วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

[SF - THG] + [Part 3] The Miracle...ขอปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแก่เรา - Finnick x Peeta



เอื้ออออออออออออออ  พีต้าอย่าเป็นอะไรไปนะ >< .......แคทนิสทำไมเธอถึงทิ้งพีต้าไว้  ทำแบบนั้นทำมายยยย //ช่วยฟินนิคเขย่าคอนางแรงๆ//  อุ่ย ลืม.....กราบสวัสดีค่ะ รีดๆ ทุกท่านนน ><

ไรท์มาแล้วค่ะ  มาอย่างไวเพราะไรท์พิสูจน์อักษรทั้งเรื่องไปแล้วในตอนที่แต่งเสร็จสดๆ ร้อนๆ เลยค่ะ 555555  เพราะงั้นก็เลยว่างปุ๊บลงปั๊บ  (แต่ถ้าเป็น FIC ยาวๆ อย่างของ RonalSi และ MaLec นี่ก็อีกเรื่องหนึ่งค่ะ  ไล่อ่านตั้งแต่ตัวแรกของ Part ยันตัวสุดท้าย ฮาาาาาา)

จะเกิดอะไรขึ้นกับพีต้า  และฟินนิคจะเจอเค้าหรือไม่  ไปอ่านกันเลยค่าาาาาาาา (วันนี้เร็ว 555555)


---------------------------------------------------------------------------------------------


“พีต้าถ้าได้ยินแล้วก็ช่วยตอบด้วย  นี่ฉันเอง......พีต้าาพีต้า!” ผมตะโกนออกไปสุดเสียง  แต่ก็ไร้วี่แววเสียงที่ตอบกลับมา นอกเสียจากเสียงที่ปะทุของกองไฟในซากตึกรอบๆ ตัวผม...........ได้  ในเมื่อไม่มีใครคิดที่จะมาตามหาเค้า ผมก็จะเป็นคนออกมาตามหาเค้าเอง  ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้าหากไม่มีพีต้า

ผมวิ่งด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก  สายตาก็สอดส่องไปทั่วทุกที่  แสงไฟสีแดงฉานส่องสว่างและพริ้วไหวอยู่รอบพื้นที่ ราวกับพวกมันมีชีวิตและกำลังเยาะเย้ยผมจากห้วงแห่งความตาย  ในระหว่างทางที่วิ่งไปผมเห็นผู้คนที่ผมเคยรู้จักนอนเป็นศพอยู่ใต้ซากปรักหักพังอย่างน่าเวทนา..........พวกเค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรจะเกิดขึ้น  พวกเค้าแทบไม่มีสิทธิ์ได้วิ่งหนีเลย

ผมหันหน้ากลับมา เลิกมองใบหน้าอาบเลือดของคนที่ผมเคยรู้จักซะ แล้วตั้งใจหาพีต้าต่อไป  ผมจะยอมให้เค้าเป็นแบบคนพวกนี้ไม่ได้เด็ดขาด  ไม่ว่าจะยังไงเค้าจะต้องปลอดภัย

“พี....พีต้า  พีต้า!” ผมยังคงตะโกนสู้กับกองไฟและซากแห่งความวินาถต่อไป  นี่ก็วิ่งมาเกือบสุดอาคารแล้วแต่ผมยังไม่เห็นวี่แววของเค้าเลย  เค้าไปอยู่ไหนกันนะ  หรือว่าผมยังหาถี่ถ้วนไม่พอ  ผมนึกตำหนิตัวเองในใจ

“พีต้าพีต้าา!

“อึก ฟิ ฟินนิค...ฟินนิค” แต่แล้ว พลันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาท่ามกลางเสียงดังจนพื้นสะเทือนของไอพ่นและใบพัดที่อยู่สูงขึ้นไปเหนือหัว  ผมรีบหันรีหันขว้างไปรอบตัวทันที  และหัวใจของผมก็กระตุกวูบ

พีต้า!  โอ้ พีต้านายอยู่ที่ไหน!” เสียงของเค้าฟังดูอ่อนแรงเป็นอย่างยิ่ง แต่กระนั้นเค้าก็ยังคงพยายามรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีขานตอบผม

“ฟินนิค....อึก...ฉันอยู่...อึก” นั่นไงเสียงดังมาจากอีกทางหนึ่ง  ผมเห็นเค้าแล้ว!  โอ้ พระเจ้า.....ผมรีบวิ่งเข้าไปหาพีต้า  เด็กหนุ่มเบเกอร์รี่ที่ผมตามหาโดนซากตึกทับเข้าที่ลำตัวจนขยับตัวออกมาไม่ได้  ท่าทางเค้าดูเจ็บมาก  ผมเห็นมุมปากที่มีเลือดไหลออกมายิ้มให้ผมอยู่

“เฮ้  นายจริงๆ ด้วยฟินนิค.....ฉันดีใจที่ได้เจอนายนะ” พีต้าว่าเสียงแผ่ว ก่อนจะทำหน้าเจ็บปวดมาก  ผมเข้าถึงตัวเค้าและห้ามปรามไม่ให้เค้าขยับตัวหรือพูดอะไรอีก

“โอ้พระเจ้า  พีต้า.....นายไม่ต้องกลัวนะ  ฉันมาช่วยแล้ว  ทุกอย่างจะโอเคฉันสัญญา  นายจะไม่เป็นไร ทำใจดีๆ เอาไว้นะ” ผมกล่าวเสียงดังระรัว เพราะร่างกายกำลังหลั่งสารอะดรีนาลีนจำนวนมากเข้าสู่กระแสเลือดของผม  ผมยกเศษซากของอาคารออกไปจากตัวของพีต้า  หากขืนปล่อยไว้นานกว่านี้เค้าจะต้องตายแน่ๆ  ซากพวกนี้หนักเอาเรื่องทีเดียว

และถึงแม้ผมจะบอกเค้าแล้วว่าให้อยู่เฉยๆ แต่พีต้าก็ยังคงพร่ำต่อไป “ฉันไม่เป็นไรฟินนิค  ฉันไม่เป็นไร....”

“ไม่เป็นไรได้ยังไงล่ะนายเจ็บมากขนาดนี้เลยนะ  เงียบซะเถอะ” ผมดันส่วนที่หนักมากส่วนหนึ่งออกไป  หวังเหลือเกินว่าพีต้าจะยังทนไหวและเลิกพูดเป็นเหตุให้ร่างกายตัวเองบอบช้ำไปมากกว่านี้เสียที

แต่เค้าก็ยังคงเอ่ยต่อไป “ฉัน..อึก...ฉันช่วยแม่กับลูกสาวของเธอไว้ด้วยล่ะ  เธอกำลังแย่เหมือนฉัน ฉันเลยช่วยเธอ และเธอกับลูกก็ปลอดภัย...อ๊ะ อือ พวกเธอหนีไปได้ล่ะฟินนิค”

บ้าเอ้ย! พวกเธอรอดแล้วนายก็โดนเสาทับแทนอย่างงั้นหรือ!.........ผมคิดสบถในใจ  แต่ก็รู้ว่าจะพูดอย่างนั้นออกไปไม่ได้เด็ดขาด  พีต้าเข้มแข็งแต่ทว่าก็เปราะบาง   ดังนั้นผมจึงทำเสียงยินดีแทนคำตำหนิไม่พอใจ

“นายกล้าหาญมากพีต้า  นายเก่งมาก.....อดทนเอาไว้นะ  ผู้หญิงคนนั้นกับเด็กจะต้องรู้สึกไม่ดีแน่ถ้ารู้ว่าเป็นสาเหตุทำให้นายไม่ได้ออกไปจากที่นี่” พระเจ้า  เสากับเศษปูนพวกนี้หนักชะมัดเลย

“ฟินนิค....ฮะ  ฟังเสียงสิ  ข้างนอกนั่น....แย่แล้วล่ะนายต้องรีบไป  ไปซะแล้วทิ้งฉันไว้ที่นี่  พวกเค้าจะถอนกำลังออกไปจากที่นี่ในไม่ช้านะ  นายต้องทิ้งฉันไว้.....”

“ไม่! เงียบซะพีต้า!  ให้ตาย อย่าพูดแบบนั้นอีกเป็นอันขาดเชียวนะ.....บอกให้รู้เอาไว้เลยว่าฉันจะไม่ทิ้งนาย  จะไม่ อึก จะไม่ทิ้งแน่นอน” ผมดันอิฐก้อนใหญ่ออกไปอย่างสุดแรง  และมีแรงมากขึ้นอีกเมื่อรู้สึกฉุนเฉียวไม่น้อยที่พีต้าเอ่ยออกมาเช่นนั้น......มันกรีดแทงหัวใจของผมจนขาดวิ่น

พีต้าสะอึกไปเล็กน้อยเมื่อผมว่ากล่าวออกไปเสียงดังขนาดนั้น......ผมไม่อยากทำแบบนั้นหรอก  ไม่อยากทำเลยสักนิดเดียว  แต่ผมก็อดที่จะตำหนิไม่ได้หากพีต้าเอ่ยราวกับจะตัดพ้อเช่นนั้น.........ผมยังต้องการเค้าอยู่

และผมหวังเหลือเกินว่าเด็กหนุ่มที่ไม่เป็นห่วงชีวิตตัวเองจะเข้าใจ แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังคงปลอบเค้าอยู่อย่างไม่ละลด “ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะเอานายออกมาเอง” ผมพูด และพีต้าก็เอ่ยออกมาทันควัน

“มะ ไม่ ฉันไม่กลัวหรอก...” เค้าพูด แต่ผมเห็นดวงตาสุกใสของพีต้าเอ่อคลอเต็มไปด้วยน้ำตา “....ก็นายบอกให้ฉันเข้มแข็งนี่นา..ฮึก...ฉันจะไปกลัวได้ยังไงกัน  ฉันเข้าไปช่วยผู้หญิงคนนั้นก็เพราะว่านายเคยบอกไว้ว่ามันคือการกระทำของผู้กล้าหาญ...”

เสียงพีต้าขาดช่วงไป  ผมเห็นเค้ากัดฟันในตอนที่ผมยกเสาที่ทับตัวเค้าอยู่ให้ออกไป

เจ้าเด็กโง่เอ้ย.......ผมคิดในใจ  นึกอยากดุเด็กที่ตีความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าคนนี้เสียจริง  ผมอยากให้ทุกคนเข้มแข็งและกล้าหาญ แต่ไม่ใช่ดึงดัน เกินกำลังอย่างพีต้า  ผมแค่อยากจะปกป้องเค้าด้วยตัวเองและอยากให้เค้าปลอดภัย.........แค่พีต้าคนเดียวเท่านั้นที่ผมอยากปกป้อง

“อีกนิดเดียวพีต้า...อึ้บ อ่าา” คานด้านบนหล่นลงมาในพื้นที่บริเวณด้านข้างของเรา ส่งผลให้เกิดเสียงดังสนั่นและการสั่นสะเทือนชวนหวาดเสียว  ผมจึงออกแรงเพิ่มมากขึ้นอีก จนกระทั่งยกส่วนสุดท้ายออกไปจากตัวพีต้าได้สำเร็จ  ผมเข้าไปกอดเค้าที่นอนแทบจะขยับเขยินไปไหนไม่ได้บนพื้นอย่างอ่อนแรง

“นายโอเคไหมพีต้า” ผมถามเค้า  แต่พีต้าส่ายหน้าทั้งๆ ที่ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด “นายไม่จำเป็นต้องทำตัวกล้าหาญอีกแล้วนะ  ไม่จำเป็นต้องบอกว่าไม่เจ็บอีกแล้ว....ฉันอยู่ตรงนี้  ฉันจะดูแลนายเอง” ผมกล่าวออกไปเสียงค่อนข้างรวดร้าว ในขณะที่รู้สึกถึงนิ้วมือเล็กๆ ของเค้า ซึ่งยกขึ้นมาแตะแขนของผมอย่างแผ่วเบา

“อึก...ฟินนิค  ฉันกลัว...” เค้าสารภาพออกมาในที่สุด เสียงฟังดูสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด และผมเองก็ต้องการให้เป็นแบบนั้น.....พอสักทีกับเด็กปากแข็งดื้อดึงที่ผมไม่ชอบ

“ฉันกลัว...” เค้าดูเหมือนกำลังจะร้องไห้  ผมรู้ พีต้ายังไม่อยากตาย  ผมตรวจสภาพร่างกายของเค้าอย่างรวดเร็วในแบบเบื้องต้น

..........พกช้ำสาหัสภายใน  แต่ก็ยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก  ผมจะต้องพาเค้าออกไปเดี๋ยวนี้........

“ไม่ต้องกลัวนะพีต้า....ไม่ต้องกลัว  ฉันอยู่นี้ ฉันจะดูแลนายเองได้ยินไหม  เอาล่ะทำใจดีๆ ไว้นะ เราจะต้องไป....”

“ฟินนิค”

“ว่าไง” ผมตอบรับเสียงที่ขานเรียกผม  เลือดที่มุมปากของพีต้าแห้งกรัง ต่างจากน้ำตาอุ่นๆ ที่เพิ่งไหลลงมาอาบแก้มของเค้า  ผมเช็ดมันออกไปด้วยนิ้วอย่างอ่อนโยน

“ฉันจะตายไหม”

ไม่  นายไม่ตายหรอก” ผมรีบเอ่ยสวนขึ้นทันควัน  ลบล้างความคิดแย่ๆ ที่เริ่มก่อตัวของพีต้า

เด็กหนุ่มที่หนุนอกของผมฝืนทำในสิ่งที่เรียกว่ายิ้มออกมา “นายช่วยบอกข้อสงสัยนั้นให้ฉันฟังได้ไหมฟินนิค   ฉันอยากจะรู้....” ศีรษะของเค้าถูไปมาบนหน้าอกของผม  ผมเอื้อมมือไปจับมือของเด็กหนุ่มและลูบเส้นไหมลื่นมือของเค้าไปด้วย

พระเจ้า เค้าทำให้ผมรู้สึกอยากจะคลั่งให้ได้เสียจริง  เว้นเสียแต่มันสวนทางกับอารมณ์ของผมในตอนนี้..........หน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้แล้วยังจะทำตัวขี้สงสัยอีก

...........แต่นั่นอาจเป็นเพราะว่าผมสัญญาไว้กับเค้าแล้วหลายครั้งหลังจากที่บอกปัดมานานแล้วก็ได้  ผมทำให้พีต้าข้องใจมานาน...........

ผมจึงกลัดกลืนของเหลวลงคอไปแล้วเริ่มพูดเสียงหนักแน่น เฉกเช่นที่พีต้าต้องการจะรู้ “การเกิดฮิปโปกริฟนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก เป็นการผสมพันธ์กันระหว่างกริฟฟินกับม้า แต่ว่ากริฟฟินล่าม้าเป็นอาหาร  เพราะงั้นสัตว์ทั้งสองชนิดจึงเป็นศัตรูกันตามธรรมชาติ.....พีต้า โธ่เอ้ย” ผมแทบทนไม่ไหวแล้ว  ผมเป็นห่วงชีวิตของเค้ามากกว่าตำนานกรีกที่เค้าสนใจ

แต่พีต้าไม่ยอม  เด็กหนุ่มในอ้อมกอดของผมยิ้มน้อยๆ เหมือนเด็กน้อยที่กำลังฟังนิทานเรื่องโปรดอยู่ “ไม่  ครั้งที่แล้วนายพูดถึงตรงนี้  พูดต่อให้จบสิ...นะ”

พีต้า....ผมมองขึ้นฟ้าเพื่อสกัดกลั้นอารมณ์เสียใจ  เค้าบริสุทธิ์เกินไปที่จะมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ตั้งแต่แรก  ผมกลืนของเหลวอีกรอบ

“.....การกำเนิดฮิปโปกริฟสักตัวจึงเป็นเรื่องยาก ดังนั้นมันจึงเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่เป็นไปไม่ได้ และการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้” ผมพูดจบในตอนที่หัวใจร้อนรุ่ม........ใช่ มันเป็นสัญลักษณ์ของการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้

“โอเค เอาล่ะเราต้องไปแล้ว  ยานกำลังจะบินขึ้น”

ผมพูด และนั่งชันเข่าก่อนจะช้อนตัวพีต้าขึ้นมาแนบอกอย่างทะนุถนอมแต่ทว่าก็รีบร้อนในเวลาเดียวกัน  และบางทีผมอาจจะได้ยินผิดไป......พีต้าแค้นเสียงเหมือนกำลังหัวเราะ 

“อดทนไว้พีต้า” ผมพึมพำ

“ขอบคุณนะฟินนิค....อึก อย่างน้อยนายก็กลับมาช่วยฉัน   ฉันมันโง่เองที่วิ่งช้าเกินไป” พีต้าคงกำลังหัวเราะใส่ตัวเองอยู่ แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น  เพราะไม่ว่ายังไง ถึงแม้ว่าเค้าจะผิดพลาดมากแค่ไหนผมก็จะเป็นคนแรกและคนสุดท้ายเสมอที่จะเคียงข้างเค้า

“ฟังนะพีต้า  ที่ฉันบอกให้นายเข็มแข็งน่ะ เพราะต้องการให้นายเชื่อมั่นในตัวเอง  ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยู่ตรงนั้นกับนาย แต่ฉันก็อยากให้นายเชื่อว่าตัวเองทำได้  ฉันอยากให้นายเข้มแข็ง เพื่อคนที่นายรัก เรื่องที่สู้กับแคทนิส  นายเก่งมาก  แต่ในสงครามนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง ฉันอยากให้นายรอดกลับมาหาคนที่นายรัก คนที่นายห่วงใย และนั่นก็คือความเข้มแข็งของนาย พีต้า.......”

“.......ฉันไม่อยากให้นายเปลี่ยนไป”

..........ผมแค่อยากปกป้องเค้า...........

“ไม่เป็นไรเด็กน้อย  ฉันเองจะเคียงข้างนายตลอดไป....” ผมยกตัวพีต้าขึ้นมาแนบอก  สีหน้าของเค้าเหยเกเพราะพกช้ำจากภายใน........ผมจะต้องรีบพาเค้าขึ้นยานไปให้เร็วที่สุด  เฮย์มิชอาจจะยังรออยู่ และผมรู้ว่าเค้าจะไม่ทอดทิ้งคนอื่นไว้เบื้องหลังแน่นอน ถึงแม้ว่าเค้าจะเป็นขี้เมาที่น่าสมเพสมากแค่ไหนก็ตาม  เค้าอาจจะพาคนเข้ามาช่วยแล้ว “อดทนอีกนิดเดียวพีต้า....”

แต่แล้วในขณะที่ผมกำลังก้าวเดิน เพื่อพาเราทั้งคู่ออกไปจากอาคารที่พังครืนลงมาแล้วนั้น  จู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงวิ่งระรัวมาทางเรา  ผมชะงักและหยุดฟังเสียง  ก่อนคิ้วของผมจะขมวดแน่นเข้าหากันในทันที...........ไม่ใช่ทหารของเราแน่  เฮย์มิชคงไม่พามาเยอะขนาดนี้

“อะไรหรือฟินนิค” พีต้าเอ่ยถามผม  เสียงกระซิบของเค้าเบาและอ่อนแรง ฟังดูคล้ายกำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทรา

ผมไม่ตอบเค้า  และกระชับตัวของพีต้าเอาไว้แน่นในตอนที่ทหารแคปปิตอลวิ่งเข้ามาล้อมเราทั้งสองคนไว้

ให้มันได้อย่างนี้สิ  บัดซบเอ้ย!.........

ผมสูดหายใจเข้าปอดไปเฮือกใหญ่ก่อนจะวางพีต้าลงแล้วเอาตัวบังเค้าไว้  ตอนนี้ข่าวร้ายก็คือผมไม่มีอาวุธ  ผมวางมันลงในตอนที่ช่วยพีต้าออกมา คงไม่ต้องบอกว่าตอนนี้ผมมือเปล่า  และข่าวดีก็คือพวกมันยังไม่ทำอะไรเรา  แต่ก็คงจะเป็นข่าวดีได้อีกไม่นานนักหรอก............

มีทหารแคปปิตอลสองสามคนพยายามก้าวเข้ามาหาเรา  ผมจึงถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างระแวดระวัง  พีต้าเกาะผมไว้  ผมรู้สึกถึงมือบอบบางข้างที่จับไหล่ผมไว้ และอีกข้างหนึ่งก็ทาบทับอยู่บนแผ่นหลังชื่นเหงื่อเพราะการออกกำลังของผม  พีต้าซบใบหน้าอยู่บนหลังของผมและผมได้ยินเสียงอุทานอันตกใจของเค้า  เนื้อตัวเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหลังของผมสั่นเทา...........ไม่ใช่แค่อาการบาดเจ็บสาหัสเท่านั้นที่รุมเร้าพีต้า  ความกลัวก็กำลังกัดกินความรู้สึกของเค้าด้วย

แต่พวกที่รายรอบเราเอาไว้กลับมีท่าทีลังเลอย่างเห็นได้ชัด  พวกมันมองหน้ากันเลิกลักไปมา

“จะเอายังไงดีครับ  จะให้พาไปทั้งสองคนเลยไหม” ผมได้ยินเสียงภายใต้หน้ากากของทหารคนหนึ่งซึ่งอยู่ตรงหน้าผม และเหมือนกับปฏิกิริยาของสัญชาติญาณ ทันทีที่รู้ว่าพวกมันมีเจตนาอะไรผมก็เอื้อมมือข้างหนึ่งหันไปจับแขนของพีต้าทันที...........จะไม่มีใครไปไหนทั้งนั้นถ้าผมอยู่นี่

แต่พวกนั้นก็ยังคงหารือกันต่อไป โดยไม่สนใจผมที่ทำสายตาขวางคุกคามใส่พวกมันอยู่เลยสักนิด

“ไม่ต้อง  พาเจ้าหมอนั่นไปคนเดียวก็พอแล้ว  ประธานาธิปดีสโนว์ต้องการแค่คนเดียว” ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดประโยคนี้  แต่ต้องเป็นคนที่มีหน้าที่ออกคำสั่งเป็นแน่  

“งั้นอีกคนหนึ่งล่ะครับ  จัดการมันเลยไหม” มีทหารคนหนึ่งจ่อปืนแล้วก้าวเข้ามาหาผม  แต่ก็ต้องชะงักไปเสียก่อน

“ไม่ต้อง! เจ้านี่จะเป็นพยานว่า พีต้า   เมลลาร์ค ไม่ตายและไปกับแคปปิตอล  นั่นเป็นสิ่งที่ท่านประธานาธิปดีต้องการ” เจ้าคนที่มีหน้าที่ออกคำสั่งพูดเสียงเย็น 

อะไรนะ  พวกมันจะเอาตัวพีต้าไป!

ผมจะยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นไม่ได้เด็ดขาด  ผมจะไม่ยอมให้เค้าโดนจับตัวไป!

“เร็วเข้า!  เวลามีไม่มาก  ไปจับตัวมา!” เจ้าหมอนั่นออกคำสั่ง  และทหารของแคปปิตอลสิบนายก็ย่างสามขุม  บีบวงล้อมเข้ามาใกล้ผมกับพีต้าอย่างรวดเร็ว  พีต้าจิกนิ้วลงบนตัวผม

“ฟินนิค...” เสียงเค้าสั่นเครือ ก่อนผมจะกระชับแขนเค้าเป็นครั้งสุดท้าย แล้วปล่อยมือ

“.....ฉันกลัว”

“ไม่ต้องห่วงนะ  ฉันจะดูแลนายเอง” ผมกระซิบอย่างหนักแน่น  และพูดแค่นั้น ก่อนจะก้าวออกไปข้างหน้า  แย่งปืนมาจากทหารนายหนึ่งอย่างง่ายดาย  แล้วผมก็เริ่มยิงพวกที่เหลือ แต่น่าเสียดายที่พวกมันหลบได้ทันเสียก่อน และโดนผมจัดการไปไม่มากนัก

“อย่ายิงโต้ตอบ!  พวกแกโดนเล่นแน่ ถ้าเจ้าหมอนั่นเป็นอะไรไป” ผู้ออกคำสั่งซึ่งนิรนามในทหารหมู่นี้ออกคำสั่งอีก  และผมก็ไม่ชอบให้ใครก็ตามเรียกมาพีต้าว่า เจ้าหมอนั่น

ผมยิงอีก  เศษซากของตึกอาจจะเป็นที่กำบังที่ดีของพวกมันได้  แต่ผมจะไม่อยู่ที่นี่นานนักหรอก  ผมถอยหลังมา เอาตัวบังพีต้าที่แทบจะไม่มีแรงยืนไว้แล้วเริ่มมองหาทางออก............แต่บ้าฉิบ  พวกมันล้อมเราเอาไว้หมดเลย!

ถ้างั้นผมก็ต้องเปิดช่องโหว่ให้พวกมันเสียแล้ว

ดังนั้น ผมจึงหยุดยิง  แล้วตั้งปืนไว้บนแขน  ผ่านไปเพียงเสี้ยวนาที ทหารสองนายก็โผล่หน้าออกมาดูสถานการณ์แล้วผมก็เก็บแต้ม........ผมได้สองแต้มในการยิงครั้งนี้

แล้วผมก็เริ่มรุกพวกมันหนักขึ้นเรื่อยๆ .........เกือบจะได้แล้ว  อีกนิดเดียว ผมก็จะพาพีต้าออกไปได้...........ท่ามกลางกองเพลิงที่ลุกโชนโหมกระหน่ำ  มีแต่ผมเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่ยิงปืนรัวไม่หยุดใส่พวกชั่วซึ่งพากันหลบอยู่หลังคานของตึก อย่างไม่สบอารมณ์และไม่พอใจเท่าไรนัก

แต่แล้วกระสุนนัดหนึ่งก็เฉี่ยวศีรษะผมไป

“ไอ้หัวทองนี่น่ารำคาญจริงๆจัดการมันซะ แค่อย่าให้มันตายก็พอยิงมันให้เดี้ยงเลย!” เสียงที่ผมได้ยินบ่อยที่สุดเอ่ยขึ้นดังกร้าว 

พวกมันจะยิงผมเพราะผมทำให้ภารกิจของพวกมันต้องเจอปัญหา และมันก็คงจะไม่เมตตาใยดีผมอีกต่อไปแล้วเป็นแน่แท้  ผมจึงหยุดยิงในทันใด และกำลังจะหาที่หลบเมื่อไม่มีกฎคอยคุ้มหัว  แต่ทว่ากระสุนนัดหนึ่งก็พุ่งเข้ามาที่ขาของผม........ผมช้าเกินไป! 

ก่อนนัดต่อไปจะเฉี่ยวเข้าที่แขนซึ่งถือปืนของผมอยู่  เป็นเหตุให้อาวุธเพียงอย่างเดียวของผมกระเด็นหลุดมือไป  ผมทรุดตัวลงเพราะอาการเจ็บแปลบที่แล่นริ้วมาจากต้นขาของผม  ใบหน้าผมบิดเบี้ยว แต่กระนั้นผมก็ยังคงกลั้นเสียงแห่งความเจ็บปวดเอาไว้

...........พีต้า!!

“พีต้าา!” ผมหันกลับไปตะโกนเรียกสุดเสียง  คิดหวังในใจว่าเค้าจะวิ่งหนีไป  แต่ผมคงลืมสถานะภาพตอนนี้ของเราทั้งคู่ไปแล้ว.......เราหมดทางหนี!

พีต้าน้ำตาไหลอาบแก้มแล้วมองมาที่ผมอย่างน่าสงสาร  พวกแคปปิตอลเข้ามาจับตัวเค้าไว้ แต่พีต้าวิ่งหนีออกมา......มาหาผม   เด็กหนุ่มร่างกายอ่อนแรงล้มลงตรงหน้าผม  พีต้าส่งสายตาเว้าวอนให้แก่ผม  และไวกว่าความคิด มารู้ตัวอีกทีผมก็เอื้อมมือออกไปจับกับฝ่ามือเปื้อนฝุ่นของเค้าเสียแล้ว  แต่ฝ่ามือของผมเปรอะไปด้วยเลือด...........

“พีต้าหนีไปซะ!” ผมเค้นเสียงบอกเค้า  ในตอนที่พวกฝั่งตรงข้ามกำลังวิ่งเข้ามาจับตัวเค้า............ไปเร็วเข้า ก่อนจะไม่มีเวลาให้หนี “หนีไปปพวกนั้นต้องการตัวนายนะ  หนีไปซะพีต้า!” ผมตวาด  แต่เค้ากลับไม่ฟังผม  พีต้าร้องไห้ออกมาอีก  ผมไม่ทราบแน่ว่า เค้าร้องไห้เพราะตัวเองกำลังจะถูกจับ หรือเพราะโดนผมตวาดกันแน่  เด็กหนุ่มที่กลับมาดื้อดึงของผมส่ายหน้าแล้วพูดเสียงเคล้าน้ำตา

“ไม่...อึก...ฉันจะไม่ทิ้งนาย” เค้างอแง ก่อนผมจะดึงตัวเค้าเข้ามากอดไว้อย่างขอโทษสุดหัวใจที่ไม่สามารถพาเค้าออกไปได้  ผมจูบหน้าผากเค้า และได้รับคำถามทางสีหน้าจากพีต้า แต่เด็กหนุ่มก็กอดตอบผมแน่นราวกับว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พบกัน........ไอ้พวกเศษสวะพวกนี้ไม่ควรเข้ามายุ่ง

“ฉันจะอยู่กับนายพีต้า...” ผมกระซิบพร้อมทั้งกอดเค้าไว้แน่ด้วยแรงทั้งหมดที่มี  จนกระทั่ง.....

“ปล่อย....ไอ้โสโครก!

ผั๊วะ!

ผมโดนรองเท้าบู๊ตของคนที่แน่ใจแล้วว่าจะต้องเป็นคนคอยออกคำสั่งอยู่เบื้องหลังคนนั้น เตะเข้าที่กราม  อ่า....เจ็บชะมัด  ผมปราศจากความรู้สึกไปชั่วขณะ  ภาพตรงหน้ามืดมิด ก่อนความเจ็บปวดจะกระจายไปทั่วใบหน้าของผมและนั่นเป็นสิ่งเดียวที่ผมรู้สึก

“ไม่...ไม่!  อย่า....ได้โปรด....ฟินนิคค อึก  ฟินนิคคค!” นั่นเสียงของพีต้า  ผมเริ่มรู้สึกถึงมือเล็กๆ ที่บีบแขนของผมไว้แน่น  มันถูกดึงขึงจนตึง  ก่อนผมจะบีบตอบกลับไปและลืมตาขึ้น  เห็นพีต้ากำลังโดนคุมตัวไป  พวกนั้นลากตัวเค้าขึ้นมาจากพื้น  แต่มือของพีต้ายังคงจับแขนผมไว้..........เค้าไม่อยากไปผมรู้  พีต้ากำลังกลัวมาก  และผมเองก็เช่นกันที่โดนจับแยกออกจากเค้า  ผมต่อต้าน ยังคงไม่ยอมปล่อยมือจากพีต้า

“พีต้า...อึก” ผมรู้สึกถึงรสเค็มประแล่มในปาก เพราะเลือดที่ไหลซึมจากลูกเตะเมื่อครู่นี้  ก่อนจะโดนด้ามปืนฟาดที่ตัวไปมาอย่างไม่ยอมเลิกรา  แล้วพวกนั้นก็ตะครุบผมไว้กับพื้น  เพื่อไม่ให้สะบัดหนีไปหาพีต้าได้อีก

“เร็วเข้าไอ้พวกยืดยาด! พวกมันกำลังจะมาทางนี้แล้ว!

และทันใดนั้น พวกมันก็ออกแรงดึงรั้งพีต้าเพิ่มมากขึ้นอีก เป็นเหตุให้มือที่จับแขนของผมอยู่รูดลงมาอยู่ที่ข้อมือของผม  ผมเกี่ยวเค้าไว้สุดแรงเช่นเดียวกับที่เด็กหนุ่มจับไว้จนข้อนิ้วเป็นสีขาว

“พีต้าา!

“ฟินนิคค....อึก...ฉัน...อื้อ...ไม่ ฟินนิค!” พีต้าร้อง  ผมโดนกดจนติดพื้น และคนที่จับมือกับผมก็โดนอุ้มออกไปด้วยแรงของผู้ชายสามคน  มือของผมลื่นและเราก็เหลือเพียงแค่ฝ่ามือที่เกาะกันไว้ 

“ปล่อยสิวะ!” เสียงเกรี้ยวกราดดังขึ้นพร้อมกับด้ามปืนที่ฟาดลงมาอีก  ก่อนมือของพีต้าจะลื่นหลุดไปเพราะแรงกระชาก  และเราก็โดนจับแยกในที่สุด  นิ้วมือของเรายังคงเกาะเกี่ยวกันไว้ให้ได้มากที่สุดแต่ก็ไร้ประโยชน์

“ฟินนิคคค!” ผมได้ยินสียงพีต้าร้อง  มือของเค้าที่เปรอะเลือดของผมยังคงเอื้อมออกมาหมายจะไขว้คว้าเอาไว้ให้ได้อีกครั้งหนึ่ง  แต่ทว่าผมก็เริ่มเห็นภาพของเค้าเลือนรางลงไปทุกขณะ  ผมเอื้อมมือออกไป

“พีต้า...” เสียงของผมแผ่วเบามากเกินกว่าที่ตัวเองคิดเอาไว้

“ช่วยด้วยย!” พีต้าดูเหมือนไม่ยอมที่จะจากผมไป  และร้องไห้ฟูมฟาย

“พีต้า....อึก!” ผมไม่อยากให้เค้าไป  แต่ทันทีที่เอ่ยชื่อของพีต้าผมก็โดนของแข็งกระแทกเข้าที่ท้ายทอยอย่างแรง  พีต้าโดนแบกออกไปด้วยใบหน้าที่แสนเจ็บปวดอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน........และนั่นคือภาพสุดท้ายที่ผมได้เห็นก่อนที่จะสลบไป

พีต้า............

.

.


****************************************************************************


.

.

.

 อ่า.......นี่มันที่ไหน.....ที่นี่ที่ไหนกัน  แล้วนี่มันกี่โมงแล้ว  ผมอยู่ที่......จริงสิ  พีต้า!

.

.

“ไม่เป็นไรฟินนิค  นายปลอดภัยแล้ว ที่นี่เขต 13......”


.


.


.


TBC.


---------------------------------------------------------------------------------


อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย พีต้าาา!! >{}<  ม่ายนะ >< พีต้าาาาา  อ่าาาา  TWT //คร่ำครวญ//  ฟินนิคไรท์เข้าใจนะคะ มันมากันตั้งเยอะไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทานไว้ไม่ได้ ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งมันไม่คิดจะปราณีเราถึงขนาดเลี้ยงดูปูเสื่อ TWT  ไม่รู้ตอนนี้พีต้าของไรท์จะไปตกระกำลำบากอยู่ตรงไหนแล้ว

อิพวกแคปปิตอลร้ายกาจ อี้แหน่ะๆๆๆๆ //บีบคอแล้วกระแทกโต๊ะ//  ตายกันซะให้หมดดดดดดดด

ง่าาาา   ไรท์บอกแล้วว่ามันจะต้องปวดใจจจจ TUT  ปวดแล้วค่ะ  พอมาถึงตอนนี้ไรท์แปล็บเลย //อย่าเว่อร์// อะเฮื้ออออ  มันแย่นะคะที่ทำให้พีต้าไปอยู่กับพวกแคปปิตอล (แบบในหนัง) โดยที่ฟินนิคก็อยู่ด้วยและทำอะไรได้ไม่มากเลย TWT  ฟินนิคก็น่าสงสารรรรรรรรรร

และ 'ฮิปโปกริฟ' ในภาคที่แล้วก็มีความหมายเชื่อมโยงกับภาคนี้ค่ะ ^^ นี่แหละที่ไรท์อยากจะบอก  มันทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ค่ะ เพราะงั้น ฟินนิคอย่ายอมแพ้นะค้าาาา ><

นั่นไงคะ  เริ่มเข้าโครงเรื่องในหนังแล้ว (พีต้เพิ่งโดนจับไปเนี่ยนะ -=-)  และต่อไปจะเป็นอย่างไรต่อไป  ติดตามกันได้ใน Part หน้าเลยค่ะ  รักรีดทุกท่านมากๆ เลยค่ะ >< จ๊วบบบบบบบบบบ

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund




1 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

รอตอนต่อไปนะคะ จริงจังและสาระเลยยย