่สุด
หลังจากเวลาที่เพียรพยายามมาตลอดหลายปี
หรือไม่ใช่ล่ะ
บางทีอาจพูดผิดไป
หรือเป็นอเล็คเองที่อาจน่าสงสาร เพียงเพราะแม็กนัสเพื่อนร่างสูงของเค้าไม่ยอมเอ่ยปากบอกความในใจที่มีมาตั้งแต่ต้นให้เจ้าตัวรู้เสียที
จนกระทั่งตอนนี้ลิ้นของแม็กนัสสัมผัสนุ่มหยุ่นอ่อนโยนกับริมฝีปากบางอ่อนนุ่มของอเล็ค
ก่อนจะได้รับอนุญาตให้ล่วงล่ำเข้าไปสำรวจลากไล้ในโพร่งปากหวานซึ่งน่าค้นหามากมายกว่าเป็นไหนๆ ลิ้นของแม็กนัสสัมผัสเลียไปในทุกส่วนก่อนจะไล่ต้อนลิ้นของเจ้าของโพรงปากและชวนให้เกี่ยวกระหวัดเต้นรำกันด้วยความเร่าร้อน
อเล็คเอนตัวไปด้านหลัง
เนื่องจากโดนจู่โจมหนักมาก
แม็กนัสแทบไม่ยอมให้โอกาสเค้าได้หายใจ
ซึ่งอย่าว่าแต่ถอนปากออกจากกันเลย
แม้แต่ความคิดที่จะละลิ้นออกมาจากการกวัดเกี่ยว ร่างสูงสะโอดสะองนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมทำเลย
จมูกโด่งคมสวยได้รูปทั้งสองสัมผัสปัดเฉียดกันไปมาราวกับแหวกว่ายอยู่ในสายน้ำที่เย็นชุ่มช่ำของความเสน่หา จนกระทั่งร่างบางผู้ไม่จัดเจนสิ่งใดเลย
ออกแรงขย่ำเสื้อกั๊กแฟชั่นตัวเรียบง่ายสีดำของแม็กนัสแล้วกระตุกมันไปมาอย่างทนไม่ไหวแล้ว
ดังนั้น
ร่างสูงสะโอดสะองจึงจำต้องยอมผละริมฝีปากออกมาอย่างอดเสียดายไม่ได้
แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าเค้าจะไม่พอใจในจูบอันลึกล่ำของเค้าทั้งสองเสียเมื่อไร
แม็กนัสผละใบหน้าออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ปล่อยให้เพื่อนตัวน้อยของเค้าหอบหายใจเอาอากาศที่โดนช่วงชิงไปให้กลับคืนมาเหมือนเดิม
ก่อนเค้าจะแลบลิ้นเลียที่ริมฝีปากนุ่มเคลือบน้ำใสๆ ของอเล็ค
อเล็คหน้าแดง
ก่อนจะเพื่อนร่างสูงจะจุดรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้งแล้วเปิดประตูรถ
“มาเถอะ”
ร่างสูงที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวสบายตัว
สวมทับด้วยเสื้อกั๊กไม่เป็นทางการสีดำและกางเกงที่เป็นสีเดียวกันกุลีกุจอลงมาจากรถก่อนจะเปิดประตูดึงร่างบางของเพื่อนรักออกมาจากตัวรถอย่างนุ่มนวล
แต่ทว่าก็กระตือรือร้นด้วยในเวลาเดียวกัน
อเล็คซึ่งโดนฉุดดึงไปพร้อมกับโดนยิ้มให้อย่างไม่มีสาเหตุ
มีสีหน้างุนงงไม่เข้าใจ
และเป็นเช่นนั้นมากขึ้นไปอีกเป็นสองเท่าเมื่อแม็กนัสดันไขกุญแจที่คล้องโซ่ล็อคอยู่ที่หน้าประตูร้านออก
อเล็คตาโต “นายจะทำอะไรน่ะแม็กนัส”
ร่างบางดุ
ที่นี่ถูกปิดลงและถูกคุ้มครองภายใต้กฎหมายของตำรวจแล้ว
ร่างบางไม่คิดว่าเพื่อนของตัวเองจะยังไม่เลิกนิสัยพิเรนญ์ๆ
เหมือนครั้งที่พวกเค้ายังเด็กอยู่อีก
แต่แม็กนัสไม่สนใจ
เค้าเคยคิดอยากที่จะเดินเข้าไปในร้านนี้พร้อมกับอเล็ค และตอนนี้เค้ามีโอกาสแล้ว
มีหลายคนที่มองมาทางเค้าทั้งสอง
ว่ามาทำอะไรในร้านที่ได้ทำการปิดตัวลงแล้วในเวลาแบบนี้กัน หลายๆ คนหวัง ให้ร้านนี้กลับมาเปิดอีกครั้ง
แต่ทว่าเมื่อมองดูชายหนุ่มสองคนที่พูดคุยกันอยู่ที่หน้าร้านพร้อมกับพยายามที่จะเปิดมันไปด้วยได้ครู่หนึ่งผู้คนที่ผ่านไปมาก็เลิกสนใจเสีย
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่านายแบบหนุ่มซึ่งเป็นหัวโจ่ในการล่วงล่ำครั้งนี้ไม่ได้หันมาสนใจกับคนรอบข้างจึงไม่มีใครรู้ว่าเค้าเป็นใคร
และในที่สุดประตูหน้าร้านก็ถูกเปิดออก
ก่อนจะตามมาด้วยชายหนุ่มสองคนที่ไม่ได้รับความสนใจจะจับมือกันเดินเข้าไปในร้านแล้วปิดประตูนั้นลงเสียอย่างแนบสนิท
กระจกใสรอบด้านทั้งหกของร้านถูกปิดสนิท
และประตูก็ถูกปิดลงดังเดิม....
ภายในร้านซึ่งร่างบางยังคงได้กลิ่นอายของขนมปังและกาแฟที่เค้าชื่นชอบ ในที่ๆ
เค้าคุ้นเคยปัดนี้กลับเงียบเหงาและมืดสลัว
เป็นเพราะกระจกซึ่งเป็นความสว่างหลักของร้านได้ถูกปิดลงและประกอบกับไฟที่ยังไม่ได้ทำการเปิดด้วย
แม็กนัสปล่อยมืออันบอบบางนั้นแล้ว
อเล็คจึงเดินไปด้านหน้าอย่างไม่ต้องอาศัยแสงไฟหรือความสว่างใดๆ
ร่างบางผิวขาวเนียนจดจำได้ดีว่าตรงไหนเป็นตรงไหน และหยุดอยู่ตรงนั้นอย่างเหมาะเจาะ อเล็คเอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสเคาน์เตอร์บาร์ที่ซึ่งทุกคนเคยทำหน้าที่อยู่ตรงนี้หมุนสลับสับเปลี่ยนกันไป มันทั้งลื่นมือและเย็นเชียบสำหรับอเล็ค
“เฮ้
นี่สินะที่นายบอกว่าจะพาฉันมา...ที่นี่เองน่ะเหรอ”
เสียงที่ดังกังวานใสในความมืดเอ่ยขึ้นมาราวกับว่ากำลังยิ้มอยู่ อเล็คคิดว่าแม็กนัสจะพาไปในที่ๆ
แปลกกว่านี้เสียอีก
แต่อเล็คก็คิดถึงที่นี่
คิดถึงที่นี่มากเหลือเกิน
นั่นเป็นเพราะว่าแม็กนัสรู้ใจอเล็คเสมอ ดั่งเช่นที่เพื่อนตัวน้อยเองก็เป็นแบบเดียวกัน
“ช่ายย ฉันคิดว่านายคงจะคิดถึงที่นี่มาก เลยอยากพานายมาตั้งนานแล้วน่ะ แต่ว่าฉันเองก็เพิ่งจะรู้สึกว่ามันพร้อมแล้ว”
แม็กนัสกล่าวพลางเดินไปที่ทางเข้าประตูหลังร้านแบบค่อยเป็นค่อยไปแล้วคลำหาที่ๆ
คิดว่าน่าจะเป็นสวิตช์ทั้งหมดสำหรับเปิดไฟทุกดวง
แม็กนัสจรดนิ้วกับทุกสวิตซ์ที่เค้าเจอ
ไฟทุกดวงสว่างขึ้นพร้อมกับสิ่งที่ทำให้อเล็คต้องพูดไม่ออกอีกครั้งในวันนี้ หัวใจของร่างเล็กหยุดเต้นไปเลยในทันที
ทุกๆ อย่างทั้งโต๊ะ เก้าอี้
เคาน์เตอร์ ตู้เบเกอร์รี่ การตกแต่ง ทุกอย่างใหม่หมด!
และถ้าอเล็คเดินไปหลังร้านก็จะเห็นอุปกรณ์คุณภาพดีที่พร้อมใช้งานในทันทีอีกด้วย
“โอ้ พระเจ้าช่วย....” ร่างบางหมุนรอบตัวเหมือนไม่สามารถบอกตัวเองให้หยุดได้ ก่อนอเล็คจะอุทานออกมาเบาๆ โดยไม่รู้ตัว
ให้ตาย
โกหกกันรึเปล่า
ทุกอย่างที่นี่ ตอนนี้
ดูเหมือนพร้อมจะเปิดร้านได้ทันทีในตอนนี้เลยนะเสียด้วยซ้ำ
และมันเหมือนอย่างที่อเล็คเคยคิดไว้....
“ก็นะ ฉันกะจะบอกนายให้เร็วและปลอดภัยในการเดินทางมาถึงให้มากกว่านี้
แต่ว่านายมาเริ่มงานที่นายรักได้ตั่งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปเลยนะ”
แม็กนัสพูดเสียงทุ้มและมันฟังดูยินดี
หลังจากที่ร่างสูงได้ทำการหย่อนตัวนั่งลงบนเกาะอี้ยาวบุนวมในมุมที่จัดเตรียมไว้สำหรับเด็กๆ
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม็กนัสยกขาขึ้นมาไขว่ห่างในตอนที่อเล็คหันมามองเค้าอย่างไม่เชื่อสายตา
ร่างสูงเอ่ยพร้อมเผยรอยยิ้มที่ไม่มีใครเคยได้จากเค้า
“ในฐานะเจ้าของร้านคนใหม่
ฉันคิดว่าไม่มีใครรักร้านนี้เท่านายอีกแล้วล่ะอเล็ค”
แม็กนัสยกร้านนี้ให้เพื่อนตัวน้อยของเค้าเพราะรู้ว่าอเล็คคงจะขาดมันไปไม่ได้แน่ และอีกอย่างความฝันของเจ้าตัวก็ด้วย มันเป็นความฝันที่จะมองข้ามไปไม่ได้เด็ดขาดเลย
ดวงตาสีฟ้าสวยดูมีมิติน่าค้นหาอย่างยิ่งส่องประกายเจิดจรัส
“ไม่จริงน่า” อเล็คว่า แต่แววไม่คาดฝันก็ยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าอันอ่อนเดียงสาราวกับเด็กหนุ่มมากเกินกว่าอายุของเจ้าตัว
“จริงซี่ โกหกนายแล้วฉันได้อะไรล่ะอเล็ค....ได้ตังค์งั้นเหรอ?”
แม็กนัสทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แล้วยักไหล่ให้เพื่อนตัวน้อย
“บ้าไปแล้ว...” อเล็คพึมพำ ดูคล้ายว่าตัวเองเสียมากกว่า ก่อนแม็กนัสจะลุกขึ้น
เดินเข้าไปกอดร่างบางซึ่งเค้ารักอย่างมากมายโดยที่ไม่รู้ตัวมาเนินนานแล้ว เลยทำให้รู้ว่าร่างบางของเค้าแอบร้องไห้อีกแล้วจนได้
“ไม่เอาน่าอเล็ค...อย่าร้องไห้สิ นี่ก็เท่ากับว่าฉันทำให้นายร้องไห้อีกแล้วนะ”
แม็กนัสยิ้มละมุน ก่อนจะใช้ศีรษะของตัวเองซบลงบนศีรษะของอีกคนหนึ่งอย่างแสนรัก
โอเค ก็ได้
ครั้งนี้เค้าจะยอมปล่อยให้อเล็คร้องไห้ไปก่อน
เพราะว่านี่เป็นน้ำตาแห่งความปลื้มปิติหรอกนะ
ถ้าอเล็คมีความสุขเค้าก็มีความสุข
นับตั้งแต่ที่เค้ารู้ใจตัวเอง
แม็กนัส เบน ก็กลายเป็นผู้ที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อ
อเล็ค ไลต์วู้ด
คนนี้อย่างไม่มีข้อกังขา
เพราะเค้าได้ทำให้เพื่อนตัวน้อยคนนี้เสียใจมามากพอแล้ว
อเล็คจะต้องมีความสุข
แม็กนัสสาบานได้เลย
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป ตราบนานเท่านาน....
*****************************************************************************
ไม่กี่วันต่อมาที่ร้านลาเฟ่ซึ่งได้เปิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง....
“ฉันว่ามันเร็วไปหน่อยนะอเล็ค” แม็กนัสที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมตัวใหม่เอี่ยมของร้านกอดอก เลิกคิ้วพูดเล็กน้อยอย่างติดจะไม่พอใจ
“ก็นายบอกเองว่าฉันเริ่มงานเมื่อไรก็ได้ นายบอกด้วยซ้ำว่า ‘พรุ่งนี้’
น่ะ” ส่วนอีกคนหนึ่งที่ยืนยักไหล่อยู่ก็เอ่ยตอบกลับไปทันควันอย่างย้อนความ
“เกาะช่าย แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้นะ...แล้วเฮ้
นี่นายกำลังจะใช้คำพูดของฉันเล่นงานฉันใช่ไหมหา?” ร่างสูงสะโอดสะองที่นั่งกอดอกไขว่ห้างอยู่ก็เปลี่ยนท่าทันที เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังโดนยอกย้อน
“ก็นายบอกเองนี่”
“อย่ามาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อย่างนั้นใส่ฉันนะ
อเล็ค ไลต์วู้ด ฉันทำได้คนเดียว”
แม็กนัสทำหน้าหมั่นเขี้ยวใส่อเล็ค
“ฮึ ไม่สนหรอก” อเล็คแลบลิ้นใส่
“อ้าวววว ทำงั้นหมายความว่าไงน่ะ จะให้ฉันจูบนายตรงนี้เลยใช่ไหมห๊าา!” นายแบบหนุ่มคันเขี้ยวเพื่อนตัวน้อยของตัวเอง
“อ๊า! อาาา อยะ..อย่านะแม็กนัส! เดี๋ยวคนข้างนอกเค้าก็เห็นเอาหรอก
แค่มองไม่เห็นนายที่ทำตัวประหลาดอยู่ในร้านนี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว อย่าทำให้เรื่องวุ่นวายเข้าไปกันใหญ่สิ”
แม็กนัสที่เกี่ยวเอวบางให้ล้มทับลงมานั่งบนตักเค้าได้สำเร็จโดนห้ามปรามเสียใหญ่โต เมื่อเค้าทำท่าจะทำอย่างที่ปากว่าจริงๆ
แต่ก็ชวดอีกตามเคย
เมื่ออเล็คกลับมาเป็นอเล็คคนเดิมเมื่อหลายปีก่อน....
“แล้วนี่นายไม่ไปทำงานหรือไง?”
อเล็คถามตาใส หลังจากที่แงะตัวเอง
ลุกขึ้นมานั่งที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกับร่างสูงได้สำเร็จ
แม็กนัสยักไหล่ ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่อเล็คอีก
“ฉันก็มารอซื้อกาแฟแก้วแรกของร้านนี้อยู่ไง
กาแฟที่ฉันได้ดื่มเพียงแค่คนเดียวน่ะ”
แต่อเล็คหดหน้าหนี
“ฉันเอามันใส่ลงไปในเมนูของร้านแล้วเสียใจ
ไม่ใช่นายคนเดียวอีกแล้ว” ร่างบางว่าอย่างหมั่นไส้
เรียกสีหน้าผิดหวังอย่างมากมายจากเพื่อนร่างสูงได้เป็นอย่างดี
แม็กนัสโวย “อ้าว ทำไมไหงงั้นอ่ะ นายชงมันให้ฉันคนเดียวไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันยังไม่ได้พูดอย่างนั้นเลย อย่าเออออไปเองสิ” อเล็คแลบลิ้นอีก และครั้งนี้ไม่ต้องคอยระวังตัวไม่ให้โดนจูบแล้ว
นิ้วเรียวยาวแข็งแรงของแม็กนัสยื่นออกมาบีบเอาที่จมูกโด่งสวยของอเล็คแล้วส่ายไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว
“โอ๊ยยย อูยยย แอ๊กอัตอั้นเอ็บอ๊ะ!”
“อะไรนะ? นายว่าอะไรนะอเล็ค ฉันฟังไม่รู้เรื่องเลยยย” แม็กนัสล้อเลียน
ก่อนจะยอมปล่อยมือแต่โดยดี
อเล็คที่ทำหน้าเหยเกลูบจมูกที่ขึ้นสีแดงระเรื่อของตัวเองปอยๆ อย่างแง่งอน
“แม็กนัสบ้า...”
อเล็คทำหน้าบูดใส่
ก่อนแม็กนัสจะทำเสียงเหมือนหลุดหัวเราะแล้วหันมาทำเสียงจริงจงเคล้าเอ็นดู
ภายใต้สีหน้าที่ดูเป็นผู้ใหญ่อย่างยิ่ง
“นี่อเล็คฉันรู้ว่ามันสำคัญมากสำหรับนาย เพราะงั้นฉันเลยซื้อมันกลับมา....ไม่
อย่าทำหน้าอย่างงั้นสิ
ที่ฉันกำลังจะบอกก็คือว่า นายจะต้องมีคนช่วยนะ ลูกจ้างที่จะทำหน้าที่นู้นหน้าที่นี้ให้นายน่ะ”
ร่างสูงท้าวแขนทั้งสองข้างทับกันบนโต๊ะแล้วยิ้มให้กับเพื่อนตัวน้อย
อเล็คยื้นปาก ดูดื้อดึง
“แต่เราก็ติดป้ายรับสมัครไปแล้วนะ”
“ใช่ แต่นายก็น่าจะรอให้มีคนมาขอสมัครก่อนสิ”
แม็กนัสพูดเสียงอ่อนโยน
“ฉันกำลังรออยู่”
อเล็คยังคงตีหน้าใสใส่แม็กนัส
ซึ่งตอนนี้หมดคำพูดแล้ว
ให้ตายสิ
แล้วอย่างนี้จะให้เค้าไปทำงานแล้วปล่อยให้อเล็คอยู่ร้านคนเดียวได้อย่างไรกันเล่า ถ้าถึงเวลาพักเที่ยงเมื่อไร
อเล็คได้โดนรุมจนเละเป็นแป้งแหงๆ เลย
และใช่ นั่นเป็นความจริง
เค้าขับรถพาอเล็คที่ทำตัวกระตือรือร้นแต่เช้ามาที่ร้านนี้ในตอนสายหลังจากเลยเวลาเข้าทำงานของคนเมืองกรุงในมหานครไปแล้ว
เพราะโดนอีกฝ่ายหนึ่งรุมเร้าจนถึงขั้นต้องงอแงใส่ว่าอยากมาที่ร้านใจจะขาดอยู่รอนๆ
แล้ว
.
.
.
TBC.
---------------------------------------------------------------------------------------------
อร๊ายยยยยยยยย!! กรี๊ดดดดดดดดดดด!!
>< ขอกรี๊ดดังๆ
เถอะค่ะ แม็กนัส...จะโรแมนติกไปไหนห๊าาาา!
เกินปายแล่วน้าา //ทำเสียงขึ้นจมูก//
แบบว่าบทจะทำตัวดีก็เอาซะเบาหวานขึ้นเลยอ่ะ! ตอนนี้ He
หวานมากเลยค่ะ..... He กับแฟน He มาความสุขมากเลยค่ะ ณ จุดๆ นี้
แต่คนที่ดูเหมือนจะ
ถ้าเราเป็นเค้าแล้วไม่ร้องไห้ไม่ได้เลยดูเหมือนจะเป็นอเล็คค่ะ
โอยย ขวัญเอ้ยขวัญมาา หนูได้ร้านคืนแล้วนะลูกกก
ได้มาเป็นของหนูเลยย
เรื่องนี้ยกให้อิตาเบนเค้า //แอบหมั่นไส้ในแง่บวกนิดหน่อย// แบบว่าเป็ฯของขวัญวันคริสต์มาสให้อเล็๕เลยนะอิตาเบน
(แต่ว่า เอ้ย นี่น่ะ ในเรื่องตอนนี้ไม่ใช่วันคริสต์มาสนะ -*-) โอ้วว
ในที่สุดก็มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับหนูแล้วนะอเล็ค TUT รีดๆ ค่ะ ไรท์ย้ำจริงๆ ค่ะ ว่าเรื่องนี้กำลังจะจบลงแล้ว
//ย้ำตัวเอง// อีก 2 Part ก็จะจบแล้วค่ะ TUT รอติดตามตอนจบไปพร้อมกันนะคะ รักรีดๆ ทุกท่านค่ะ >3<
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น