วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2557

[SF – THG] + [Prat 1] The Impossible – Finnick x Peeta



ฟินนิคหล่อจริงๆค่ะ หล่อกระชาก หล่อโฮกฮาก หล่อไม่มีใครเกิน หล่อแบบเต็มแม็ก หล่อกรี๊ดสลบอ่ะ (เอ่อ ดูท่าเอ็งจะหลงเค้าอย่างหนักเเล้วล่ะหนา : Ray – Aund -_-*) มันหล่ออีตรงที่จูบพีต้านี่แหละ!.......ดูหล่อขึ้นมาทันที เพราะทันทีที่เห็น เราก็มโนไปเรียบร้อยแล้วว่ามันต้องเป็เมะที่ดี และแฮนซัมบึกบึนได้แน่ๆ อิๆ กิ๊กกริ๊ววววว.......บ่งตง ฟินระเบิดระเบ่อจริงๆ ค่ะ  ภาพลอยมาเป็นฉากๆ เลยว่าฟินนิคจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้พีต้ารอด และเหตุผลทั้งหมดที่ฟินนิคไม่เข้าใจก็คือความรักค่ะ   อาาา....กรี๊ดดดดดดด [>3<]!!!


 ขอบอกก่อนเลยว่าเนื้อหาส่วนท้ายๆ ของเรื่อง  เรามโนขึ้นเองค่ะ.......ก็แบบว่ามัน  ฟินอ่ะ........พอดูหนังจบก็เข้าทางสาววายอย่างเราเลย  ในเรื่องจริง ไอ้ที่เป็นปริศนาอยู่ก็เป็นต่อไป.....เราไม่รู้แต่งแฟนฟิคอย่างเดียว 5555 


เห็นด้วยไหมล่ะค่ะ ว่าจะปล่อยให้สาววายตาดำๆ ค้างคาใจได้อย่างไร   ก็เลยต้องแต่งสนอง Need ตัวเองเช่นนี้แลค่ะ 5555


แน่นอนค่ะว่า คุณจะไม่เคยอ่านอะไรที่เกี่ยวกับ The Hunger Game แบบนี้ (เพราะมันเป็นวาย) และไม่เคยเจอคู่นี้กันในอินเตอร์เน็ต (หาอ่านไม่มี) ...........เพราะงั้นเราจะเป็นคนแรกที่บุกเบิก  ลงคู่นี้เป็นคนเเรกเอง......อุ วะ ฮะ ฮ่าาาาาา (สงวนเฉพาะในไทยนะจ๊ะ)


เราเชื่อเลยล่ะว่า(สาววาย) คนไหน ดู The Hunger Game 2 จบก็ต้องคิดแบบนี้กันทั้งนั้น "พีต้ากับฟินนิค น่าจะคู่กันเนอะ..." เพราะแลดูเเคทนิสก็มีหวานใจอยู่แล้ว  ไม่สนใจพีต้าสักเท่าไร...............เกาะน่านแหละค่าาาาา


เราล้วนคิดเหมือนกัน..............เอ่อ  อย่าพูดมากเลย  อ่านกันดีกว่า (รู้สึกพักหลังๆ มานี่เมาท์มันยังไงบอกไม่ถูก -_- M)


ป.ล. สุดท้ายก็แยกเป็น Prat จนได้...............สงสารรีดเดอร์ค่ะ .....กลัวปวดตา -_-"




-----------------------------------------------------------------------------------------




“พีต้า พีต้า.....เค้าไม่หายใจ” ผมได้ยินเสียงแคทนิสดังขึ้นหลังจากที่พวกเราสี่คนโดนไฟฟ้าแรงสูงช็อตกระเด็นกันไปคนละทิศคนละทาง “เค้าไม่หายใจ!” แคทนิสเธอหันมาทางผม  เธอดูลนลานจนทำอะไรไม่ถูกและร้องโวยวายเสียงดังทว่าสั่นเครือในเวลาเดียวกัน


ผมมองไปยังร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั่น.........ด้วยความรวดเร็วกว่าใจคิด ผมก็มาถึงตัวเค้าแล้ว และผลักแคทนิสที่ร้องโวยวายออกไปห่างๆ ในทันที  แต่พอมาถึงสมองผมกลับคิดอะไรไม่ออก ไม่ออกจริงๆ รู้แต่เพียงว่าผมได้โน้มหน้าลงไปป้อนลมหายใจให้พีต้าด้วยตัวเอง


โอ้ พระเจ้า! ........ตอนนั้นผมไม่มีเวลาพอที่จะอุทานคำนี้ออกมาหรอก ผมทำมันลงไปได้ยังไง..........แต่ไม่ว่าความคิดหรือเรื่องใดๆ ก็ไม่อาจจะฉุดสมาธิของผมออกมาจากคนที่นอนไม่หายใจอยู่ตรงหน้าได้ สมองผม การกระทำผมพุ่งตรงไปที่คนๆ เดียว


“ฟื้นสิ....ฟื้น!” แล้วผมก็ปั๊มหัวใจเค้าอีกรอบ


ผมเห็นแม็กซ์คลานเข้ามาดูอยู่ข้างๆ อย่างสงบ เพราะเธอรู้ตัวดีว่าช่วยอะไรไม่ได้ เธอจึงอยู่เฉยๆ โดยไม่เกะกะผม ......แต่แคทนิส  ผมเหลือทน ผมยอมรับว่ารู้สึกหงุดหงิดที่เธอทำท่าทางกระวนวายวายและกรี๊ดร้องอยู่ข้างๆ ผม.........ใช่ ผมไม่ได้ยินเสียงเธอหรอก เพราะผมไม่ได้สนใจเธอเลยสักนิด แต่ผมเพียงแค่อยากให้เธอเอาอย่างแม็กซ์  เงียบ และไม่กวนใจผม มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอยื่นหน้าเข้ามาผมข่มความรู้สึกที่อยากจะผลักหัวเธอออกไป แล้วหันมาผายปอดพีต้าอีกรอบ


และสวรรค์โปรด ในที่สุดเค้าก็ฟื้น


ผมผละออกมา และแคทนิสก็เข้าไปจูบเค้า พูดคุยกันราวกับมีกันเพียงแค่สองคน  แคทนิสเป็นคนแรกที่พีต้าตื่นขึ้นมาเห็น บางทีเค้าอาจคิดว่า แคทนิสเป็นคนที่ช่วยชีวิตเค้าไว้ .........จู่ๆ ผมก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาและมันมากเสียด้วย.........ผมลุกขึ้นยืนทันทีและบอกว่า “เราต้องไปแล้ว เราไม่รู้ว่าพวกที่เหลืออยู่ไหน.......” สาบานได้เลยว่าที่พูดไปไม่ได้ออกมาจากความเป็นห่วงหรือความระแวดระวังอะไรแต่อย่างใด  ผมเร่งให้พวกเค้าเลิกสวีทกันสักที และ แค่อยากให้พวกเค้าแยกออกจากกันเท่านั้นเอง


ผมหงุดหงิดมากเกินกว่าจะสนใจอะไร(ยกเว้นแม็กซ์) จนลืมไปชั่วขณะ ว่าเรายังอยู่ในเกมส์ ซึ่งผมก็เอาแต่ลอบมองพีต้าตลอด อย่างไม่รู้เหตุผลจริงๆ ว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่.......


ผมรู้แคทนิสไม่อยากให้พีต้าตาย ผมก็เหมือนกัน



*****************************************************************************************



จวนจะจบการแข่งขันแล้ว เชื่อเถอะ........เพราะมันเหลือแต่พวกเราแล้ว


.


.


.


หลังจากมีไอ้บึ่กโผล่ขึ้นมาแทงคอไวท์เรสจากในน้ำ การต่อสู้ของเราทั้งสองทีมก็ดำเนินขึ้น ฝั่งตรงข้ามลอบโจมตีเราจากทางน้ำ พวกมันขึ้นมาโดนที่เราไม่ทันระวังแล้วโจมตีเรา ผมออกไปสู้กับมัน โดยที่คนอื่นยังอยู่ที่เดิม ผมจะต้องฉวยโอกาสเก็บพวกนั้นให้หมดซะก่อนที่พีต้าจะเดินออกมา............


ผมคิดถึงเค้าอีกแล้ว ให้ตายสิ! น่าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้ก็ยังมีอารมณ์มาไขว่เขว ผมตอบตัวเองไม่ได้ว่าจะทำแบบนั้นไปทำไม จะคิดถึงสวัสดิภาพของพีต้าทำไม ก็ในเมื่อเค้าเคยผ่านเกมส์แบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง คงต้องทำอะไรได้สักอย่างล่ะ (แต่ที่ผ่านมา จากการแสดงความสามารถในสิบนาที เค้ารู้มาว่าพีต้าวาดรูป ในขณะที่คนอื่นๆ แสดงความสามารถในการเข้าตัวรอด จริงๆ)


คงเพราะผมมัวแต่รู้สึกยุ่งเหยิงกับความคิดของตัวเองอยู่ ผมเลยโดนยิงเข้า


“อึก...อาาา......” หลังจากครวญครางนิดหน่อยและดึงมันออก ผมก็แอบสบถกับตัวเองเบาๆ และได้ยินเสียงเหมือนมีคนวิ่งตรงมาหาผม พอหันไปผมก็เกือบจะชนเข้ากับพีต้าที่วิ่งเข้ามา เค้าทำหน้าตกใจเล็กน้อย(เพราะจะชนผม) ก่อนที่จะเบนออกไปเล็กน้อย


ไม่บอกก็รู้ว่าเค้าจะไปไหน .......จะไปจัดการพวกมันไง.......


ผมรีบคว้าตัวเค้ากลับมาด้วยแขนเพียงข้างเดียว และออกแรงดันเค้าให้กลับเข้าไปพร้อมผม พีต้าดิ้นไปมาเล็กน้อย แต่ก็หยุดเมื่อรู้ว่าสู้แรงผมไม่ได้ “นายอยู่ตรงนี้แหละ” ผมบอก


พีต้ามองต่ำลง “นายเลือดออกหนิ” พีต้าเบิกตาเมื่อเห็นผมกดแผลตัวเองไว้ เลือดไหลเปรอะไปหมด มันคงเป็นผลจากที่ผมออกแรงดันเค้าให้กลับเข้ามา การเกร็งจึงทำให้เลือดออกมาก


“ช่างมันเถอะ......” ผมพูดเอื่อยๆ พีต้าหันซ้ายหันขาว แต่ยังไม่ทันพูดจบประโยคดีพีต้าก็เจอเศษผ้าและหยิบมันขึ้นมากดแผลให้ผม “นายกดไว้สิ” เค้าพูดลนๆ หายใจเข้าออกแรงๆ อย่างตื่นเต้น


................เค้าคงจะตกใจที่จู่ๆ พวกนั้นก็โผล่มาเล่นงานเรา................


แต่ยังไงพวกเราก็ปลอดภัย ถ้าไม่นับรวมไวท์เรสที่โดนแทงไปแล้วน่ะนะ  เรายังวางใจไม่ได้เพราะพวกมันยังตายไม่หมด อันตรายยังคงมีอยู่ และผมต้องปกป้องพีต้าต่อไป



**************************************************************************************************



เราทำตามแผนของบีที ว่าจะล่อพวกนั้นมาแล้วช็อตมันด้วยไฟฟ้า....กี่โวลต์นะ ผมก็จำไม่ได้แล้ว แต่ก็ช่างมันเถอะ มันไม่สำคัญเท่ากับการที่พวกเราโดนตลบหลังหรอก.................. พวกมันรู้ทันเราซะได้ และกำลังฆ่าพวกเราที่แยกกันไปคนละทิศคนละทาง ผมวิ่งกลับมาที่ต้นไม้ใหญ่ และเจอแคทนิสเล็งเป้ามาทางผม ผมหยุดและหวังว่าเธอจะไม่ยิงผม ผมพูดในสิ่งที่เธอน่าจะได้สติ


 “อย่าลืมสิว่าใครคือศัตรูตัวจริง” มันได้ผล เธอหยุดและนึกได้


แต่สิ่งที่ทำให้ผมเชื่อว่าเธอบ้าไปแล้วก็คือ เธอยิงธนูที่พันไปด้วยสายไฟไปที่สนามพลัง และตูม!!! เราสองคนกระเด็นกันเหมือนตอนที่พีต้าฟันโดนสนามพลัง เพียงแต่ตอนนี้มันแตกต่างกัน ผมไม่ได้วิ่งเข้าไปหาเธอที่หมดสติเหมือนที่วิ่งเข้าไปหาพีต้า ผมตัดสินใจส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากกองกำลังลับของเรา บอกให้เฮมมิสมาช่วยเธอ ส่วนผมก็ออกตามหาพีต้า

.

.

.

.


(อันนี้เรามโนเอง.....หึหึ 5555 : Ray - Aund)

V


V


V


ผมวิ่งออกมาจากต้นไม้ใหญ่ได้ไม่ถึงไมล์ด้วยความเร็วรี่ ก็ได้ยินเสียงมาจากทางซ้ายดังปึก! และเสียงร้องของใครสักคน ผมจำได้ จำได้ดีเลยล่ะ เสียงนั้นเป็นของพีต้า!


“พีต้า!” ผมเบนเข็มเปลี่ยนทิศอย่างรวดเร็ว วิ่งไปทางซ้ายและกระโดดฝ่าต้นไม้พุ่มเตี้ยที่ขวางทางผม ผมไม่มีเวลามาเสียกับพวกมันแล้ว “พีต้า” ผมโดดยาวๆ ข้ามพวกมันไป “พีต้า!” และในที่สุดผมก็ผ่านต้นไม้พุ่มเตี้ยมาได้  ผมเตรียมจะวิ่งต่อไป แต่ก็เห็นอะไรขยับอยู่ที่หางตา ผมรีบหันไปทันที


สิ่งที่ผมเห็นก็คือผู้แข่งขันฝั่งตรงข้ามร่างใหญ่มโหฬารกำลังลากเด็กชายคนหนึ่งที่หมดสติให้ไปกับมันอยู่..................


.................พีต้า!


“เฮ้! แก....ไอ้กร๊วก” ผมตะโกนออกไป (ด่าเจ็บจริง  : Ray – Aund -_-^ )


มันหันมา ทำหน้าเหมือนโดนเหยียบเท้าแล้วกระโจนเข้ามาหาผม ...................ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย ผมตั้งสามง่าม ยันปลายไว้กับพื้น พอมันเข้ามาถึงพร้อมกับคำรามอย่างบ้าคลั่ง (คงคิดว่าผมจะกลัว) ................


“ย๊ากกกก........แอ๊ก!” แล้วก็เป็นเจ้าหมอนั่นเองที่เอาอกตัวเองมาเสียบเข้ากับสามง่ามของผม (ผมยังแอบฮาไม่หายกับสียงร้องอย่างห้าวหาญตอนแรกที่ตัดกับเสียงสุดท้ายของมัน .........และผมก็ยังเห็นแก่คนตาย เลยไม่เรียกมันว่าโง่)


ผมยันมันออกไป แล้ววิ่งไปหาพีต้าที่นอนตะแคงอยู่กับพื้น  หัวของเค้าแตก ไอ้กร๊วกเมื่อกี้คงจะฟาดพีต้าจนสลบแล้วกะลากเค้าไปไหนสักที่หนึ่ง แต่ผมไม่มีเวลาคิดเรื่องไร้สาระอะไรแล้ว เพราะพีต้านอนคอพับคออ่อนอยู่บนตักของผม เลือดของเค้าหยุดไหล แต่ก็ยังไม่ได้สติ ผมตบหน้าเค้าเบาๆ


“พีต้า พีต้า นายได้ยินเสียงฉันไหม” แต่แค่ตบเบาๆ ก็ทำให้หน้าของเค้าหันมาซบเข้ากับอกของผมได้อย่างง่ายดายแล้ว...............นี่หมายความว่าเค้าไม่ได้สติขนาดบังคับคอตัวเองให้แข็งไม่ได้เลยหรือ.............


“ฟื้นสิพีต้า.......” ผมพึมพำ ขณะโอบเค้าไว้ เพราะตอนนี้ตัวของเค้าเย็นเหลือเกิน


..............หัวของเค้าโดนกระทบกระเทือนแรงมากๆ..............


ปากของพีต้าเริ่มซีด เหมือนกับผิวหน้า ผมกดชีพจรที่คอขาวนิ่มของเค้า .......–- เต้นช้ามาก --.......


“พีต้า” ผมตบหน้าและเรียกชื่อเค้าเป็นครั้งสุดท้าย หวังว่าเค้าจะลืมตาขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์............. แต่ก็ไม่  ผมเลยตัดสินใจช้อนร่างของเค้าขึ้นมาอุ้มแนบแน่นจนใบหน้าของเค้าติดกับอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของผม และออกวิ่งด้วยความเร็วสูงไปยังจุดที่ยานจอดรออยู่ “ทำใจดีๆ ไว้พีต้า ทำใจดีๆ ไว้........” ผมพร่ำบอกเค้าตลอดทางอย่างร้อนรน


พีต้า นายจะต้องปลอดภัย.............


ใช้เวลาไม่นาน เพียงอึดใจเดียวเท่านั้น ผมก็อุ้มพีต้ามาถึงยานของเฮมมิสที่จอดรอเราไว้ ทันทีที่เราสองคนขึ้นมา ยานก็บินขึ้นและทะยานออกจากที่นั้นทันที


บนยานที่ปลอดภัย..........ผมอุ้มพีต้าผ่านแคทนิสและบีที ที่ได้รับการรักษาแล้วแต่ทว่ายังนอนหมดสติอยู่ที่พื้น ผมพาพีต้าเดินผ่านพวกเค้ามา เพื่อมองหาห้องดีๆ สักห้อง .............มันคงจะดีกว่าถ้าพีต้านอนบน....อะไรสักอย่างก็ได้ ที่ไม่ใช่พื้น ผมไม่ยอมแน่ถ้าต้องให้เค้านอนพื้น............


ประตูห้องๆ หนึ่งเลื่อนออกอย่างอัตโนมัติเมื่อผมยื่นอยู่หน้าห้องนั้นโดยมีพีต้าซบคาอกของผมอยู่ มันเป็นห้องเก็บของ รู้สึกจะเป็นห้องเดียวซะด้วยที่ใช้เก็บของ เพราะภายในห้องนี้เต็มไปด้วยกล่องใส่ของต่างๆ มีทั้งยา อาหารสำเร็จรูป และของอื่นๆ ที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร


ผมเดินไปกลางห้องที่ค่อนข้างเล็ก มีโต๊ะตัวหนึ่งอยู่ตรงนั้น และในความคิดของผม มันใช้ได้ทีเดียว.......ผมจึงจัดการกวาดทุกอย่างบนโต๊ะทิ้งไปซะ แล้วค่อยๆ วางพีต้าอย่างเบามือที่สุด ผมก้มลงแล้วลูบหน้าผากของเค้าเพื่อวัดอุณหภูมิ “พีต้า....อดทนไว้ก่อนนะ เรามาถึงแล้ว ฉันจะช่วยนาย.....”


เสียงเปิดประตูดังขึ้น พร้อมกับที่เฮมมิสและพลูตาร์ชเบียดกันผ่านประตูเข้ามา


“พีต้าเป็นยังไงบ้าง” เฮมมิสเริ่มก่อน


ผมหันไปหาเค้าเล็กน้อย “เค้าไม่ได้สติ” แต่ก็ยังไม่ห่างจากพีต้า “เค้าตัวเย็นมากเลย และเลือดซูบฉีดช้าลงทุกที ผมต้องช่วยเค้า ผมต้องการ.......”


“ฟินนิค” พลูตาร์ชจับไหล่ผม “นายทำดีมาก ไปพักได้แล้ว ที่เหลือให้พวกเราจัดการเองเถอะ” อยู่ๆ เค้าก็พูดเหมือนผมมีหน้าที่แค่พาพีต้ามาส่ง  ผมจะช่วยเค้าให้ได้ และผมจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น ผมพูดอย่างเดือดดาล


“ผมจะช่วยเค้า! คุณไม่มีสิทธิจะมาชี้นิ้วสั่งผมว่าควรทำอะไร ...........ในเมื่อผมพาเค้ามาแล้ว ผมก็จะช่วยเค้าให้พ้นขีดอันตราย พวกคุณก็รู้ว่าผมทำได้”


“เรารู้ฟินนิค ว่านายทำได้ และไม่เคยสงสัยเลย แต่ว่าดูนายสิ” เฮมมิสพูด และชี้มาที่มือของผม


ผมมองตามนิ้วของเค้า และเห็นว่ามือที่วางอยู่บนหัวและหน้าอกของพีต้ากำลังสั่น.....ตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกว่ามันทั้งสั่นและชาในเวลาเดียวกัน แล้วความรู้สึกอ่อนแรง และเหนื่อยล้าก็ถาโถมเข้ามาหาผม “นายเหนื่อยมามากแล้วฟินนิค นายบาดเจ็บและปกป้องทุกคนไว้ได้ หนำซ้ำยังพาพีต้ากลับมาอีก เออ ฉันหมายถึงนายแบกเค้ากลับมา...ใช่ไหม” (เฮมิชคิดว่าผมแบกพีต้ามา) “......นายทำดีมาก และนายควรพักผ่อนได้แล้ว ถ้านายทรุดไปอีกคนเราก็คงจะแย่แน่” เฮมมิสพูดต่อ และพลูตาร์ชพยักหน้าให้ผมช้าๆ เหมือนเห็นด้วย พลางตบไหล่ของผมเบาๆ แต่หนักแน่นเพื่อแทนการขอบคุณ มันทำให้ผมผ่อนคลาย


........ให้คนมือนิ่งดูแลพีต้า ดีกว่าผมตอนนี้ที่มือสั่นหงึกๆ และน่าจะไปพักได้แล้ว.........


“ก็ได้ ฝากพวกคุณด้วยล่ะกัน” ผมตบบ่าของพวกเค้าคนละที ก่อนจะเดินออกไปอย่างเหนื่อยล้า พอออกมาจากห้อง ทันทีที่สายตาลับจากพีต้า ผมก็เข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น


“อึก......” บางทีถ้าได้พักสักงีบก็คงจะดีขึ้น .........ผมเห็นขวดน้ำกลิ้งอยู่ข้างๆ จึงหยิบมันขึ้นมาซดแก้กระหายอย่างไม่สนใจว่ามันจะหกหรือกระเฉาะไปทางไหน และตบท้ายด้วยการราดที่เหลือใส่หน้าตัวเอง


อืม....คงไม่มีใครเดินมาเหยียบหรอกนะ ถ้าผมจะขอนอนพักตรงนี้สักหน่อย


สิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นคือเพดานยานอยู่เหนือหัวของผมขึ้นไป..............



---------------------------------------------------------------------------------------



-------------------------------------



             -------- 5 ชั่วโมงต่อมา ----------



“เฮ้......คนเก่งง...ง .......โอ๊ะ เค้าตื่นแล้ว” อืมม... เฮมมิสหรือ.....


“หวัดดีพวก เราเพิ่งทำแผลให้นายเสร็จเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว” ผมนิ่วหน้า แล้วบิดหน้าเฮมมิสไปทางอื่น


............โอ้ พระเจ้า! เค้ากลั้วคอกับฉี่หนูผสมแอลกอฮอล์มารึไงเนี่ย..........


“นายน่าจะดีใจนะ ฉันใช้เหล้าตัวเอง ล้างแผลให้นายด้วย” เฮมมิสผู้ที่นั่งย่องๆ บนหัวผมยังคงพูดต่อไป ผมค่อยๆ ลุกขึ้น


“อาา...า” รู้สึกเจ็บแปล็บๆ ที่แผล แต่ไม่นานผมก็รู้สึกดีขึ้น “เออ ขอบใจนะเฮมมิส” ....สำหรับเหล้าน่ะ  แอลกอฮอล์ล้างแผลก็มีทำไมคุณไม่ใช้


“เออ แล้วพีต้า เค้าปลอดภัยรึยังครับ” ผมถาม


“เค้าปลอดภัยแล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง .....นายไปเปลี่ยนชุดซะเพื่อน ใส่ชุดสบายกว่านี้ดีกว่า” เฮมมิสพูดเสียงเนิบ พลางชี้เหล้ามาทางผม ...........เวลาแบบนี้คุณก็ยังเป็นคุณได้คงเส้นคงวาจริงๆ..................ผมรับคำง่ายๆ แล้วเฮมมิสก็บอกให้ผมเดินมาที่ห้องเดิม


และผมก็เพิ่งสังเกตว่าในห้องเก็บของนี้มีราวเสื้อผ้าเล็กๆ อยู่ด้วย หนึ่งราวไม่มากไปกว่าสิบชุด แต่ที่ผมสงสัยที่สุดก็คือ ทำไมผมต้องเดินดุ่มๆ มาหาพีต้าตั้งแต่ก้าวเข้ามาด้วย เค้าปลอดภัยแล้ว ดูปรกติดี ใบหน้าของเค้าคืนสีเดิม และริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนน่าหลงใหลนั้นก็เหมือนเดิม......ห๊ะ ผมบอกว่าน่าหลงไหลเรอะ......อะ เออ ผมไม่ได้ตั้งใจพูดหรอกนะ ปากมันไปเองน่ะ..........


ผมเดินส่ายหน้าให้กับตัวเองน้อยๆ ก่อนที่จะเดินไปที่ราวเสื้อผ้า เลือกเสื้อคลุมสีพื้นตัวหนึ่งออกมา ถอดชุดแข่งออกต่อหน้าพีต้า ผมเนื้อตัวล่อนจ้อนและกำลังสังเกตตัวเองอยู่ว่าผมมีรอยฟกช้ำนิดหน่อยและแผลเดียวที่มีก็โดนรักษาไปเรียบร้อยแล้ว.......ต้องขอบคุณที่พีต้าหลับอยู่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาเห็นผมเปลือย ผมรู้....ผู้ชายด้วยกันจะไปอายอะไร แต่เหมือนผมจะถอดเสื้อผ้าต่อหน้าเค้า ติดค่อนข้างจะอายอยู่นิดๆ หรือเพราะผมจ้องเค้าอยู่กันแน่ ผมเลยรู้สึกประหม่า


พอเถอะ เลิกคิดบ้าๆ ได้แล้ว.....ผมสะบัดหน้ารัว แล้วหันไปหยิบเสื้อคลุมมาใส่แทน ........พอพีต้าฟื้นขึ้นมาคนแรกที่เค้าจะถามหาก็คือแคทนิส และเธอก็จะดูแลเค้าเอง เค้าทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง...........ถึงตอนนั้นคงหมดหน้าที่ของผมที่มีต่อพีต้าแล้ว ผมต้องออกไปสักที.....................




**************************************************************************************




********** ฝ่ายต่อต้านพวกแคปปิตอล ก่อตั้งกองกำลังขึ้นขัดขืนระบอบปกครองอันป่าเถื่อน  และมีฐานทัพใหญ่ตั้งอยู่ในสถานที่ลับ ซึ่งพวกแคปปิตอลไม่สามารถตรวจพบได้........ที่นั้น พวกเค้าตั้งรกรากกันจนเป็นชุมชุนขนาดใหญ่ ที่ซึ่งเต็มไปด้วยผู้รักสงบ  พวกเกลียดแคปปิตอลเข้าไส้และอยากจะแก้แค้นที่พวกมันทำให้ทุกอย่างเลวร้าย  ครอบครัวของประชาชนที่ไม่ประสีประสา ต้องการเพียงเพื่อที่หลบภัย  ผู้คนที่หวาดกลัว  ผู้อพยพ  ผู้กล้า  และกองกำลังแห่งม็อกกิ้งเจย์  **********




---------------------------------------------------------------------------------------



-------------------------------------




“พีต้า พีต้า.....เค้าไม่หายใจ” ผมได้ยินเสียงแคทนิสดังขึ้นหลังจากที่พวกเราสี่คนโดนไฟฟ้าแรงสูงช็อตกระเด็นกันไปคนละทิศคนละทาง “เค้าไม่หายใจ!” แคทนิสเธอหันมาทางผม  เธอดูลนลานจนทำอะไรไม่ถูกและร้องโวยวายเสียงดังทว่าสั่นเครือในเวลาเดียวกัน


ผมมองไปยังร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั่น.........ดวงตาที่หลับสนิท ริมฝีปากที่เผยอออกน้อยๆ จมูกโด่งรั้นไร้อากาศเข้าออก เรือนผมสีทองนั้นดูเปล่งประกายท่ามกลางแสงอาทิตย์ ราวกับว่าที่ตรงนี้มีแค่ผมกับเค้า แค่นั้นจริงๆ ........ไม่มีแคทนิส ไม่มีแม็กซ์..........พีต้าดูโดดเด่นมาก ท่ามกลางแสงอาทิตย์ หลับตาพริ้ม ราวกับพีต้าเป็นเจ้าหญิงนิทราและผมเป็นเจ้าชาย


..........เค้าต้องฟื้น และตื้นขึ้นมาอยู่กับผม..........


ผมจึงบรรจงจูบเค้าโดยไม่ลังเล..........


เค้าลืมตาขึ้นมาแล้ว............


“พีต้า” ผมยิ้มและเรียกชื่อของเค้า มือของผมจับไปบนแก้มขาวของพีต้าราวกับรู้สึกอัศจรรย์ใจและโล่งใจในเวลาเดียวกัน


พีต้าลุกขึ้นนั่ง “ฟินนิค” เสียงเค้าดูพร่ำเพ้อ ผมรวบเค้าไว้ในอ้อมอก


“ใช่.....ใช่ ฉันเอง” ตัวเราสองคนแนบชิดกัน ดูเปล่งประกายท่ามกลางแสงอาทิตย์


ผมและพีต้ามองหน้ากัน หลับตาพริ้ม และโน้มใบหน้าเข้าหากันราวกับมีแรงดึงดูด...........



เรากำลังจะมอบจูบแห่งความนิรันดรให้แก่กัน และ.........


.


.


.


TBC.



---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!! >{}<  แล้วเราก็ทำมันลงไปจนด้ายยยยยยยยย -------


เอื่อ 555555 อุ วะ ฮะ ฮ่าาาาาาา..........อุก แค๊กๆๆๆๆ >3< ; /////สำลักน้ำลาย////


ขอประทานอภัยที่บ้าน้ำลายมากไปหน่อยค่ะ...........แต่วันนี้เรากลับมาแล้วค่ะ  


พร้อมกับเรื่องสั้นเวิ่นเว่อร์ ที่เราได้เวิ่นเวอร์บอกไปแล้วววว......55555 กินไม่ได้นอนไม่หลับตริงๆ ค่ะ ถ้าไม่ได้แต่งคู่นี้


ไม่รู้ว่าจะชอบกันรึเปล่านะค่ะ  แต่ก็ขอฝากไว้ในอ้อมใจของทุกท่านอีกเรื่องหนึ่งค่ะ M_ _M


..................รักนะ จุบุๆ.........^3^

2 ความคิดเห็น:

k-k กล่าวว่า...

ฟินนิคแก้ผ้าาาาา >0<!!!! {อิหื่น} คู่นี้ที่หาไม่เจอในกูเกิลของประเทศไทยยยยย ชอบค่ะ มันลุ้นระทึกดี ชอบสุดๆ อีตรงที่ไม่สนใจแคทนิสนี่แหละค่ะ ถ้าเป็นเรานะผลักหาหล่อนไปแล้ววววววว 555555 ชั่วร้ายมากกกก ชอบค่ะนู๋พีต้าน่ารักแถมยังซึนอีกกก 5555 กรี๊ดดด ชอบๆๆๆๆ
สู้ค่ะไรเตอร์ จะตามไปที่เฟสแน่นอนค่าาาา

เอดร กล่าวว่า...

":^^"