//โอยยยยยย หล่อที่สุดเลยค่ะ อร๊ายยยยยยยๆๆๆๆ (ดิ้น) ไปตามน้องจอร์ช (พีต้า) มายืนข้างๆ เลยค่ะ ด่วนนน! โอยยยย อิชั้นจะเป็นลมเจ้าค่ะ TUT//
มาแล้วค่ะรีดขาา
ไรท์มาแล้วค่ะ แทบลากเลือด อื้อออออ! //กัดฟัน//
บ้ามากเลยค่ะ มันเป็นมรสุมจริงๆ เลยค่ะ มาเป็นฤดูเลย
ไรท์ทำงานไม่หยุดตั้งแต่ต้นเดือนมีนายันตอนนี้ก็ยังทำอยู่ค่ะ เห็นทีว่าคงจะยาวไปยันปลายเดือน
ยันปิดเทอมเลยค่ะ ฮอยยยย
จิบ้าตายค่ะ ไรท์ไม่คิดว่ามันจะเยอะขนาดนี้
และอาจารย์จะบ้าคลั่งกันถึงขนาดนี้ค่ะ
อ๊ากกกกก //พ่นไฟ//
ถ้าปิดเทอมนะ
ไรท์จะทำๆๆๆ ทำมันทุกอย่างที่อยากทำเลยค่ะ
แต่วันนี้น้านนนน
เราจะมาดูชีวิตคู่หลังจากคืนส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอแล้วค่ะ 555555
ไปกันเลยยยย >< ช่วงนี้รู้สึกพูดน้อย ไม่ได้อะไรนะคะ ไรท์ต้องไปทำงานต่อค่ะ ฮึก TUT ทำไมช่างรันทด
-----------------------------------------------------------------------------
แสงแดดยามเช้าผ่านหายไปและเข้าสู่ยามเที่ยงแก่ๆ
ของวัน
แคทนิสกลับเข้ามาในบ้านและออกไปท่องป่า วันนี้เธอตื่นเช้ากว่าปรกติเพราะที่นอนใหม่
ส่วนเฮย์มิชก็พาลตื่นเต้นเช่นเดียวกันที่มีแขกมาค้างบ้านถึงแม้พวกเค้าจะอยู่บ้านใกล้กันมาเกินครึ่งปีแล้วก็ตาม ไม่มีใครเข้าไปปลุกพีต้าหรือฟินนิค ชายหนุ่มทั้งสองนอนกอดกันภายใต้ผ้าห่มผืนสะอาดที่มีกลิ่นของเค้าทั้งคู่อบอวล
ฟินนิคเป็นคนแรกที่รู้สึกตัว
เค้ากระชับอ้อมกอดที่มีพีต้ากอดหมอนแนบอกนอนไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียวอย่างแผ่วเบา
แผ่นหลังของพีต้าที่แนบชิดกับอกของเค้าให้ความรู้สึกอุ่นและไม่น่าละออกห่างไปไหน แต่ทว่านี่เที่ยงแล้ว
แสงแดดที่ส่องเข้ามาอาบแผ่นหลังของเค้าบอกว่าพวกเค้าควรตื่นได้แล้วเสียที
ร่างสูงสูดหายใจเอากลิ่นขนมปังอ่อนๆ
ที่อยู่ตรงซอกคอเด็กหนุ่มก่อนจะจูบแก้มของคนขี้เซาที่เหนื่อยอ่อน
แล้วลุกขึ้นจากหมอนอย่างอ่อนโยน
พีต้าขยับกอดหมอนให้แน่นขึ้นแล้วขดตัว
“สายมากแล้วพีต้า
ฉันไม่อยากกวนแต่นายต้องตื่นได้แล้วล่ะ” ฟินนิคพูดหลังจากก้มลงจูบที่ลำคอใต้ใบหูของเด็กหนุ่ม
“ก่อนแดดจะส่องมาถึงหลังของนายนะ” ร่างสูงซุกจมูกไปเรื่อยๆ
จนอีกคนหนึ่งขยับตัวยุกยิกแล้วส่งเสียงสะดุดในลำคอเหมือนกำลังหัวเราะเพราะจั๊กจี้
“ตื่นเถอะ” ฟินนิคพูด
เค้าหลับตาคลอเคลียจมูกกับไหล่ของพีต้า
ชายหนุ่มยิ้มไปด้วยเมื่อรับถึงการหันมาของเด็กหนุ่ม
เค้าจูบกันอีกครั้งหลังจากที่ปากประกบกันจนเกือบเปื่อยเมื่อคืนนี้
พีต้าปรือตาขึ้น ดูยังไม่พร้อมที่จะตื่นเสียเท่าไร
ความเหนื่อยเพลียยังคงฉาบอยู่บนใบหน้าของเด็กหนุ่มยามเมื่อเค้ายิ้มตอบชายหนุ่มที่กอดเค้าไว้
“ไง” หนุ่มเบเกอร์รี่เสียงหายไปนิดหน่อย
ฟินนิคจุมพิตเค้าอีกครั้ง
ก่อนจะทาบผ่ามือกับแก้มสีขาวสะอาดแล้ววาดรอยยิ้มบางๆ “ฉันรักนาย” เค้ากระซิบเสียงทุ้มนุ่มและดวงตาเป็นพราวระยิบ เค้าพูดมันออกมาจากใจ
แต่พีต้ากลับหัวเราะขึ้นมาเบาๆ
เหมือนหลุดขำฟินนิค “ฉันรู้แล้ว”
เด็กหนุ่มว่าก่อนจะเอื้อมตัวขึ้นไปกอดตอบคนที่อยู่ด้านบน เจ้าของแขนกำยำกดจมูกลงไปซอกคอที่มีรอยสีจางๆ
เป็นจ้ำแล้วพูด
“นายลุกไหวไหม?”
“อือ ฉันคิดว่างั้นนะ”
ร่างเล็กพูดเสียงมั่นใจแต่ก็ดูช่างใจในขณะเดียวกัน และในตอนสุดท้ายก็เป็นฟินนิคเองที่ต้องคอยเอาใจช่วยอยู่พักใหญ่เมื่อคนที่แทบลุกไม่ไหวยืนกรานว่าเค้าจะเดินเอง
ชายหนุ่มปล่อยให้เด็กหนุ่มของเค้าอาบน้ำอย่างไม่รีบร้อนอยู่ในห้อง
ส่วนตัวเค้าเองก็เดินออกมาหาอะไรดื่มรับยามเที่ยงที่ห้องครัว เค้าเจอแคทนิส
เธอกำลังดื่มกาแฟและเอ่ยทักเค้า
“ไงฟินนิค”
“หวัดดีแคทนิส เธอเพิ่งตื่นเหรอ?”
“ใช่ ฉันเพิ่งตื่นน่ะ” เปล่า
อันที่จริงเธอตื่นนานแล้วเพราะทนสูดกลิ่นราที่โซฟาของเฮย์มิชไม่ไหว
“งั้นเหรอ”
“กาแฟไหม?”
หญิงสาวผมสยายที่ยังไม่ได้ถักรวบออกความเห็นขึ้น
และกำลังคิดอยู่ว่าจะบอกฟินนิคดีไหมว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้ค้างที่บ้าน พีต้าจะได้ไม่ทำตัวเกร็งแปลกๆ
ถ้าเมื่อคืนพวกเค้าทำอะไรกันอย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ
ชายหนุ่มดื่นกาแฟกับเธอเงียบๆ
แคทนิสพูดว่าเธอรู้สึกดีใจที่เค้าไม่ตายอีกครั้ง ก่อนเด็กหนุ่มที่ออกมาร่วมวงช้าสุดจะเดินช้าๆ
เข้ามาในครัว หญิงที่ถือถ้วยกาแฟอยู่จึงตัดสินใจบอกว่าเฮย์มิชขอให้เธอไปนอนด้วย
ถึงแม้มันจะฟังดูไม่มีเหตุผลก็ตามแต่ทั้งคู่ก็ดูจะเชื่อแคทนิส
หลังจากนั้นไม่นานเฮย์มิชก็โผล่มา ไม่เมาแล้ว
และชวนคุยเรื่องงานอดิเรกของตัวเองที่ทุกคนไม่รู้ว่าเค้ามี
(นอกจากการดื่มเหล้าหลากรสไปเรื่อยๆ...ใช่
เฮย์มิชใช้คำนั้นในตอนที่เค้าถือคอขวดวิสกี้อยู่ที่แคปปิตอล หลากรส)
ดังนั้นชายที่อายุมากที่สุดจึงชวนชายหนุ่มที่มาจากเขตของชาวประมงไปดูสระน้ำที่เค้าชอบไปนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวบ่อยๆ
พีต้าถามว่าเค้าไปที่นั่นบ่อยๆ
เพื่อตกปลาอย่างนั้นหรือ
แต่เฮย์มิชกลับยิ้มเรื่อยเปื่อยแล้วตอบกลับไปว่าเค้าแค่ไปนั่งดื่มเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศเฉยๆ
เพราะเค้าทำเบ็ดตกปลาไม่เป็น
***************************************************************************
ผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนถึงแม้จะเป็นห่วงพีต้าอยู่มาก
แต่ในตอนบ่ายมันก็เปลี่ยนเป็นความกระปรี้กระเปร้าที่ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจ ผมทำเบ็ดตกปลาให้เฮย์มิช สอนเค้าตกปลาและทำมันให้เค้าด้วยในตอนที่เค้าพูดถึงตอนที่ตัวเองนั่งดื่มเหล้าไปด้วยมองดูปลาขึ้นมาจูบผิวน้ำเพื่อหายใจไปด้วย
“เห็นมันอย่างงั้นแล้วเจ็บใจชะมัด ฉันหมั่นไส้ความสบายใจของมันซะจริงๆ”
เค้าว่าอย่างนั้นแล้วเขย่าเบ็ดในมือ
เค้าถามผมว่าเบ็ดของผมอยู่ไหน
แต่ผมก็แค่บอกเค้าไปว่าวันนี้คงจะนั่งอยู่เป็นเพื่อนเค้าไม่ได้
ก่อนขอตัวกลับมาที่บ้านเหมือนเดิม ผมไม่เจอพีต้าที่นั่นเลยถามแคทนิสและเธอบอกให้ผมเดินกลับไปทางที่มาเมื่อวานนี้
เด็กหนุ่มของผมคงกำลังง่วนอยู่กับการดูแลแปลงดอกไม้ของเค้าอยู่
และก็เป็นอย่างที่เธอว่าจริง
ผมเห็นพีต้านั่งอยู่ใต้ร่มไม้ต้นใหญ่ที่เราจูบกันครั้งแรก
ไม่ได้ทำอะไรแค่กำลังนั่งมองแปลงดอกไม้กับแปลงผักของตัวเองอยู่เฉยๆ
“เฮ้”
ผมทักเค้าหลังจากที่นั่งลงแล้วกอดเค้าจากด้านหลัง
พีต้าตกใจในตอนแรกก่อนจะยิ้มให้ผมแล้วขยับตัวอย่างแผ่วเบา
“เมื่อวานฉันยังไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรอยู่เลย”
อยู่ๆ เค้าก็พูดขึ้น
และสายตาก็ทอดออกไปพ้นแปลงดอกไม้ของตัวเอง
ผมขมวดคิ้วแล้วถามเค้าเสียงไม่ดังนักเพราะเราอยู่ใกล้กันมาก
“หมายความว่ายังไงเหรอ?”
“ก็...นายเป็นคนบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่าให้ทำสิ่งที่ตัวเองรักไปเรื่อยๆ
พอสงครามสงบและได้กลับมาบ้านแล้ว”
เค้าคงหมายถึงก่อนที่เราจะบุกเดี่ยวไปแคปปิตอลเก่า
“ตอนที่ฉันบอกว่าเขตเราไม่เหลืออะไรแล้ว
นายก็บอกฉันอย่างงั้นและฉันก็ทำมัน...ทำมันไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย”
ผมได้ยินเค้าหยุดพูดไปชั่วครู่หนึ่ง
รู้สึกเหมือนว่าพีต้าหยุดหายใจด้วย
เรื่องที่เข้าใจผิดว่าผมตายไปแล้วคงยังทำร้ายจิตใจเค้าอยู่
พีต้าอาจจำได้ว่าเคยเดียวดายแค่ไหนเมื่อนึกถึงตอนที่ผมจากไป
มันคอยทำร้ายเค้า ใช่
ผมรู้สึกถึงแผ่นหลังที่สั่นน้อยๆ เมื่อเค้าเหม่อมองออกไป ผมเดาว่าตัวเองคงทำให้พีต้ารู้สึกแย่ไม่น้อย
การเป็นอย่างนั้นมาตลอดหกเดือนคงไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุกเลย ผมจึงกระชับกอด จูบไปที่ซอกคอพีต้าอย่างแผ่วเบาและปลอบโยน
“แล้วตอนนี้ล่ะ?”
ผมอยากให้เค้ารู้สึกปลอดภัยและบอกให้รู้ว่าผมจะไม่หายไปไหนอีก
แต่กลับได้ยินเสียงพีต้าหัวเราะ
“ตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกัน” ผมขมวดคิ้วอีก มองเค้าหัวเราะเบาๆ
เหมือนไม่ใช่ตัวเอง
พีต้าหันมาหาผมแล้วเราก็จูบกันอีก
อ่า นี่สิสิ่งที่ผมเอาแต่ฝันถึงอยู่ทุกวัน
คุ้มค่าเหลือเชื่อเลยที่ฝ่าฝันกับทุกสิ่งมาเพื่อเจอเค้าในท้ายที่สุด
“นายมาที่นี่ทุกวันเลยงั้นเหรอ?”
กระทั่งผมถามอีก
เด็กหนุ่มในอ้อมกอดผมพยักหน้า ไล่มือไปบนดอกหญ้าที่ชูต้นอยู่ตรงหน้าเรา
“ทั้งวัน?”
“ไม่มีอะไรพิเศษหรอก”
เค้าตอบเป็นเชิงว่าได้ทำเพียงแค่นี้เท่านั้น
นั่งเฝ้าต้นไม้เหรอ?
ไม่เอาน่าพีต้า
“แล้วอบขนมกับวาดรูปล่ะ?”
“ฉันไม่มีเมล็ดพันธุ์กับสีหรือผ้าใบหรอกนะ
สีที่หาได้ก็มีแต่สีเขียวแล้วก็สีน้ำเงินเท่านั้นเอง”
เค้าดูน่าสงสารซะแล้วในตอนนี้
ดูพูดเข้าสิ ไม่ว่าสงครามจะดำรงอยู่หรือจบลงพีต้าก็ไม่เคยกลายเป็นคนอื่นเลย
“เราทำสีขึ้นมาเองได้นะ”
ศีรษะที่พิงอยู่บนแขนของผมผงกขึ้น
“เราทำได้เหรอ?” ผมยิ้มให้เค้า
“ได้ทุกสีที่นายต้องการเลย”
แล้วเด็กหนุ่มก็เด็ดดอกหญ้ามาไว้ในมือก่อนจะดึงแขนผมให้เริ่มงานกันเลย เราเด็ดดอกไม้และเข้าไปในป่าเพื่อหาสีที่เค้าต้องการและไม่เคยต้องการมาก่อน
ตะกร้าของเค้าที่ผมแบกไว้มีทุกอย่างอยู่ในนั้นจนเต็มไปหมด
พีต้าเดินนำผมลึกเข้าไปในป่าที่เงียบสงัดและกลับออกมาได้โดยไม่ต้องหยุดคิดทบทวนหาทางกลับเลย
มีอยู่ครั้งหนึ่งผมถามเค้าว่าไม่กลัวบ้างเหรอที่ออกมาไกลจากบ้านขนาดนี้ พีต้าเพียงแค่หยุดเดินแล้วหันมาบอกว่า ผมทำให้เค้ารู้สึกปลอดภัย
ความไหววูบในอกแล่นเข้ามาหาผมชั่วขณะ จริงสินะ มันคงเป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันในฮังเกอร์เกมส์ผมก็คอยปกป้องเค้ามาตลอด รู้สึกหลกรักพีต้ามาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ได้
นี่สินะ ปริศนาของคำว่า หลงรัก
ผมวาดยิ้มออกมาในที่สุด
ก่อนจะกระชับตะกร้าที่อยู่บนหลังแล้วย่ำเดินตามเด็กหนุ่มผมทองคนนั้นให้ทัน เรากลับมาในตอนเย็น
แคทนิสมองดูเราและบอกว่าเธอไม่เคยเห็นพีต้าเป็นอย่างนี้มาก่อน ผมถามเธอว่าที่เค้าดูกระตือรือร้นน่ะเหรอ?
แต่แคทนิสกลับบอกว่าที่เค้าดูมีความสุขต่างหาก
แล้วก็เดินเข้าป่าไปหลังจากที่เราเพิ่งกลับออกมา
ผมเดาว่าเธอคงจะออกไปหามื้อเย็น
และเธอก็ทำให้ผมสงสัยอีก พีต้าไม่เคยมีความสุขเลยงั้นเหรอ?
สงครามจบลงไปแล้วอย่างน้อยก็ไม่มีใครต้องหวาดกลัวหรือกังวลอะไรอีก ผมไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าพีต้าจะคิดถึงผมขนาดนั้น
แต่ถ้าถามผม ผมคิดถึงเค้าสุดหัวใจเลย
เราคั้นสีจากทุกอย่างที่เราเอากลับมาได้
และในเช้าวันต่อมามันก็ทำให้เด็กหนุ่มของผมตื่นแต่เช้าจนผมลุกขึ้นตามเค้าไปไม่ทัน เมื่อคืนเรานอนด้วยกัน ใช่ ผมหมายถึงเรามีเซ็กซ์กันอีกครั้ง แต่คนที่น่าสงสารที่สุดกลับหายไปในตอนที่ผมยังไม่ทันตื่น
พอรู้สึกตัวอีกทีก็เห็นที่ข้างตัวว่างเปล่าซะแล้ว
ผมยิ้มออกมา รู้อยู่ในใจแล้วว่าหนุ่มเบเกอร์รี่ของผมไปอยู่ที่ไหน
หลังมื้อเช้าเรื่อยเปื่อย
ผมเจอพีต้านั่งวาดรูปบนพื้นหญ้าอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใกล้ๆ บ้านของเค้า ที่นี่เงียบสงบ ร่มเย็น
อากาศไม่เลวร้ายและแสงแดดอ่อนๆ ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย ร่วมๆ แล้วมันดูดีกว่าที่ผมคิดเอาไว้มาก เขตของถ่านหินก็ไม่แย่เท่าไรนัก
ไม่รู้สิอาจเป็นเพราะเด็กหนุ่มที่หันหลังไม่สนใจผมอยู่นี้ล่ะมั้งที่ทำให้ที่นี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา
ผมนั่งลงข้างเค้า พีต้าไม่รู้สึกถึงการมาของผมเสียด้วยซ้ำ
จนกระทั่งผมจูบแก้มเค้านั่นแหละรูปที่เค้ากำลังวาดถึงได้มีรอยสีเลอะออกมาจากกรอบ พีต้าหันมามองผม ผมยิ้มแล้วก็จูบเค้า
เราจูบกันอยู่พักหนึ่งหลังจากที่พีต้าทำพู่กันตกลงพื้น สีฟ้าของมันทำให้หญ้าดูน่าสนใจ
ผมนั่งอยู่กับเค้า นอนหลับ
และออกไปตกปลากับเฮย์มิชแล้วกลับมาด้วยกันในตอนเย็น
เฮย์มิชชอบที่ผมสอนเค้าตกปลาและคุยกันเรื่องที่เราเห็นพ้องต้องกันในระหว่างที่รอให้ปลาตอดเหยื่อ แคทนิสออกไปตามหาแมวของน้องสาว
ทุกคนดูมีอะไรทำแม้แต่พีต้าก็ยังไม่ได้หยุดมือวาดรูปเลย วันนั้นทั้งวันเด็กน้อยของผมขลุกอยู่กับสีและทุกอย่างที่เค้าวาดลงไปบนนั้นได้
ผมว่าถ้าแคทนิสกลับมาจะต้องบ่นเค้าเรื่องรูปตกแต่งบนผนังในห้องครัวแน่นอนเลย เชื่อผมสิ ผมเดาไม่เคยพลาด
“นายไม่ควรวาดรูปบนนั้นนะ”
ผมกอดอกผิงกรอบประตูแล้วพูดกับจิตกรน้อยที่ผมลงความเห็นว่าบ้าคลั่งไปแล้วเมื่อมีสีใช้
พีต้าหยุดมือจับพู่กันที่กำลังเล็งอยู่บนผนังห้องนอนของตัวเอง
“ทำไมล่ะ?” แล้วหันมาหาผม ชะงักตัวเองไว้เหมือนผมกำลังดุเค้าอยู่
ผมเลยงัดนิ้วโป้งไปที่ห้องครัว
“ฉันหมายถึงที่นั่นน่ะ ฉันไม่แน่ใจว่าแคทนิสจะชอบใจรึเปล่าที่ถ้วยกาแฟของเธอเปื้อนสี”
พีต้าเลิกคิ้วสูง “โอ้ งั้นเหรอ ฉันไม่ได้ตั้งใจน่ะ
มันคงจะหยดตอนที่ฉันไม่ได้เช็ดพู่กัน”
ว่าแล้วเค้าก็ลุกขึ้นมาแล้วทำท่าเหมือนจะไปกลบร่องรอยให้เรียบร้อย
ไม่ให้แคทนิสกลับมาแล้วจับเค้าได้
ผมวาดยิ้มเงียบๆ ในตอนที่ก้มหน้าหลบเค้าเมื่อกำลังจะเดินสวนออกไป
พีต้าคงจะยอมโดนสั่งห้ามไม่ให้วาดรูปมากกว่าโดนแคทนิสโวยวายใส่
และบอกตามตรงผมก็ไม่แน่ใจแล้วเหมือนกันว่าคนอย่างแคทนิสจะกลับมาแล้วเอะอะได้เพราะเรื่องแค่นั้น ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเฮย์มิชเล่าให้ฟังว่า
ช่วงนี้เธอดูโอ๋พีต้ามากเป็นพิเศษเพราะรู้สึกผิดที่ปล่อยให้ผมตาย
เสียงตึกตักของฝีเท้าพีต้าทำผมหวั่นใจพิลึก
“โว้ ระวังนะนายกำลังจะ...พีต้า”
“อ้าา!” ผมยังพูดไม่ทันจบ
หนุ่มผมสีเดียวกันกับผมก็สะดุดกับเท้าของผมเสียหลักจนได้
ผมรับเค้าไว้ได้ทันที่หน้าประตูและเปลี่ยนใจอุ้มเค้าไว้ ไม่ให้ไปข้างนอกแล้ว
“เฮ้ นายทำอะไรน่ะ?”
เค้าถามเสียงไม่พอใจแต่ก็ดูตกใจซะมากกว่า
ผมใช้เท้าปิดประตูแล้วพาเค้าไปที่เตียง
“ฟินนิค” เค้าเอ่ยเรียกผมอีก “เฮ้!”
แล้วดิ้นขลุกขลักเหมือนเด็กก่อนผมจะโยนตัวเองพร้อมกับพีต้าลงไปบนเตียงเบาๆ และยังไม่ยอมปล่อยให้เค้าไปไหน
เจ้าของห้องที่เนื้อตัวเปื้อนสีเต็มไปหมดต่อสู้กับอกของผม เค้าเหมือนเด็ก ไม่ได้ต่อยเต็มแรงแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ และแน่นอนผมไม่ปล่อยให้พีต้าชนะ ผมใช้มือรวบข้อมือของเค้าไว้ แม้แต่ข้อมือเค้าก็ยังมีสีเปื้อนอยู่
“สีของนายหมดรึยัง?”
ผมกระซิบถามเสียงเบา แล้วยิ้มอ่อนให้ ไม่ได้ทำเหมือนจะจัดการเค้าแล้ว
ใบหน้าของคนที่ผมกำลังมองอยู่เปื้อนสีม่วงลาเวนเดอร์ สีเขียว
สีเหลือง และสีฟ้า เค้าขมวดคิ้วใส่ผมก่อนจะทำมันตกลงมา “หมดแล้ว”
ผมฉีกยิ้มให้เค้าก่อนจะก้มลงไปแนบปากกับพีต้า
“ก็แหงสิ นายเล่นมันทั้งวันเลยนี่”
มือหนึ่งกอดเค้า ส่วนอีกข้างหนึ่งผมใช้เช็ดสีบนแก้มให้อย่างเบามือที่สุด
แต่ก็ทำให้แก้มของเค้าสะอาดอย่างรวดเร็ว
คนด้านล่างทำหน้าเหมือนอยากให้ผมเข้าไปในป่าเพื่อทำสีให้เค้าอีก
“ฉันอยากรู้จังว่านายวาดอะไรนัก”
ผมเอ่ยแล้วโดนผลักจนหงาย ก่อนพีต้าจะหยิบกระดาษที่เราทำจากเปลือกไม้จากที่เก็บอยู่ในลิ้นชักของโต๊ะมุมห้องออกมาปึกหนึ่ง ผมท้าวศอกอยู่บนเตียง
มองดูเค้าวางรูปที่ตัวเองวาดล้อมรอบตัวเรา
เค้าชี้ให้ดูรูปที่มีแต่สีเขียวมิ้นท์
สีฟ้า
และสีน้ำเงินเกลี่ยกลมกลืนกันอยู่
มันดูสวยมาก
“นี่ทะเลใช่ไหม?” เค้ายิ้มอายๆ
ถามผม
“ใช่” ผมตอบเค้า
“มันเป็นทะเลที่สวยมากเลยพีต้า” รูปนั้นคือผืนน้ำโล่งกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
ล้อมกรอบไปด้วยพุ่มไม้สีเขียวหม่นและมีพระอาทิตย์ดวงใหญ่คั่นกลางระหว่างผืนฟ้าและท้องน้ำ เค้าชักนิ้วกลับมา กรอมมันไว้บนตักแล้วห่อไหล่อย่างเนียมอายอีก
“ฉันเคยเห็นมันผ่านๆ
ตอนที่เคยนั่งรถไฟไปแคปปิตอล
ไม่แน่ใจว่ามันเป็นทะเลเดียวกันกับที่บ้านของนายไหม”
พีต้าทำผมอบอุ่นหัวใจ
ผมกอดเค้าแล้วจูบหัวไหล่ผ่านเสื้อยืดตัวบางของเค้า
“ฉันมั่นใจว่ามันใช่แน่นอน”
พีต้าอวดรูปอื่นๆ อีก มันสวยมาก ผมไม่ได้เห็นรูปวาดที่ไร้ความกดดันบ่อยนัก
เท่าที่จำได้ตอนอยู่ในค่ายอพยพก็มีแต่รูปนกม็อกกิ่งเจย์ของพวกปฏิวัติและใบหน้าของสโนว์ที่พวกเค้าวาดเอาไว้ปาหินเล่น
“มีคนบอกว่าทรายที่ชายหาดเป็นสีขาว
แต่ฉันคิดว่ามันเหมือนเปลือกไม้อ่อนมากกว่า”
“นายหมายถึงสีน้ำตาลเหรอ?”
ผมพยายามตามให้ทันเค้า แต่
“ไม่ สีเหลืองต่างหากล่ะ” พีต้าท้วง
“นายรู้ไหม
หาดทรายที่เป็นสีขาวน่ะมีอยู่จริงนะ” ผมกระชับกอดจากด้านหลัง รู้สึกว่าไหล่ตรงหน้ายุกยิกอีกครั้ง
“จริงเหรอ มันมีอยู่จริงๆ ยังงั้นเหรอฟินนิค?”
พีต้าหันมาหาผม ดวงตาลุกวาว เค้าดูเหมือนต้องการจะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เราเจอกัน ผมยักไหล่
“จริงสิ”
“ที่ไหนงั้นเหรอ?”
ความอยากรู้อยากเห็นนั้นทำให้พีต้าดูเหมือนเด็ก
ซึ่งสำหรับผมเค้าก็เป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา ผมเม้นปากสูดลมหายใจเข้าไป
ทำสีหน้าผ่อนคลายแล้วกอดเค้าที่หันมาหา
“ที่บ้านฉันไง”
ผมกระซิบแล้วยิ้มยิ่งฟันใส่เค้า
.
.
.
TBC.
----------------------------------------------------------------------------------------
ฮร๊ายยยยยยยยยยยยย น่ารักจุงงง >< น่าจะกอดกันในบ่อสีนะคะ
555 (เกี่ยวกันไหม?
ทำไมช่างจินตนาการ) 55555 ไรท์ต้องรีบไปแล้วล่ะค่ะ วันนี้และพรุ่งนี้งานวุ่นวายไม่เลิกจริงๆ แล้วเจอกัน Part ต่อไปนะค้าาา
>///<
ฟ้าวววววววววว
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น