วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558

[FIC - TMI] + [Part 31] Your Heart……หัวใจนายเป็นของฉัน – Magnus x Alec




ฮา ฮ๊า! //ทำเสียงหลุดโลก// ไรท์เพิ่งจะไปเปิดเช็คดูเมื่อครู่นี้ค่ะ แล้วพอได้ความก็ถึงกับเอามือทาบอกแล้วอุทานออกมาเบาๆ สองคำค่ะ (รีดเดาเอานะคะ 55) ....จะจบแล้วนี่นา!!  โอยยย เร็วจริงๆ เลยย //นี่แกลงมา 30 Part แล้วนะ -*-//  แม็กนัสกับอเล็คกำลังจะจากเราไปด้วยความสุขสันต์ของพวกเค้าแล้วล่ะค่ะรีดขา //ยิ้มอ่อนอาลัย// มันนานมากเลยค่ะ สำหรับไรท์  แล้วความหมั่นไส้ที่มีให้อิตาเบนตั้งแต่ Part แรกก็ยังรู้สึกเหมือนเพิ่งเริ่มหมั่นไส้เมื่อสามเดือนที่แล้วนี้เองค่ะ //เป็นปีแล้ว Aund เอ้ย//

โอเคค่ะ  มาเข้าเรื่องกันดีกว่านะคะ อเล็คผู้น่าสงสารของเรากำลังจะได้มีความสุขชั่วนิจนิรันดร์แล้วล่ะค่ะ ><  รู้สึกดีแทนเจ้าตัวจริงๆ เลยค่ะ คือ Part หน้ากรี๊ดจริงๆ ค่ะ แต่ Part นี้ก็รู้สึกดีด้วย //สปอยล์รีดอีกและ  นั่นไง เอาอีกแล้วไรท์ชอบเป็นงี้อ่ะค่ะ// และอิตาเบนก็น่าเอาถามเสิร์ฟฟาดแล้วตะโกนว่า “ทำไมไม่ตัวงี้ตั้งแต่แรกฟะ!” ใส่มากมายเลยค่ะ  รีดอาจคิดเหมือนไรท์  ต้องไปอ่านพิสูจน์กันค่ะ ^^

ถือซะว่าลงรับคริสต์มาสล่ะกันเนอะ ^^

งั้นก็ไปกันเล้ยค่าา ><



-------------------------------------------------------------------------------------------



ใช่  อเล็ครู้จักที่นี่



.



.



*********************************************************************



.



ร่างบางดวงตาเบิกกว้าง  เป็นเวลาเดียวกันกับที่รถขับพุ่งออกมาจากซอยแคบๆ แล้วแล่นไปตามท้องถนนของย่านที่เค้ารู้จัก

-- KAMPAMULA LAFE –

ป้ายขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บนริมถนนฝั่งหน้าร้าน ซึ่งถูกปิดสนิทและดูร้างจนเงียบเหงา  ทำให้รู้สึกน่าใจหายเป็นอย่างยิ่งกับผู้คนที่เป็นขาประจำของร้าน  แม้แต่ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามยังรู้สึกผูกพันกับความครึกครื้นยามเมื่อมีลูกค้าเข้าออกของร้านลาเฟ่อย่างเสียมิได้  และรอยยิ้มของเด็กเสิร์ฟซึ่งมองเห็นได้จากฝั่งตรงข้ามก็ตราตรึงอยู่ในใจของทุกๆ คน

จวบจนกระทั่งแม็กนัสขับรถมาจอดที่หน้าร้าน  แล้วปลดสายเข็มขัดนิรภัยออก  ร่างสูงปลดให้อเล็คดด้วย

อเล็คผู้ซึ่งไม่ยอมโวยวายใส่เค้าเลยทันทีที่เห็นร้านลาเฟ่ที่เจ้าตัวทำงานมาตลอดหลายต่อหลายปี

ร่างสูงสะโอดสะองเลียริมฝีปากของตัวเองอย่างช่างใจก่อนจะเริ่มเอ่ย “ฉันเสียใจด้วยนะที่ร้านของนายกับทุกคนถูกปิดตัวลงน่ะ  ในตอนนั้นฉันไม่มีโอกาสได้บอกคำนี้กับนาย  แต่เห็นได้ชัดว่าถึงพูดไปก็คงจะไม่มีอะไรดีขึ้น” แม็กนัสหยุดประโยคไว้ เว้นระยะของคำด้วยความเงียบเพื่อส่งความรู้สึกเห็นใจไปให้อเล็คอย่างจริงใจ และร่างบางรู้สึกได้ถึงมันเป็นอย่างดี

อเล็คพยักหน้าแล้วยิ้มบางๆ ให้เป็นเชิงว่าขอบคุณ  แต่แม็กนัสก็รู้มากพอที่จะมองออกว่ามันเป็นยิ้มแห่งความเศร้าใจของเล็ค

“เรื่องมันผ่านมาแล้วก็ช่างมันเถอะ  แต่ก็อย่างว่าจริงๆ นั่นแหละ  ที่นี่เป็นที่ๆ มีความสำคัญกับพวกเรามากจริงๆ” อเล็ครู้สึกรักเพื่อนร่วมงานที่แสนดีทุกคน  เช่นเดียวกับที่พวกเค้าก็มอบมันให้อเล็คด้วยเช่นกัน

แต่แม็กนัสก็ไม่ได้ใส่ใจในข้อสำคัญนั้นแล้ว ก่อนมือแกร่งจะเอื้อมข้ามเกียร์ไปจับมือขาวนุ่มของอเล็ค “ฉันรู้เรื่องนั้นแล้วนะ  เจซบอกฉันแล้วว่านายเป็นคนเข้ามาในห้องของฉันเอง ไม่ใช่เอลซ่า” แม็กนัสกล่าว  ไม่ยอมปล่อยมือของอเล็คเมื่อร่างบางทำท่าจะดึงกลับ 

แต่ทว่าเพื่อนตัวน้อยกลับหน้าเสีย และกลัวว่าแม็กนัสจะโกรธเข้าเมื่อรู้ความจริงที่ว่าเจ้าตัวได้ถือวิสาสะเข้ามาเกือบทุกคืน

“อะ เอ่อ  ฉะ ฉันขอโทษแม็กนัส  ฉันรู้ว่านายจะต้องไม่ชอบใจแน่ๆ  แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะ...”

เฮ้” นิ้วเรียวยาวได้รูปถูกยกขึ้นมาห้ามประโยคนั้นไว้  แม็กนัสส่ายหน้าช้าๆ แล้วยกฝ่ามืออีกข้างขึ้นมาสัมผัสผิวแก้มเนียนใสนั้นอย่างแผ่วเบา “ฉันควรขอบคุณนายต่างหาก  มีแค่นายเท่านั้นที่รู้ว่าฉันต้องการอะไร  และจะไม่ทิ้งฉันไปไหน ไม่ว่าฉันจะทำตัวงี่เง่าแค่ไหนก็ตาม” คำบอกกล่าวนั้นฟังดูแสนจะจริงใจ

แต่ร่างบางกลับร้องไห้ออกมาอย่างนึกเสียใจที่ทำเรื่องละเลยการขอวิสาสะแบบนั้นลงไป

แม็กนัสยิ้ม “เฮ้  อย่าร้องไห้สิอเล็ค  เราสัญญากันแล้วไง ถ้านายร้องไห้ คืนนี้นายจะต้องไปนอนที่เตียงนะ” นิ้วเรียวยาวเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้เพื่อนตัวน้อย  และอเล็คก็พยักหน้าเร็วๆ ตอบรับ  ก่อนแม็กนัสจะเอ่ยถึงสิ่งที่ตัวเค้าเองอยากจะพูดมาหลายต่อหลายครั้งแล้วแต่ทว่ายังไม่มีโอกาส  และวันนี้เค้าได้มีโอกาสแล้ว

“ขอบคุณนะอเล็ค  ขอบคุณที่อยู่ข้างฉันมาตลอดแม้ว่าฉันจะผลักไสนายมากมายแค่ไหน  แต่นายก็ยังเป็นคนเดียวที่รู้ว่าฉันคือใคร” แม็กนัสมีสีหน้าที่เกินจะบรรยาย เอื้อนเอ่ยสิ่งที่ติดอยู่ในใจของเค้าตลอดมา  และหลายวันมานี้การได้อยู่กับอเล็คทำให้เค้ามั่นใจที่จะพูดมันออกไป

“และการที่ให้นายเข้ามาอยู่กับฉัน  ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่...เพื่อรอให้ถึงวันที่นายจะต้องออกไปหรอกนะ” แม็กนัสเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เบาะนั่งของอเล็คซึ่งตอนนี้นั่งตัวตรงโลกหมุนคว้างโดยที่ยังปะติดปะต่อคำของแม็กนัสไม่ได้

อเล็คไม่เคยหวังให้แม็กนัสต้องการเค้า....

แต่ถึงกระนั้นความรู้สึกที่แม็กนัสเพิ่งรู้สึกและได้ค้นพบก็ไม่อาจทำให้ร่างสูงยึดติดกับความรู้สึกในเวลาเก่าก่อนได้อีกต่อไปแล้ว

“อเล็คฉันรู้ว่านายอาจเกลียดฉัน  และไม่คิดจะให้อภัยกับฉันที่เคยได้ทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ นาๆ กับนายลงไป  แต่ฉัน  ฉันอยากจะบอกให้นายรู้ว่า  ไม่สิ  ฉันต้องบอกให้นายรู้ว่า....”

เพื่อนตัวน้อยของเค้าช่างเปรียบเสมือนสิ่งสำคัญในชีวิตที่เค้าจำเป็นต้องมี

“...ฉันรักนายอเล็ค”

แม็กนัสได้ปลดเปลื้องถ้อยคำเล็กๆ อันหนักหน่วงและกักขังหัวใจของตัวเองออกมาแล้วในที่สุด  แล้วส่งมอบมันให้แก่ร่างบางผู้ที่มีสีหน้าเปลี่ยนสีไปในทันทีที่เค้าเอ่ยจบ 

อเล็ค   ไลต์วู้ด ลืมหายใจ  หัวใจดวงน้อยหยุดเต้นและชะงักการสูบฉีดเลือดให้แก่ร่างกายอันต้องการความดูแลนี้ไปชั่วขณะ  ก่อนกล่องหัวใจดวงน้อยๆ ที่แตกหักง่ายจะพองโตขึ้นมาราวกับต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาได้รับการหล่อเลี้ยงจากสายน้ำอันชุ่มช่ำ

อเล็คยังคงไม่เชื่อหูตัวเองจนกระทั่งแม็กนัสโน้มกายลงมาจูบเค้าอย่างอ่อนโยน  และแปรเปลี่ยนเป็นความดูดดื่มตามความต้องการของเพื่อนร่างสูงสะโอดสะอง  ร่างเล็กจึงยกแขนขึ้นมาเกี่ยวกระหวัดรอบคอของร่างสูง เมื่อแม็กนัสใช้แขนแกร่งทั้งสองข้างกอดกายของอเล็คไว้ราวกับสิ่งล่ำค่าที่สุดในชีวิต

อเล็คได้รับความรักในที่สุด หลังจากเวลาที่เพียรพยายามมาตลอดหลายปี  หรือไม่ใช่ล่ะ  บางทีอาจพูดผิดไป  หรือเป็นอเล็คเองที่อาจน่าสงสาร เพียงเพราะแม็กนัสเพื่อนร่างสูงของเค้าไม่ยอมเอ่ยปากบอกความในใจที่มีมาตั้งแต่ต้นให้เจ้าตัวรู้เสียที

จนกระทั่งตอนนี้ลิ้นของแม็กนัสสัมผัสนุ่มหยุ่นอ่อนโยนกับริมฝีปากบางอ่อนนุ่มของอเล็ค  ก่อนจะได้รับอนุญาตให้ล่วงล่ำเข้าไปสำรวจลากไล้ในโพร่งปากหวานซึ่งน่าค้นหามากมายกว่าเป็นไหนๆ  ลิ้นของแม็กนัสสัมผัสเลียไปในทุกส่วนก่อนจะไล่ต้อนลิ้นของเจ้าของโพรงปากและชวนให้เกี่ยวกระหวัดเต้นรำกันด้วยความเร่าร้อน

อเล็คเอนตัวไปด้านหลัง เนื่องจากโดนจู่โจมหนักมาก  แม็กนัสแทบไม่ยอมให้โอกาสเค้าได้หายใจ  ซึ่งอย่าว่าแต่ถอนปากออกจากกันเลย แม้แต่ความคิดที่จะละลิ้นออกมาจากการกวัดเกี่ยว ร่างสูงสะโอดสะองนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมทำเลย

จมูกโด่งคมสวยได้รูปทั้งสองสัมผัสปัดเฉียดกันไปมาราวกับแหวกว่ายอยู่ในสายน้ำที่เย็นชุ่มช่ำของความเสน่หา  จนกระทั่งร่างบางผู้ไม่จัดเจนสิ่งใดเลย ออกแรงขย่ำเสื้อกั๊กแฟชั่นตัวเรียบง่ายสีดำของแม็กนัสแล้วกระตุกมันไปมาอย่างทนไม่ไหวแล้ว

ดังนั้น ร่างสูงสะโอดสะองจึงจำต้องยอมผละริมฝีปากออกมาอย่างอดเสียดายไม่ได้  แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าเค้าจะไม่พอใจในจูบอันลึกล่ำของเค้าทั้งสองเสียเมื่อไร แม็กนัสผละใบหน้าออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ปล่อยให้เพื่อนตัวน้อยของเค้าหอบหายใจเอาอากาศที่โดนช่วงชิงไปให้กลับคืนมาเหมือนเดิม ก่อนเค้าจะแลบลิ้นเลียที่ริมฝีปากนุ่มเคลือบน้ำใสๆ ของอเล็ค

อเล็คหน้าแดง  ก่อนจะเพื่อนร่างสูงจะจุดรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้งแล้วเปิดประตูรถ

“มาเถอะ” ร่างสูงที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวสบายตัว สวมทับด้วยเสื้อกั๊กไม่เป็นทางการสีดำและกางเกงที่เป็นสีเดียวกันกุลีกุจอลงมาจากรถก่อนจะเปิดประตูดึงร่างบางของเพื่อนรักออกมาจากตัวรถอย่างนุ่มนวล แต่ทว่าก็กระตือรือร้นด้วยในเวลาเดียวกัน

อเล็คซึ่งโดนฉุดดึงไปพร้อมกับโดนยิ้มให้อย่างไม่มีสาเหตุ มีสีหน้างุนงงไม่เข้าใจ  และเป็นเช่นนั้นมากขึ้นไปอีกเป็นสองเท่าเมื่อแม็กนัสดันไขกุญแจที่คล้องโซ่ล็อคอยู่ที่หน้าประตูร้านออก

อเล็คตาโต “นายจะทำอะไรน่ะแม็กนัส” ร่างบางดุ  ที่นี่ถูกปิดลงและถูกคุ้มครองภายใต้กฎหมายของตำรวจแล้ว  ร่างบางไม่คิดว่าเพื่อนของตัวเองจะยังไม่เลิกนิสัยพิเรนญ์ๆ เหมือนครั้งที่พวกเค้ายังเด็กอยู่อีก

แต่แม็กนัสไม่สนใจ  เค้าเคยคิดอยากที่จะเดินเข้าไปในร้านนี้พร้อมกับอเล็ค  และตอนนี้เค้ามีโอกาสแล้ว

มีหลายคนที่มองมาทางเค้าทั้งสอง ว่ามาทำอะไรในร้านที่ได้ทำการปิดตัวลงแล้วในเวลาแบบนี้กัน  หลายๆ คนหวัง ให้ร้านนี้กลับมาเปิดอีกครั้ง แต่ทว่าเมื่อมองดูชายหนุ่มสองคนที่พูดคุยกันอยู่ที่หน้าร้านพร้อมกับพยายามที่จะเปิดมันไปด้วยได้ครู่หนึ่งผู้คนที่ผ่านไปมาก็เลิกสนใจเสีย  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่านายแบบหนุ่มซึ่งเป็นหัวโจ่ในการล่วงล่ำครั้งนี้ไม่ได้หันมาสนใจกับคนรอบข้างจึงไม่มีใครรู้ว่าเค้าเป็นใคร

  และในที่สุดประตูหน้าร้านก็ถูกเปิดออก ก่อนจะตามมาด้วยชายหนุ่มสองคนที่ไม่ได้รับความสนใจจะจับมือกันเดินเข้าไปในร้านแล้วปิดประตูนั้นลงเสียอย่างแนบสนิท

กระจกใสรอบด้านทั้งหกของร้านถูกปิดสนิท และประตูก็ถูกปิดลงดังเดิม....

ภายในร้านซึ่งร่างบางยังคงได้กลิ่นอายของขนมปังและกาแฟที่เค้าชื่นชอบ  ในที่ๆ เค้าคุ้นเคยปัดนี้กลับเงียบเหงาและมืดสลัว  เป็นเพราะกระจกซึ่งเป็นความสว่างหลักของร้านได้ถูกปิดลงและประกอบกับไฟที่ยังไม่ได้ทำการเปิดด้วย

แม็กนัสปล่อยมืออันบอบบางนั้นแล้ว  อเล็คจึงเดินไปด้านหน้าอย่างไม่ต้องอาศัยแสงไฟหรือความสว่างใดๆ  ร่างบางผิวขาวเนียนจดจำได้ดีว่าตรงไหนเป็นตรงไหน  และหยุดอยู่ตรงนั้นอย่างเหมาะเจาะ อเล็คเอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสเคาน์เตอร์บาร์ที่ซึ่งทุกคนเคยทำหน้าที่อยู่ตรงนี้หมุนสลับสับเปลี่ยนกันไป  มันทั้งลื่นมือและเย็นเชียบสำหรับอเล็ค

“เฮ้  นี่สินะที่นายบอกว่าจะพาฉันมา...ที่นี่เองน่ะเหรอ” เสียงที่ดังกังวานใสในความมืดเอ่ยขึ้นมาราวกับว่ากำลังยิ้มอยู่  อเล็คคิดว่าแม็กนัสจะพาไปในที่ๆ แปลกกว่านี้เสียอีก  แต่อเล็คก็คิดถึงที่นี่

คิดถึงที่นี่มากเหลือเกิน

นั่นเป็นเพราะว่าแม็กนัสรู้ใจอเล็คเสมอ  ดั่งเช่นที่เพื่อนตัวน้อยเองก็เป็นแบบเดียวกัน

“ช่ายย  ฉันคิดว่านายคงจะคิดถึงที่นี่มาก  เลยอยากพานายมาตั้งนานแล้วน่ะ  แต่ว่าฉันเองก็เพิ่งจะรู้สึกว่ามันพร้อมแล้ว” แม็กนัสกล่าวพลางเดินไปที่ทางเข้าประตูหลังร้านแบบค่อยเป็นค่อยไปแล้วคลำหาที่ๆ คิดว่าน่าจะเป็นสวิตช์ทั้งหมดสำหรับเปิดไฟทุกดวง  แม็กนัสจรดนิ้วกับทุกสวิตซ์ที่เค้าเจอ

ไฟทุกดวงสว่างขึ้นพร้อมกับสิ่งที่ทำให้อเล็คต้องพูดไม่ออกอีกครั้งในวันนี้  หัวใจของร่างเล็กหยุดเต้นไปเลยในทันที

ทุกๆ อย่างทั้งโต๊ะ  เก้าอี้  เคาน์เตอร์  ตู้เบเกอร์รี่  การตกแต่ง  ทุกอย่างใหม่หมด!  และถ้าอเล็คเดินไปหลังร้านก็จะเห็นอุปกรณ์คุณภาพดีที่พร้อมใช้งานในทันทีอีกด้วย

“โอ้  พระเจ้าช่วย....” ร่างบางหมุนรอบตัวเหมือนไม่สามารถบอกตัวเองให้หยุดได้  ก่อนอเล็คจะอุทานออกมาเบาๆ โดยไม่รู้ตัว

ให้ตาย  โกหกกันรึเปล่า  ทุกอย่างที่นี่  ตอนนี้ ดูเหมือนพร้อมจะเปิดร้านได้ทันทีในตอนนี้เลยนะเสียด้วยซ้ำ

และมันเหมือนอย่างที่อเล็คเคยคิดไว้....

ก็นะ  ฉันกะจะบอกนายให้เร็วและปลอดภัยในการเดินทางมาถึงให้มากกว่านี้  แต่ว่านายมาเริ่มงานที่นายรักได้ตั่งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปเลยนะ” แม็กนัสพูดเสียงทุ้มและมันฟังดูยินดี  หลังจากที่ร่างสูงได้ทำการหย่อนตัวนั่งลงบนเกาะอี้ยาวบุนวมในมุมที่จัดเตรียมไว้สำหรับเด็กๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แม็กนัสยกขาขึ้นมาไขว่ห่างในตอนที่อเล็คหันมามองเค้าอย่างไม่เชื่อสายตา  ร่างสูงเอ่ยพร้อมเผยรอยยิ้มที่ไม่มีใครเคยได้จากเค้า

“ในฐานะเจ้าของร้านคนใหม่  ฉันคิดว่าไม่มีใครรักร้านนี้เท่านายอีกแล้วล่ะอเล็ค”

แม็กนัสยกร้านนี้ให้เพื่อนตัวน้อยของเค้าเพราะรู้ว่าอเล็คคงจะขาดมันไปไม่ได้แน่  และอีกอย่างความฝันของเจ้าตัวก็ด้วย  มันเป็นความฝันที่จะมองข้ามไปไม่ได้เด็ดขาดเลย

ดวงตาสีฟ้าสวยดูมีมิติน่าค้นหาอย่างยิ่งส่องประกายเจิดจรัส “ไม่จริงน่า” อเล็คว่า  แต่แววไม่คาดฝันก็ยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าอันอ่อนเดียงสาราวกับเด็กหนุ่มมากเกินกว่าอายุของเจ้าตัว

จริงซี่  โกหกนายแล้วฉันได้อะไรล่ะอเล็ค....ได้ตังค์งั้นเหรอ?” แม็กนัสทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แล้วยักไหล่ให้เพื่อนตัวน้อย

“บ้าไปแล้ว...” อเล็คพึมพำ ดูคล้ายว่าตัวเองเสียมากกว่า  ก่อนแม็กนัสจะลุกขึ้น เดินเข้าไปกอดร่างบางซึ่งเค้ารักอย่างมากมายโดยที่ไม่รู้ตัวมาเนินนานแล้ว  เลยทำให้รู้ว่าร่างบางของเค้าแอบร้องไห้อีกแล้วจนได้

“ไม่เอาน่าอเล็ค...อย่าร้องไห้สิ  นี่ก็เท่ากับว่าฉันทำให้นายร้องไห้อีกแล้วนะ” แม็กนัสยิ้มละมุน ก่อนจะใช้ศีรษะของตัวเองซบลงบนศีรษะของอีกคนหนึ่งอย่างแสนรัก

โอเค  ก็ได้  ครั้งนี้เค้าจะยอมปล่อยให้อเล็คร้องไห้ไปก่อน เพราะว่านี่เป็นน้ำตาแห่งความปลื้มปิติหรอกนะ

ถ้าอเล็คมีความสุขเค้าก็มีความสุข

นับตั้งแต่ที่เค้ารู้ใจตัวเอง แม็กนัส   เบน ก็กลายเป็นผู้ที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อ อเล็ค   ไลต์วู้ด คนนี้อย่างไม่มีข้อกังขา  เพราะเค้าได้ทำให้เพื่อนตัวน้อยคนนี้เสียใจมามากพอแล้ว

อเล็คจะต้องมีความสุข แม็กนัสสาบานได้เลย

และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป  ตราบนานเท่านาน....



*****************************************************************************



ไม่กี่วันต่อมาที่ร้านลาเฟ่ซึ่งได้เปิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง....

“ฉันว่ามันเร็วไปหน่อยนะอเล็ค” แม็กนัสที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมตัวใหม่เอี่ยมของร้านกอดอก  เลิกคิ้วพูดเล็กน้อยอย่างติดจะไม่พอใจ

“ก็นายบอกเองว่าฉันเริ่มงานเมื่อไรก็ได้  นายบอกด้วยซ้ำว่า พรุ่งนี้น่ะ” ส่วนอีกคนหนึ่งที่ยืนยักไหล่อยู่ก็เอ่ยตอบกลับไปทันควันอย่างย้อนความ

เกาะช่าย  แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้นะ...แล้วเฮ้  นี่นายกำลังจะใช้คำพูดของฉันเล่นงานฉันใช่ไหมหา?” ร่างสูงสะโอดสะองที่นั่งกอดอกไขว่ห้างอยู่ก็เปลี่ยนท่าทันที  เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังโดนยอกย้อน

“ก็นายบอกเองนี่”

“อย่ามาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อย่างนั้นใส่ฉันนะ อเล็ค   ไลต์วู้ด  ฉันทำได้คนเดียว” แม็กนัสทำหน้าหมั่นเขี้ยวใส่อเล็ค

ฮึ  ไม่สนหรอก” อเล็คแลบลิ้นใส่

“อ้าวววว  ทำงั้นหมายความว่าไงน่ะ  จะให้ฉันจูบนายตรงนี้เลยใช่ไหมห๊าา!” นายแบบหนุ่มคันเขี้ยวเพื่อนตัวน้อยของตัวเอง

“อ๊า! อาาา  อยะ..อย่านะแม็กนัสเดี๋ยวคนข้างนอกเค้าก็เห็นเอาหรอก  แค่มองไม่เห็นนายที่ทำตัวประหลาดอยู่ในร้านนี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว  อย่าทำให้เรื่องวุ่นวายเข้าไปกันใหญ่สิ” แม็กนัสที่เกี่ยวเอวบางให้ล้มทับลงมานั่งบนตักเค้าได้สำเร็จโดนห้ามปรามเสียใหญ่โต  เมื่อเค้าทำท่าจะทำอย่างที่ปากว่าจริงๆ

แต่ก็ชวดอีกตามเคย  เมื่ออเล็คกลับมาเป็นอเล็คคนเดิมเมื่อหลายปีก่อน....

“แล้วนี่นายไม่ไปทำงานหรือไง?” อเล็คถามตาใส หลังจากที่แงะตัวเอง ลุกขึ้นมานั่งที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกับร่างสูงได้สำเร็จ

แม็กนัสยักไหล่  ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่อเล็คอีก “ฉันก็มารอซื้อกาแฟแก้วแรกของร้านนี้อยู่ไง  กาแฟที่ฉันได้ดื่มเพียงแค่คนเดียวน่ะ”

แต่อเล็คหดหน้าหนี “ฉันเอามันใส่ลงไปในเมนูของร้านแล้วเสียใจ  ไม่ใช่นายคนเดียวอีกแล้ว” ร่างบางว่าอย่างหมั่นไส้  เรียกสีหน้าผิดหวังอย่างมากมายจากเพื่อนร่างสูงได้เป็นอย่างดี

แม็กนัสโวย “อ้าว  ทำไมไหงงั้นอ่ะ  นายชงมันให้ฉันคนเดียวไม่ใช่เหรอ?”

“ฉันยังไม่ได้พูดอย่างนั้นเลย  อย่าเออออไปเองสิ” อเล็คแลบลิ้นอีก  และครั้งนี้ไม่ต้องคอยระวังตัวไม่ให้โดนจูบแล้ว  นิ้วเรียวยาวแข็งแรงของแม็กนัสยื่นออกมาบีบเอาที่จมูกโด่งสวยของอเล็คแล้วส่ายไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว

“โอ๊ยยย อูยยย แอ๊กอัตอั้นเอ็บอ๊ะ!

“อะไรนะ? นายว่าอะไรนะอเล็ค  ฉันฟังไม่รู้เรื่องเลยยย” แม็กนัสล้อเลียน ก่อนจะยอมปล่อยมือแต่โดยดี  อเล็คที่ทำหน้าเหยเกลูบจมูกที่ขึ้นสีแดงระเรื่อของตัวเองปอยๆ อย่างแง่งอน

“แม็กนัสบ้า...” อเล็คทำหน้าบูดใส่  ก่อนแม็กนัสจะทำเสียงเหมือนหลุดหัวเราะแล้วหันมาทำเสียงจริงจงเคล้าเอ็นดู ภายใต้สีหน้าที่ดูเป็นผู้ใหญ่อย่างยิ่ง

“นี่อเล็คฉันรู้ว่ามันสำคัญมากสำหรับนาย  เพราะงั้นฉันเลยซื้อมันกลับมา....ไม่ อย่าทำหน้าอย่างงั้นสิ  ที่ฉันกำลังจะบอกก็คือว่า นายจะต้องมีคนช่วยนะ  ลูกจ้างที่จะทำหน้าที่นู้นหน้าที่นี้ให้นายน่ะ” ร่างสูงท้าวแขนทั้งสองข้างทับกันบนโต๊ะแล้วยิ้มให้กับเพื่อนตัวน้อย

อเล็คยื้นปาก ดูดื้อดึง “แต่เราก็ติดป้ายรับสมัครไปแล้วนะ”

“ใช่  แต่นายก็น่าจะรอให้มีคนมาขอสมัครก่อนสิ” แม็กนัสพูดเสียงอ่อนโยน

“ฉันกำลังรออยู่” อเล็คยังคงตีหน้าใสใส่แม็กนัส  ซึ่งตอนนี้หมดคำพูดแล้ว

ให้ตายสิ  แล้วอย่างนี้จะให้เค้าไปทำงานแล้วปล่อยให้อเล็คอยู่ร้านคนเดียวได้อย่างไรกันเล่า  ถ้าถึงเวลาพักเที่ยงเมื่อไร อเล็คได้โดนรุมจนเละเป็นแป้งแหงๆ เลย

และใช่  นั่นเป็นความจริง  เค้าขับรถพาอเล็คที่ทำตัวกระตือรือร้นแต่เช้ามาที่ร้านนี้ในตอนสายหลังจากเลยเวลาเข้าทำงานของคนเมืองกรุงในมหานครไปแล้ว เพราะโดนอีกฝ่ายหนึ่งรุมเร้าจนถึงขั้นต้องงอแงใส่ว่าอยากมาที่ร้านใจจะขาดอยู่รอนๆ แล้ว



.



.



.



TBC.



---------------------------------------------------------------------------------------------


อร๊ายยยยยยยยย!! กรี๊ดดดดดดดดดดด!! ><  ขอกรี๊ดดังๆ เถอะค่ะ  แม็กนัส...จะโรแมนติกไปไหนห๊าาาา! เกินปายแล่วน้าา //ทำเสียงขึ้นจมูก// แบบว่าบทจะทำตัวดีก็เอาซะเบาหวานขึ้นเลยอ่ะ! ตอนนี้ He หวานมากเลยค่ะ..... He กับแฟน He มาความสุขมากเลยค่ะ ณ จุดๆ นี้  แต่คนที่ดูเหมือนจะ ถ้าเราเป็นเค้าแล้วไม่ร้องไห้ไม่ได้เลยดูเหมือนจะเป็นอเล็คค่ะ

โอยย  ขวัญเอ้ยขวัญมาา  หนูได้ร้านคืนแล้วนะลูกกก ได้มาเป็นของหนูเลยย  เรื่องนี้ยกให้อิตาเบนเค้า //แอบหมั่นไส้ในแง่บวกนิดหน่อย// แบบว่าเป็ฯของขวัญวันคริสต์มาสให้อเล็๕เลยนะอิตาเบน (แต่ว่า เอ้ย นี่น่ะ ในเรื่องตอนนี้ไม่ใช่วันคริสต์มาสนะ -*-) โอ้วว ในที่สุดก็มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับหนูแล้วนะอเล็ค TUT  รีดๆ ค่ะ ไรท์ย้ำจริงๆ ค่ะ ว่าเรื่องนี้กำลังจะจบลงแล้ว //ย้ำตัวเอง// อีก 2 Part ก็จะจบแล้วค่ะ TUT  รอติดตามตอนจบไปพร้อมกันนะคะ  รักรีดๆ ทุกท่านค่ะ >3<

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund




ไม่มีความคิดเห็น: