ฮร๊ากกกกกกกกกกกกกก
กราบบบบบบสวัสดีค่ะรีดๆ ที่รักยิ่งของไรท์ขาาา ไรท์กลับมาแล้วค่ะ Part นี้เป็นตอนจบแล้วนะเออ >< ปิดตำนานความรักท่ามกลางสงครามของบล็อกแห่งนี้แต่เพียงเท่านี้แล้วค่ะ ฮือออ
พูดแล้วใจหาย T^T
อ๊ากกกกกกกกกก พีต้าของฉันออกเรือนกับฟินนิคไปแล้ววว
เค้าเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ววว อะฮ่อลลลล ปลื้มปริ้มค่ะ ปลื้มปริ้มเหลือเกิน
ต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามสองคนนี้มาตั้งแต่ภาคแรกเลยนะคะ
555555
เป็นคู่ที่ดีที่สุดคู่หนึ่งของไรท์เลยค่ะ
ถ้าหากมีรวมเล่มของฟินนิคและพีต้าจะมาแจ้งข่าวในเฟจแน่นอนเลยค่ะ >< และจะมีเรื่องให้ได้ตื่นเต้นกันอีกค่ะ แล้วในตอนที่พีต้าเข้าไปใช้ชีวิตในเขต 4
แสนจะน่าอภิรมย์นั้นจะเป็นอย่างไรนะ
ติดตามได้ในเล่มค่ะ 5555555555
ซึ่งจะออกเมื่อไรไม่รู้
//โดนรีดตบหน้ากระแทก//
สำหรับตอนนี้เราไปอ่านตอนสุดท้ายกันเลยดีกว่าเนอะ ^^ ไปกันเล้ยยยย
-------------------------------------------------------------------------------------
ชายหนุ่มผิวสีแทนที่เป็นเจ้าถิ่นไม่ได้พูดอะไรเลยหลังจากที่เอาแต่พาพีต้าเดินกลับมาบ้าน แต่ทั้งสองก็รู้ดีว่ารอยยิ้มที่วาดอยู่เรื่อยบนริมฝีปากของฟินนิคนั้นไม่เคยนำเรื่องกังวลใจมาให้ และหลังจากที่ปิดประตูบ้านเสร็จเด็กหนุ่มก็หันหลังให้ประตูและชายหนุ่มก็หันหน้าเข้าหามัน
“ขี้บ่นจัง”
พีต้ามองคนที่เลิกดึงแขนและหันมามองเจ้าตัวด้วยสีหน้าที่ต่างออกไปจากที่ใช้เขม็งใส่เพื่อนร่วมอ่าวอย่างออสก้า
ฟินนิคชูนิ้วที่เลือดหยุดไหลแล้วของพีต้าขึ้นมาให้ดู
“นายรู้ไหมว่าเปลือกหายนั่นอาจทำให้นิ้วนายถูกตัดได้เลยนะ”
“แล้วมันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าล่ะ?”
เด็กหนุ่มยิ้มบางบ้างแต่ติดจะรู้ดี เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ร้ายแรงขนาดนั้น ก็ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้แสดงท่าทีแตกตื่นอย่าง โอ้พระเจ้า
เปลือกห้อยนั่น!
พีต้านายต้องตัดนิ้วทิ้ง! นี่...ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ถือว่าเค้าเจอเปลือกหอยที่แสนนำโชคเข้าแล้ว
ความวุ่นวายเล็กๆ
ที่ร่างสูงจงใจก่อขึ้นไม่ได้ทำให้ร่างเล็กตกใจตามได้เลย
นี่อาจเป็นจุดแข็งข้อหนึ่งของพีต้าที่ฟินนิคไม่สามารถทำให้เจ้าตัวโอนอ่อนตามได้ เค้าเดินเข้าไปใกล้จับมือทั้งสองของอีกฝ่ายหนึ่งแล้วลูบเบาๆ
“อย่างน้อยฉันก็ไว้ใจเปลือกห้อยได้มากกว่าออสก้าล่ะกัน”
พีต้าหัวเราะ
“เค้าดูสนุกดีออก” จริงอยู่ที่คนที่พูดถึงทำให้ร่างสูงต้อหงุดหงิดหัวใจอยู่บ่อยครั้งเพราะความน่ากระทืบที่เป็นมากกว่าแต่ก่อนเมื่อครั้งที่พวกเค้ายังเป็นเด็กกันอยู่ แต่ออสก้าก็มีเรื่องดีๆ มาเล่าและแนะนำให้พีต้าฟังเสมอ
“ออสก้าน่ะร้ายกาจ”
ฟินนิคพูดเสียงหวาดระแวงแทนพีต้า แต่ไหนแต่ไรคนดังกล่าวก็ถูกตราหน้าว่าเป็นตัวป่วนประจำหาดอยู่แล้ว หลายๆ คนในเขตรู้จักเค้า
และพี่ชายของออสก้า แต่ออสซิเดี้ยนมักจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากกว่าออสก้าถึงแม้บางครั้งเค้าจะมีงานอดิเรกเหมือนน้องชายก็ตาม
เด็กหนุ่มวาดยิ้ม
“แต่นายดูร้ายกาจกว่าเค้าอีกนะ” ไม่อย่างนั้นจะทำให้ออสก้าตระหนกและพูดคำว่ายอมแล้วได้ยังไงกัน
แต่ก็นั่นแหละ ในตอนเด็กๆ ที่พวกเค้าเป็นแก็งสามเกลอ ฟินนิคนั้นไม่ใช่คนที่ถูกแกล้งหรือวิ่งตามสองพี่น้อง แต่ออสก้ากับออสซิเดี้ยนมักจะวิ่งตามเค้าเสมอ
“ปรกติแล้วนายทำกับเพื่อนสมันเด็กอย่างนั้นเหรอ?”
พีต้าถามแล้วยิ้ม
พอเอ่ยสะกิดความรู้สึกที่ว่าออสก้านิสัยไม่เปลี่ยนไปเลยก็พาลทำให้ฟินนิคลดเปลือกตาอย่างเหนื่อยหน่าย
“เฉพาะหมอนี่คนเดียวแหละ”
พีต้าหัวเราะ ไม่คาดคิดว่าฟินนิคจะทำหน้ารำคาญคนอื่นเป็นด้วยโดยเฉพาะเพื่อนสนิทของตัวเอง
“นายรู้ใช่ไหมว่าเค้ากำลังตามจีบนายอยู่?”
ฟินนิคหรี่ตา ทดสอบพีต้าว่ารู้หรือไม่
แต่เด็กหนุ่มก็พอรู้ตัวอยู่บ้าง
“แต่เค้าก็รู้นี่ว่าฉันกับนาย เรา...” พีต้าเว้นคำและกระพริบตา ฟินนิคเข้าใจความหมายของคำนั้น แล้วรวบนิ้วที่เลือดยังคงซึมออกมาเล็กน้อยของเด็กหนุ่มเอาไว้
“ถึงรู้หมอนั่นก็ยังอยากจะทำอยู่ดี
ฉันคิดว่าเค้าชอบนายแล้วก็ชอบกวนประสาทฉันไม่แพ้กันด้วย” ก้าวไปข้างหน้าทำให้พีต้าหลังขนประตูอย่างไม่รู้ตัว
“ฟินนิค...”
ไม่เคยมีครั้งไหนหลังจากที่ออกมาจากเขต 12 ที่เด็กหนุ่มอ่านสายตาของร่างสูงตรงหน้านี้ไม่ออก พีต้าทำเสียงแข็งขึ้นมาเล็กน้อย ตักเตือนฟินนิค
ร่างสูงจึงรวบกอดเด็กหนุ่มแล้วดึงออกมาให้พ้นประตู
.
.
.
“ฉันรู้ที่นี่เป็นบ้าน แต่แอนนี่สัญญากับฉันแล้วว่าเธอจะเคาะประตูทุกครั้งที่มาหาฉันหรือนาย เราตกลงกันแล้ว เธอรักษาคำพูดเสมอ เหมือนฉันไง” ผมพูดทำให้เค้าหมดคำจะพูด หลังจากนั้นก็ยกนิ้วเล็กๆ ของพีต้าขึ้นมาแล้วเลียมัน
พีต้ากระพริบตาผิดจังหวะไป ผมรู้ว่าเค้ารู้สึกจี๊ดๆ บนแผลของตัวเอง ผมไม่ได้แกล้งเค้าแต่กำลังล้างแผลเบื้องต้นให้อยู่และพีต้าก็ไม่ได้ขืนนิ้วออกไปเหมือนตอนแรก
“ฟินนิค...”
คนที่เรียกผมมองดูนิ้วของตัวเองที่หายเข้าไปในปากของผมอย่างเชื่องช้าและเคลิบเคลิ้ม
“นายเพิ่งกลับมานะ...มะ ไม่เหนื่อยเหรอ...อื้อ” ผมใช้ลำตัวเบียดเข้าไปจนสะโพกพีต้าติดผนังกำแพง เค้าสะดุ้งในตอนที่ผมสอดมือที่ไม่เนียนนุ่มเหมือนของเค้าเข้าไปใต้ชายเสื้อผ้าฝ้ายตัวเบาสบาย
จนกระทั่งผมจูบต้นคอของเค้า น่าประหลาดที่ผมไม่เคยห้ามตัวเองได้เลยพอเห็นต้นคอขาวๆ
ของเค้าโผล่พ้นขึ้นมาบนคอเสื้อที่ขยับไปมาเพราะลมชายฝั่ง ผมซุกไซร้ลงไป แหวกคอเสื้อออกอย่างเบามือ และได้กลิ่นของละอองน้ำจากทะเลกับกลิ่นประจำตัวของพีต้าที่ผสมเข้าด้วยกัน ผมลากลิ้นชิมว่าอร่อยเหมือนทุกครั้งที่ผมเคยชิมไหม และพีต้าก็เริ่มกอดผม เราผลัดกันขยี้เสื้อผ้าของกันและกันเหมือนรู้สึกว่ามันเกะกะเต็มที
“มันมักจะเป็นอย่างนี้เสมอเลยหรือเปล่า”
อยู่ๆ พีต้าก็ถามเสียงอารมณ์ดีจนเหมือนกำลังกลั้นขำตอนเราเลิกกัดกัน และนั่นทำให้ผมสงสัย
“อะไรเหรอ?”
เค้ายิ้ม
“พอนายห้ามเลือดให้ใครแล้วมันจะลงเอยด้วยการจูบเสมอเลยหรือเปล่า” แล้วเผลอเม้มปากตัวเอง เฮ้...นี่เค้าไม่รู้ใช่ไหม? หรือว่าเค้ารู้ว่าผมชอบให้เค้าทำแบบนั้นบ่อยๆ มันทำให้เค้าดูน่ารักและผมอยากทำให้ริมฝีปากบางๆ
นั่นเผยอออกมานอกปากบนซะจริงๆ
“มันไม่เคยเป็นแบบนี้หรอก”
ผมตอบเค้าแล้วจูบอีกครั้งให้ปากของเราเชื่อมและกระทบกันอย่างนุ่มนวล
แล้วผมก็เริ่มเข้าไปใต้กางเกงเค้า มันทำให้พีต้ายิ้มเพราะรู้ว่าผมกำลังจะทำอะไร “เฮ้
นี่ยังกลางวันอยู่เลยนะ” เสียงไม่ดังนัก ผมลมหายใจรดต้นคอเค้า
มันฟุ้งกระจายอยู่ข้างต้นคอที่ผมเพิ่งพรมจูบเมื่อครู่นี้จนมันสั่นน้อยๆ
หนุ่มขนมปังดันอกผมไว้ ยืนยันว่ายังกังวลถึงแอนนี่ที่ชอบแวะเอาคุกกี้กับดอกไม้มาให้และนี่ก็ยังกลางวันแสกๆ
อยู่ด้วย
เฮ้
ไม่เอาน่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมกอดเค้าแบบเปลือยในตอนกลางวันนะ เค้าก็น่าจะรู้ดี
ผมเลยเอียงหัวไหล่หนีทำเหมือนมือของพีต้าไม่มีความหมายแล้วซุกหน้าเข้าหาซอกคอใหม่อีกครั้งด้วยความสนุกมากกว่าเดิมและลึกลงไปยิ่งกว่าเดิม
ผมจูบติ่งหูนุ่มนิ่มนั้น พีต้าห่อไหล่แล้วเอียงหน้าหนี ช่วงพักหลังมานี้เค้าไม่ทำให้ผมรู้สึกถึงคำว่าเคยชินเลย อย่างน้อยก็ในแง่ของเค้าเอง ถึงแม้เราจะอยู่บ้านหลังเดียวกันเพียงลำพังมาถึงสองเดือนแล้วก็ตาม
โอ้
แน่นอน มันเป็นสวรรค์สำหรับผมเลย ไม่ต้องถาม
“นายจะทำให้ตัวเองดูเหมือนคนแพ้หรือว่าจะยอมแพ้ฉันซะตั้งแต่ตอนนี้ล่ะพีต้า”
ผมพูด จงใจกลั้วเสียงของคนที่กำลูกไก่เอาไว้ในมือแล้วเดินหน้าแกล้งด้วยการขบติ่งหูเค้าต่อไปเรื่อยๆ
จนพีต้าอดทนจนตัวเริ่มสั่นแล้วยอมแพ้ผมไปเอง
เด็กหนุ่มคนโปรดของผมลู่หลังลงกับผนังห้องอย่างหมดหนทาง เค้าหอบ
หายใจแรงแล้วอ้าปาก “แต่ออสก้า...ออสก้าจะมา” พีต้าช่างรอบคอบกว่าที่ผมคิด เพราะพักหลังมานี้เจ้าเพื่อนหัวแดงตัวปัญหาชอบมาเหยียบบนพรมเช็ดทรายหน้าบ้านผมบ่อยซะยิ่งกว่าน้องสาวของผมอีก
แต่ผมก็รู้ว่าเค้าจะไม่มา อวนที่พี่ชายของเค้าเอาไปตากไม่ใช่ของพวกเค้า ผมจำได้ว่าลุงกัลป์ลี่ของเราเพิ่งไปถอยอวนมาใหม่...ผมหมายถึงว่าเค้าถักเองน่ะ และรู้ดีว่าออสก้าไม่ใช่คนที่ทิ้งพี่ เค้าช่วยออสซิเดี้ยนแน่นอน แต่ไม่ใช่ในวิธีที่คนธรรมดามีมารยาทเค้าจะทำกัน
“ออสก้าตัวร้าย เค้าไม่มาหรอกวันนี้” ผมปลอบยิ้ม และยังคงปล้ำจูบพีต้าต่อไปอยู่อย่างนั้น
“แล้วถ้าเค้ามาเคาะประตู
จะทำสีใหม่ให้ฉันกี่สีล่ะ?” หนุ่มเบเกอร์รี่ของผมยิ้มอย่างมั่นใจ โอ้ว เค้าดูมั่นใจมาก
(และในใจผมกำลังยิ้มเหนือกว่าให้เค้า)
“แล้วถ้าเค้าไม่มา นายจะว่าฉันไม่แฟร์ไม่ได้นะ” ผมทำหน้ามั่นใจยิ่งกว่าอีกครั้ง พังทลายความเชื่อของพีต้าลงไปจนมันหดหาย “ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนพรุ่งนี้ฉันก็ออกเรือตอนเช้าตรู่ได้อยู่ดีน้าพีต้า”
แล้วเค้าก็เริ่มเจื้อนยิ้มลงแล้วหน้าซีด
“โอ๊ย
ให้ตายเถอะฟินนิค นายรู้อยู่แล้วว่าเค้าจะไม่มา!” พีต้าโอดครวญ ก่อนผมจะถอดเสื้อเค้าออกและรู้สึกถึงนิ้วของเค้าที่เกี่ยวรั้งเสื้อของตัวเองไว้แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงผมได้
ผมยิ้ม
“ก็นายท้าก่อนเองนี่” หัวเราะออกมาเหมือนจะซ้ำเติมเค้ากับความพ่ายแพ้ที่ได้รับ ทาบจมูกตัวเองกับแก้มที่ขึ้นสีเพราะโดนแดดเผา มันยังคงอ่อนนุ่มเหมือนครั้งแรกที่ผมเคยจูบแก้มเค้า ก่อนจะลดต่ำลงมาหาต้นคอที่บิดเอียงหนี ผมคิดว่าเค้าคงกำลังเขินอยู่ ก็เราไม่ค่อยได้ถอดเสื้อผ้าแล้วกอดจูบกันกลางบ้านแบบนี้บ่อยๆ
นักหรอกนี่นา
ผมกอดเค้า ครอบครองเค้า ได้ฟังเสียงจากลำคอที่ชื่นเหงื่อของเค้าเพียงคนเดียว พีต้าตัวสั่น หมดแรงแล้วแต่ก็ยังหอบหายใจ ร้องเสียงหวิวอยู่ข้างหูผมไม่หยุด ผมรู้ถ้าปล่อยให้เค้ายืนจะต้องล้มลงไปนั่งอยู่บนพื้นแน่ เพราะงั้นผมเลยไม่ปล่อยเค้า ดันแผ่นหลังเนียนนุ่มที่โดนแดดเผามาตลอดหลายวันให้ติดกับผนัง เกี่ยวข้อพับของเค้าและใช้สะโพกของตัวเองรองสะโพกนุ่มๆ
ของเค้าเอาไว้อีกทีหนึ่ง ผมทำให้ตัวของพวกเราติดกันและไม่อยู่เฉย
“อาา
ฟินนิค....อะ อ๊า! อ่าา ฉัน....ฟิน....ฟินนิค”
ผมแยกขาเค้าออกกว้าง พีต้าสะดุ้งหน้าอกแล้วบิดหลังขยี้กับผนัง
“ช้าหน่อย....อ่าา ช้าลงหน่อย
อือ ฮึก....อื้อ อืออ อื้อ” ผมทำให้เค้าหายใจไม่สะดวกมากขึ้นเกินกว่าที่จะพูดออกมาเป็นคำที่รู้เรื่องได้ ท่อนขาของเค้าชิดอก ตัวผมรู้สึกร้อนขึ้นมาจากข้างในและคิดว่าพีต้าเองก็คงไม่ต่างกัน
ผมสอดใส่เข้าไปได้ไม่นานนัก แต่เป็นเพราะขยับอย่างเร็วและแรงพอสมควรเราเลยอยู่ไม่สุขกันทั้งคู่ ผมเห็นนิ้วเท้าเล็กๆ ของพีต้าเกร็งกันแน่น มือของเค้าเกี่ยวรอบคอผม ซุกนิ้วเข้ามาใต้ไรผม ได้ยินเสียงเค้าร้องถี่มากกว่าทุกที ผมไม่สามารถหยุดได้แล้วถึงแม้ว่าแอนนี่มาเคาะประตูหรือออสก้าจะเปิดประตูเข้ามา ผมก็คงหยุดไม่ได้
เสียงของเราสองคนดังขึ้นเหมือนแก่งแย่งกัน ของๆ ผมร้อนเพราะพีต้าแทบเผากันทั้งเป็น เค้าช่างให้ความรู้สึกคับแคบ อึดอัด
และรู้สึกดี พีต้าบิดตัวและกรีดร้องออกมาพร้อมกับบางสิ่งของเค้าก็หลั่งออกมารดตัวเรา และผมก็ถูกบีบรัดแรงกว่าทุกครั้งเลยตามเค้าไปในที่สุด ปล่อยเปรอะเปื้อนอยู่ในตัวของพีต้า
“ฮา...อ้า”
พีต้าซบบ่าผมแล้วสะดุ้ง เพราะสิ่งที่ผมเพิ่งปล่อยมันช่างอบอุ่นจนเกือบร้อนระอุ ผมก็รู้สึกอย่างนั้นเลยถอดออกมาจากการสอดใส่ และบางอย่างที่ผมทำเปรอะเปื้อนก็ไหลตามออกมาด้วย
โอ้
แอนนี่จะต้องมาแล้วพบว่าพรมมีรอยด่างไปหน่อยแน่
ผมเสียใจด้วยกับพรมทอมือของเธอ
แต่ผมเชื่อว่าเธอจะมองข้ามมันไปได้เพราะไม่ได้มาบ่อยนัก เหมือนเธอยกบ้านหลังนี้ให้ผมกับพีต้าโดยสิ้นเชิงแล้ว
พีต้าเหนื่อยมาก ผมเลยอุ้มเค้าขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปในห้องนอน วางพีต้าลงบนเตียง ก่อนขึ้นไปคร่อมแล้วจูบเค้า
“รู้อะไรไหม
เราควรเลิกทำแบบนี้แล้วไปอาบน้ำนะ” พีต้าพูดหลังจากที่ถูกพรมจูบตอดไปมาตามซอกคอ เค้าวางมือมาบนหน้าออกของผม “นายเพิ่งกลับมาและฉันก็ยังทำอะไรไม่เสร็จเลย”
เด็กหนุ่มพยายามเบี่ยงเบียน แต่พีต้าไม่เคยเหลวไหล ผมเลยจับมือเค้าออกมาจากอกตัวเองแล้วปล้ำจูบอย่างร้อนแรง
“ออสก้าไม่มาแต่นายก็ควรฟัง...”
แหนะ ให้โอกาสหายใจแล้วนายยังจะพูดถึงหมอนั่นอีกเหรอ
“ฉัน...”
แต่เค้าก็ยังคงไม่ยอมแพ้ ผมเลยยอมฟังเค้าบ้าง
มือของผมยังคงจับนิ้วเล้กๆ ทั้งห้านั้นไว้
สายตาก็จ้องลงมาด้วยระยะประชิด
“ขอร้อง”
เด็กหนุ่มคราง ยื่นเจตจำนงด้วยสีหน้าที่เว้าวอนของเค้า ผมเกือบจะยอมเค้าแล้วแต่ว่าชอบเอาแต่ใจตัวเองในเวลาแบบนี้มากกว่า
ผมไม่ได้แสดงสีหน้าออกไป
ทั้งๆ ที่ภายในใจก็อยากจะหัวเราะเพราะการทำตัวอ้อนของพีต้มันทำให้ผมปั่นป่วน ก่อนจะเกิดความคิดหนึ่งขึ้นแล้วก้มลงไประซิบบางคำกับเค้าอย่างใจเย็นและเชื่องช้า
พีต้าไหวเปลือกตา เบะปากแล้วทำหน้าช้ำใจไปด้วย “ไม่นะ...” เค้าโอครวญ
“ม่ายย...ฟินนิคได้โปรดเถอะ พอแล้ว”
ผมยิ้มออกมาในที่สุด แล้วกอดรัดเค้าเอาไว้ ก้มลง ซุกจมูกและริมฝีปากฝากรอยรักไปทั่วทุกทีที่แวะไปหาและพาให้เสียงครางดังขึ้นอีกครั้ง
ถึงแม้คนถูกกระตุนอย่างพีต้าจะไม่จำยอมก็ตาม
“อ้า...ฟินนิค...เฮ้ อ่าา
อื้อ”
แล้วผมก็กดร่างเค้าลงบนที่นอนอันแสนสบายของเรา แนบชิดและเบียดเสียดกันอีกครั้ง
คุณรู้ไหม ผมพูดคำว่าอะไรกับเค้า?
เดาสิ
เดาอีก
ไม่ ยังไม่ถูก
เกือบแล้ว...แหม ผมไม่แย่ขนาดนั้นหรอก
โอเคผมจะบอกให้ก็ได้ มันก็แค่...
ผมพูดไปว่า
“จะทำให้ชุ่มก่อน
ฉันถึงจะพอใจยอมไปอาบน้ำตามที่นายบอก...แต่
นายต้องไปกับฉันด้วยนะพีต้า รู้หรือเปล่า?”
รู้อะไรไหม ออสก้าเคยบอกผมตอนเด็กๆ
ว่าผู้ชายก็ท้องได้เหมือนกัน
บ้าสิ...ผมล้อเล่น ฮ่าๆ
ล้อเล่นน่ะ ผมแค่อยากกอดพีต้าทุกวัน จูบเค้าทุกครั้งที่เราเจอกัน และคิดถึงเค้าทุกนาทีก็เท่านั้นเอง
ผมเคยคิดว่าสุดท้ายแล้ว ผมจะพอใจไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะผมมีเค้าอยู่...มีพีต้าอยู่ด้วยเสมอและโชคดีเหลือเกินที่เค้ายินดีที่จะอยู่ข้างผมด้วยเช่นกัน
.
.
อ่อ เย็นนี้แอนนี่จะมาคุยเรื่องอาหารของเธอกับพีต้า ผมต้องรีบซะแล้ว ดีไม่ดีออสก้ากับออสซิเดี้ยนที่เพิ่งกลับมาจะรีบแจ้นมาที่นี่ซะอีก บ้าจริง ผมล่ะเบื่อชะมัด!
.
.
.
THE
END.
--------------------------------------------------------------------------------------------------
อ๊าาาา จบไปล่อววว
จบด้วย NC ด้วยค่ะ 55555
(บ่งบอกความชื่นชอบตัวเองจนกระทั่งตัวหนังสือสุดท้าย) ฟินนิคเจ้าขา....ใจคอจะไม่ให้พีต้าได้หยุดพักผ่อนบ้างเลยเหรอคะ?! 55555555
ขอขอบพระคุณที่รับฟินนิคและพีต้าเอาไว้ในอ้อมใจค่ะ ทุกอย่างผ่านพ้นมาได้ก็เพราะรีดๆ
ที่น่ารักของไรท์ค่ะ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ ฮ่อลลลลล
ในที่สุดพวกเค้าก็ได้สัมผัสคำว่า
ชีวิต จริงๆ แล้วค่ะ
ได้อยู่กับคนที่รัก ได้ทำงาน ได้รักกัน
บอกรัก และ Make love (โปรดแปลเป็นคำไทย) อาา ในที่สุดพวกเค้าก็ได้พักผ่อนแล้วค่ะ อั๊ยๆๆๆๆๆ
ส่วนเรื่องหน้าจะเป็นคู่ของใครก็ต้องคอยติดตามกันค่ะ
><
โอ้
แล้วช่องทางการติดตามว่าจะมีกิจกรรมอะไรบ้าง หรืว่าการอกเล่มนะคะ ติดตามได้ที่เพจที่ขึ้นข้างๆ เลยค่า
หรือท่านใดที่อ่านผ่านทางมือถือแล้วไม่เห็นแถบแนะนำข้างๆ
ก็สามารถตามไปได้โดนเสิร์จชื่อ
Fan Fictions Hollywood TH หรือจิ้มไปได้เลยจ๊ะ
ไรท์ซ่อนลิ้งค์ไว้ให้แล้วนะเออ
และสามารถพูดคุยกับไร?ได้ตามสบายเลยค่ะ ชอบคุย 55555555 และหากอยากมาแลกเปลี่ยนเรื่องราวกับผ่านสเตตัสในเฟสบุ๊คไรท์ก็มีค่ะ
5555 (อินี่เล่นเยอะ)
แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด
จ้าาา คลิ๊กตามได้เล้ยย
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund