อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!! สวัสดีค่ะรีดขาาา >////<
//กรีดร้อง// อร๊ายยยยย
คิดถึงเฮียเหมียวมากๆ เลยค่ะ >< บัลลงดอร์ก็เพิ่งผ่านไป แต่ความฟินของเราไม่จบค่ะ 55555 พารู้ข่าวปุ๊บ
เห็นรูปปั๊บ ไรท์นี่แทบลงไปกราบเลยค่ะ
อะไรจะน่ารักขนาดดดดด!! เหมียวจ๋าาาา
เฮียก็หล่อเหมือนทุกปีเลยค่ะ
>///< //มาเซโล่ ใครบอกให้ทำหน้ายังงั้นค่ะห๊าา!! 5555 ไรท์ชอบเค้าค่ะ น่ารักดี แค่มองก็ฮาแล้วววว 55//
อร๊ายยยยย
ช็อตที่อยู่ด้วยกันนี่คือดีงามค่ะ
แบบว่าเหมือนเค้าสนิทขึ้นในระดับหนึ่งเลยค่ะ ดูหน้ายิ้มแย้มของเหมียวตอนเฮียเข้าไปจับมือแสดงความยินดีสิคะ!! >< อร๊ายยยย ฟินจนจุกเลยค่ะ 55555
และไรท์ต้องขอเรียนรีดๆ
ทุดท่านก่อนนะคะ ว่า SF หรือไรท์จะเรียกว่า
เรื่องวุ่นวาย – Special.....เรื่องนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ เรื่องวุ่นวายนายตัวดี! – Ronalo x Messi ค่ะ จนเกิดกระแส RonalSi ขึ้นค่ะ ซึ่งนั่นก็คือตอนพิเศษนั่นเองค่ะ //เออ จะบอกงี้ก็บอกไปตั้งแต่แรกสิ
-..-// และมีหลายตอนด้วยล่ะจะบอก เหอๆๆๆๆๆ ต้องติดตามค่ะ
ถ้าเขียนเรียบร้อยแล้วไรท์ก็จะลงมาตอนหนึ่งๆ ค่ะ เนื่องจากเป็นตอนพิเศษ special เล็กๆ น้อยๆ ก็จะมีเพียง Part เดียวนะคะ แต่บางตอนอาจจะมี 2 Part รึ
มากกว่านั้นก็จะแตกต่างกันไปค่ะ
ใครที่ยังประทับใจอยู่กับ
เรื่องวุ่นวายของนายตัวดี! ก็หวังว่าจะหายคิดถึงกันนะคะ ^^ Special เรื่องนี้สอนให้ไรท์รู้ว่านอกจากเฮียจะเจ้าเล่ห์แล้วยังเป็นคนที่โรแมนติกหาใครเปรียบอีกด้วยค่ะ
>///< อร๊ายยยย โรแมนติกอย่างนี้ไปซะเถอะค่ะเฮียย ><
(อ้าว?) รีดๆ ของไรท์กับไรท์ฟินกันไปหมดแล้วค่ะ
ถ้าไรท์ยิ้มจนแก้มฉีกก็อย่าลืมค่าทำขวัญนะคะ 100 ล้านยูโรค่ะ 5555 //ได้อาร์พีจีแทน...ปู้สส
ตู้มมม!!//
555555 ขอเชิญรีดๆ ไปฟินกันได้เลยค่าาา >///<
ปล. Ti Amo ในภาษาสเปนแปลว่า ผมรักคุณ ส่วนคำว่า Amo Leo แปลว่า ลีโอที่รัก นะคะ นี่เป็นคีย์เวิร์ดสำคัญของเฮียเค้าค่ะ
ปล. 2 นี่คือตอนพิเศษที่ความสัมพันธ์สองคนนี้ก่อตัวแล้วค่ะ ซึ่งมีตอนก่อนหน้านี้ด้วยค่ะ ตอนที่เฮียแก....5555 ไรท์ฮาเฮียแกมากเลยค่ะ เฮียเป็นอะไรไปคะ 5555 เหมียวก็อยู่ที่บาร์เซโลน่าแหละค่ะ ทำเหมือนอยู่คนละซีกโลกไปด้ายยย 55555 //ฝอยมาก -*-//
-------------------------------------------------------------------------------------------------
งานประกาศรางวัลบัลลงดอร์ประจำปี
2015 ใกล้เข้ามาแล้ว....
ผมยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง
ยังไม่ได้เปิดมันเพื่อก้าวผ่านออกไปด้านนอกแต่อย่างใด ผมตื่นแต่เช้าแต่งตัวพร้อมออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้าเพิ่งจะสว่างด้วยแสงอ่อนๆ
ของพระอาทิตย์เพียงเท่านั้น
ผมไม่เคยว้าวุ่นใจ ไม่ค่อยจะบ่อยนัก แต่ว่าหลังจากกลางปีที่แล้ว...ไม่สิ
สองปีที่แล้วต่างหาก ผมก็เริ่มกระวนกระวายหัวใจจนเป็นบ้าเป็นหลัง
จากเดิมที่ไม่เคยแคร์อะไรเลย อา
บ้าชะมัด ทำไมผมจะต้องมามัวทำตัวเดินวนเวียนอย่างว้าวุ่นใจอยู่แบบนี้ด้วยนะ
ผมยืนล่วงกระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์สีเข้มอย่างรอคอย
และมือหนึ่งก็ถือสมาร์ทโฟนเคาะไปมาอยู่บนอกของตัวเองอย่างใจจดใจจ่อยิ่งกว่า
ผมไม่สามารถสั่งให้ขาของตัวเองเดินวนไปมาระหว่างหน้าประตูและพื้นที่ว่างโล่งของห้องได้
ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำให้รอเก้อทั้งๆ
ที่เตรียมตัวไว้แล้วเรียบร้อยอย่างนี้แน่นอน
และการที่จะรอจนกว่าจะได้การตอบรับกลับมาก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับผมบ่อยนัก ใช่
ถ้าคนๆ นั้นไม่ใช่คนที่ผมรอคอยอยู่จริงๆ
คนที่ผมตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอที่จะได้เจออยู่ตลอดเวลา.....
R…R…R…
มีสายเข้ามา ผมรีบดูชื่อที่ปรากฏอย่างไม่ต้องรอเลย
‘Amo Leo’…
บิงโก! เค้าโทรมาแล้ว เร็วกว่าที่ผมคิดเอาไว้ซะอีก และไม่ต้องให้บอกซ้ำ
ผมรับสายนั้นอย่างตื่นเต้นทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นจะต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้
“ครับผม?” ผมลืมคำทักทายไปชั่วขณะ ความต้อการอยากรู้ในใจทำให้ผมไม่รั้งรออะไรทั้งสิ้นและลืมมารยาทไปเลย ผมแค่กำลังรอฟังคำตอบที่เคยได้ถามชักชวนเค้าไปเมื่อวานก่อนก็เท่านั้นเอง แต่ดูจะรีบร้อนไปเสียหน่อย ซึ่งผมหวังว่าเค้าจะเข้าใจในข้อนี้ของผม
[[ครับ...เอ่อ คริส]] เสียงใสๆ
แต่ฟังดูลังเลอย่างเห็นได้ชัดของปลายสายทำให้ผมเริ่มหัวใจห่อเหี่ยวลง
“ครับ” วันนี้เรามีนัดกัน ผมนัดเค้าไว้ล่วงหน้าสองสามวันแล้วเพื่อให้เวลาเค้าไกล่เกลี่ยกับพี่ๆ
ที่สโมสรเพราะผมไม่ได้มีสิทธิ์ในเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ไปเจอหน้าพวกเค้าสิ ผมคงมีหวังแต่จะโดนไล่ฆ่ากลับมาเอา
บัลลงดอร์ใกล้เข้ามาแล้วและผมรู้ว่ามันเป็นความจริงอย่างเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะมีชื่อเราสองคนอยู่ในรายชื่อของคนที่เข้าชิง และเป็นไปตามคาดอย่างที่ผมได้บอกเอาไว้ ผมกับลีโอและเนย์มาร์เป็นสามคนผู้เข้าชิงรางวัลบัลลงดอร์ในปีนี้
โอ้ พระเจ้า ผมเผลอพูดชื่อเค้าไปเหรอ ผมสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่เอ่ยชื่อของเนย์มาร์
เพราะนึกถึงพี่จอมขี้หวงตัวพ่อเมื่อไรผมมีอันต้องงานกร่อยเมื่อนั้น ไม่ต้องมาตัวเป็นๆ หรอก แค่โผล่เข้ามาในความคิดผมก็เซ็งแล้ว ความรู้สึกของอีกฝ่ายที่มีต่อผมก็คงจะเหมือนกันกระมัง
หึ ช่าย เพราะลีโอติดผมซะขนาดนั้นนี่นา
จะไม่ให้พวกเค้าโมโหผมได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้ผมกล้าพูดได้เต็มปากแล้วว่าลีโอรักผมขนาดไหน......โอเค ถึงเรื่องนี้พวกเค้าจะยังไม่รู้ชัด
เนื่องจากเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคนยังปิดเงียบ แต่ว่าผมก็มีข้อต่อรองกับองครักษ์ของลีโอเพื่อตัวของคนตัวเล็กของผมเองก็แล้วกันน่า
และผมคิดว่ารู้แล้วว่าลีโอที่โทรมาจะบอกผมว่าอย่างไร พวกพี่ๆ จอมขี้หวงในสโมสรก็เขี้ยวเข็ญลีโอให้อยู่ในกรอบพออยู่แล้ว
และหากพูดถึงการออกไปตามคำเชิญชวนของผมซึ่งเป็นที่ไม่ถูกชะตาของพวกเค้ายิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย....อ่า ให้ตายเถอะ
อะไรทำให้ผมคิดว่าการเอ่ยชวนลีโอโดยหวังขอให้คนพวกนั้นอนุญาตจะดีไปกว่าการบุกเข้าไปเอาตัวเค้ามาเลยกันนะ
การที่ผมเป็นต่อด้านการต่อรองก็ยังไม่มากพอ
เพื่อที่จะทำให้ผมสามารถไปรับเค้ามาเล่นด้วยทุกครั้งไปหรอกนะ บอกตามตรงพวกพี่ๆ
ที่สโมสรของลีโอก็น่ารำคาญใช่ย่อยอยู่เหมือนกัน
สงสัยผมคงจะผิดเสียแล้วที่หลงคิดไปว่าการสงบศึกและการทำตัวเป็นคนดีที่น่าคบจะทำให้พวกที่คอยตามหน้าตามหลังลีโอจะยอมฟังผมบ้าง แต่ดูท่าพวกนั้นคงจะไม่พอใจในความเป็นมิตรของผมเสียเท่าไรนัก
โอ้ ให้ตายเถอะ คนพวกนี้ทำผมยุ่งยากและเบื่อหน่ายจริงๆ
ผมกำลังจะจบการสนทนากับลีโออย่างนุ่มนวลที่สุดและตบท้ายด้วยการบอกว่าจะไปรับเค้าเอง
ไม่ว่าใครจะยอมหรือไม่ก็ตามแต่เสียงหัวเราะน้อยๆ ของลีโอกลับแววเข้ามาและเอ่ยบอกอย่างเคล้าเสียงร่าเริงกับผม
ผมฟังเค้า ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นแล้วทบทวนคำพูดของเค้าอย่างตั้งใจ
“โอ้ ให้ตายเถอะ
ถ้าผมเจอหน้าคุณเมื่อไรผมจะกัดแก้มคุณให้หายซนเลย สนุกมากรึไงโกหกผมน่ะ”
[[ผมยังพูดไม่จบเลยนะ คุณด่วนสรุปไปเองต่างหาก ฮ่ะๆ คุณกลัวจะไม่ได้เจอผมเหรอ?]] น้ำเสียงลีโอดูเพียงแค่หยอกเล่นเท่านั้น ดูเค้าจะจำท่าทางของผมมาเลียนแบบมากเกินไป แต่ผมมักจะเหนือกว่าเค้าเสมอ...และโอ้ ประโยคสุดท้ายของเค้าฟังดูเหมือนเด็กที่กำลังสนุกเลย ผมชอบนะ ปฏิเสธไม่ได้ว่าอยากที่จะได้ยินอีก
“ใช่ ผมอยากเจอคุณมากเลยรู้ไหม?” และได้ผล เสียงหัวเราะน่าหมั่นเขี้ยวของคนปลายสายก็พลันหายไปอย่างรวดเร็วทันที ผมเดาว่าคนที่หัวเราะผมเมื่อกี้นี้คงจะหน้าแดงไปแล้วแน่ๆ
เลย
ถึงแม้ว่าจะสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าเหตุใดพี่ๆ
ของเค้าถึงได้ปล่อยให้ออกมากับผมได้ง่ายดายนัก
แต่ทว่าในเวลานั้นผมก็ไม่รั้งรออะไรทั้งสิ้นแล้ว เมื่อบอกลาลีโอเสร็จผมก็รีบขับรถไปรับเค้าที่สโมสรทันที
และพอไปถึงตั้งแต่พาลีโอขึ้นรถและเคลื่อนตัวออกไป คนอื่นๆ ที่นั่งมองหน้าผมตาเขียวปัดยังกะจะกินเลือดกินเนื้อ ก็นั่งเฝ้าเป็นหมาหน้าบ้านถามผมกลับไปวนมาว่า “แกจะพาลีโอไปไหนน่ะไอ้ขี้เต๊ะ?”
“แกจะพาลีโอไปไหนน่ะฮึ?” “บอกมาสิ
ฉันยังไม่ไว้ใจแก”
ยังไงก็ตามเถอะ ผมไม่ควรทำให้เสียเวลาโดยใช่เหตุ การต่อปากต่อคำอย่างไว้หน้าพี่ๆ
ของลีโออาจทำให้ยาวไปจนถึงตอนเย็นได้และนี้ก็ยังเช้าอยู่เลย ด้วยความไม่สนใครตอนนั้นผมก็ขับรถพาลีโอที่โบกมือหยอยๆ
เหมือนเด็กถูกคุณครูพาไปทัศนศึกษาให้พี่ๆ อย่างร่าเริง ออกจากที่นั้นไปโดยที่ไม่หันกลับมามองกระจกหลังเลยแม้แต่น้อย จ้างให้ก็ไม่กลับไปหรอก
ผมคิดก่อนจะวาดยิ้มกับตัวเอง ก่อนลีโอจะสงสัยว่าทำไมวันนี้ผมถึงได้อารมณ์ดีนักหนา
“จะไปไหนเหรอครับ?” ลีโอถามผม เค้าดูสุภาพและน่ารักมาก เมื่อรัดเข็มขัดเฝ้ามองผมด้วยตาสุกใสที่ไม่ว่าใครก็พรากมันไปจากเค้าไม่ได้
“พอไปถึงคุณก็จะรู้เอง”
ผมไม่ให้คำตอบในทันที ปล่อยให้คนที่นั่งข้างๆ
เกี่ยวสายเข็มขัดนิรภัยเล่นไปพลางๆ
เพราะเค้ารู้หากผมไม่ยอมบอกอะไรแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้ผมพูดออกมา ลีโอหุบยิ้มลง กวาดตามองไปรอบๆ ที่มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองมาร์ดริก เค้าไม่ได้ทำหน้ามุ้ยเหมือนอย่างทุกทีที่รู้สึกว่าตัวเองโดนปล่อยให้เป็นเด็กผู้ไม่รู้อะไรเลย แต่ดวงตากลมโตที่ผมหลงใหลกลับทอดมองออกไปนอกกระจกที่เรียงรายเต็มไปด้วยต้นไม้และบ้านเมืองด้วยความตื่นตาถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนแล้วก็ตามที่ผมพาเค้ามาในเส้นทางนี่ ก่อนนิ้วเล็กๆ จะยกขึ้นจิ้มไปที่กระจกหน้าอย่างชื่นบานและคาดหวังเป็นอย่างยิ่งเมื่อเค้าจำทางที่กำลังจะไปถึงได้
“เราแวะทานไอศกรีมตรงร้านหัวมุมนั้นก่อนได้ไหม?”
เค้าหมายถึงร้านโปรดของเค้าหลังจากที่ผมพามาอยู่บ่อยครั้งนั่นเอง และใช่
ลีโอจำร้านประจำของตัวเองได้อย่างแม่นยำทีเดียว
“เอาสิ” แล้วแต่คุณเลยที่รัก
ผมยิ้มก่อนจะชิดขาวที่หัวมุมตรงนั้นของลีโอ ไม่เป็นไร ผมไม่รีบเท่าไรนักหรอก.....
********************************************************************
งานประกาศผลบัลลงดอร์ 2015
ซูริก , สวิตเซอร์แลนด์....
“ผมตื่นเต้นจัง” ร่างเล็กยืนยุกยิกไปมาอยู่ด้านหลังของส่วนเก็บตัวสำหรับผู้เข้าชิงรางวัล เจ้าตัวดูตื่นเต้นมากๆ ถึงแม้ว่าจะเคยมายืนอยู่ตรงนี้หลายครั้งแล้วก็ตาม แต่อาการใจเต้นโครมครามนี่ไม่เคยลดน้อยลงเลยแม้แต่ปีเดียว
“ไม่เป็นไรลีโอ พี่อยู่ตรงนี่โอเคไหม?” เนย์มาร์ที่ยืนยืดตัวตรงอย่างภาคภูมิใจ
เอ่ยกับเมสซี่ที่ขยับไปมาราวกับเจ้าใกล้จะเข้าทรง
ใบหน้าของชายหนุ่มชาวบราซิลซึ่งเป็นหนึ่งในสามของคนมีชื่อได้เข้าชิงรางวัลในวันนี้หันตรงไปข้างหน้า
จดจ่ออยู่กับทางเดินซึ่งทอดตัวไปยังเก้าอี้แถวหน้าของตัวเอง ดูเหมือนเค้าจะตื่นเต้นไม่แพ้กับร่างเล็กที่อยู่ไม่สุขเลยแต่ทว่าเนย์มาร์กลับไม่แสดงอาการเช่นนั้นออกมา บ่งบอกว่าเค้าเตรียมตัวมาดี
“คนเยอะจัง มากกว่าปีที่แล้วอีก” เมสซี่พูดขึ้นอีก คอเล็กๆ ยื่นขึ้นไปมองดูผู้คนที่พร้อมใจมาร่วมเป็นสักขีพยานในการประกาศผลรางวัลในวันนี้
“มันจะต้องเป็นข่าวใหญ่” เนย์มาร์พูดเสียงเยือกเย็น ดูเป็นพี่ชายที่พึ่งพาได้
“แต่ผมไม่รู้ว่า...” เมสซี่เงียบไปในตอนที่โดนจับมือเข้าอย่างนุ่มนวลและอบอุ่น
สงบความกังวลจนเป็นเจ้าเข้าของร่างเล็ก
“แค่ยิ้มเข้าไว้ลีโอ สบายมาก มันไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน” พี่ชายคนเดิมยิ้มเล็กน้อยอย่างดูไว้มาดและมองตรงไปยังพรมแดงที่คลาคล่ำเต็มไปด้วยกองทัพสื่อมวลชนและแสงแฟลชของกล้องถ่ายรูป
“ผมของผมยุ่งรึเปล่า หูกระต่ายผมเบี้ยวไหม?” เมสซี่เอ่ยเสียงขมุบขมิบ
“ผมตื่นเต้นจังเลยคริส”
และเป็นครั้งที่เนย์มาร์ซึ่งกำลังจะอ้าปากปลอบใจเมสซี่เป็นครั้งที่สิบเห็นจะได้ จะหันมามองร่างเล็กของรุ่นน้องที่อยู่ข้างๆ ซึ่งไม่ได้หันหน้ามาหาเค้าเลยแม้แต่น้อย
“ไม่เป็นไรลีโอทุกอย่างจะเรียบร้อยนะ”
โรนัลโด้เพิ่งละมือออกมาจากการกอบกุมฝ่ามือเล็กๆ ของเมสซี่ ยกขึ้นมาดึงหูกระตายให้เจ้าตัวอย่างอ่อนโยน จัดทรงมันเสียเรียบร้อยด้วยรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นไม่แพ้ฝ่ามือแกร่งของตัวเองเลย
“คุณดูดีมาก” ร่างสูงชม
“ไอ้ขี้เต๊ะ!... แกะ แกแย่งซีนฉันอย่างนี้หมายความว่าไงวะ?”
เนย์มาร์หันมาเอ็ดจนหมวกที่ใส่อยู่แทบเบี้ยว
เป็นเหตุให้โรนัลโด้และเมสซี่ที่หันหน้าคุยกันอยู่สองคนเริ่มหันมาสนใจเนย์มาร์ในตอนนั้นเอง
เป็นครั้งแรกเลย...
“ห๊ะ นายพูดว่าไงนะ?” โรนัลโด้ถามหน้าใสซื่อโดยที่มีเมสซี่ผู้ใสซื่อตัวจริงทำตาถามปริบๆ
อยู่ข้างไหล่ของหนุ่มราชันย์ชุดขาว เรอัลมาร์ดริก
“มีอะไรเหรอครับพี่เนย์?”
เจ้าตัวเล็กที่ดันหลงคิดไปว่าคุยจ้ออยู่กับเค้าก็สมทบคำถามกับอีกคนหนึ่งที่น่าหมั่นไส้ไปด้วย ดูอยู่ทีมเดียวกันไปเลยแฮ่ะ เอาเถอะ ถึงจะรื้อฟื้นตั้งแต่ประโยคแรกก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรกับงานใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้หรอก ดังนั้น เนย์มาร์ที่สวมสูทใส่หมวกปีกบานจนเป็นที่น่าสนใจไม่หยอกจึงทำใจปล่อยๆ
เรื่องเมื่อครู่นี้ไปซะ
“ช่างมันเหอะ” ชายผู้ไม่รู้อะไรเลยว่าไม่ได้ถูกพูดคุยด้วยมาตั้งแต่แรก
หันกลับมาอย่างเจ็บใจ “ชิ”
ก็อย่างว่าล่ะนะ เป็นใครก็ทำใจโกรธเมสซี่ผู้น่ารักและแสนจะไม่รู้เรื่องรู้ราวคนนี้ได้ไม่ลงคอหรอก แม้แต่คนที่อารมณ์ร้ายที่สุดก็ไม่อาจเอาร่างเล็กผู้แสนน่ารักคนนี้มาโยนโทษใส่ได้ ในกรณีนี้คงต้องโทษร่างสูงที่ไม่รู้ว่าแอบตามไปร้านตัดชุดร้านเดียวกับเมสซี่เอาตั้งแต่เมื่อไร
ทำไมถึงได้ดูเหมือนๆ กันนัก ไอ้หมอนี่แหละที่หลอกล้อให้ร่างเล็กตัวน้อยๆ หันไปคุยด้วยแทนที่จะเป็นเค้าซึ่งสนิทกว่าและมาจากสโมสรเดียวกันมากกว่า
แต่ก็นะ เนย์มาร์ไม่ได้รู้อะไรไปหมดซะทุกอย่างหรอก....
เสียงพิธีกรดังขึ้นอย่างชวนฟังและน่าสนใจอย่างที่สุด ก่อนสตาฟจะเชิญชายหนุ่มที่มีฟอร์มการเล่นอันโดดเด่นที่สุดในปี
2015 นี้ทั้งสามคนออกไปเดินเปล่งประกายอยู่บนพรมแดงและเสียงสาดแฟลชกระจายของเหล่าบรรดาสื่อมวลชนที่เข้ามาจับจองพื้นที่กันอย่างล้นหลาม
ถึงแม้จะเสียดายอยู่บ้างแต่โรนัลโด้ก็จำต้องปล่อยมือที่คอยให้กำลังใจกับร่างเล็กลงเมื่อต้องออกไปเผชิญหน้ากับสื่อ และคอยอยู่เบื้องหลังเมสซี่ที่เดินตามเนย์มาร์ออกไปคลายตอนที่พวกเค้าออกจากห้องเครื่องสู่สนามใหญ่ในการแข่งขัน แต่ทว่าในครั้งนี้ดูมีเกียรติยศมากกว่าและพวกเค้าดูน่าจับตามองอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลย โดยเฉพาะอาโม่ลีโอของเค้าที่หลายๆ คนคงจะแทบลืมถ่ายรูปกันไปเลยเมื่อเจ้าตัวเดินออกมาปรากฏสู่สายตาของแขกในงานแบบนี้ แม้แต่นักข่าวบางคนก็ยังหยุดสาดแสงแฟลชเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งเลยด้วยซ้ำ
ร่างสูงซึ่งเดินรั้งท้ายขบวนวาดยิ้มออกมา ไม่อาจมีใครรู้ได้ว่ารอยยิ้มนั้นของเค้าไม่ใช่ความมั่นใจที่คาดว่าจะได้รางวัลในวันนี้ แต่เป็นเพราะความต้องการของเค้าดูท่าจะสำเร็จแล้ว วันนี้ร่างเล็กของเค้าดูดีมาก มากเสียจนจะต้องมีใครหลายๆ คนในงานนี้อิจฉาตาร้อนกันไปเลยล่ะ
เมื่อนั่งเก้าอี้ก็มีคนพากันคอยื่นคอยาวมองมาที่เมสซี่กันเสียยกใหญ่ โรนัลโด้ยิ้มอีก เค้าแสร้งทำเป็นกำลังส่งยิ้มให้กล้องที่จับเข้ามา แต่จริงๆ แล้วร่างสูงยิ้มยินดีให้กับความน่าสนใจของร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างตัวต่างหาก
โรนัลโด้เพียงแค่อยากจะให้ใครต่อใครรู้ว่าเมสซี่น่าจับตามองเพียงใด และความรู้สึกที่เค้าได้เห็นอีกฝ่ายหนึ่งในงานเลี้ยงก่อนการเตะนัดแรกของบอลโลก
2014 นั้นเป็นเช่นไร เมสซี่น่าหลงใหลมากแค่ไหน
วันนี้ก็ได้เห็นกันแล้ว
“คนเยอะมากเลย” ร่างเล็กที่นั่งข้างเค้าประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
เป็นเวลาเดียวกับที่กองทัพสื่อเริ่มทำหน้าที่ได้น้อยลงเพราะงานได้เริ่มขึ้นแล้ว เมสซี่เอ่ยเสียงแผ่วในขณะที่ใบหน้าก็มองตรงไปยังเวทีซึ่งหนึ่งในเค้าสามคนจะได้เดินขึ้นไปรับลูกบอลทองคำในวันนี้ด้วย เจ้าของหมายเลขสิบแห่งบาร์เซโลน่าไม่อยากให้ความสนิทสนมของเค้าทั้งสองไปกระทบสายตาของสื่อมากเกินไปนัก เพราะอาจจะทำให้ร่างสูงที่นั่งตัวแทบติดกันรู้สึกไม่ชอบเอาได้
แต่แล้วโรนัลโด้ที่ได้รับการเป็นห่วงความรู้สึกจากเมสซี่
กลับหันมากระซิบข้างใบหูนิ่มอย่างใกล้ชิดไม่แคร์สายตาของคนรอบข้างใดๆ เลยทั้งสิ้น
“ไม่ต้องตื่นเต้นไปลีโอ ผมอยู่นี่แล้ว
ผมจะอยู่ข้างคุณเอง” โรนัลโด้ยิ้ม
และนั่นเป็นครั้งแรกที่เมสซี่ทำหน้าตาตื่นตระหนก
“คริส พวกเค้ามองอยู่...”
“ผมแคร์เหรอ” ร่างสูงว่าเข้าทันควัน ใบหน้าหล่อเหลาฉีกยิ้มที่ดูร้ายกาจให้คนที่หน้าตาตื่นแต่ก็หุบยิ้มไม่ลงไปด้วยเช่นกัน ร่างสูงแสดงให้เห็นแล้วว่าเค้าไม่ได้ใคร่สนใจพวกนักข่าวปากหอยปากปูพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย เพราะอย่างนั้นร่างเล็กจึงอดไม่ได้ที่จะพูดคุยถึงหลายๆ
อย่างที่น่าตื่นเต้นพร้อมทั้งความรู้สึกของตัวเองกับร่างสูงที่คอยยิ้มรับฟังข้างๆ บรรดานักข่าวก็ถ่ายภาพกระจายตามความพอใจของตัวเองกันซะกระหน่ำไปเลย
จนน่าสงสารที่สุดก็เห็นคงจะเป็นเนย์มาร์ที่เหมือนอยากจะให้งานนี้จบๆ
มันไปให้เร็วที่สุด
ถึงแม้ว่าเค้าจะเคยให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกในฐานะที่ได้เป็นหนึ่งในสามผู้ชิงบัลลงดอร์ของตัวเองก่อนหน้านี้แล้วว่า
ประเด็นทุกอย่างไม่ได้อยู่กับเค้า
แต่มันขึ้นอยู่กับโรนัลโด้กับเมสซี่ต่างหาก เพียงเพราะว่าสองคนนี้ได้รับการส่งชื่อเป็นประจำทุกปีอยู่แล้วและมีเพียงแค่เค้าสองคนที่ผลัดกันส่งรับรางวัลไปมาในแต่ละปี
ซึ่งใช่ ถึงมันจะน่าเจ็บใจอยู่ไม่น้อยก็ตามเถอะที่รู้ว่าตัวเองไม่มีทางจะได้รางวัลมานอนกอด แต่ไอ้ที่มันแทงหัวใจจนอยากจะต่อยใครสักคนหนึ่งขึ้นมา
เพื่อระบายอารมณ์ของเนย์มาร์ก็เป็นเหตุผลอย่างดีที่งานนี้ควรจะเลิกอย่างเร็วรี่ เพราะไม่งั้นเค้าอาจจะได้ลุกขึ้นมาด่าโรนัลโด้ที่พูดคุยอี้อ้ออยู่กับเมสซี่ของเค้ากลางงานก็เป็นได้
เย็นไว้เนย์มาร์ นายรู้นายโตพอที่จะไม่ทำอย่างงั้น นี่งานอะไรนายรู้ใช่ไหม? ช่าย นายรู้สิ
หึ ไอ้เวรเอ้ย.....เนย์มาร์บอกตัวเองให้ใจเย็น แต่ก็ไม่วายมีปัญหากับความสนิทสนมอนึ่งคนรู้ใจของโรนัลโด้ที่มีให้ต่อเมสซี่อยู่ดี
ซึ่งดูจะเบี่ยงเบนความสนใจของร่างเล็กจากเนย์มาร์ไปเลยโดยปริยาย
บัลลงดอร์ปีที่แล้วชายหนุ่มสองคนที่ได้รับการส่งชื่อตลอดทุกปีก็ไม่เห็นได้ทำการสนิทสนมกันถึงเพียงนี้
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวออกมาว่าในเหตุการณ์บุกปล้นโรงแรมชื่อดังในริโอที่เต็มไปด้วยดาวเตะจากทั่วทุกมุมโลกในช่วงบอลโลก
2014 นั้น ทั้งสองคนจะพลัดหลงไปด้วยกันและสามารถหลบหนีจากผู้ร้ายมาได้อย่างปลอดภัยหลังจากที่เหตุการณ์สงบลงแล้ว ดังนั้นจึงเป็นที่งุนงงกันของสื่อว่าเหตุใดพวกเค้าจึงได้มาสนิทสนมกันเอาตอนนี้
แต่ใครจะไปรู้ว่าปีที่แล้วน่ะทั้งโรนัลโด้และเมสซี่รู้สึกดีใจมากที่ได้เจอกันอีกจนพูดอะไรไม่ออกและแทบจะแสดงอาการกันไม่ถูกเลยทีเดียว อีกทั้งยังเป็นผลมาจากกองทัพองครักษ์นักเตะในสโมสรที่พากันมางานเป็นเพื่อนกับร่างเล็กอีกต่างหาก ร่างสูงจึงไม่มีโอกาสได้เข้าถึงตัวร่างเล็กมากนักอย่างที่ควรจะเป็น
แต่ในปีนี้
ทุกอย่างเป็นอย่างที่โรนัลโด้ต้องการอย่างไม่ต้องสงสัย เค้ารู้สึกดีที่ได้พูดคุยอย่างมีพื้นที่ส่วนตัวกับร่างเล็ก ถึงแม้ว่าพี่ๆ ของอีกคนหนึ่งจะกัดฟันบอกว่ายินยอมเพราะไม่อยากเห็นน้ำตาของร่างเล็กก็ตามเถอะ
(ซึ่งกว่าจะได้คุยกับลีโอโดยไม่โดนกีดกันก็ทำเอาเค้าเลือดตาแทบกระเด็นเลยเหมือนกัน)
ซึ่งคุยในที่นี่ก็หมายถึงคุยกันอย่างฉันท์เพื่อนในความเข้าใจของบรรดาพี่ๆ ร่างเล็ก และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมสซี่น้อยๆ
ของพวกเค้าเสียจูบแรกไปให้โรนัลโด้เสียแล้ว
และรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่งที่สามารถพาร่างเล็กไปตัดชุดที่ร้านเดียวกับเค้าได้ ร้านนั้นเป็นร้านประจำอีกร้านหนึ่งของโรนัลโด้ในยามที่ได้ออกงานเลยทีเดียวล่ะ แน่นอนหลังจากที่แวะทานไอศกรีมร้านโปรดของเมสซี่แล้ว โรนัลโด้ก็จูงมือร่างเล็กกลับมาที่รถแล้วขับถัดไปอีกหกบล็อกจนถึงร้านตัดเสื้อชั้นเยี่ยมที่พนักงานทุกคนล้วนแล้วแต่จำร่างสูงได้เป็นอย่างดี
ในตอนแรกที่ช่างเสื้อพากันกรูเข้ามาวัดตัวของเมสซี่โดยที่มีโรนัลโด้คอยยืนมองดูอยู่ข้างๆ
ด้วยรอยยิ้ม ร่างสูงก็จำได้ดีถึงใบหน้าที่ดูตามเรื่องตามราวไม่ทันและแสนจะน่ามองของร่างเล็ก
ว่ามันไม่น่าละสายตาจากไปมากแค่ไหน หลังจากนั้นเค้ายังบอกช่างตัดเสื้อฝีมือดีที่สุดซึ่งเป็นช่างประจำตัวของเค้าตามลำพังอีกด้วยว่า
“ผมอยากให้คุณให้ความสำคัญกับเค้า สำหรับผมจะยังไงก็ได้ ออกแบบตามที่คุณเคยทำมาก็ได้ตามใจคุณเถอะ
แต่สำหรับเค้า ผมอยากให้พิเศษ.....ให้เป็นชุดของเค้าคนเดียว คุณเข้าใจใช่ไหม? เพราะนี่เป็นชุดแรกที่ผมตัดให้เค้า”
โรนัลโด้พูดเอาไว้ว่าอย่างนั้น
และรู้สึกพอใจไม่น้อยที่เห็นชุดซึ่งสั่งตัดเป็นพิเศษตามลุคของเจ้าของถูกสวมใส่อยู่บนร่างอาโม่ลีโอของเค้า
‘มันช่าง...เหมาะสมอย่างไร้ที่ติ’
ร่างสูงรำพึงเช่นนั้นในใจ
เมื่อเห็นร่างเล็กในชุดนั้นเป็นครั้งแรก
สาบานได้ เค้าถึงกับค้างไปเลยเมื่อเมสซี่เดิมมาหาเค้าแล้วยิ้มน้อยๆ ช้อนสายตาสุกใสนั้นมองมาอย่างเขินอาย....ลีโอของเค้าช่างน่ารักและไม่ควรจะลดสายตาไปไหนไกลเลย แม้แต่วินาทีเดียว
และช่างก็ตัดชุดแบบเดียวกันแต่แตกต่างในเรื่องของสไตล์ไปเล็กน้อยให้โรนัลโด้
สำหรับให้พวกเค้าได้เข้าชุดกัน
กระทั่งวนกลับเข้าสู่ความเป็นจริงในเวลาปัจจุบัน งานได้เริ่มขึ้นนานแล้วและผลออกมาว่า
ลีโอเนล เมสซี่ ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ของปี
2015 นี้ไปอย่างควรค่าและเฉียบขาดไร้ที่ติใดๆ ซึ่งก็เป็นตามที่โรนัลโด้คาดหวังเอาไว้แล้วตั้งแต่ต้น ดูเหมือนปี 2015 ที่ผ่านมานี้เค้าจะไม่ค่อยได้ทำฟอร์มให้เต็มที่เท่าที่ควรนัก
เป็นเพราะมัวแต่จัดการเรื่องปัญหายิบย่อยของตัวเองที่เค้าเองก็รู้สึกรำคาญมันไม่น้อยเลย
แต่ก็ช่างเรื่องนั้นเถอะ ตอนนี้โรนัลโด้กำลังเดินเข้าไปใกล้กับผู้ที่กำลังถือลูกบอลทองคำให้ยิ่งขึ้นไปอีก ไม่สนใจหน้าตาภายใต้หมวกที่ดูเป็นจุดสนใจของเนย์มาร์แล้วเข้าไปจับมือแสดงความยินดีกับเมสซี่
ผู้ที่เหมือนจะชี้นิ้วไปหารางวัลในมือที่ตัวเองเพิ่งจะได้มาใส่โรนัลโด้อย่างตื่นเต้นไม่ผิดไปจากเด็กๆ
เลยสักนิด
และถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำอย่างนั้นจริง แต่ร่างสูงก็ดูออกว่าร่างเล็กของเค้าดีใจแค่ไหน
จากสีหน้าที่ยิ้มแย้มจนรู้สึกปวดแก้มแทนของเจ้าตัวเมื่อยามเจอหน้าเค้า
“คุณทำได้ลีโอ ดีใจด้วยนะ”
ร่างสูงแกร่งที่บีบมือบอบบางนั้นอย่างนุ่มนวลและแสดงความจริงใจอย่างยิ่งยวดเดินเข้าไปใกล้เมสซี่มากกว่าทุกครั้งที่ใครหลายคนเคยเห็นกันมา ก่อนร่างเล็กที่พูดอะไรไม่ออกจะทำได้แค่พยักหน้าและเขย่ามือตอบไปอย่างแข็งขัน ก่อนพิธีกรจะเชิญให้ผู้ที่ไม่ได้รับรางวัลทั้งสองคนกล่าวถึงอะไรบ้างอย่างที่พวกเค้าต้องการจะเอ่ย
เนย์มาร์เอ่ยชื่นชมถึงเมสซี่และความสามารถเหนือการคาดเดาของเจ้าตัว
และขอบคุณกำลังใจจากแฟนคลับพร้อมทั้งทีมงานสโมสรที่ยอดเยี่ยม เนย์มาร์ดูกล่าวอย่างจริงใจซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงเพราะเค้าทั้งชื่นชมและเอ็นดูร่างเล็กเหมือนคนที่ใกล้ชิดที่สุด
ซึ่งก็คงจะมีแต่ข้อนี้กระมังที่เนย์มาร์จะสมารถแสดงออกว่าเหนือชั้นกว่าโรนัลโด้ที่เกินหน้าเกินตาเค้าไปได้
ชายบราซิลรอฟังคำพูดที่โรนัลโด้จะพูดต่อจากเค้าอย่างกระหยิมใจ ร่างสูงชาวโปรตุเกตุที่สมบรูณ์แบบและพร้อมสรรพยิ่งกว่าใครๆ
ยิ้มหล่อก่อนจะกล่าวออกไมค์เสียงสุภาพและสำรวม
“ผมรู้สึกดีใจกับเมสซี่เป็นอย่างมากครับ ยินดีด้วยจริงๆ ผมไม่หวังว่าตัวเองจะได้รางวัลอีกในปีนี้เพราะถ้าเป็นงั้นคงมีคนประท้วงว่ากรรมการไม่ยุติธรรมแน่”
ร่างสูงกล่าวติดตลก คนในงานพากันออกเสียงเฮฮาไปด้วย ก่อนจะเงียบไปและโรนัลโด้ก็พูดต่อ
“ผมไม่อยากให้มองว่านี่เป็นการพูดหรือการกระทำที่เสแสร้ง
เพราะผมบอกเค้าว่า คุณทำได้ ดีใจด้วยนะ และนั่นไม่ใช่การสร้างภาพบนเวทีประกาศรางวัลของผม แต่นั่นเป็นเรื่องจริง เรามีทัศนคติที่ดีต่อกันและเป็นเรื่องน่าประหลาดที่ผมสามารถสนทนากับเค้าได้อย่างถูกคอ”
ร่างสูงที่ใช้ถ้อยคำอย่างสุภาพยิ้มเบาบางให้แก่ผู้คนด้านหน้าที่ยิ้มตอบกลับมา
โรนัลโด้กลืนน้ำลายลงคอไปเล็กน้อย...เค้าคิดว่านี่อาจจะยังเร็วไป
หากจะแง้มบอกเรื่องความสัมพันธ์ของเค้าทั้งสอง
ถึงแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
พวกเค้ายังคงไม่พร้อม....
“ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดีที่สุดของผมและเชื่อว่าใครหลายๆ
คนคงจะยอมเปิดใจยอมรับความจริงในเรื่องนี้ได้...โอเค ที่ผมอยากจะพูดวันนี้ก็คือ ยินดีด้วยกับเจ้าของรางวัลในวันนี้จากใจจริงและรู้สึกดีใจเช่นเดียวกันที่เค้าประสบความสำเร็จ”
โรนัลโด้คลายยิ้มลง ไม่ได้ยิ้มแล้ว
แต่สีหน้าเค้าเหมือนกำลังทอดสายตามองออกไปยังทุ่งหญ้าในฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงามที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
“ผมไม่เคยพูดโกหก
ไม่ว่าจะด้วยอะไรทั้งนั้นจากทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้...”
แน่นอน ที่ทุ่งหญ้าแห่งนั้นจะต้องมีอาโม่ลีโอของเค้าอยู่ด้วยเป็นแน่ ใบหน้าหล่อเหลาถึงแม้จะไม่ได้ยิ้มแต่ก็แสดงถึงความสุขใจเป็นอย่างยิ่งที่เค้าได้บอกความรู้สึกนี้ออกมา
“ผมอยากบอกให้รู้เอาไว้...เพียงแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่อยากให้ทุกคนเชื่อ” ร่างเล็กที่อุ้มลูกบอลทองคำอยู่มีสีหน้านิ่งอึ่งไปอย่างบอกไม่ถูก จดจ่อรอฟังคำพูดนั่นของโรนัลโด้อย่างเห็นได้ชัด
“เมสซี่ไม่ใช่ศัตรู ไม่ใช่คู่แข่ง”
ดวงตากลมโตนั้นมองไปยังแผ่นหลังแกร่งที่เคยกอดเค้าไว้ในหลายครั้งหลายคราอย่างอบอุ่นและให้เกียตริ
“แต่เค้าคือคนสำคัญของผม” นักข่าวลั่นชัตเตอร์อีก แสงแฟลชกระจายเต็มหน้าเวที “เพราะเค้าเป็นคนที่ทำให้ผมมีการพัฒนาศักยภาพและก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองมาได้ เค้าทำให้ผมรู้ว่า...” ร่างสูงกวาดสายตามองไปยังผู้คนในงานที่นั่งฟังเค้าอย่างใจจดใจจ่อ
แต่ในใจของร่างสูงกลับนึกถึงใบหน้าของเมสซี่ในคืนนั้นที่ริโอ
“การสู้เพื่อสิ่งที่เรารักคุ้มค่ามากแค่ไหน”
แขกหรือในงานพากันยิ้มกับคำพูดของร่างสูงที่สื่อความหมายที่ในแง่ของความประทับใจ
“ขอบคุณครับ” โรนัลโด้ยิ้มก่อนจะโค้งเล็กน้อยให้เสียงปรบมือที่ภายหลังดังสนั่นห้องจัดงาน
ไม่เว้นแม้แต่นักข่าวบางคนที่ปรบตามไปอย่างเสียไม่ได้
แต่ชายหนุ่มร่างสูงแข็งแรงผู้ที่มีความลับในตัวตนของตัวเองที่บอกใครไม่ได้นั้นกลับสื่อความหมายแตกต่างออกไป มีเพียงแค่เค้าและชายหนุ่มร่างเล็กที่จุดยิ้มตอบกลับมาอย่างห้ามไม่ได้เท่านั้นที่รู้ว่าความหมายในสิ่งที่โรนัลโด้เพิ่งพูดจบไปนั้นหมายความว่าอย่างไร
ใช่ ไม่ว่าจะทางไหน ก็ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่า ลีโอเนล
เมสซี่ คนนี้คือคนสำคัญที่สุดของเค้า คริสเตียนโน่ โรนัลโด้.
Just The Way You Are
BRUNO MARS
.
.
FIN.
--------------------------------------------------------------------------------------------
อร๊ายยยยยยย!! ฟิน!!!! อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย!!
>< //ย. ล้านๆ ตัว//
เฮีย!! หนูเกลียดเฮียอ่ะ ทำไมโรแมนติกเว่อร์แบบนี้ค่ะห๊าาาา!? >{}< พูดงี้ก็ประกาศออกไปเลยสิคะ “เค้ากับผม
เรากำลังคบกันครับ”
เกาะพูดปายโลยยยยยยยย จะมาพูดจาสองแง่สองง่ามใส่สื่อทำไมค่ะหือ?
โอ๊ยยยยย ใน Falling In Love Again ก็เกลียดเฮียไปทีหนึ่งและ (อันนั้นเกลียดจริงๆ ค่ะ เพราะแกโฉดเว่อร์ม้วกกก)
+ (เอ้ยยย เค้ามีเหตุผลของเค้านะ)
แต่ว่าพอมาเรื่องนี้แล้วไรท์หมั่นไส้แกที่สื่ออารมณ์ใส่เหมียวมากจริงๆ ค่ะ แหม่...ออกงานก็ยังไม่วายจีบเค้านะคะเฮียยยย เป็นแฟนกับเหมียวแล้วไม่ต้องจีบค่ะ ไม่ต้องนะคะเพราะเค้าเป็นของเราแล้ว......อะ
ฮิ้ววววววววววว!!!! 55555555 //ลั่น// แซวดีจริงๆ เลย
555555 อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย!
>< ยังไม่หยุดฟินค่ะ ฟิคชั่ววูบนี่มันดีอย่างงี้นี้เองค่ะ ดีงามากกกกกกกกก
ชอบที่เฮียเค้าสั่งตัดชุดให้เหมียวมากเลยค่ะ ดูใส่ใจมาก
เหมือนเค้าเป็นคุณชายแล้วเหมียวเป็นคนธรรมดาๆ (ที่ความน่ารักไม่ธรรมดาเลย
ระดับ MAX ก็ไม่สามารถนิยามได้)
ที่ทำตัวใสซื่อไปวันๆ ฮร๊ายยยยย!! แบบนี้ผ่านค่ะ ผ่าน!! เรื่องนี้ไม่ฉุดน้อง...ดีมาก! 5555
//โดนเฮียโด้ใน Falling In Love Again
เตะบอลอัดเป็นชุด// โอยยย เฮีย
ไว้ชีวิตหนูก่อน หนูรู้หนูปากไม่ดี
ก็ปล่อยหนูไปเห๊อะ
ส่วนเพลงของบรูโน่ด้านบนเป็นเพลงที่ฟังไปด้วยและอ่านเรื่องนี้ไปด้วยจะฟินมากมายเลยค่ะ
>////< แต่ทางที่ดีฟังก่อนแล้วค่อยอ่านหรือจะอ่านก่อนก็ได้ค่ะ
พร้อมๆ กันเดี๋ยวจะเป็นมึนนะคะ มิรู้เรื่อง
555555 มัน..มัน...มัน Just The Way U R จริงๆ เลยค่ะ โดนเฉพาะตอนจบแล้วเพลงใกล้จบท่อน When I
see you face… หัวใจไรท์ก็ล่องลอยไปกับสองคนนี้เรียบร้อยแล้วค่ะ -.,-
ฮร๊ายยยย ใช่จริงๆ เลยค่ะ เหมาะสมกันป่านกิ่งทองใบหยก ถุงยางกับเจลหล่อลื่น......เฮ้ยยยย!!! มะๆๆๆ ไม่ใช่และ ไม่ใช่ อย่าเพิ่งลามสิจ๊ะ
55555 //นิสัยถาวรออกเลยค่ะ -.,- เหอๆๆ//
ขออภัยค่ะ M_ _M แต่
Nc จะตามมานะคะ 5555
//เผ่น//
รีดๆ ลองฟังบทสัมภาษณ์ของเฮียที่มีต่อเหมียวแต่ละครั้งดีๆ
ค่ะ เค้าพูดได้มีความหมายแฝงมากกก คือ...หึ
ไรท์ก็....//แสยะยิ้ม ยักไหล่// ไม่พูดแล้ว ไปเขียน NC ต่อดีกว่า เสร็จ NC แสนฟินนี้แล้วก็ไปลุ้นกันต่อที่
Maze Runner 2 ค่ะ
//แอบหนีมา 555//
หวังว่าสาวก RonalSi จะหายคิดถึงเฮียเหมียวขึ้นมาบ้างนะคะ
>< ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านและรักมากมายเหมือนเดิมเลยนะคะ
><
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
3 ความคิดเห็น:
อยากจะกรี๊ดตั้งแต่ 'Amo Leo' แล้ว. แหม! ชอบจริงๆค่ะ พ่อยอดชายย เข้าใจคิดนะ 555+ แถมยังมาขำตรง 'ไอขี้เต๊ะ' ท่าทางในสายตาคนทั่วไปต้องมีประโยคนี้อยู่แน่นอน. โดยเฉพาะกลุ่มรุ่นพี่ของลีโอ (หึหึ โดยเฉพาะบางคน คนนั้นน่ะที่เป็นกัปตันทีมชาติบราซิลคนปัจจุบัน. ><)
ผมขี้เต๊ะหรือ? ก็ผมหล่อ >> CR7ไม่ได้กล่าวเอาไว้
ประโยคคำให้สัมภาษณ์ของพ่อยอดชายคริสเตียโน่ ฟัง(หรืออ่าน)แล้วต้องตีความหลายรอบมากค่ะ รู้สึกถึงความหมายแฝงที่ซุกซ่อยอยู่ในนั้น ความหมายแฝงถึงลีโอที่รักโดยเฉพาะ หยอดได้หยอดตลอดเลยนะ. -..- // แหม่...นี่ไม่ได้แซวนะเคอะ// ถูกใจมากค่ะไม่ต้องจีบหรอก เพราะลีโอเป็นของคริสอยู่แล้ว ฮ่าา.
ฮืออออ ฟินค่ะคิดภาพตามแล้วก็เขินสุด 5555 เรื่องสูทนี่เป็นอีกอย่างนึงเหมือนนัดกันมามากค่ะ โดยส่วนใหญ่แล้วเหมียวจะออกงานโดยสูทของ Dolce & Gabbanaมากกว่า ซึ่งก็อย่างที่เราเห็นๆกันมาทุกปีว่าสีเด็ดแค่ไหน 55555 แต่มาปีนี้เราคิดว่าเหมียวคงโตขึ้นจนรู้ตัวว่าสูทของตัวเองมันบันเทิงพอแล้ว ก็เลยจัดอาร์มานี่แบรนด์ประจำของพี่โด้ด้วยซะเลย ฟินไปอีกค่ะ แต่งตัวประหนึ่งเสื้อคู่รัก ><
เขินนนมากเลยค่า
เฮียสวีทเว่อ สั่งตัดชุดใหเหมียวด้วยอ่ะ กรี๊ดๆๆๆ
แอบสงสารพี่เนย์เล็กๆนะแง
อัพบ่ออยๆนะค้า สู้ๆ
แสดงความคิดเห็น