วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

[SF - THG] + [Part 4] The Miracle...ขอปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแก่เรา - Finnick x Peeta



สวัสดค่าาาาา ><  ไรท์ลงลงต่อแล้วค่ะ ช่วงนี้รวดเร็วมากกกก  555555  และเนื่องด้วยอีกเวลาแค่ไม่ถึง 20 วัน  ไรท์ก็จะต้องเปิดเทอมแล้วล่ะค่ะ TWT   ไรท์ก็เลยต้องรีบหน่อยค่ะ  กะว่าไม่เกินเดือนนี้จะได้ลง ฟิค RonalSi – เรื่องวุ่นวายของนายตัวดี! Part สุดท้ายแน่นอนค่ะ ‘..’  //เฮ้ยยย เดี๋ยววววเค้าคนละเรื่องกันแล้ววว >{}<  เฮียกะเหมียวก็อยู่ในดินแดนของเค้าสิ  เค้าไม่มีธุระข้ามพรมแดนมาฝั่งนี้นะ >[]<//

ขออภัยค่ะ.......ไหลไปหน่อย  5555555

แต่ว่า! ใน Part นี้! วันนี้! เวลานี้!  The Hunger Games  กำลังจะบดขยี้หัวใจของรีดทุกท่านค่ะ TWT!  //รีดบอก....ของแกคนเดียวสิ -..- // หลังจากที่ Part ที่แล้วฟิคเรื่องนี้ก็เข้าโครงเรื่องในหนังไปแล้วนะคะ //มีรีดบางท่านบอกไรท์มาว่า  ไม่ยึดในหนังมันแล้ว เอาตามฟิคไรท์นี่แหละ  แถมยังทำให้รีดซอกช้ำใจด้วยการแยกฟินนิคกับพีต้าออกจากกันอีกด้วยค่ะ// 55555  เหมือนไรท์พาเสียเลยค่ะ  บิดเบือนต้นฉบับสุดๆ  5555  ดูรอบเดียวแล้วจบเลยค่ะ 555555

เหตุการณ์จะเป็นอย่รางไรต่อไป  เชิญรีดๆ รับชมกันได้เลยค่าาาา >///<


-----------------------------------------------------------------------------------------------------


อ่า.......นี่มันที่ไหน.....ที่นี่ที่ไหนกัน  แล้วนี่มันกี่โมงแล้ว  ผมอยู่ที่......จริงสิ  พีต้า!

.

.

“ไม่เป็นไรฟินนิค  นายปลอดภัยแล้ว ที่นี่เขต 13......”


.


.



***********************************************************************************


ผมตื่นขึ้นมาในเรือนแพทย์ของเขต 13  หมอบอกว่าผมหมดสติไปสองวันเต็มๆ  ผมโวยวายก่อนเฮย์มิชและพลูตาร์ชจะเข้ามา  พยาบาลและหมอพากันกรูออกไป  ก่อนชายอ้วนกับชายขี้เมาที่ขาดแคลนเหล้าจะดื่ม จะอธิบายให้ผมฟังว่า พวกเค้าเจอผมนอนเลือดไหลอยู่ในซากตึกบัญชาการเก่ากับกองไฟที่ลุกลามไปทั่ว ก่อนพวกเค้าจะแบกผมขึ้นยานมาเป็นคนสุดท้าย  ผมถามถึงพีต้า  เฮย์มิชมีสีหน้าลำบากใจไม่ตอบผม ต่างจากพลูตาร์ชที่มีท่าทีเรียบเฉย ไม่สะทกสะท้านที่เราเพิ่งจะโดนโจมตีอย่างไม่คาดคิดไปหมาดๆ

พลูตาร์ชบอกว่าพวกเค้าไม่พบพีต้าเลย  เจอแต่ผมที่นอนไม่ได้สติอยู่ตรงนั้นแค่คนเดียว..........

พระเจ้าช่วย.......ผมบอกพวกเค้าว่า พีต้าโดนพวกแคปปิตอลจับตัวไป ต้องไปช่วยเค้า  แต่พลูตาร์ชกลับตอบผมอย่างเยือกเย็นว่า

“ตอนนี้เราจะเสี่ยงให้พวกนั้นรู้ตำแหน่งของเราอีกไม่ได้  นายไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นฉันจะจัดการเอง.....ในภายหลัง จากปลุกระดม”

“คุณต้องไปช่วยเค้าเดี๋ยวนี้ถ้าไม่งั้นผมจะเป็นคนไปเอง!” ผมโวยลั่นเหมือนคนบ้าในวอดกักกัน  ก่อนเฮย์มิชจะเข้ามาห้ามปรามผมและบอกให้ผมใจเย็น  ด้วยเหตุผลที่ว่าผมจำเป็นต้องพักผ่อนเพื่อฟื้นอาการ  ผมบาดเจ็บอยู่และยังต้องใช้เวลา  การออกไปตอนนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย.........

และน่าแปลกที่คำพูดของคนขี้เมาดูน่าฟังมากกว่าคนที่เคยเป็นถึงผู้แฝงตัวเข้าไปในแคปปิตอล

ผมฉุนขาด  อารมณ์เสียอยู่เป็นชั่วโมงหลังจากที่ไม่มีใครอยู่ในห้องผู้ป่วยของผม  และการที่ได้อยู่คนเดียวก็ทำให้ผมนึกถึงภาพสุดท้ายที่ผมเห็น.........พีต้าดูหวาดกลัว  ทั้งๆ ที่ผมเองก็กอดเค้าไว้แล้วแท้ๆ  ทั้งๆ ที่ผมก็อยู่กับเค้า  ทำไมผมถึงไม่มีความสามารถมากพอ ที่จะช่วยเค้าเอาไว้ได้  อย่างว่าแต่ช่วยเลย แค่รั้งพีต้าไว้ผมยังทำไม่ได้............นั่นมันคือความผิดของผม  ของผมคนเดียวทั้งหมด

ผมนั่งเหม่อลอย  โทษตัวเองอยู่บนเตียงในตอนที่เพิ่งจะรู้ว่าสัมภาระเล็กๆ น้อยๆ ของผมอยู่ในห้องนั้นด้วย  รวมทั้งสิ่งที่ผมเองก็ต้องนึกแปลกใจ...........

เชือกของพีต้า

ไม่สิ  บางทีผมอาจต้องเรียกว่า ของแม่พีต้า มากกว่าแต่ผมก็ไม่ได้สนใจในรายละเอียดอะไรนั่นแล้วในตอนที่ผมเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา  มันคงจะอยู่ในกระเป๋าเสื้อนอกของผมในตอนที่สลบไป  มือผมสั่นและเริ่มร้องไห้ออกมา

“อึก...โธ่ พีต้า....ฉันขอโทษ” ผมเสียใจที่ไม่สามารถช่วยเค้าเอาไว้ได้.......ผมนี่มันแย่ที่สุด!

และหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้นอนพักผ่อนเลย  จนกระทั่งแคทนิสโผล่เข้ามา.......อ่อ เธอนั่นเอง  ผมคิดในตอนแรกก่อนจะก้มหน้าก้มตาถักเชือกของพีต้าต่อไป  มันทำให้ผมฟุ้งซ่านน้อยลง

แคทนิส  เธอดูตกใจที่เห็นผมนั่งดูหมดอาลัยตายอยากแบบนั้น  เธอไม่ได้พูดอะไรมาก  ได้แต่หาคำตอบจากท่าทางของผม  ผมเลยบอกเธอ

“ฉันอยากช่วยพีต้า  อยากช่วย....แต่ฉัน ฉะ ฉันขยับไม่ได้” ผมบอกเธอ  เพราะตอนนั้นผมหมดสติไปเลยต่างหาก

“มันจับพีต้าไป....มันจับเค้าไป  และฉันทำอะไรไม่ได้  ฉันช่วยเค้าไว้ไม่ได้.....พวกมันจับเค้าไป” ผมเริ่มพึมพำ  ย้ำเตือนกับตัวเอง ว่าคำสัญญาของผมมันสูญเปล่าเพียงใด.......ทั้งๆ ที่ผมสัญญาไว้แล้วว่าจะคอยปกป้องพีต้า  แต่ผมก็ทำไม่ได้........ผมเฝ้าโทษตัวเอง  และไม่คิดโทษแคทนิสที่จากมาก่อน  เธอแค่กลัวและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรในตอนที่กองไฟลุกท่วมทางออก  ผมดูแคลนตัวเองที่ช่วยเหลือพีต้าเอาไว้ไม่ได้   หากอยากให้พีต้าอยู่กับผมจริง  ผมจะต้องทำให้ดีกว่านี้

และหลังจากนั้นผมก็ได้ข่าวว่าสโนว์จับตัวคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมฮังเกอร์เกมส์ครั้งสุดท้ายซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเราเอาไว้ด้วย  รวมถึงแอนนี่ น้องสาวของผม......เราไม่ได้ติดต่อกันเลยหลังจากที่ผมประกาศตัวว่าเป็นกบฏ  ต้องการจะให้เรื่องเงียบไปเพื่อที่แอนนี่จะได้ไม่ต้องมาพลอยโดนร่างแห่ไปด้วย  แต่ที่ไหนได้ ถึงแม้จะคิดว่าเธอปลอดภัยแล้ว  แต่พวกแคปปิตอลก็ตามไปจับตัวเธอจนได้อยู่ดี

เธอเป็นครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของผม............

ผมทำตัวซึมเศร้าอยู่หลายวัน  ไม่ยอมออกจากห้อง  เอาแต่ใช้เวลาอยู่กับของๆ พีต้าเพียงชิ้นเดียวที่ผมมีและเอาแต่โทษตัวเองว่าที่เค้าต้องไปก็เพราะผมเอง  ผมเป็นแบบนั้นอยู่หลายวัน  ได้ข่าวว่าแคทนิสกำลังจะเป็นดาราดัง ล่อหน้าล่อตาพวกแคปปิตอล ข้างนอกนั้น  และวันหนึ่งเธอก็เข้ามาหาผมอย่างเงียบเชียบ

แคทนิสนั่งลงข้างๆ ผม แล้วกล่าวขอโทษที่เธอทิ้งพีต้าและวิ่งหนีออกมาคนเดียวในวันนั้น  เธอเสียใจที่ทำให้ผมและพีต้าต้องเจอกับเรื่องน่าเศร้าใจ.......แคทนิสรู้ดีว่าผมแคร์เค้ามากขนาดไหน  เธอบอกว่าเธอเคยสงสัยและไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่งว่าทำไมผมได้ถึงเอาแต่ห่วงใยพีต้า  ผมไม่ได้ตอบเธอไปอย่างชัดเจน  เธอขอโทษผมอีกพร้อมกับบอกผมว่าเธอรู้สึกแย่มากที่พีต้าหายตัวไป  พีต้าเป็นเพื่อนของเธอและเธอจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตัวพีต้ากลับคืนมา เพื่อลบล้างความขี้ขลาดของเธอเอง

แต่ผมบอกเธอว่าผมไม่โกรธ   อีกทั้งยังขอโทษเธอไปด้วยที่ตอนนั้นผมเสียงดังใส่เธอไป การดูแลพีต้านั้นเป็นหน้าที่ของผมและผมไม่ควรไปต่อว่าเธอแบบนั้น

“ฉันนึกว่านายจะดูแลเรา....เอ่อ ฉันหมายถึงพีต้า แค่ตอนที่อยู่ในเกมส์เสียอีก  พลูตาร์ชบอกว่าเค้าส่งนายมาเพื่อไม่ให้เราตาย” เธอทำหน้าสงสัยใคร่อยากรู้กับผม

ผมจึงตอบเธอไปอย่างเอื่อยๆ “ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่” ผมว่าเสียงเบา  ฟังดูเหมือนหมดอาลัยตายอยาก  ดังนั้นแคทนิสจึงขอตัวออกไป  เธอขอโทษอีกและพูดก่อนจะเอามือออกจากขอบประตูแล้วมันก็ปิดลง

“ฉันหวังว่านายจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเร็วๆ นี้นะ  บีทีบอก...ว่าเค้ามีหอกใหม่ให้นายด้วย ถ้านายอยากได้” เธอกระพริบตา “และฉันว่าพีต้าก็คงอยากให้นายเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน” เธอพูดก่อนออกไป

รู้อะไรไหม  ผมก็อยากทำ  อยากทำมากๆ ใบหน้าของพีต้าตอนร้องไห้บีบหัวใจของผม

และผมก็เริ่มออกไปไกลมากกว่าห้องของตัวเอง จึงทำให้รู้ว่าที่นี่เข้มงวดมากเพียงใด แม้แต่คุณทริงเก็ตก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใส่วิก   และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพีต้าออกอากาศ..........

ผมยืนตะลึงตัวแข็งอยู่กับที่  ระบบในร่างกายของผมหยุดทำงานไปชั่วขณะ  เมื่อพีต้ากำลังให้สัมภาษณ์อยู่บนจอ........เค้าดูเหมือนคนที่เพิ่งลุกขึ้นมาจากที่นอน  แต่งตัวดี  สวมใส่เสื้อผ้าสไตล์พวกแคปปิตอลหัวสูง  และดูปลอดภัยดี

“พีต้า.....” ผมจำได้ว่าตัวเองพึมพำไปอย่างนั้น  เกือบนึกไปว่าเอ่ยรำพันในใจเสียด้วยซ้ำ  ผมอธิบายไม่ถูกว่าดีใจขนาดไหนที่ได้เห็นเค้า  ถึงแม้พีต้าจะอยู่กับพวกแคปปิตอลแต่ผมก็แน่ใจว่านี่คือพีต้าตัวจริง  เด็กหนุ่มบ้านขนมปังที่ผมชื่นชอบ  แต่เพราะเหตุใดก็ไม่ทราบได้ ที่ทำไมผมรู้สึกว่าเค้ายังคงหวาดกลัวอยู่  แม้ว่าท่าทางที่ให้สัมภาษณ์นั้นจะดูสบายๆ อีกทั้งยังเอ่ยถึงแคทนิสให้ล้มเลิกการก่อกบฏเสียด้วยซ้ำไป

แน่นอน เมื่อพีต้าพูดเช่นนั้นออกมา  คนส่วนมากที่อยู่ในเขต 13 นี้จะต้องไม่เห็นด้วยและต่อต้านเค้าเป็นแน่  แต่ว่านั่นไม่ได้อยู่ในความสนใจของผมเลยแม้แต่น้อย  ผมกำลังสงสัยว่าพวกมันกำลังทำอะไรกับเค้ากันแน่  จับพีต้าใส่ชุดของพวกผู้ดีน่ารังเกียจนั่นแล้วบังคับให้เค้าพูดอะไรแปลกๆ ออกมา

หลังจากครั้งแรกที่เห็นพีต้าออกอากาศผมเข้าไปพบพลูตาร์ช และเจอเข้ากับประธานาธิปดีของเขต 13  เธอชื่ออะไรนะ?  อัลม่า   คอยน์ งั้นหรือ?.......จะอะไรก็ช่าง  ช่างเธอเถอะ  นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเข้าห้องประชุมตั้งแต่เหตุการณ์ถล่มเขตอพยพเกิดขึ้น ที่ผมเสียพีต้าไป  ผมเข้าไปบอกให้พวกเค้าพาตัวพีต้ากลับมาพวกเค้าสัญญากับผมเอาไว้แล้วว่าจะทำ  แต่พลูตาร์ชกลับบอกปัดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มของคนที่ชอบเล่นการเมือง

“พ่อหนุ่มคนนี้เป็นใครกัน” ประธานาธิปดีถาม  เธอจ้องผมอย่างพินิจพิเคราะห์  ใบหน้าของเธอปรากฏรอยยิ้มและมองผมไม่วางตา  ผมจ้องกลับยืนกรานให้พวกเค้าส่งคนไปช่วยพีต้า   และพลูตาร์ชก็ตอบว่าผมคือใคร

“เธอดูหน่วยก้านดีไม่น้อยเลยหนิ  น่าเสียดายที่ฉันเพิ่งได้เจอเธอไม่งั้นก็คงจะส่งเธอลงพื้นที่ไปพร้อมกับแคทนิสแล้ว” เธอว่าเพียงเท่านั้น ก่อนจะละสายตาจากผมแล้วหันไปหาพลูตาร์ช   และผมก็ชักสีหน้าไม่พอใจ.......ผมบอกแล้วว่าไม่ชอบให้ใครมองผมว่าทำงานให้กับแคทนิส  เธอไม่มีสืทธิ์มาสั่งผมเลยเสียด้วยซ้ำ

เค้าไล่ผมออกมาด้วยประโยคที่แสดงความเด็ดขาดว่า “จะยังไม่มีการช่วยเหลือตัวประกันในขณะนี้”  พลูตาร์ชทำตัวน่ารำคาญแต่ผมก็ยอมออกมาในที่สุด  ผมไม่ชอบใจในหัวการค้าอยากปลุกระดมชาวพาเน็มของเค้าในตอนนี้หรอก.........ไม่  พีต้าต้องมาก่อนสำหรับผม

จนกระทั่งได้เห็นพีต้าเป็นครั้งที่สองนั่นทำให้ผมแทบจะหยุดหายใจไปเลย..........เมื่อเค้าร้องไห้ขอร้องให้แคทนิสหยุดโน้มน้าวผู้คนให้เป็นกบฏอีกครั้งหนึ่ง  แต่ครั้งนี้ดูท่าทางเค้าแย่เอามากๆ  มันแย่ลง  และนั่นทำให้ผมแทบจะคลั่งไปเลย  ผมเคยคิดที่จะแอบออกไปแต่ว่าแผลของผมก็ยังคงไม่หายดี  ถึงแม้ว่าจะไม่ใส่ชุดคนไข้แล้วก็ตามแต่สถานะภาพตอนนี้ของผมก็ยังไม่พร้อมจริงๆ

การปฏิวัติเกิดขึ้นทั่วทั้งพาเน็ม แทบทุกเขตลุกฮือขึ้นมาต่อต้านระบอบการปกครองที่ป่าเถื่อนของสโนว์  ถึงแม้ว่าตาแก่นั่นจะประกาศออกสื่อชัดเจน ว่าใครก็ตามที่ก่อการกบฏจะต้องโทษถึงตาย  แต่พวกเค้าก็ทนไม่ไหวกับการถูกกดขี่อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นคำขู่ของสโนว์จึงไม่เป็นผล  จนกระทั่งครั้งที่สามที่ผมพบพีต้า.............

โอ้ พระเจ้า  บอกผมทีว่านั่นคือพีต้าที่ผมรู้จัก  ผมแทบจะทรุดลงกับพื้นทันทีที่เห็นเค้าเอ่ยปากเสียงสั่นเครือในจอนั่น  หน้าตาเค้าดูซีดเซียว  ร่างกายเค้าผ่ายผอม  พีต้าดูเหมือนถูกทรมาน............

ผมจำได้ว่า ผมอ้าปากค้างไม่หุบกับสิ่งที่ได้เห็น  ใครทำอะไรกับเค้ากัน!  ทำไมพีต้าถึงเป็นแบบนี้ผมน้ำตาเอ่อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว  นึกถึงตอนที่ผมไม่สามารถรั้งมือของเค้าเอาไว้ได้ อีกครั้งหนึ่ง  เป็นเพราะผม เค้าถึงต้องเป็นอย่างนั้น......บัดซบเอ้ยบ้าที่สุด!  ไอ้พวกแคปปิตอลชั่ว!

ผมเห็นพีต้าร้องไห้  น้ำตาของเค้าไหลไปด้วยขณะพูด  ผมเอื้อมมือไปแตะยังใบหน้าของเค้าบนจอภาพซึ่งแสดงอย่างชัดเจน  และเป็นเพราะผมอยู่ในห้องส่วนตัวจึงไม่มีใครรู้ว่าผมเองก็ร้องไห้ด้วยเช่นกัน  ผมพร่ำขอโทษเค้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไร้คนรับฟัง  จนในที่สุดพีต้าก็เริ่มพูดแปลกๆ  เมื่อเห็นภาพของแคทนิสออกอากาศแทรกเข้ามา  ใบหน้าเค้าดูหวาดกลัวระคนดีใจ  พีต้าคงรู้ว่าเราเองก็ยังอยู่และเค้าจะได้กลับมาหาอ้อมอกของเราอีกครั้ง

แต่เค้าก็ยังคงพูดบทที่แคปปิตอลป้อนต่อไป  จนกระทั่งพีต้าตัดสินใจทำลายความปลอดภัยของตัวเองทิ้งไปซะ

“พวกเค้ากำลังไป  พวกเค้าจะฆ่าหมดทุกคนในเขต 13  เธอต้องตายตอนเช้า....” พีต้าประกาศกร้าวออกอากาศเตือนพวกเราถึงภัยที่กำลังตามมา  เด็กหนุ่มผู้ตื่นกลัวของผมกล้าหาญ  ท้าทายกับพวกทหารที่อยู่รอบตัวเค้า  ก่อนจะมีคนเข้ามาจับตัวเค้าแล้วการออกอากาศก็โดนตัดไป

พวกกบฏอย่างเราโดนล่วงรู้ตำแหน่งอีกแล้วผมหยุดหายใจไปเลยเมื่อภาพของพีต้าหายไป  ผมเผลอใช้มือปัดป่ายไปบนจอภาพ ถึงแม้จะรู้ว่าทำอะไรไม่ได้ก็ตาม  แต่การที่พีต้าทำแบบนั้นเป็นอะไรที่บ้าระห่ำมาก  เค้ากำลังจะขุดหลุมฝังตัวเองโดยที่มีพวกแคปปิตอลเป็นคนลั่นไกยิงเค้าดับลงหลุมนะ

พีต้า! พีต้าพีต้านายทำอะไรลงไป พวกนั้นจะฆ่านายนะ!  

ผมนิ่งอึ้งอยู่หน้าจอในห้องของตัวเองในตอนที่พีต้าหายไปต่อหน้าต่อตา  รู้สึกไม่ชอบใจที่พีต้าดูแย่มาก  แต่อีกใจหนึ่งผมก็เคียดแค้นพวกแคปปิตอลที่บังคับและทำร้ายเค้า  จนทำให้พีต้าไม่มีทางเลือก

เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น ผมยังคงใคร่ครวญถึงความปลอดภัยของพีต้า  กระทั่งมีชายสองคนวิ่งเข้ามาในห้อง แล้วลากผมลงไปหลบภัยที่ชั้นล่างสุดพร้อมกับคนอื่นๆ  ผมไม่ให้ความร่วมมือ และโวยว่าเราจะต้องไปช่วยเค้าพร้อมกับคนอื่นๆ ที่ถูกสโนว์จับตัวไป  พวกมันจะฆ่าพีต้า!

แต่พวกเค้าก็ไม่ฟังผม  ใช้เวลาพอสมควรที่พวกเค้าจะเอาผมลงไปได้  และไม่นานนักยานของแคปปิตอลก็มาถึงพร้อมกับระดมทิ้งระเบิดลงมาแบบไม่ยั้ง  เพดานเหนือหัวของเราสั่นสะเทือนและเกิดรอยแตกร้าวไปทั่วจนน่าวิตกว่าเราจะไม่รอดกันทั้งหมด  แต่ท้ายที่สุดแล้วผู้คนในเขต 13 ก็ผ่านมันไปได้จนกระทั่งรุ่งเช้า

ทุกคนที่ลี้ภัยดูเหนื่อยล้า  เศร้าสร้อย  และเสียขวัญ  แคทนิสถูกเรียกตัวไปถ่ายทำอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อคืนผมเริ่มสงบสติอารมณ์และได้คุยกับเธออีกเล็กน้อย  เธอดูอ่อนแอไปเลยเมื่อเทียบกับเรื่องที่ผมเคยเจอ........แต่ใช่  นั่นมันก็เป็นเรื่องจริงอยู่หรอกที่มันจะออกมาในรูปนั้น  ก็เพราะว่าเธอเป็นเพียงแค่เด็กสาวคนหนึ่งที่มีเพียงครอบครัวเป็นโลกทั้งใบหมุนอยู่รอบตัวเพียงเท่านั้น.........เธออาจมีบางส่วนที่คล้ายพีต้า นั่นคือไม่ต้องการที่จะมีส่วนร่วมในสงครามนี้

และข่าวดีของผมก็มาถึง  พลูตาร์ชกำลังจะจัดคนให้เข้าไปช่วยตัวประกันในแคปปิตอล  ผมยืนตัวตรงอาสาคนแรก พร้อมทั้งยืนยันกับพวกเค้าว่าผมแข็งแรงดีแล้ว  แต่เฮย์มิชบอกว่าแคทนิสไม่ยอมพูดเพื่อออกอากาศ  ผมขมวดคิ้ว

ผมถูกรั้งไว้ให้อยู่ที่นี่  ที่เขต 13  เพื่อพูดแทนแคทนิสเมื่อเธอไม่ยอมพูด  แต่ผมอยากไปใจจะขาด!

“ทำไมต้องเป็นผม  ผมอยากไปกับพวกนั้น......เฮ้  พลูตาร์ชคุณก็รู้ว่าผมทำอะไรได้ ให้ผมไปเถอะ  ได้โปรด” ผมหันไปขอร้องกับพลูตาร์ช  แต่เค้ากลับทำทีท่าเมินเฉย ไม่น่าพอใจนั้นบ่อยมากเกินไปเสียแล้ว

“คงไม่ได้หรอกฟินนิค  นอกจากแคทนิสแล้วก็มีแต่เธอเท่านั้นที่อยู่ในเกมส์ครั้งสุดท้ายและอยู่ข้างแคทนิส  และที่สำคัญที่สุดก็คือพวกเค้าจะเชื่อว่าเธอพูดอะไรออกไป พวกเค้าจะฟังเธออย่างตั้งใจรวมทั้งสโนว์ด้วย”

นี่ผมจะต้องเจอกับคำนี้อีกนานแค่ไหนเนี่ยผมไม่ชอบให้ทุกคนคิดว่าผมเดินตามหรือทำงานให้กับแคทนิส!  เธอแทบไม่ออกคำสั่งหรือทำบ้าอะไรเลย  เธอเหมือนหุ่นเชิดมากกว่า  ผมไม่พอใจทำท่าปึงปัง  แต่สุดท้ายแล้วผมก็จำใจต้องทำ..........ออกไปพูดแทนแคทนิส  และไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ในการช่วยเหลือตัวประกันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง  ผมพูดทุกอย่างที่พอจะซื้อเวลาให้พวกที่เข้าไปช่วยเหลือได้บ้าง  แต่ท้ายที่สุดแล้วสัญญาณของเราก็โดนตัดไป........แคทนิสบอกผมว่า สโนว์รู้ว่าเราแอบลอบเข้าไป

ผมรู้สึกเหมือนโดนฟาดเข้าที่หัวด้วยด้ามปืนอีกครั้งหนึ่ง  อยากจะออกไปข้างนอกแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่รออย่างร้อนใจ จนกระทั่งยานของเรากลับมาพร้อมกับตัวประกันที่ช่วยมาได้สำเร็จ  มีคนบอกว่ามันช่างปาฏิหาริย์นักที่ยานของเราบินผ่านแนวป้องกันของแคปปิตอลกลับออกมาได้  พวกนั้นไม่ยิง แต่กลับปล่อยให้ยานของเราผ่านออกมาง่ายๆ ราวกับได้รับบัตรเชิญกิตติมาศักดิ์

ผมเป็นคนแรกที่เห็นยานกลับเข้าฐานมา  เพราะแทนที่จะไปนั่งกุมขมับชวนปวดหัวอยู่ในห้อง ผมก็ออกมารอพวกเค้าที่ลานบินอย่างใจจดจ่อ  หัวใจผมหยุดเต้นอีกครั้งเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่ทราบได้ ในตอนที่ยานลงลำจอดสนิท.............

ผมเดินเข้าไป  แต่ช้ากว่าหน่วยพยาบาลเล็กน้อย  พวกคนที่ใส่ชุดสะอาดสะอ้านกรูกันเข้าไปหาคนที่ก้าวเท้าออกมาจากอากาศยานเป็นคนแรกและเบียดผมออกไปจากวงก่อนจะได้เห็นอะไรๆ เสียอีก  และในท้ายที่สุดแล้วผมก็เลยต้องมายืนชะเง้อชะแง้อยู่ที่ด้านนอกอย่างระส่ำระส่ายแทน  จนพวกเค้าเคลื่อนพลไปยังหน่วยพยาบาล ผมจึงเดินตามขบวนที่ถูกล้อมหน้าล้อมหลังด้วยทีมแพทย์ผู้ตื่นตัวไปอย่างติดๆ

รออยู่ครู่หนึ่งก่อนความชุลมุนวุ่นวายภายในห้องพยาบาลจะเริ่มเบาบางลง  พยาบาลกับหมอออกมาดูแลคนที่อยู่ในห้องรวม......พีต้าน่าจะอยู่ในห้องส่วนตัวอีกห้องหนึ่งซึ่งผมเห็นว่ามีพยาบาลเข้าออกเป็นระยะๆ แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว  ผมจึงแอบเข้าไปหาพีต้า  แทรกตัวผ่านความวุ่นวายนั้นไป  เดินผ่านทุกๆ คน ทิ้งแอนนี่ไว้เบื้องหลัง (แม้ต่อมาผมจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเดินผ่านเธอมาก็ตาม  สารภาพเลยก็ได้ ผมยอมรับว่าผมลืมเธอไปชั่วขณะ)

ผมเดินผ่านเหล่าพยาบาลและบุรุษแพทย์ที่หยุดมือแล้วมองมาทางผมอย่างนึกฉงน ตรงมาที่ประตู   กระจกใสซึ่งมีตัวหนังสือพาดทับอยู่ทำให้มองลอดเข้าไปด้านในของห้องได้แต่ก็ไม่มากนัก ซึ่งอันที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้สอดส่องสายตาเข้าไปในนั้นเลย  ผมตื่นเต้น.......ที่จะได้เจอพีต้า  อยากเห็นหน้าเค้า  อยากเห็นว่าเค้าปลอดภัยดี  อยากบอกว่าผมขอโทษที่ทำให้เค้าต้องไปเจอเรื่องเลวร้าย

เพราะงั้น ผมก็เลยกลั้นหายใจแล้วไม่ผลักประตูเข้าไปในทันที.......เพราะผมเกรงว่าพีต้าอาจจะโกรธผมไปแล้วที่ทิ้งเค้า  เค้าจะโกรธผมไหมนะ?  ถ้าไม่เข้าไปผมก็คงจะไม่ได้รับคำตอบ และอีกอย่างผมก็อยากเจอเค้ามากกว่าใครทั้งนั้น..............

และเมื่อตัดสินใจแล้ว  ดังนั้นผมจึงออกแรงเพียงเล็กน้อยเพื่อผลักประตูเข้าไป

ภาพแรกที่ผมเห็น ยามเมื่อประตูดีดตัวออกอย่างรวดเร็วก็คือ พยาบาลสองสามคนที่เดินวนอยู่รอบ.........เด็กหนุ่มแผ่นหลังบอบบางที่ถูกสวมทับด้วยชุดสีขาวของคนไข้  เส้นผมสีทองเงางามนั้นดูหม่นหมองลงไปถนัดตามากเกินกว่าที่ผมจำได้

......พีต้า.......

ผมเข้าไป จนกระทั่งประตูดีดตัวกลับอย่างเงียบเชียบแล้วผมก็ยังคงไม่ได้ขยับไปไหน.....ทำไมเค้าถึงได้ดูเป็นแบบนั้นกัน.......ผมย่นคิ้ว และมีสีหน้าวิตกกังวลไปโดยไม่รู้ตัว

“เอ่อ  ขอโทษนะคะ....”

“ไม่เป็นไรครับ  ผมขออยู่กับเค้าตามลำพัง” ผมเอ่ย  ยกมือขึ้นน้อยๆ เป็นเชิงว่าไม่เป็นไร และต้องการให้เป็นเช่นนั้น  เมื่อพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วพูดกับผมยังไม่ทันจะได้จบประโยคเสียด้วยซ้ำ  เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจแม้ความสงสัยจะมีมากกว่าก็ตาม ก่อนจะออกไปพร้อมกับคนอื่นๆ ปล่อยให้ผมได้อยู่กับเด็กหนุ่มที่ยังคงนั่งหันหลังอยู่บนเตียงพยาบาลตามลำพัง

ภายในห้องนี้เงียบทันทีเมื่อพวกพยาบาลออกไป  ผมกลืนของเหลวลงคอ........พีต้าตัวเล็กลง  ใช่ เค้าตัวเล็กลงมาก  รึไม่ใช่สิ  ต้องพูดว่าผ่ายผอมต่างหาก  ลำแขนของเค้าที่วางอยู่บนพื้นเตียงดูเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด  ลำคอด้านหลังนั้นปรากฏเป็นร่องของกระดูกและเส้นเอ็น  ใครทำอะไรเค้า  ทำไมถึง.......

“พีต้า“ ผมเอ่ยเรียก มันฟังดูคล้ายเสียงกระซิบมากทีเดียว

เรือนผมสีทองหม่นขยับหันมาเล็กน้อย  แต่ก็เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ผมเห็นโหนกแก้มสีช้ำของเค้าโผล่พ้นองศาออกมา ก่อนจะรีบรุดเข้าไปดูทันที  แต่พอเดินเข้าไปประจันหน้ากับพีต้าผมก็ต้องชะงักทันที

................พีต้าเปลี่ยนไป.............

และไม่ใช่ในทางที่ดีนัก  ผมหยุดหายใจไปชั่วขณะในตอนที่ไล่มองไปตามสัดส่วนที่เคยสดใสของพีต้า  ซึ่งบัดนี้กลับดูเหี่ยวเฉาลง  ร่างกายของเค้าเล็กแห้งราวกับเป็นเด็กขาดสารอาหารมาตั้งแต่เกิด  ใบหน้าของเค้าพกช้ำ ซูบเซียวลง  รอยคล้ำกับรอยช้ำใต้ตามันบ่งชัดว่าเค้าเจอไปอะไรมาบ้าง 

และดวงตาสีน้ำตาลประกายทองที่เก็บงำดวงดาวนับล้านที่ผมหลงใหล ก็ดูหม่นหมองลงไปมากมายอย่างน่าใจหาย  มันไม่ฉายแววระยิบระยับเปล่งประกายราวกับเด็กซุกซนอีกแล้ว  ดวงตาที่แสดงถึงความอบอุ่นดุจแสงแดดอ่อนแรกแย้มของวัน และความอ่อนโยนของเด็กหนุ่มไม่หลงเหลืออยู่เลย

ผมเห็นเพียงแค่แววตาหวาดระแวง แสดงความเจ็บปวดและเหนื่อยล้า เหลือบขึ้นมามองผมอย่างระแวดระวังและคุกคาม  ถึงร่างกายเค้าจะดูผอมแห้งแต่ท่าทางก็ดูพร้อมที่จะมีเรื่องได้ทุกเมื่อ  ริมฝีปากบางเชียบซีดเซียวของเค้าเม้มเข้าหากัน  ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะร้องไห้

“พีต้า....”

เค้าขยับหนีผมทันทีที่ผมเอ่ยชื่อและเอื้อมมือจะแตะเค้า  พีต้าตาขวาง นิ้วมือเล็กๆ นั้นกำเข้าหากันแน่นอย่างไม่ไว้ใจ  นั้นทำให้ผมชะงักไปเลย

“ฉันเองไง ฟินนิค....นี่ฉันเอง” พีต้ายังคงนิ่ง  มองผมตาขวาง ราวกับเห็นคนแปลกหน้า......นี่อย่าบอกนะว่าเค้า

“....นายจำฉันได้ไหม” ผมเอ่ยคำถามกรีดแทงหัวใจตัวเองไปในที่สุด  และใช่  ปฏิกิริยาเช่นนั้นของเด็กหนุ่มที่ผมรู้สึกอยากที่จะขอโทษมากที่สุดก็กรีดย้ำมันลงเข้าไปอีก

พีต้าจำผมไม่ได้

“พีต้านาย...” ผมคิดจะเดินเข้าไปหาเค้าให้ใกล้มากขึ้นกว่านี้อีก เพื่อบอกเค้าว่านี่คือผมเอง  แต่พีต้ากลับกำหมัดแน่นทำท่าจะต่อยผม  คนที่อยู่นอกเหนือความทรงจำอย่างผมจึงต้องยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างเสียไม่ได้  ทำไม...เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน  หากเป็นในเวลาปรกติ เค้าคงจะวิ่งเข้ามากอดผมแล้วแท้ๆ  แต่พวกนั้นล้างสมองเค้าอย่างงั้นหรือ?!

เด็กหนุ่มผู้มีพลังงานแห่งความอ่อนโยนและความสดใสเหลือล้นของผมกำลังถูกห่มคลุมด้วยความน่ารังเกียจของแคปปิตอล  พวกมันสาดความร้ายกาจ และฉีกกระชากความใสซื่อบริสุทธิ์ของเค้าไป  แทนคนอื่นๆ ที่สโนว์เห็นสมควรว่าจะได้รับ.....ไม่  ไม่ใช่เค้า  อย่างน้อยก็ต้องไม่ใช่พีต้า!

เค้าดูน่าสงสาร  ทั้งๆ ที่ไม่อยากเข้ามามีส่วนร่วมกับสงครามครั้งนี้  พีต้าไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยซ้ำ  เค้าเคยบอกว่าอยากอยู่บ้าน  อบขนมปัง  ทำในสิ่งที่เค้ารักและได้อยู่กับแม่อย่างสงบสุข แค่นั้นทุกวันก็มีค่าสำหรับเค้าแล้ว  แต่ว่านอกจากจะต้องหนีตายหัวซุกหัวซุนแล้วเด็กหนุ่มผมสีเปล่งประกายของผมก็ยังต้องมาเจอเรื่องที่ทำให้เค้าต้องโดนทำร้ายจนย่ำแย่แบบนี้อีก

พีต้าทำอะไรผิดกัน  ทำไมถึงต้องเป็นเค้า.....พวกนั้นระบุตัวชัดว่าต้องเป็นพีต้าเท่านั้น  ทำไมถึงไม่เป็นคนอื่น  จะเป็นผมก็ได้ ถ้าหากรู้อย่างนี้ตั้งแต่แรกผมจะขอไปแทนเค้าเอง  ผมจะไม่ยอมให้เค้าโดนทำร้ายหรือต้องทรมานเด็ดขาด  พีต้าอ่อนแอเกินไปที่จะต้องรับมือกับความโหดเหี้ยมของสโนว์......เค้าดูน่าสงสารโดยที่ไม่มีใครรับรู้เลยว่าเค้าจะต้องทุกข์ทนมากแค่ไหน  และที่สำคัญผมซึ่งเป็นห่วงเป็นใยเค้ามากที่สุดไม่สามารถทำอะไรได้เลย..........

..............ทำไม่ได้  แม้แต่จะรั้งพีต้าไว้ในอ้อมกอด

ผมรู้สึกถึงน้ำตาหยดแรกที่ไหลลงมาอาบแก้ของตัวเอง  แต่มันไม่ได้มาจากความเสียใจของผม  ผมไม่อยากร้องไห้ให้พีต้าเห็นถึงแม้ว่าเค้าจะจำผมไม่ได้แล้วก็ตาม  ผมส่ายหน้าให้ตัวเองก่อนจะเดินออกไปจากห้องนั้นทิ้งให้พีต้ากำหมัดอยู่คนเดียว  ผมเดินออกจากห้องพยาบาลไป  ตรงดิ่งไปที่ห้องของตัวเอง

และทันทีที่ประตูปิดลงผมก็ทรุดนั่งลงตรงนั้น  แล้วร้องไห้ออกมา

ผมมันแย่เอง  ไม่ดีพอ ที่ช่วยพีต้าเอาไว้ไม่ได้  มันไม่ใช่ความผิดของเค้าเลยที่ต้องโดนจับตัวไป ถูกบังคับให้พูดและโดนทรมานแบบนั้น  ผมเคยสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะดูแลปกป้องเค้า เพราะเค้าเป็นสิ่งที่ดีงามและบริสุทธิ์ที่สุดท่ามกลางเรื่องเลวร้ายและผู้คนที่เห็นแก่ตัว เอาแต่แก่งแย่งอะไรพวกนั้น......สุดท้ายแล้วสิ่งที่พวกเค้าจะได้มันก็คือเถ้าถ่านหลังจากการทำลายล้างของสโนว์  ไอ้แก่ชั่วช้านั่น!

ผมเสียใจที่ปกป้องพีต้าเอาไว้ไม่ได้  ปล่อยให้เค้าอยู่ในเงื้อมือของสโนว์และไม่สามารถทำอะไรได้เลย ถึงแม้ว่าจะดิ้นรนสุดตัวแล้วก็ตาม........เป็นผมเองที่ไม่สามารถช่วยเค้าเอาไว้ได้  เป็นผมเอง...........


***************************************************************************


“ฟินนิค  พวกเค้ามาถึงแล้ว กำลังรับการรักษาอยู่ นายจะไปดูไหม” บ็อกส์เข้ามาบอกผม และยืนตัวตรงตามแบบทหารอยู่ที่หน้าประตูของผม  เค้าเอ่ยเหมือนคนที่เห็นใจผู้ที่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปอย่างผม  ผมหันหน้าออกมาจากผนังห้องที่ไม่น่ามองเท่าไรนัก แล้วกวาดสายตามองไปที่แขกผู้มาเยือนอย่างเรียบเฉย  ในตอนนั้นเองที่ผมนึกอยากจะหัวเราะสมเพสตัวเอง

เมื่อครั้งที่เรายังอยู่ในเขตอพยพ ผมยังเป็นคนที่มีงานล้นมือไม่เคยว่างและหาตัวจับยากเสมอ  ในตอนนั้นมีแต่คนเกรงใจผม ชื่นชม และอยากพบเห็นตัวจริงของผม  แต่ตอนนี้ผมกลับกลายเป็นคนไข้ที่ป่วยจิต  เป็นคนที่น่าสมเพสคนหนึ่งที่ไร้ชีวิตดูไม่ได้  และต้องมีคนมาเชื้อเชิญราวกับเป็นผู้ที่ต้องได้รับการเอื้อเฟื้อเผื่อน้ำใจให้

ผมนึกได้ว่ายังไม่ได้เห็นหน้าแอนนี่เลยจึงได้ลุกตามบ็อกส์ ไปยังห้องพยาบาลที่ผมเพิ่งจะออกมาเมื่อไม่นานมานี้  ผมไม่ได้เอ่ยปากบอกบ็อกส์หรือใครทั้งนั้นว่าผมได้เข้าไปก่อนคนอื่นๆ แล้ว  ความเสียใจยังคงเกาะกุมและกัดกินหัวใจของผมต่อไปเรื่อยๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมเห็นสายตาของบ็อกส์ที่มองมายังผม  เค้าคงจะสงสัยว่าทำไมผมถึงได้มีห้องส่วนตัวและถูกพลูตาร์ชกำชับให้ดูแลอย่างดีขนาดนั้น......ผมมันไม่ควรค่าแก่การได้รับมัน  บ็อกส์คงคิดอย่างนั้น 

แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเค้า ปล่อยให้ผู้พันผิวสีมาดเข้มคิดอย่างนั้นไปเถอะ  ผมได้แต่เหม่อมองออกไปตามทางที่ลิฟต์พาเราเลื่อนผ่านลงไป  สายตาของผมเหม่อลอยและว่างเปล่า  บ็อกส์หยุดเพื่อรับแคทนิสมาด้วย  เค้าดูเคารพม็อกกิ้งเจย์อย่างเธอมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด  แคทนิสกระซิบเรียกชื่อผมและบีบมือผมเล็กน้อย  แต่ผมก็ยังคงมีสายตาว่างเปล่า

จนกระทั่งไปถึงห้องพยาบาล  แคทนิสวิ่งเข้าไปก่อน  และในตอนนั้นเองที่ผมเห็นแอนนี่น้องสาวของตัวเอง  ผมเพิ่งจำเธอได้ และไม่จำเป็นต้องออกแรงวิ่งให้เสียเวลาเลย  เธอเองก็เห็นผมและกู่ร้องเรียกชื่อผมเสียงดัง ก่อนวิ่งโผเข้ามากอดผมอย่างรวดเร็ว 

“ฟินนิค....ฟินนิค!


.


.


.


TBC.


------------------------------------------------------------------------------------------


โธ่ววววววววว  ฟินนิคอย่าโทษตัวเองสิคะ TUT  ไม่เอานะคะ จุ๊ๆๆ //จุ๊ปากแล้วส่ายหน้า//  ถ้าฟินนิคไม่เข้าไปช่วยพีต้าในตอนนั้น พีต้าน้อยๆ ของเราก็คงจะเป็นอะไรไปแล้วล่ะค่ะ  มันไม่ใช่ความผิดของฟินนิคแมนเลยนะคะ  มันเป็นความผิดของตาแก่สโนว์นั่นต่างหาก! //ดึงหงอกคนแก่//  แล้วก็ถ้าไม่ใช่เพราะแคทนิสที่ไม่ยอมรอพีต้าน้อยๆ  //ดึงเบียนาง//

//สักพักโดนธนูเสียบ//  โอเคๆ ก็ได้  จิไม่ว่าก็ได้  เห็นว่ารู้สึกผิดที่ทิ้งพีต้าไว้หรอกนะ  ชริๆ  แต่ก็ใช่ว่าจะทดแทนได้หรอกนะ //เอ่อ...คือ  ไรท์เป็นอะไรกับนางเอกของหนังทุกเรื่องคะเนี่ย -*-//

ติดตาม Part สุดท้ายของภาคนี้กันได้ในตอนหน้าเลยค่ะ ><  และนี่คือเฟสไรท์ค่ะ  เอาไว้ส่องว่าจะลงภาคหน้าอีกเมื่อไร (แต่คงจะเป็นหลังจาก The Hunger Games ภาคสุดท้ายฉายไปแล้วนะคะ -*-) + (รีดเตะ....แล้วแกจะพูดทำไม ห๊า! >[]<)

>>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<<  จิ้มเลยค่าาาา  เอาไว้คุยกับไรท์ก็ได้นะคะ ^^

ขอบคุณอย่างสุดหัวใจสำหรับการติดตามอ่านฟิคของไรท์ค่ะ   ขอบพระคุณค่ะ M_ _M  //โค้งสุดตัว//  คอมเม้นท์กันด้วยนะค่าาาาาา ^^

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund


1 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ต้องรอสินะคะ? 😭😭😭😭 ใจร้ายอะไรท์