วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

[SF - The Maze Runner] + [Part 1] The Maze - Minho x Thomas


**คำเตือน = สปอยล์อย่างรุนแรง**

อร๊ายยยยย หนุ่งโทมัสสสส >< !! น่ารักแต้ๆ เลยค่ะ  ฮืมมมมม ตัวบางๆ หน้าตาตื่นๆ เหมือนหมาน้อยเลยค่ะ(?)  ฮึๆๆ น่ารักกก  แค่เห็นเค้าหอบอยู่ในกล่องตอนแรกก็รู้แล้วค่ะว่าต้องเป็นเคะ......หอบซะหมดความแมน

            ตอนแรกที่ไปดูแล้วกลับมาเขียน ไรท์ก็คิดว่าจะไปดูซ้ำอีกรอบค่ะเพื่อให้บทแป๊ะ ฉากแป๊ะ.....แต่อินี่ไม่ว่างไปจ้าาา  มันเลยออกมาเป็นแบบนี้ 555  ยังไงก็ต้องขออภัยด้วยนะค่ะถ้าหากพิมพ์ผิดหรือฉากไม่ตรงไม่ใช่ยังไง เพราะไรท์ยิ่งฟินยิ่งรีบค่ะ TvT  คิดซะว่าเป็นเรื่องตามแบบฉบับสาววายล่ะกันนะคะ (ปรกติแกพิมพ์ผิดทุกเรื่องหนิ)

            ไม่พูดมากและ ไปอ่านกันเลยค่าาาาา


            ---------------------------------------------------------------------------------------------


ที่นี่ที่ไหน..........

มืด......มันมืดเหลือเกิน  กลิ่นเหม็นอับ แล้วก็......กลิ่นอะไรเหม็นๆ สักอย่างนี่แหละ มันลอยฉุนมาเตะจมูกผม  แต่นั่นไม่สำคัญพอที่จะทำให้ผมย่นจมูกแล้วทำหน้าเบ้

เพราะตอนนี้ผมตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ให้ห้องๆ หนึ่ง  มันเหมือนห้องขัง รอบตัวผมถูกล้อมรอบไปด้วยกรงรอบสี่ด้านและทันใดนั้น ตัวของผมก็เหมือนหวืดขึ้น ห้องแคบๆ ที่ผมนั่งอยู่กำลังถูกดึงขึ้นไป........หรือบางทีมันอาจไม่ใช่ห้องขัง ไม่ใช่ห้องๆ หนึ่งที่ขังผมไว้ออกไปไหนไม่ได้  แต่มันกลับเป็นเหมือนกล่องใหญ่ๆ ที่ใช้โดยสารเหมือนลิฟต์

ทันที่ทีรู้สึกได้ว่าตัวเองถูกดึงขึ้นไปพร้อมกับสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ภายในลิฟต์....หรืออะไรสักอย่างนี่แหละ  โอเค เอาเป็นว่าผมช่างมันไปแล้ว  เพราะตอนนี้ผมกำลังรู้สึกกลัวสุดขีด  ที่นี่ที่ไหนแล้วผมมาอยู่ในที่เหม็นอับตัวเปียกปอนแบบนี้ได้ยังไง  แล้วทำไมผมถึงจำเรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเองไม่ได้! ผมไม่สามารถหาคำตอบอะไรได้เลย

ผมกำลังตื่นตระหนก.....กล่องลูกกรงมันเคลื่อนไปข้างบนเร็วมากขึ้นจนผมเกือบจะอ้วกและล้มลงกับพื้นตะแกรงใต้เท้า แต่ดีที่เกาะลังไม้ไว้ได้  ใช่ หนึ่งในสิ่งที่ถูกส่งมากับผม  ของหลายๆ อย่างที่ผมต้องร่วมชะตากรรมหวาดเสียวไปกับพวกมัน  ยังไม่นับร่วมเจ้าหมูป่าน่าเกลียดที่โผล่หน้าออกมาจากกรงให้ผมเห็น

สาบานได้เลย มันเกือบทำผมหัวใจวาย  แม้ว่ามันจะอยู่ในกรงของมันก็ตาม  และมันก็ถูกส่งมาพร้อมกับผม ถึงตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่ากลิ่นเหม็นแปลกๆ นั่นมาจากไหน 

ผมหอบหายใจหนักเมื่อกล่องเพิ่มความเร็วขึ้นจนน่าหวาดเสี้ยว  มีไฟสีแดงฉายขึ้นรอบด้าน....รอบตัวผม  ผมเพิ่งสังเกตุเห็นว่าตัวเองเปียกโชกเหมือนเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ  ผมสำลักอะไรบ้าง  และผมหวาดกลัวจนตัวสั่น  ผมหอบหายใจอย่างแรง  มีเสียงดังน่ากลัวดังขึ้นและผมเห็น........

เห็นจุดสิ้นสุดของกล่อง  นั่นมันเพดานนี่! แล้วทำไมกล่องถึงไม่ลดความเร็วลงเลยล่ะ! มันเร็วคงที่จนผมเริ่มกลัวมากขึ้นจากที่ตอนแรกก็หายใจไม่ออกอยู่แล้ว  ผมนอนลงกับพื้นตะแกรงอย่างทำอะไรไม่ได้

นี่ผมกำลังจะตายโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนและไม่รู้ว่าตัวเองคือใครงั้นเลยหรือนี่!

โอ้ ไม่นะ  ใครก็ได้ช่วยผมด้วย!........

ผมหูอื้อและหัวใจหยุดเต้น  และหัวของผมก็ปวดตุ้บๆ หลังจากที่กล่องหยุด.......ผมเห็นแสงสว่างแยงเข้ามา  ดังนั้นผมจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างหมดแรง.........เฮ้ มีคนอยู่หนิ พวกเค้าชูหัวเข้ามาดูผม มองผมเหมือนเป็นคนอื่นแล้วคุยอะไรกันบ้างอย่าง......ผมไม่รู้ ไม่รู้แล้วว่าควรต้องทำไงต่อ ต้องทักพวกเค้าไปแบบไหน

และในตอนนั้นเอง ก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งกระโดดลงมาในกล่องที่ผมนอนหงายอยู่ กระแทกลงมาอย่างแรงจนหัวของผมสะเทือนไปหมด  แล้วก็ขยุ้มคอเสื้อผมไว้

วันที่หนึ่งเด็กใหม่” เค้าพูด ก่อนจะโยนผมขึ้นไปแล้วผมก็จุกแอ๊ก  แต่ไม่แย่เท่าทุกคนที่มามุงดูผม และก็ยังมองผมเหมือนเดิม แต่ว่าพวกเค้าหัวเราะเหมือนผมไม่ได้ใส่อะไรเลยยกเว้นกางเกงในสายเดี่ยวสีแดง

พวกเค้าทำให้ผมกลัว  ใบหน้ามอมแมมและชุดขาดวิ่นที่พวกเค้าใส่มันทำให้ผมคิดว่าพวกเค้าอาจเอาผมไปเป็นมื้อค่ำวันนี้ก็ได้ใครจะไปรู้  ความกลัวยังคงอยู่กับผมไม่ได้ไปไหนไกล ดั่งเช่นตอนแรก  อะดรีนาลีนพลุ่งพลานไปทั่วตัว  ก่อนผมจะตัดสินใจลุกขึ้นแล้วออกวิ่งสุดชีวิต.......ไปข้างหน้าซึ่งผมก็ยังไม่รู้อีกนั่นแหละว่ามันคือที่ไหน  เท่าที่ตาซึ่งส่ายส่องไปทั่วของผมสังเกตเห็น รอบตัวของผมแวดล้อมไปด้วยต้นไม้และทุ่งหญ้าโล่งๆ พร้อมด้วยเด็กผู้ชายอีกนับสิบที่เรียงรายกันอยู่ทั่วไปกำลังมองมาทางผม ราวกับว่าผมกำลังไปขัดชีวิตประจำวันของเค้าอยู่ยังไงยังงั้น เสียงหัวเราะยังคงไล่ตามผม

 “เฮ้ย ดูเหมือนเราจะเจอนักวิ่งอีกคนหนึ่งแล้วสิ” ผมไม่รู้เค้าพูดถึงเรื่องอะไร  และทันใดนั้นตัวผมก็หน้าคะมำ เสียงดังขึ้นเต็มหูผม

.............ใช่ ผมล้ม..........

เสียงหัวเราะดังขึ้นอีก  จนผมอยากจะตะโกนออกไปซะจริงว่าคนที่นี่มันทำอะไรไม่เป็นนอกจากหัวเราะกันแล้วหรืออย่างไร ได้โปรดเถอะใครก็ได้บอกผมทีว่าผมอยู่ที่ไหน แล้วช่วยพาผมออกไปจากที่บ้าๆ ที่มีแต่เสียงน่ารำคาญหูนี่เสียทีเถอะ ผมทนไม่ไหวแล้ว............

นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมคิดก่อนผมจะหมดสติไป


--------------------------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------


--------------------------


--------------------------


---------------------------------------------


--------------------------------------------------------------------------------------


พอกันทีกับสถานที่บ้าๆ แห่งนี้  แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ต้องยอมรับความจริง ว่าผมจะต้องอยู่ที่นี่  ผมฟื้นขึ้นมาแล้วก็เจอกับ อัลบี้เค้าพาผมทัวร์บอกว่านี่คือ ทุ่งและคนที่อยู่ที่นี่ทุกคนก็คือ ชาวทุ่ง(เพราะงั้น ผมเลยไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเค้าถึงอาศัยอยู่ในทุ่ง) เค้าแนะนำให้ผมรู้จัก นิวท์บอกว่ารายละเอียดปลีกย่อยที่เหลือเค้าจะเป็นคนบอกผมเอง  และ ชักเด็กชายตุ้ยนุ้ยที่ดูแลเรื่องที่นอนของเด็กใหม่ทุกคนที่โผล่มาที่นี่ (รู้ไหม  ชักดูจะดีใจมากเป็นพิเศษที่เจอผม เพราะเค้าบอกว่าพอผมมา เค้าก็จะไม่โดนเรียกว่าเด็กใหม่อีกต่อไป)

และอัลบี้ยังบอกอีกด้วยว่าพวกเราทุกคนล้วนเป็นแบบผม  มาแบบผม  เจอแบบผม  และโดนอัลบี้พาทัวร์เหมือนกันกับผม  คนที่ส่งเรามาจะส่งเด็กใหม่มาพร้อมกับทุกสิ่งที่พวกชาวทุ่งต้องการในแต่ละเดือนมาทางกล่อง หรือใช่ ไอ้ห้องขังสุดหวาดเสียวที่เกือบทำผมอ้วกนั่นแหละ

แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกทึ่งและแย่สุดๆ ก็คือกำแพงสูงใหญ่ที่ล้อมรอบเราเอาไว้ มันทำมาจากเอ่อ....ซีเมนท์นี่ล่ะมั่ง  ดูแข็งแรงเอามากๆ เลยเหมือนเป็นคุกในที่โล่ง  แต่ต่างกันที่ว่ามันเปิดช่องกว้างๆ ช่องหนึ่งเอาไว้และเราสามารถเข้าไปได้  ผมถามนิวท์ว่าเราสามารถออกไปได้ไหม และเค้าบอกว่า “ไม่มีทาง” เพราะนั่นเค้าหมายถึงไม่มีทางจริงๆ ในระหว่างที่เค้ารับช่วงต่อจากอัลบี้ (มีคนบอกว่าถ้าจะมีคนเป็นหัวหน้าต่อจากอัลบี้ได้ก็ต้องเป็นนิวท์นี่แหละ) นิวท์พาผมไปดูรอบๆ ผมก็เห็นเด็กผู้ชายรูปร่างกำยำสองสามคนวิ่งออกมาจากช่องว่างระหว่างกำแพงตรงนั้น  นิวท์บอกว่านั่นคือพวก นักวิ่งพวกเค้าจะวิ่งเข้าไปเพื่อสำรวจเส้นทาง.....หาทางออกไปจากที่นี่

แวบแรกผมดีใจ แต่พอเค้าบอกว่าพวกนักวิ่งทำแบบนี้มาสามปีแล้ว กำลังใจผมก็ห่อเหี่ยวลงทันที  พวกเค้าวิ่งมาสามปีแล้วยังหาทางออกไม่เจออีกหรือไงนะ หรือไม่...ถ้าหาไม่เจอแล้วก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องออกไปเสียแรงวิ่งให้เหนื่อยเปล่าๆ เลยหนิ  จนกระทั่งนิวท์บอกว่าข้างหลังช่องว่างนั่นเป็นวงกตนั่นแหละผมจึงได้เข้าใจ ว่ามันมีเหตุผลที่พวกเค้าจะมีความหวังเช่นเดียวกับผมที่อยากออกไปจากที่นี่...............

และในคืนนั้นเอง คืนแรกของผมในทุ่ง ในฐานะของชาวทุ่ง  พวกชาวทุ่งทุกคนนั่งล้อมกองไฟแล้วสังสรรค์กัน  ส่วนผมกับนิวท์ก็นั่งพิงขอนไม้มองไปที่ช่องว่างซึ่งถูกปิดลง  เค้าบอกผมว่ามันมีเวลาปิดเวลาเปิดของมันเอง และพวกนักวิ่งก็รู้เรื่องนี้ดีเช่นเดียวกับเราทุกคน  พวกเค้าจะวิ่งเข้าไปตั้งแต่เช้าทันทีที่มันเปิดแต่พวกเค้าจะมารอเช้ากว่านั้น และกลับออกมาจากวงกตในเวลาเย็นก่อนมันจะปิดลง

“แล้วถ้าเราไม่ออกมาล่ะ” ผมถามเค้าแต่ก็ยังคงไม่ละสายตาไปจากช่องว่างซึ่งถูกปิดของวงกต

“ไม่เคยมีใครอยู่ที่นั่นถึงข้ามคืน” เค้าตอบผมและสายตาก็ยังคงไม่ละไปจากช่องว่างที่ถูกปิดเช่นเดียวกับผม

“ทำไม”

และทันใดนั้น เสียงโหยหวนก็ดังขึ้นข้างหลังวงกตนั้น มันฟังดูสยดสยองและโหยหวนยิ่งนักจนผมรู้สึกขนลุกซู่ “นั่นอะไร” ผมนิวท์เสียงเบากว่าที่ตัวเองคิดไว้

โศกา” เค้าตอบผมกลับมาอย่างราบเรียนเช่นเดิม  และยังบอกอีกว่า โศกาหรือจอมเขย่าขวัญที่อยู่ในวงกตนั้นจะถูกปล่อยออกมาในตอนกลางคืน  เพ่นพ่านไปทั่ววงกต.....และถ้าใครยังอยู่ในนั้นกระทั่งตะวันตกดินล่ะก็......จะได้เป็นเหยื่อของโศกา

ถ้าหากคุณโดนโศกาต่อย คุณก็จะกลายเป็นคนอื่นขึ้นเรื่อยๆ เหมือนคนบ้า จะมีบ้างอย่างผิดปรกติเกิดขึ้นกับคุณ  และไม่ต้องรอจนคุณตายหรอก........ชาวทุ่งมีกฎ และพวกที่โดนต่อยจะต้องถูกเนรเทศเข้าไปในวงกตและไม่ได้กลับมาอีกเลย...........

นิวท์เคยบอกผมว่า บางครั้งโศกาก็กินพวกที่โดนเนรเทศไปเหมือนกัน.......พวกมันเป็นอสูรกายที่พวกเราคงไม่คิดอยากจะเจอเป็นแน่ หากยังอยากอยู่ในนี้แบบมีชีวิตรอด

หลังจากที่เรานั่งมองทิวทัศน์อันน่าหม่นหมองของกำแพงยามค่ำคืนไปได้สักพัก  นิวท์ก็บอกให้ผมไปร่วมวงกับคนอื่นๆ เค้าแนะนำให้ผมดูคนแต่ละกลุ่ม  เค้าชี้ไปทางกลุ่มเด็กหนุ่มที่จับกลุ่มอยู่กันเงียบๆ ข้างกองไฟ

“นั่นพวกนักวิ่ง” นิวท์บอก  ผมมองเห็นเด็กหนุ่มรูปร่างกำยำคนหนึ่งกำลังนั่งแกะผ้าพันมือออกจากมือของเค้าเอง  ถ้าผมมองไม่ผิดล่ะก็เค้าคงเป็นคนเอเชียและดูเค้าจะเงียบเอามากๆ เสียด้วย

อ๋อ นั่นคือ มินโฮ ....เค้าเป็นหัวหน้านักวิ่ง” คงเป็นเพราะมองตามสายตาผม  นิวท์เลยพูดแบบตรงจุด   ผมมองเค้าแวบหนึ่งเป็นครั้งสุดท้าย  ก่อนนิวท์จะแนะนำกลุ่มของพวกชอบวางกล้ามให้ผมรู้จัก......ใช่ นั่นผมตั้งให้เองแหละ ดูเหมือนพวกเค้าจะเป็นพวกคอยระแวดระวังความปลอดภัยต่างๆ ให้ชาวทุ่ง  เพราะแต่ละคนที่ผมเห็นมีแต่คนตัวโตๆ ร่างใหญ่กันทั้งนั้น  และผมก็ได้รู้ว่าคนที่พูดกับผมคนแรกและโยนผมขึ้นมาจากกล่องนั่นคือ กัลลี่

ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเค้าถึงได้เป็นหัวหน้าพวกชอบวางกล้าม  หลังจากที่เค้าท้าให้ผมสู้กับเค้า.........กัลลี่ชอบหาเรื่อง  แถมยังรับไม่ได้หากตัวเองแพ้อีกต่างหาก เอ่อ....ผมไม่ได้บอกนะว่าผมชนะเค้า ผมก็แค่ทำเค้าล้มลงกับพื้นเฉยๆ แล้วหลังจากนั้นเค้าก็ทำคิ้วแปลกๆ ใส่ผมและทำหัวผมกระแทกพื้น

และไม่รู้ผมควรจะขอบคุณเค้าดีไหม  เพราะหลังจากที่หัวผมสะเทือนอยู่เหนือพื้นผมก็จำชื่อตัวเองได้  ใช่....ได้แค่นั้นแหละ ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่ได้ผุดขึ้นมาเลย

คืนนั้นจบลงด้วยการฉลองชื่อของผมที่กลับมาอีกครั้ง  และเราก็เข้านอนกันด้วยความเหนื่อยอ่อน  แต่ผมว่าคงจะยกเว้นกับพวกนักวิ่ง  พวกเค้าดูเฉยๆ และไม่พิเศษกับกิจกรรมรอบกองไฟนี้เหมือนเพียงแค่มานั่งให้ชาวทุ่งดูพร้อมหน้าพร้อมตากันเท่านั้น  คงเป็นเพราะพรุ่งนี้เช้าพวกเค้าคงจะต้องเริ่มออกวิ่งกันอีกครั้ง  และถ้าเป็นไปได้ผมอยากลองเป็นนักวิ่งดูบ้าง ผมอยากช่วยพวกเค้าหาทางออก.........ผมแค่อยากออกไปจากสถานที่เสมือนคุกนี้ไวๆ ก็เท่านั้น.............

ผมขยับตัวหยุกหยิกไปมาบนเปลผ้าที่ชักผูกไว้ให้  ผมหนาวสั่นและกอดตัวเองอย่างไร้ประโยชน์ท่ามกลางเสียงกรนดังสนั่นหวั่นไหวของพวกเด็กหนุ่มในเต็นท์  คืนนั้นผมพลิกตัวไปมาบนเปลครั้งแล้วครั้งเล่าจนถอนหายใจกับตัวเองและกระซิบออกมาเบาๆ ว่า

“นอนได้แล้ว โทมัส ” กระทั่งความเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียฉุดผมลงห้วงนิทราไปในที่สุด


********************************************************************


เช้าวันรุ่งขึ้นของที่นี่สำหรับผมเหมือนกันทุกเช้าคือ ไปหานิวท์ดูสิว่าผมพอช่วยอะไรได้บ้างแล้วเค้าก็จะมอบหมายงานให้ผมทำ  และงานที่ผมเกลียดที่สุดก็คือ “ไปเอาปุ๋ยมานะโทมัส.....” เค้าบอก  ผมถามว่าให้ทำอย่างอื่นไม่ได้หรือ? เค้าก็เพียงแค่ยิ้มตอบกลับมาก็เท่านั้น

“แล้วมันอยู่ไหนล่ะ” ผมหยิบถังมาแล้วถามนิวท์อีก

“อยู่ในป่านี่แหละโทมัส...ไปเอาปุ๋ยมา”

ขอบใจ.....ช่วยได้มากเลยเพื่อน

แต่สิ่งที่ทำให้ผมเกลียดการไปเอาปุ๋ยในป่าและทำให้ผมกลัวฝังใจก็คือ..... 'เบนเค้าเป็นหนึ่งในนักวิ่ง ผมเจอเค้าขณะเข้าป่าไปเอาปุ๋ย ผมทักเค้าและไม่แน่ใจว่าเค้าชื่อนี้รึเปล่า  แต่แล้วเค้าก็ทำให้ผมกลัวจนสุดขีดเมื่อเค้ามีสภาพเหมือนซอมบี้แล้วไล่ฆ่าผม  บอกผมว่า.....ผม เป็นเพราะผมคนเดียว ทุกอย่างเลยต้องเป็นแบบนี้...........

ผมไม่รู้ว่าเค้าพูดถึงอะไร  เค้าเอาแต่พูดแบบนั้นแล้วก็วิ่งตามผมไปทั่วป่า  ผมร้องตะโกนเสียงดังขอให้คนอื่นๆ ช่วยจนกระทั่งเราสองคนลื่นไถลลงเนินป่าไปแล้ว.....ผมลุกขึ้นวิ่งไปที่ทุ่งแล้วตะโกนสุดเสียง

“ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย!....ช่วยด้วยย!” เบนถึงตัวผมแล้วตะครุบผมลงกับพื้นอย่างแรง  เค้าบีบคอผม แต่โชคดีที่นิวท์วิ่งเข้ามาฟาดหัวเค้าได้ทันก่อนเค้าจะฆ่าผมจริงๆ

ผมเกือบลมจับ และช็อคมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  พวกนั้นบอกว่าเบนถูกโศกาต่อย  และเค้ากำลังเปลี่ยน อัลบี้ส่งเค้าไปที่หลุม ซี่งผมก็ไม่รู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเบน

พวกเค้าพูดกันว่าโศกาไม่เคยออกมาแล้วต่อยคนตอนกลางวันแสกๆ มาก่อน  หลายคนพุ่งเป้ามาที่ผมว่าทำให้เรื่องราวของพวกเค้ากลับเปลี่ยนแปลงไปกันหมด ใช่ รวมทั้งกัลลี่ด้วย.....เค้าน่ะมันหัวโจ่

จนกระทั่งอัลบี้บอกให้เราทุกคนแยกย้าย  และที่นั่นผมเห็นมินโฮ.....สีหน้าเค้าดูตกใจน้อยกว่าที่ผมคิดไว้มาก  หรือบางทีเค้าอาจจะเป็นคนที่ค่อนข้างขรึมและพูดน้อยก็ได้ คนแบบนี้มักจะแสดงอาการที่บ่งบอกถึงอารมณ์ของตัวเองได้ยากมากๆ  แต่ผมรู้เค้าคงจะรู้สึกช็อคที่หนึ่งในเพื่อนนักวิ่งของเค้าโดนโศกาต่อยและกำลังจะเปลี่ยนไป

 มินโฮมองดูเบนถูกเพื่อนๆ หามไปที่หลุมอย่างช่วยอะไรไม่ได้  ชั่วขณะผมสังเกตเห็นแววตาเสียใจของเค้า ก่อนที่มินโฮจะถอนหายใจเฮือกใหญ่สะบัดความรู้สึกทั้งหมดทิ้งไปแล้ววิ่งออกไปจากทุ่งโล่งกว้าง

และในเย็นวันนั้นเอง ที่ผมได้เห็นการเนรเทศของชาวทุ่ง  พวกเค้าไล่ต้อนเบนด้วยไม้ให้เข้าไปในวงกตก่อนมันจะปิดลงพร้อมกับน้ำ......มินโฮเป็นคนโยนมันเข้าไป แล้วเพื่อนๆ ชาวทุ่งก็ลดไม้ลงให้ขนานกับพื้น ก่อนจะดันให้เบนถอยเข้าไปในวงกต  เค้าขอร้องให้ทุกคนฟังเค้า  บอกว่าเค้าหายได้ ได้โปรดอย่าไล่เค้าไปเลย........

ผมเบือนหน้าหนีจากเหตุการณ์ตรงหน้า ผมไม่สามารถทำใจมองภาพตรงหน้าได้เลยแม้จะพยายามทำใจให้กล้าเพียงใดก็ตาม  ผมได้ยินเสียงเบนร้องโหยหวน ขอร้องให้พวกเพื่อนๆ หยุดไล่เค้าไปแต่ไม่ทันเสียแล้ว........กำแพงได้ปิดลงแล้ว และเค้าคงจะไม่ได้กลับมาอีก.........ผมเสียใจ

ในขณะที่ทุกคนแยกย้ายกันไปทำกิจวัตรตามปรกติ  ความเศร้าและปวดร้าวปรากฏอยู่บนใบหน้าของทุกคน  พวกเค้าคงไม่ต่างจากผม......ที่ไม่อยากเห็นภาพเหล่านั้น  สมาชิกทุกคนล้วนมีค่าและสำคัญ  ทุกคนคือครอบครัว  ตอนที่กำลังโต๋เต๋กลับที่พักผมเกือบชนเข้ากับมินโฮ เค้ามองผมอย่างบอกความหมายไม่ได้พักอยู่หนึ่ง ก่อนจะหันหลังกลับไป ไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยอะไรกับเค้าเลยด้วยซ้ำ

เค้าดูเหมือนเป็นคนเอเชียตะวันออกเพียงคนเดียวในทุ่ง  และแต่งตัวไม่เหมือนคนอื่นเค้าดูดีกว่า  ใบหน้าเค้าดูแบกรับหลายสิ่งหลายอย่างของความรับผิดชอบเอาไว้ และดวงตาสีเข้มที่ไม่ว่ากี่ครั้งผมก็ไม่สามารถอ่านออกได้เลย ของเค้าก็เรียบเฉย  ร่างกายเค้าดูสมบรูณ์แข็งแรงกว่าคนอื่นๆ อาจเป็นเพราะเค้าได้วิ่งออกกำลังกายทุกวัน.......เอ่อ ผมไม่ได้หมายถึงใหญ่บึ๊กเหมือนกัลลี่หรอกนะ  เจ้าหมอนั่นกับมินโฮน่ะแข็งแรงกันคนละแบบ

ซึ่งไม่ว่าจะคนไหนก็แตกต่างจากผมโดยสิ้นเชิง......ก็ไม่แปลกที่กัลลี่จะเรียกผมว่า ไอ้กุ้งแห้งต่อหน้าคนอื่น.........ยอมรับ ผมไม่ชอบชื่อที่กัลลี่เรียกเอามากๆ แต่ว่าเรื่องนั้นไม่ได้อยู่ในหัวผมแล้วในตอนนี้

คืนนั้นที่นอนอยู่บนเปลผมหลับตาแล้วเห็นแต่ภาพของเบนไล่จับตัวผม  บอกว่าผมทำให้เรื่องทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้.......ผมนอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาอย่างกระวนกระวายภาพเบนที่กำลังเปลี่ยนไปฉายซ้ำอยู่ในหัวของผมและตามมาด้วยภาพของมินโฮที่ผมสงสัย

.............เด็กหนุ่มลูกครึ่งเอเชียรูปร่างแข็งแรงที่ต้องแบกรับภาระดูแลชีวิตของนักวิ่งทุกคน.............

ผมนอนหายใจหนักๆ อยู่บนเปลแล้วนึกอยากถามมินโฮออกไปว่า  เค้าไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือที่เบนเป็นแบบนั้น และเค้าเคยเสียใจไหม?  หึ.....แต่เค้าคงไม่ตอบผมหรอก เพราะแค่เย็นนี้เค้ายังจ้องหน้าผมตาเป็นมันแล้วไม่พูดอะไรกับผมเลยสักคำทั้งๆ ที่มันค่อนข้างจะเสียมารยาท  แต่อาจเป็นเพราะผมเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับเบนและเค้าไม่เคยพูดกับผมเลยตั้งแต่มาถึงที่นี่  ผมจึงมีความกระตือรือร้นที่จะผูกมิตรกับเค้ามากกว่าคนอื่นๆ

และก็เป็นเช่นทุกคืนที่ผมเอาแต่คิดถึงเรื่องแย่ๆ จนหลับไป  แต่ต่างกันที่คืนนี้ผมนึกถึงแต่มินโฮ........ภาพอันน้อยนิดของเค้าที่ผมมีฉายซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่งผมหลับไป


.


.


.


.


TBC.


-------------------------------------------------------------------------------------


อร๊ายยย ไม่รู้ถูกใจรีดที่รอคอยกันรึเปล่านะค่ะ  นี่เป็นเพียงตอนแรกค่ะ หนุ่งเค้าสาธยาย บลาๆๆๆ ค่ะ  คือไรท์กลัวคนที่ยังไม่ได้ไปดูแล้วมาอ่านเรื่องนี้จะงงกันน่ะค่ะ ใครคือโทมัส  ใครคืออัลบี้  ใครคือมินโฮ  ใครคือโศกา.....แม่มันเศร้ามากรึไงทำไมถึงตั้งชื่อนี้  หาชื่ออื่นแล้วไม่ได้รึไง  (อันที่จริงไรท์ก็เกือบหลุดฮาในโรงหนังกับเพื่อนค่ะ อิชื่อโศกาเนี่ย......เพื่อนคนเดิมกะที่ไปดู The Amazing Spider-Man2 นะเออ  คนที่แอนตี้วาย ไม่รู้ว่าวายคืออะไรนั่นแหละค่ะ)  แต่ไรท์สารภาพกะเธอไปแล้วว่า.....

เอ่อ.....คือเพื่อน  เพื่อนเป็นนักแต่งนิยายล่ะ

เฮ้ย! จริงดิ....เจ๋งอ่ะ! ว่าแต่นิยายอะไรอ่ะ

ก็.....[กัดฟัน เหงื่อแตก  ไม่รู้จะพูดดีรึเปล่า...แต่มาถึงขั้นนี้และ เอาวะ!] นิยายวายอ่ะ....ก็แบบ ผู้ชายกะผู้ชายเค้าปี๋กันไง

นั่นไง กูว่าแล้ว! -*-

55555 [หัวเราะแห้งๆ] เค้าเขียนฟิค The Maze Runner ที่เราไปดูกันมาด้วยแหละ [จากหัวเราะแห้งก็ทำหน้าเจื้อนเลยค่ะ]

อืมก็ดีหนิ  เค้าดีใจนะที่แกบอกเค้า  เค้าสงสัยมาตั้งนานแล้วแหละ.....เรื่องเกย์เนี่ยย

อูยยยย คุณพระ!! โดนเพื่อนสงสัยมาตั้งนานแล้วด้วย  นี่ขนาดไม่มีใครรู้เลยนะค่ะเนี่ยเพราะไรท์ไม่แสดงอาการ แต่เพื่อนไรท์....เธอมองออกค่ะ  แหม สมกับเป็นเพื่อนแท้จริงๆ  ไรท์นี่น้ำตาพรากกก TTvTT

โอเคค่ะ หมดเวลาเมาท์......ไรท์นี่ไร้สาระจริงๆ เลย 5555 ส่วนท่านใดที่เพิ่งเข้ามาอ่าน ก็สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของ Fictions ในบล็อกนี้ได้ทาง Facebook ของไรท์ค่ะ 


ด้วยรักและแรงหื่น

Ray - Aund

3 ความคิดเห็น:

วายฟินๆ กล่าวว่า...

ฟินแ่าา รักไรท์เว่อร์ๆๆ

Unknown กล่าวว่า...

เฮ้~ งานจะเสร็จมั้ยเนี่ย 555 สุดท้ายก็มาอ่านจนได้ ทิ้งงานไว้เบื้อหลัง (น่าๆ มันยังไม่ส่งตอนนี้)
เข้าเรื่องดีกว่าเนอะ เหมือนได้ดูหนังอีกรอบเลยแหะ เหมือนที่ไรท์เตอร์บอกเลยว่าเน้นเนื้อหา แต่ถามว่าฟินมั้ย ตอบเลยว่าฟินค่ะ แบบเลือดสาววายมันแรงอะ ยิ่งคู่นี้เป็นทุนเดิมด้วยนะ (ความจริงเราจิ้นได้หมดนะ ระหว่าง โทมัส มินโฮ นิวท์ 3P~ เฮ้...) เห็นด้วยที่สุดคือเรื่องการแต่งตัว มินโฮดูสภาพดีที่สุดในหมู่คณะละ แบบว่าเป๊ะทุกเวลา

โทมัสเอ๋ย... หนูอย่าได้น้อยใจเรื่องหุ่นหนูจ้ะ เพราะหนูดูดีแล้วสำหรับการเป็นเคะ (เดี๋ยวนะ...) จริงๆ นะ ตั้งแต่ในเรื่องละ มันเหมือนกำลังนั่งดูหนังแนว Bromance อยู่อะ คืออะไรจะสนใจ จ้องมินโฮซะขนาดนั้นจ้ะ ความจริงแล้วอาจจะเป็นแบบในฟิคก็ได้นะ ฝันถึงมินโฮด้วยไรงี้ (มโนละ...) อิอิ

อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ อะ คึคึคึคึคึ จะรอจ้าาาา รักไรท์เตอร์ สู้ๆๆๆ เป็นกะลังใจให้ ^^

1321 กล่าวว่า...

เพียงแค่เห็นโทมัสก็หลงมินโฮไปแล้วใช่มั้ย!55555