วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2557

[SF – THG] + [Prat 3...END] The Impossible – Finnick x Peeta




ตอนจบแล้วค่ะ //จุดพลุ// ทำไมมันเร็วเยี่ยงนี้....(ก็แกลงทีเดียวรวดเดียวจบเลยหนิ -_-") ทีตอนแต่งนี่มันกลืนกินเวลาเราไปมากเหลือเกินค่ะ........แต่เอาเถอะ.....เราอยากให้ทุกท่าน ฟินรวมกันกับเรา........>///<

เออ [SF – THG] อย่าเพิ่งงกันนะค่ะว่ามันคืออะไร   THG ก็ย่อมาจากคำว่า The Hunger Game นั่นเเหละค่ะ.......ต้องขอโทษ จริงๆ นะค่ะ ที่ลงมาจนถึงตอนนี้แล้ว ถึงเพิ่งมาบอก..........พะเอิญเพลินไปหน่อยน่ะค่ะ  แฮ่ๆ .............


แต่ถึงอย่างไร  เราก็ยังยืนยันว่า เรื่องนี้ของเรา ไม่มี Nc แน่นอนค่ะ.......ท่านใดที่แอบมีความหวังว่าจะได้อ่านสองคนนี้จู่จี่กันก็ต้องขออภัยด้วยเจ้าค่า ที่ทำให้ผิดหวัง M_ _ M 


ไม่รบกวนแหละค่ะ..............เชิญไปอ่านกันได้เลย  


ป.ล. ถ้าเราหายหน้าหายตาไปนานก็อย่าเพิ่งบ่นกันซะก่อนนะคะ ^^ 



----------------------------------------------------------------------------------






พีต้าฝืนยิ้ม เค้าพยายามลุกขึ้น แต่สุดท้ายก็ยืนไม่ไหว ล้มลงกลับมาที่เดิม “ไม่เอาน่าพีต้า  นายไม่จำป็นต้องฝืนแล้ว” ผมดุเค้า  พีต้าไม่ยิ้มแล้วแต่เค้าทำหน้าจ๋อย  เค้าใช้แขนดันอกผมให้ออกไป


“ที่ฉันเอาชนะแคทนิสมาได้ก็เพระว่าฉันคิดถึงคำที่นายพูดกับฉันก่อนออกไป....ฉันจะต้องเข้มแข็ง.....นายพูดแบบนั้น และในที่สุดฉันก็ทำได้....ฉันชนะแคทนิสได้แล้ว เพราะนายบอกให้ฉันเข้มแข็ง.....ฉันจะต้องเข้มแข็ง  ไม่เป็นไรฉันเดินเองได้......” ผมทำเป็นไม่สนใจแขนที่อ่อนแรงของเค้าแล้วเข้าไปสวมกอดเค้าแทน


“นายไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลาหรอกเด็กน้อย......” ผมกระซิบข้างหูเค้า  พีต้าไม่ได้ขัดขืนผม  ผมรู้สึกได้ถึงเสียงสั่นๆ ของตัวเองแต่พีต้าคงไม่รู้หรอก ผมได้กลิ่นหอมประจำตัวของเค้า...มันเป็นกลิ่นขนมปังอ่อนๆ ที่ผมชื่นชอบซึ่งมันอบอวลอยู่รอบตัวเค้าเสมอ  แต่ผมก็ต้องตัดใจจากกลิ่นแสนยั่วยวนนั้น แล้วผละออกมา  ผมสูดหายใจเข้าเล็กน้อย แล้วมองพีต้าด้วยสีหน้าจริงจัง พร้อมกับจับไหล่ทั้งสองข้างของเค้าเอาไว้


“ฟังนะพีต้า  ที่ฉันบอกให้นายเข็มแข็งน่ะ เพราะต้องการให้นายเชื่อมั่นในตัวเอง  ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยู่ตรงนั้นกับนาย แต่ฉันก็อยากให้นายเชื่อว่าตัวเองทำได้  ฉันอยากให้นายเข้มแข็ง เพื่อคนที่นายรัก เรื่องที่สู้กับแคทนิส  นายเก่งมาก  แต่ในสงครามนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง ฉันอยากให้นายรอดกลับมาหาคนที่นายรัก คนที่นายห่วงใย และนั่นก็คือความเข้มแข็งของนาย พีต้า.......” ผมแอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อพูดคำว่า คนที่นายรัก และ คนที่นายห่วงใย  เพราะคนๆ นั้นคงหนีไม่พ้นแคทนิสเป็นแน่  ถึงแม้พีต้าจะกลัวๆ เธออยู่บ้าง  แต่เค้าก็เคยพูดว่า คนเดียวที่เค้าเหลืออยู่ก็คือแคทนิส..............จะเป็นใครไปได้ซะอีกล่ะ (ใน The Hunger Game 2 นั่นแหละ....ตอนท้ายๆ พีต้าเค้าพูดไว้ -3- : Ray - Aund) + (แต่ ฮึ๋ยยย....ที่พีต้าพูดน่ะมันเพราะมัวเมาาา >[]<!! : Ray - Aund)


พีต้าทำหน้าสับสน  ผมจึงเลื่อนมื่อไปจับที่แก้มของเค้าให้มองตรงมาที่ผม แล้วพูดต่อ “ฟังนะพีต้า....ฉันให้นายเข้มแข็ง แต่ไม่ได้บอกว่าให้นายทิ้งตัวตนของตัวเองไป ฉันไม่อยากให้นายเหมือนคนอื่นๆ.......จงอย่าลืมว่านายเป็นใคร พีต้า   เมลลาร์ค  และจะเป็นตลอดไป......จงเข้มแข็งในแบบของนายเถอะ” ผมสบตาสีน้ำตาลเข้มของพีต้า  มองลึกลงไปในดวงตาของเค้า  ผมมองเห็นดวงดาวนับล้านกำลังเต้นระยิบอยู่ในนั้น......ผมไม่เคยเห็นดวงตาใครเปล่งประกายและเจิดจรัสเท่านี้มาก่อนเลย


“.......ฉันไม่อยากให้นายเปลี่ยนไป” ผมกระซิบออกมา ราวกับพร่ำเพ้อกับตัวเอง


“อะไรนะ” พีต้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม


“อะ เออ  ไม่มีอะไรหรอก....ฉันแค่อยากให้นายเป็นตัวของตัวเองเท่านั้นน่ะ” ผมพูดและหายใจติดขัด  เพราะผมเพิ่งรู้ตัวว่าเราอยู่ใกล้กันมากแค่ไหน  จนแทบ..........


แทบจะจูบกันได้อยู่แล้ว..............


ผมจึงผละออกมาจากตัวพีต้าเป็นระยะห่าง -- 1 เมตร –  ซึ่งนั่นเป็นระยะปลอดภัยของผม และพีต้าเองด้วย (เอ๊ะ..... -_^.........รีดเดอร์คิ้วกระตุก) ผม  ผมเปล่าคิดนะ!! ผมยังไม่ได้คิดอะไรกับเค้าสักหน่อย ยังไม่ได้คิ๊ดเล้ยยยย!!! (แหลลลล -_- : Ray - Aund)


“อะแฮ่ม” ผมกระแอ่มแก้เก้อ  แล้วบอกตัวเองให้เลิกคิดเรื่องรั่วๆ ได้แล้ว ....ไร้สาระน่า....  พีต้าหันมองไปทางอื่นบ้าง.....เค้าคิดเหมือนผมอยู่รึเปล่านะ  บ้างครั้งที่เราชอบทำอะไรแก้เก้อพร้อมๆ กัน  ผมก็อดไม่ได้ที่จะแอบคิดแบบนั้น


แต่การที่มาเอาแต่เขินกันแบบนี้ มันคงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น (โอเคก็ได้  ผมจะพูดใหม่...ผมเขินคนเดียวก็ได้) ผมจึงตัดสินใจลุกขึ้นแล้วช้อนพีต้าขึ้น


“หวะ เหวอ” น้ำเสียงของพีต้าฟังดูตกใจสุดขีดไปเลย  เค้าเผลอตวัดแขนโอบรอบคอผม ซึ่งนั้นมันก็ดีแล้ว พีต้าจะได้ไม่ตกตอนผมพาเค้าไปส่งที่ห้อง  “เฮ้! นี่นายทำอะไรของนายเนี่ย!” เมื่อได้สติพีต้าเริ่มโวยวาย  ผมรู้สึกถึงอกที่กระเพื่อขึ้นลงของพีต้า เค้าจะมีอาการแบบนี้เสมอเวลาตกใจ  ผมตอบหน้าตาย “ก็พานายไปส่งห้องไง  ห้องนายอยู่ห่างจากนี่ไปตั้งสองตึก นายจะเดินกลับไปเองไหวหรือยังไง” ว่ายังไม่ทันขาดคำผมก็ออกเดิน........ไม่สนใจมันแล้วสามง่าม เดี๋ยวค่อยย้อนกลับมาเอาก็ได้  ตอนนี้ผมมีเรื่องสำคัญกว่าต้องให้ดูแล


“ฟินนิค เดี๋ยว!!” พีต้าพูดเสียงดัง


“หืม” ผมส่งเสียงในลำคอ แกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น.......แต่ตอนนี้พีต้าหน้าแดงไปเรียบร้อยแล้ว.......โดนผู้ชายอุ้มนี่มันน่าอายขนาดนั้นเลยรึไงนะ


“วะ วางลงเถอะ  ฉันเดินเองได้.....” พีต้าพูดเสียงเบา  ใบหน้าอีกครึ่งหนึ่งของเค้าซุกอยู่ในอกผม.......เหมือนลูกแมวตัวเล็กๆ


“ฉันเคยบอกไว้ว่าไง  เมื่อฉันตัดสินใจ นายจะไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง........จำได้ไหม” ผมงัดเอากฏเพียงข้อเดียวที่เราตกลงกันไว้เมื่อเดือนที่แล้วมาใช้ “แต่...” พีต้าไม่ยอมแพ้


“เงียบไปเลย  ฉันจะพานายส่ง  และนายจะต้องเป็นผู้โดยสารที่ดี ไม่หยุกหยิก ไม่โวยวาย.....ที่ฉันทำก็เพื่อนาย เพราะยังไม่รู้ว่านายมีกระดูกหักรึเปล่า เพราะงั้นคงเข้าใจนะ” แล้วผมก็ชนะ  ใช่ ผมชนะเค้าเสมอล่ะ  พีต้ายอมทำตามทุกอย่างที่ผมบอก  และดูเหมือนเค้าจะคิดว่าคิดผิดถนัด เพราะตลอดทางที่เราเดินผ่าน ถึงจะมีผู้คนเดินอยู่ไม่มาก แต่ก็มี  พวกเค้าต่างจ้องมาที่เรากันเป็นตาเดียว  บ้างก็เอาแต่จ้องมอง บ้างก็หันไปซุบซิบกับคนที่อยู่ข้างๆ  พวกเค้าคงจะอยากรู้ว่าหนึ่งในขบวนการกอบกู้มาทำอะไรกับคู่ของม็อกกิ้งเจย์ในสภาพแบบนี้  เออ เค้าคงอยากรู้ว่าเรามีอะไรกันแหง


แต่ผมไม่สนใจสายตาอยากรู้อยากเห็นพวกนั้นเท่าพีต้าหรอก  เค้าตัดขาดจากโลกภายนอกตั้งมีคนแรกที่เห็นเราแล้ว  พีต้าเบียดหน้าเข้าหาอกผมแบบไม่ให้ตัวเองเห็นแสงเดือนแสงตะวันเลยทีเดียว  มีอยู่หลายครั้งที่ผมกลัวว่าเค้าจะหายใจไม่ออก แต่พีต้าก็จะตอบเสียงอู้อี้ออกมาทำนองว่า “ไม่เป็นไร” อยู่ทุกทีไป  จนผมเองก็อดไม่ได้ที่จะแอบขำอยู่ในลำคอคนเดียว


ผมพาเค้าเดินไปตามโถงทางเดินเรื่อยๆ หรือจะพูดให้ถูกคือ ผมอุ้มเค้าไปจะดีกว่า  จนในที่สุดเราก็มาถึงหน้าห้องของพีต้าจนได้  ผมใช้ไหล่ดันบานประตูซึ่งสูงกว่าสามเมตร ให้เปิดออกจากกัน  แล้วแทรกตัวเข้าไปข้างใน  ผมเดินตรงไปที่เตียงหลังใหญ่ซึ่งเป็นของผู้ที่อยู่ในอ้อมกอดของผม แล้ววางเค้าลงอย่างเบามือที่สุด


“ขอบใจนะ” พีต้าพูดเสียงเบา  ผมกลั้วหัวเราะในลำคอ  พีต้าทำหน้างง “นายขำอะไรนักหนาน่ะ” ดูจากสีหน้าของเค้าแล้วคงไม่ชอบที่ผมแอบขำเค้าเท่าไหร่...............ช่วยไม่ได้ ก็เค้าอยากทำตัวน่ารักเองหนิ


ผมกลั้นใจหยุดขำ แล้วยิ้มตามแบบฉบับตัวเอง “เปล่า  นายรอตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันมา” ก่อนจะเดินเบี่ยงขวาออกไปทางลิ้นชักเก็บของ


“หา....” ผมยังรู้สึกได้ถึงกระแสเสียงที่งุนงงหลังจากที่เดินพ้นสายตาของเค้าแล้ว


และใช้เวลาไม่นานนัก  ผมก็กลับมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลชุดใหญ่  ผมนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าพีต้า (ผมไม่ได้ขอเค้าแต่งงาน  อย่าเพิ่งเข้าใจผิดครับ)  พีต้ายังคงทำหน้าไม่เข้าใจสถานการณ์ จนกระทั่งผมเริ่มลงมือตรวจร่างกายของเค้า แล้วทำแผลให้จนเสร็จ โชคดีที่ไม่มีกระดูกตรงไหนหัก จะมีก็แต่แผลฟกช้ำจากเล็กน้อย ถึงปานกลาง ถึงมาก และถึงมากที่สุด  นอกนั้นก็ไม่มีอะไรให้เป็นห่วงแล้ว ตอนที่ตรวจร่างกายเสร็จผมบอกให้เค้าไปอานน้ำ  พีต้าอิดออด เค้าอ้างว่าไม่อยากโดนน้ำตอนนี้  ผมเลยบอกเค้าไปว่า ถ้าไม่ไปอาบน้ำ ผมจะเป็นคนอาบให้เค้าเอง  ทุกอย่างเลยง่ายขึ้น  


หลังจากนั้นผมก็ทำการทายาและนวดน้ำมันแก้ฟกช้ำให้เค้า  ตอนนั้นพีต้าทำจมูกย่นแล้วพูดว่า “อึ๊ย นั่นอะไรน่ะ” แล้วผมก็ทำในสิ่งที่พีต้าไม่ชอบสองอย่าง คือหัวเราะเค้าอีกรอบ และใส่น้ำมันเข้าไปอีก  จนสุดท้ายตัวของพีต้าก็ส่งกลิ่นน้ำมันแก้ฟกช้ำหึ่งไปทั่ว “เหมือนขวดเก็บน้ำมันนวดเดินได้เลย” ผมหยอกเค้า  พีต้ามองผมเหมือนคาดโทษแล้วบ่นพึมพำกับตัวเอง................จะไม่ให้ผมหยุดหัวเราะเค้าได้ไง ในเมื่อเค้าทำตัวน่ารักตลอดเวลาขนาดนี้................


หลังจากทำแผลเสร็จแล้ว  ผมก็เก็บของให้เรียบร้อยแล้วลุกขึ้นเอามันไปเก็บ แล้วเตรียมตัวจะเดินออกไปจากห้อง เพื่อให้พีต้าได้พักผ่อน  ผมหันไปหาเค้า


“วันนี้นายทำดีมากพีต้า....ดีกว่าที่แคทิสคาดไว้เลยทีเดียว” ผมยิ้ม


“....” พีต้ามองผมแบบงงๆ 


.........อ๋อ เค้าคงยังไม่รู้สินะ........


  ผมจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ อย่างอ่อนใจให้กับท่าทีไร้เดียวสาของพีต้า........มีใครบอกเค้ารึเปล่าว่าพักหลังมานี้ชอบทำหน้าแบบนั้นบ่อยๆ  รึผมโรคจิตคิดแบบนั้นอยู่คนเดียวล่ะ  เอาเถอะ........


ผมเดินเข้าไปหาพีต้าที่ข้างเตียงของเค้า  ตอนี้พีต้าอยู่ในชุดนอนผ้าฝ้ายสีขาวสะอาดและกำลังนั่งพิงหัวเตียง ในมือของเค้าถือหนังสือเล่มเล็กๆ อยู่เล่มหนึ่ง เหมือนกำลังเตรียมตัวจะอ่านมัน  พีต้าหันหน้ามามองผมที่อยู่ข้างๆ ตัวเค้า


“ก่อนที่พวกนายจะสู้กัน แคทนิสมาหาฉันน่ะ  เธอก็บอกกับฉันแบบเดียวที่บอกกับนายนั่นแหละ  และเธอก็บอกด้วยว่า อย่างมากนายก็คงแค่สกัดกั้นเธอได้ แต่ยังไงก็คงชนะเธอไม่ได้แน่......” ผมตั้งใจจะเอื้อมมือลูบไปที่รอยช้ำบนแก้มพีต้า แต่ก็เปลี่ยนมาเป็นวางมือบนไหล่ของเค้าแทน “.....เห็นได้ชัดว่าเธอคิดผิด  นายพิสูจญ์ตัวเองให้เธอเห็น เห็นได้ชัดเลยว่าแคทนิสต้องรู้สึกผิดคาดมากแน่ๆ นายเก่งมากพีต้า......” พูดจบผมก็ฉวยเอาหนังสือที่อยู่ในมือเค้ามา แล้ววางไว้บนโต๊ะข้างๆ เตียง พีต้าทำท่าจะพูดอะไรบ้างอย่าง ผมก็ชิงดักเค้าทันที


“นายต้องนอนแล้ว” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกจากห้องไปแล้วปิดไฟให้เค้าเสร็จสรรพ ก่อนปิดประตูผมหันไปมองเค้าครั้งหนึ่ง “....ราตรีสัวสดิ์” ผมพูด


“ราตรีสัวสดิ์....” พีต้าอ่อมแอ่มตอบกลับมา แต่ทว่ามันฟังดูชัดเจนทุกถ้อยคำสำหรับผม  แสงสีเหลืองนวลของโคมไฟดวงน้อยข้างหัวเตียง ส่องเข้ามาทาบทับบนใบหน้าและเรือนผมของพีต้า ทำให้เค้าดูโดดเด่นยิ่งนักในความมืด  ผมยิ้มให้เค้าแล้วปิดประตูนั้นซะ  ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพีต้าตอนนี้คือการได้พักผ่อน ....ใช่ เค้าต้องพักผ่อน  ถึงแม้ว่าความจริงแล้วผมอยากจะหาเรื่องพูดกับเค้าต่อก็เถอะ แต่สุขภาพของพีต้าสำคัญกว่าความต้องการของผมตอนนี้  ผมจึงเดินกลับไปเอาของที่ลืมไว้ แล้วกลับห้องของตัวเอง ด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่ติดตัวผมไปด้วย


----------------------------------------------------------------------------------------------------


หลังจากที่ร่างสูงออกไปได้สักพัก  เด็กหนุ่มที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงก็ตัดสินใจนอนตามคำขอที่ร่างสูงเมื่อครู่ได้บอกเค้าไว้  แต่ใช่ว่าตอนนี้เค้าจะอยากนอนจริงๆ หรอก  ยังมีเรื่องคาใจอยู่อีกเรื่องหนึ่งที่เค้าต้องการจะถามอีกคนให้รู้เรื่อง แต่คนๆ นั้นกลับบอกให้เค้านอน  บางทีพีต้าอาจจะปฏิเสธแล้วถามคำถามคาใจของเค้าออกไป ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าอีกคนหนึ่งพูดแกมบังคับกับเค้าน่ะนะ  พีต้าจึงต้องยอมทำตามอย่างว่าง่าย


พูดก็พูดเถอะ  วันนี้พีต้ายังรู้สึกทึ่งในตัวเองอยู่ไม่หายเช่นกัน ที่เอาชนะแคทนิสมาได้  คงเป็นเพราะเค้ามีครูดีอย่างฟินนิค.............ใช่ ฟินนิค ตอนแรกพีต้าคิดว่าเค้าคนนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างเข้าถึงยาก และเข้าใจยากสุดๆไปเลย  แต่ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปพร้อมเหตุการณ์กับไม่คาดคิด อยู่ๆ พีต้าก็ได้เป็นหนึ่งในกองกำลังแห่งม็อกกิ้งเจย์โดยที่เค้ายังไม่ทันได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ และที่สำคัญทุกคนยังฝากความหวังไว้กับเค้ามากพอๆ กับที่ฝากไว้กับแคทนิสเสียด้วย  เค้าไม่อยากให้ทุกคนคาดหวังในตัวเค้าเลย  ใครๆ ก็ว่าเค้าไม่เอาไหน แม้แต่แม่ก็ยังบอกว่า ผิดหวังในตัวเค้า........


พีต้ารู้ ที่ทุกคนคาดหวังเค้ามากพอๆ กับแคทนิสก็เพราะว่าเค้าเป็น คนรักของแคทนิสทุกคนเลยกดดันเค้าให้อย่างน้อยๆ ก็แกร่งพอๆ กับแคทนิส.........แต่มันไม่ใช่เลย ไม่ใช่เค้าเลยสักนิด! พีต้าอยากจะตะโกนออกไปให้ทุกคนรู้เสียจริงๆ  ว่าคนรักที่แท้จริงของแคทนิสน่ะไม่ใช่เค้า แต่เป็นเกลต่างหาก.......ในเมื่อพูดออกไปไม่ได้ ทุกคนก็ยังคงเดินหน้ากดดันเค้าต่อไป  จนกระทั่งในที่สุด วันหนึ่งฟินนิคก็เข้ามาช่วยเค้าไว้  พีต้าเองยังคาดไม่ถึง  ร่างสูงที่เข้าใจยากคนนั้นกลับพูดคุยกับเค้าราวกับอยากผูกมิตรด้วยใจจะขาด พีต้าบอกตัวเองว่าเค้าคิดมากไปแล้ว  ฟินนิคก็แค่ทำตัวเป็นครูที่ดีคอยสอนอะไรๆ ให้แก่เค้าก็เท่านั้น................


แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ฟินนิคเหมือนพี่ชายที่คอยดูแลน้องซึ่งไม่ประสา............ฟินนิคเหมือนทุกอย่างที่พีต้าไม่เคยได้สัมผัส......ไม่เคยมีใครใจดีกับเค้าขนาดนี้มาก่อน  จนบางครั้งพีต้าก็รู้สึกว่าเค้าเองก็ทำตัวเป็นเด็กไปเลยเวลาอยู่กับฟินนิค


อันที่จริงพีต้ายังไม่อยากนอนเท่าไหร่ เค้าอยากหาเรื่องคุยกับฟินนิคต่อมากกว่า  พีต้ากะจะถามว่า ฮิปโปกริฟคืออะไรกันแน่ แต่ก็โดนคนตอบคำถามพูดดักไว้ซะนี่ แถมยังเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วด้วยซะอีก  คำถามนั้นจึงยังคาใจเค้าอยู่ต่อไป  ความจริงแล้วพีต้าจะหาคำตอบตอนนี้เลยก็ได้ เพราะเค้าได้หนังสือเล่มนั้นมาแล้ว มันอยู่บนหัวเค้านี่เหละ  มันเป็นหนังสือเล่มที่ฟินนิคแย่งออกไปจากมือเค้าเมื่อกี้ก่อนจะบอกให้เค้านอนซะ  แต่พีต้ารู้สึกว่าอยากให้ฟินนิคเป็นคนเล่าให้ฟังมากกว่า


เอาไว้ค่อยถามพรุ่งนี้แล้วกันแฮะ......พีต้าคิดก่อนจะตวัดผ้าห่มขึ้นมาจนถึงคอ  แต่อยู่ๆ เค้าก็ต้องสะดุ้ง เนื่องจากมีคนเปิดประตูเข้ามาในห้องของเค้า


แคทนิส......


“นายจะนอนแล้วหรือ” เธอถาม


“อืม ใช่” พีต้าตอบง่ายๆ เค้าลุกขึ้นมานั่งเพื่อไม่ให้เสียมารยาท  เด็กหนุ่มเพิ่งสังเกตเห็นกล่องปฐมพยาบาลกล่องเล็กที่ติดมือแคทนิสมาด้วย  (มันดูเล็กกว่าของฟินนิคมากๆ เลย พีต้าคิด) แคทนิสมองไปที่มือของตัวเองบ้าง  เธอไหวไหล่ “เออ ฉันมาทำแผลให้นายน่ะ......ถ้า...นาย..ยังไม่ได้.....” เสียงของแคทนิสเบาลงจนมันถูกกลืนหายไปในลำคอ เมื่อเธอสังเกตเห็นแล้วว่าพีต้าอาบน้ำและเนื้อตัวได้รับการรักษาแล้ว.....เร็วกว่าที่เธอคาดไว้...... แผ่นพลาสเตอร์ปิดแผลที่ติดอยู่บนโหนกแก้มของพีต้าบ่งบอกได้ดี แต่ก็คงไม่เท่า.....กลิ่นอะไรน่ะ แคทนิสคิด แต่ไม่ได้พูดออกไป น้ำมันนวดแหง.............


แคทนิสหันมาสนใจกับพีต้า “นายทำแผลเองหรือ” เธอถาม แม้ในใจจะคิดอยู่แล้วว่าพีต้าต้องทำเองอยู่แล้ว


“เปล่าหรอก.....ฟินนิคทำให้ฉันน่ะ” พีต้าตอบ  และนั้นทำให้แคทนิสตัวแข็งทื่อด้วยแปลกใจอยู่ไม่น้อย


“ทำไมหรือ” พีต้าถามแคทนิส  ทำตัวเหมือนว่าเค้าอยากจะนอนแล้ว


“อ๋อ เปล่าหรอก  หลังจากที่ฉันกลับมาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ทำนายเจ็บ” แคทนิสไหวไหล่อีกรอบพลางมองไปรอบๆ


“ที่เธอบอกว่า หลังจากกลับมาน่ะ......ไปหาเกลมางั้นเหรอ” แคทนิสสะดุ้ง.......ใช่ เป็นอย่างที่พีต้าพูด เธอไปหาเกลมา อย่างเช่นทุกๆ วัน และก็เพิ่งนึกได้ว่าน่าจะมาดูเพื่อนที่โดนเธอซ้อมไปเมื่อตอนบ่ายสักหน่อย


..........เพิ่งนึกได้จริงๆ หรือลำดับความสำคัญกันแน่........แคทนิสจำได้อยู่แล้วว่าพีต้าเจ็บมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่เห็นมันสำคัญเท่า นัดจูบยามเย็นของเกลหรอก  เธอคิดว่ายังไงซะพีต้าก็คงจะกลับมาเองได้ และทำแผลเองอยู่ดี เดี๋ยวเธอค่อยเข้ามาช่วยเค้าทำแผลก็ได้.....มาทันอยู่แล้ว  และนั่นเป็นเรื่องจริง พีต้ารู้และเข้าใจดี  ทุกๆ เย็นเค้าจะเห็นแคทนิสกับเกลจูบกันอย่างดูดดื่มที่สวนหลังอาคารอยู่แล้ว  ตอนแรกๆ พีต้าปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเค้ามองภาพเหล่านั้นแล้วปวดใจแค่ไหน แต่ทว่ามาพักหลังๆ นี่เค้ารู้สึกชินชา และเลิกสนใจมันไปนานแล้ว


................เค้าไม่ได้รักแคทนิสแล้ว................


แต่ทำไมกันนะ............พีต้าก็ตอบตัวเองไม่ได้เช่นกัน  อาจมีอย่างอื่นให้เค้าคิดมากกว่าคิดถึงแคทนิสก็เป็นได้   แคทนิสพยายามหาเรื่องคุยเพื่อเปลี่ยนห้วข้อ เธอเดินมาที่ข้างหัวเตียงของพีต้า หยิบหนังสือเล่มเล็กขึ้นมา “นายอ่านหนังสือพิลึกนี้ด้วยหรือ” เธอถาม


“แค่กำลังจะอ่านน่ะ.....” ......ถ้าไม่มีคนมาบังคับให้เค้านอนก่อนน่ะ  พีต้าอมยิ้มเมื่อคิดถึงหน้าฟินนิคเป็นแม่เค้า


“นายขำอะไร” แคทนิสพูดเสียงแข็ง.......เธอไม่ชอบให้ใครหัวเราะเยาะ เพราะมันทำให้เธอดูเสียบุคลิกภาพ


“เปล่า......แค่ เออ  เธอรู้จักฮิปโปกริฟไหม” พีต้ากลั้นขำแล้วหยิบเอาเรื่องในหัวมาพูด


“อ๋อ ความคิดติ๋งต๋องของพวกคนงี่เง่าอย่างนั้นหรือ..........ก็พอรู้จักหรอกนะ  ทำไมล่ะ” แคทนิสคีบหนังสือของพีต้าไว้ด้วยนิ้วชี้กับนิ้วโป้ง พลางทำปากเบ่  พีต้าแย่งมันมา


“แล้วมันคืออะไรล่ะ” แคทนิสทำหน้าไม่พอใจใส่เค้า  แต่ก็ถอนหายใจทำใจไม่คิดโมโหพีต้าแล้วตอบไปว่า


“มันก็คือ สัตว์ลูกผสมระหว่างกริฟฟินกับม้าไง....” แคทนิสแย้งหนังสือมาจากมือพีต้าอีกทอดหนึ่ง แล้วเปิดหน้าหนังสือไปเรื่อยๆ อย่างเอื่อยเฉื่อย  และตอนนั้นเองที่พีต้าคิดว่าเค้ากำลังทำผิดครั้งใหญ่อยู่


จะถามฟินนิคเองไม่ใช่รึไง........จะให้ฟินนิคเป็นคนเล่าให้นายฟังเองไม่ใช่รึไง! นายไปถามแคทนิสทำไมนะพีต้า!.......บ้าเอ้ย


เมื่อคิดได้สติดังนั้นแล้ว พีต้าก็รู้สึกไม่อยากให้แคทนิสพูดต่อไปอีกแล้ว  แต่สาวเจ้าก็ยังคงพูดต่อไปราวกับอ่านสคริปต์ (ใช่ ก็เธออ่านจริงๆ......แคทนิสเปิดไปเรื่อยๆ จนเจอหน้าของฮิปโปกริฟ แล้วก็ทำเป็นเล่าให้พีต้าฟัง ซึ่งที่จริงแล้วเธอกำลังอ่านมันอยู่นั้นเอง)


“.....เออ และดูเหมือนว่าการจะเกิดฮิปโปกริฟสักตัวหนึ่งเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เพราะกริฟฟินชอบกินม้า  สัตว์สองอย่างนี้จึงเป็นศัตรูกันตามธรรมชาติ และการที่จะผสมพันธุ์กันจึงเป็นเรื่องยาก ฮิปโปกริฟก็เลยกลายเป็น........” แคทนิสว่าเธอขี้เกียจอ่านแล้ว จึงจำประโยคต่อไปแล้วโยนหนังสือกลับลงไปบนตักของพีต้า


พีต้ารับมันไว้ แล้วมองหน้าแคทนิสอย่างไม่เข้าใจ  และหนังสือนั้นก็ยังคงเปิดค้างไว้อยู่หน้าเดิม  แคทนิสยื่นหน้าเข้ามาใกล้พีต้าอีกนิด แล้วพูดเสียงดังฟังชัดใส่หน้าพีต้า “......สัญลักษณ์ของความรักที่เป็นไปไม่ได้” เธอมองเค้าด้วยสายตาเอาจริงเอาจังแล้วเดินออกไปพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลที่เป็นหมัน ไม่ได้เอาออกมาใช้งานตามที่เธอคิดไว้  และปิดประตูบานใหญ่เสียงดัง ตึง!


พีต้ามองตามแคทนิสไปจนเธอปิดประตูใส่หน้าเค้า แล้วเด็กหนุ่มจึงหันกลับมาดูหน้าหนังสือที่อยู่บนตักของเค้า................


............นั่นคือรูปฮิปโปกริฟ


ความรักที่เป็นไปไม่ได้ อย่างนั้นหรือ........พีต้าละออกมาจากหน้าหนังสือ แล้วมองความมืดด้วยสายตาเหม่อลอย...............ภาพของ ฟินนิค  โอแดร์ ลอยขึ้นมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเค้า ชายหนุ่มผู้นั้นกำลังยิ้มให้เค้าอยู่ตรงนั้น...........


“เฮ้ย” พีต้าสะดุ้งเล็กน้อย และสะบัดหน้าของตัวไปมา เป็นผลให้ภาพของฟินนิคเมื่อครู่นี้หายไป........เค้าคิดอะไรอยู่........เด็กหนุ่มรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจตัวเองเป็นอย่างมาก  ช่วงพักหลังๆ นี้ ดูเหมือนพีต้าจะเห็นภาพฟินนิคบ่อยมาก  ไม่รู้ทำไมแต่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ฟินนิคที่เป็นเพียงภาพฝันก็จะหมั่นมาเยี่ยมเยียนเค้าเสมอ..........อยู่ๆ ก็เห็นแต่หน้าของฟินนิค..........


..............นายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ พีต้า


แล้วพีต้าก็ตัดสินใจล้มตัวลงนอน ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ


**************************************************************************************************************


แรงอีกสิ ฟินนิค.............


อา พีต้า...........


อือ ไม่ไหวแล้ว.....ฉันจะ ฉันจะ....อะ อ้า!


---- พรวด!! ----


เฮือกกก! อะไรฟะเนี่ยยยยย  เกิดอะไรขึ้น............ผมคลำตัวเองไปมาอย่างลนลานหลังจากเพิ่งลุกพรวดขึ้นมาจากที่นอน  เหงื่อกาฬผุดขึ้นเต็มใบหน้าและลามลงมาที่คอจนถึงทั่วทั้งตัวผม เป็นเหตุให้ตอนนี้ร่างกายของผมแฉะไปด้วยเหงื่อ  และที่สำคัญไม่มีใครอยู่เลย........ไม่มีสักคน  ไม่มีพีต้า............


โอ้ พระเจ้า! บอกผมทีว่าทำไมฝันประหลาดนี่ถึงได้สมจริงขนาดนี้  มัน.....มัน.... ผมยกมือขึ้นปิดปากตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ............เมื่อกี้ผมเพิ่งฝัน......ฝัน.....ฝันว่า......กับพีต้า...................ห๋าาาา!!!


ฝันเปียกสุดประหลาด.........เฮ้ย นี่มันจะบ้าไปกันใหญ่แล้ววววว 


“ทำไมต้องเป็นพีต้าล่ะ......” ผมลูบไปที่ขมับชื่นเหงื่อของตัวเอง............จริงอยู่ที่ทุกวันนี้ผมเห็นพีต้าซ้อนอยู่ในฝันเป็นว่าเล่น และเห็นหน้าเค้าตลอดสองนาที  แต่ว่านี่มันค่อยข้างจะ เออ............


“อึก อา....” ในกายของผมร้อนลุ่มราวกับลุกเป็นไฟ  ผมข่มตัวเองให้นอนลงแล้วสงบสติอารมณ์ซะ  แต่ทว่าทำไม่ได้........มันร้อนขึ้นทุกที และเหงื่อกาฬก็ผุดออกมากขึ้น  มันร้อน...........ร้อนจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว


ผมพลิกตัวอย่างกระสับกระส่ายไปทั่วเตียง ทั้งผ้าห่ม และหมอนหาได้อยู่ในความสนใจของผมไม่  ผมปัดมันตกกระจายไปทั่วเตียง  รู้อีกที ผ้าห่มที่กำลังใช้ห่อตัวอยู่ มันก็ร่นลงมาถึงใต้สะดือผมแล้ว มันหมิ่นเหม่อต่ำลงทุกที จากการดิ้นของผม  ผมงอตัวขย้ำผ้าปูที่นอนและอกแน่นของตัวเองอย่างทรมาน  แสงจันทร์จากหน้าต่างบานใหญ่สาดเข้ามากระทบผิวสีเข้มของผม ส่งผลให้หยาดเหงื่อที่เกาะพราวไปทั่วร่างกายสะท้อนเหมือนมันกำลังเต้นระยิบบนตัวผม


“อึก....อาา..” ผมได้กลิ่นหอมๆ ของขนมปังอบใหม่ที่เพิ่งออกมาจากเตา  มันเป็นกลิ่น...............


................กลิ่นประจำตัวของพีต้า  และผมชอมมันมาก


ความร้อนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามกลิ่นที่ดูเหมือนจะหอมหวนขึ้นทุกทีเช่นกัน................


ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว......ผมต้องปล่อยมันออกมา


ผมสูดกลิ่นไม่มีที่มานั้นเข้าไปเต็มปอด และรู้สึกเหมือนตัวเองแทบลอย เพราะความร้อนต่างๆ ล้วนไปรวมกันอยู่ที่ส่วนล่างของผม........ตรงนั้น  มันชันขึ้นมาใต้ผ้าห่ม  และผมไม่มีทางเลือก ด้วยความลุ่มร้อนที่เกาะกุมสติของผม  ผมจึงเลื่อนมือไปสัมผัสกับส่วนนั้นที่ขยายขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ  ไม่รอช้ามือของผมก็ขยับเคลื่อนที่ขึ้นลงโดยที่สมองผมยังไม่ทันสั่งการด้วยซ้ำ  ผมหอบหายใจออกมากลายเป็นไอร้อนที่อยู่ในกาย


“อา....พีต้า...” ผมครางชื่อพีต้าออกมา.......ผมสาบานได้ ผมไม่ใช่คนทำ......ในหัวผม สามัญสำนักทำให้ผมเห็นภาพพีต้า...กำลังวิ่งอยู่บนสนามหญ้าอันกว้างใหญ่ ไกลสุดลูกหูลูกตา เค้าใส่ชุดแต่งงานสีขาว....อา ใช่ ชุดแต่งงาน  พีต้าวิ่งไปข้างหน้าแล้วเหลียวหลัง หันกลับมายิ้มและพูดอะไรบ้าง  เหมือนพีต้ากำลังวิ่งอยู่กับผม  เพราะผมเห็นแต่เพียงพีต้าเท่านั้นที่วิ่งออกไปด้วยความร่าเริงบนสนามหญ้ายามเย็นที่ถูกย้อมไปด้วยสีส้ม  และผมวิ่งตามเค้า แน่นอน........เราทั้งคู่ต่างสนุกสนาน 


พีต้าล้มลงใต้ต้นไม้ใหญ่  แต่รอยยิ้มนั้นก็ยังไม่หายไป  ผมร่วมยิ้มกับเค้า  และพีต้าก็หัวเราะให้ผมราวกับเรากำลังเล่นเกมส์ที่สนุกที่สุดในโลกอยู่  พีต้าหัวเราะและยิ้มจนตาหยี่ ผมสังเกตเห็นน้ำตาที่เล็ดออกมาจากหางตาเค้า........หัวเราะจนน้ำตาเล็ด  ผมมองดูภาพพีต้ากำลังมีความสุขนั้น...............รอยยิ้มกว้างที่เปล่งเสียงหัวเราะใสๆ ออกมาจนต้องหลับตา และน้ำตาแห่งความสนุกที่เล็ดออกมา..........


ผมอยากเปลี่ยนมัน............ผมคิด ภาพพีต้าปราศจากชุดแต่งงาน..............เปลือยเปล่า


เปลี่ยนรอยยิ้มกว้างที่เปล่งเสียงหัวเราะใสๆ ออกมาจนต้องหลับตา................เป็นเปล่งเสียงครวญคราง และการหลับตาแน่นด้วยความเจ็บปวด


และเปลี่ยนน้ำตาแห่งความสนุกที่เล็ดออกมา................เป็นน้ำตาแห่งความเจ็ปปวดและความบริสุทธิ์


ทั้งหมดนั่น ผมเป็นคนทำเอง...........ในความคิด  ผมทำให้เค้าครวญคราง และร้องออกมาอย่างหยุดไม่อยู่  สีหน้าที่แสดงความไม่เคยนั้นทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก


“อา...อา...อืม...พีต้า......” ผมขยับเร็วขึ้นจนตรงนั้นของผมร้อนเหมือนไฟกำลังจะลุก.........ผมอยากให้เค้าเรียกชื่อผม


ฮา...ฟินนิค....อือ..


ผมขยับเร็วขึ้นอีก........ทำหน้าเจ็บปวดสิพีต้า ทำให้ฉันดูเพียงคนเดียว


อือ...ฟินิค...! พีต้าหวีดร้องพลางบิดกายขึ้นอย่างสุดตัว ใบหน้าของเค้าแดงก่ำ ราวกับหายใจไม่ออก..............และ........


“อ้า.....!”  ผมเกร็ง และกระตุกอย่างแรงสองสามครั้ง ก่อนทุกความทรมานของผมจะถูกปลดปล่อยออกมา  ผมเชิดหน้าขึ้นจนสุดแล้วหลุดเสียงครางออกไป  กล้ามเนื้อทุกมัดของผมเกร็ง และหอบหายใจรัวเร็วราวกับเพิ่งวิ่งมาเป็นสิบกิโลเมตร


“ฮาห์....ฮาห์” ผมยังคงหอบหายใจอยู่  พอหลังจากเหตุการณ์ที่เร่าร้อนเมื่อครู่ผ่านไป ความรู้สึกผิดและความรู้สึกแย่ก็ประดังเข้ามาหาผม


.............นี่ผมทำอะไรลงไป........


ผมแค่อยากรู้จักพีต้าให้มากขึ้น อยากอยู่ในสายตาเค้าแบบ.....แคทนิส บ้าง  นั้นทำให้ผมได้แต่ฝัน จนกระทั่งจินตนาการคิดถึงเค้าในเรื่องแย่ๆ.......ผมนี่มันแย่จริงๆ 


ตั้งแต่ผมช่วยชีวิตเค้าครั้งแรก ผมก็อยากรู้จักเค้าให้มากกว่านี้อีก....อยากปกป้องเค้าอีกตลอดไป  ถ้าเกิดพีต้ารู้เรื่องนี้ขึ้นมา จะเป็นยังไงนะ............ยิ่งนานวัน ผมยิ่งถล่ำลึกลงเข้าไปทุกที


..............ฉันจะทำยังไงพีต้า  ถึงจะหยุดมันได้...........


ผมสูดหายใจเข้าลึกพอสมควรเพื่อเรียกสติตัวเองกลับมา  และตัดสินใจไปล้างตัวในห้องน้ำให้เร็วที่สุดแล้วกลับมาม้วนตัวอยู่ในผ้าห่มเหมือนเดิม (เพียงแต่ผ้าห่มตอนนี้มีคราบของผมติดอยู่ด้วย)  แล้วความง่วงก็คลืบคลานเข้ามาหาผมทีละน้อย ในขณะที่ผมกำลังนึกอยู่ว่าพรุ่งนี้จะคุยเรื่องอะไรกับพีต้าดี.........


.............ผมรู้แล้ว  ผมจะถามพีต้าว่า เค้าชอบสีอะไร..............


.


.


**********************************************************************************************


ฟินนิค   โอแดร์ เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างเงียบงัน...... โดยภาพในฝันที่เค้ากำลังมองอยู่คือ ตัวเองและเด็กหนุ่มอีกคน วิ่งไปด้วยกันบนสนามหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดงยามเย็นอันสวยงาม...ไม่จบไม่สิ้น  เค้าและเด็กคนนั้นวิ่งไล่กันและส่งเสียงหัวเราะราวกับเด็กๆ.....ไม่มีสิ่งใดต้องกังวล......วิ่งกันจนหมดแรง และหัวเราะให้กันจนไม่มีเสียง.......แต่กระนั้น ทั้งสองก็ยังคงฉีกยิ้มให้กันและกันได้


  ร่างสูงระบายยิ้มออกมาบางเบา  ให้กับภวังค์ฝันของเค้า .........เช่นเดียวกับที่ พีต้า   เมลลาร์ค ระบายยิ้มออกมาในคืนนั้น เมื่อเค้าฝันเรื่องเดียวกันนี้..............


.


.


.



THE END




----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ไม่มี Nc จริงๆ ค่ะ  ไม่มี๊  ไม่มี ><!!!!!


ก็แบบว่า Nc ในนิยามของเราก็คือ ต้องมีคนโซเดมาคอมกัน ไม่ว่าจะเป็นในที่ร่ม หรือในที่กลางแจ้งก็ดี  พ่อพระเอกของเรา -- เอง  เราก็ไม่นับนาาาาา  อืม ไม่ใช่ Nc ม่ายช่าย Ncccc .............................


เพิ่งได้แต่งอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยค่ะ(ฟินนิคช่วยตัวเอง  กรี๊ดดด ><.....ความหื่นก็ยังคงเส้นคงวาเหมือนเดิมนะเรา.....) ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงในความคิดของทุกท่าน  แต่สิ่งที่ฟินนิครักในตัวพีต้าก็คือรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอันสดใสนั่นเองค่ะ  เพราะตอนนั้นทุกคนกำลังเคร่งเครียดอยู่เเต่กับสงคราม เลยลืมไปแล้วว่าสิ่งที่ดีงามโดยพื้นฐานของมนุษย์จริงๆ แล้วคืออะไร  พ่อยอดขม่องอิ่มของอิฉันก็เลย อยากปกป้องพีต้าไว้ อยากให้เค้าเป็นตัวของตัวเองเหมือนเดิมน่ะแหละค่ะ ><


เราคิดว่าเรื่องนี้น่ารักนะ.....ไม่หื่น (?) + (มันเข้าขั้นหื่นตั้งแต่เเกให้ฟินนิคแก้ผ้าต่อหน้าพีต้าแล้ว -0- ) แฮ่ๆ


ใครที่อยากติดตามข่างสารและความเคลื่อนไหวต่างๆ ก็เข้ามาได้ทางนี้เลยค่าา >>> แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<<<


ปล. ชุดแต่งงานของพีต้าที่ฟินนิคจินตนาการถึง ก็เป็นชุดที่พีต้าใส่ตอนให้สัมภาษณ์บนเวทีครั้งสุดท้ายในหนังนั้นเเหละค่าาาา


x