วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558

[FIC - TMI] + [Part 30] Your Heart……หัวใจนายเป็นของฉัน – Magnus x Alec



มาต่อกันแบบมาราธอนเลยค่ะ  วันนี้ไรท์ลงฟิคแบบ Non Stop! ค่ะ 55555 //คือบ้าคลั่งไปแล้ว ณ จุดๆ นี้ค่ะ -*-//  ไรท์หายไปนานเลยค่ะ  รู้สึกผิดมากที่ไม่ได้มาลงทั้งๆ ที่ก็ควรจะลงค่ะ  อรู้สึกขาดความรับผิดชอบมากกก TwT  ขออภัยอย่างสูงนะคะรีดที่รักขาาาา M_ _M
มาดูกันค่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้นไหม  และอเล็คจะทำอย่างไรกับคืนแรกหลังจากคืนนั้นที่อิตาเบนได้ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจของอเล็คไปอย่างไม่น่าให้อภัย  และพร้อมกันนั้นอิตาเบนก็จะทำอย่างไรกับคลิปที่มิคาเอลปล่อยออกไป  ร่วมหาคำตอบกันได้ใน part นี้ค่ะ ><  ไปอ่านกันเลยค่าาา


--------------------------------------------------------------------------------------



เสียงดังกระทบกระเทือนจากด้านนอกอย่างไม่ได้ตั้งใจทำให้ร่างบางตกใจ  อเล็คกอดตัวเองไว้โดยที่มีแม็กนัสคอยตระคองกอดอีกชั้นหนึ่ง

สภาพจิตใจที่โดนกระทบกระเทือนมิใช่น้อย  ทำให้อารมณ์ของอเล็คอ่อนไหวง่ายจากที่ปรกติเจ้าตัวก็ช่างอ่อนไหวอยู่แล้ว  จึงเป็นเหตุให้จิตใต้สำนึกสร้างความรู้สึกแย่ๆ และอะดรีนาลีนสูบฉีดไปทั่วร่างกาย

“แม็กนัสอย่าทิ้งฉันไป” อเล็คว่าเสียงสั่นเครือ

“ไม่ต้องกลัวนะอเล็ค  วันนี้มีคนย้ายออกไปอยู่ที่อื่นน่ะ  คงจะเป็นพวกเค้าที่ขนของแล้วเกิดโดนประตูของเราเข้าน่ะ....ไม่ต้องห่วงนะ  เพื่อให้นายสบายใจ  ฉันจะออกไปดูให้เอง” แม็กนัสเอ่ยปลอบเสียงใจเย็น  ก่อนจะลุกขึ้นไปดูสถานการณ์ด้านนอกว่าโอเคไหม ท่ามกลางความไม่ยินยอมของร่างบาง

อเล็คโยเยไม่ให้แม็กนัสไป  แต่ร่างสูงสะโอดสะองซึ่งสวมกางเกงขายาวสีขาวตัวเบาสบายก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูแล้วเปิดแง้มออกไปดูเสียแล้ว

อเล็คหยุดหายใจ  รู้สึกถึงหัวใจที่เต้มเร็วเกินความจำเป็น  และได้ยินเสียงพูดคุยของหญิงสาววัยกลางคนอันอ่อนโยนตอบคำถามของแม็กนัส  ร่างบางเห็นเพื่อนร่างสูงของเค้ายิ้มอย่างหล่อเหลา  แล้วพยักหน้าให้กับเธอหลังจากที่อำลากันเสร็จแล้ว

ไม่มีอะไร....

“ไม่เป็นไรอเล็ค  เธอเพิ่งจะหักเงินของบริษัทขนส่งที่เพิ่งทำเปียโนหลังโปรดของเธอเป็นรอยไปน่ะ” แม็กนัสเดินกลับมา แล้วฉุดอเล็คขึ้นมา “ทางมันแคบไปหน่อยฉันรู้  มันฟังดูแย่สำหรับนายแต่เสียงนั่นก็เป็นแค่อะไรที่ปรกตินะอเล็ค  ตอนนี้นายปลอดภัยแล้ว  ฉันจะปกป้องนายเองไม่ต้องเป็นห่วง”

ร่างสูงสะโอดสะองที่ยังไม่ทันได้แต่งตัวเสร็จดีเพราะรีบพุ่งทะเลอทะล่าออกมาจากห้องน้ำ  พาเพื่อนตัวน้อยมานั่งที่โซฟาตัวโปรดของเค้า  ก่อนจะพยายามเกลี่ยกล่อมให้ชายหนุ่มที่ผิวขาวผิดจากคนอื่นๆ ไปเข้านอน

แต่ทว่าวันนี้เค้าก็ได้รับความอิดออดจากอเล็คมากมายเหลือเกิน  และครั้งนี้ก็เช่นกัน  แต่ว่าแม็กนัสกลับเข้าใจความอิดออดในครั้งนี้เป็นที่สุด  ก็เพราะว่าที่นี่มีเตียงนอนเพียงแค่เตียงเดียว  และนั่นก็คือเตียงที่เค้าใช้ขืนใจอเล็คนั่นเอง

ใช่  มันยากที่จะยอมรับหรือกลับลงไปล้มตัวนอนลงบนเตียงที่เค้าได้ใช้ทำร้ายจิตใจของอเล็คเพราะความมัวเมานั่นได้อีกครั้งสำหรับร่างบางผู้ที่มีจิตใจเปราะบางที่สุด  เค้าเองก็เข้าใจ

ดังนั้น พวกเค้าทั้งสองคนจึงนอนที่โซฟาตัวกว้างในห้องนั่งเล่นของร่างสูงแทน  และแน่นอน แม็กนัสอยู่กับอเล็คไม่เคยห่าง  ทุกครั้งที่ล้มตัวลงนอน เค้าจะกอดอเล็คไว้แม้ไม่มีคำร้องขอจากเพื่อนตัวน้อยก็ตาม  แม็กนัสเพียงอยากจะให้มั่นใจว่าเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วอเล็คจะยังคงอยู่ในอ้อมกอดของเค้า และไม่หายไปไหนอีก

และในวันต่อมา  ร่างสูงสะโอดสะองด้วยรูปร่างหน้าตาอันโดดเด่นก็ให้แถลงข่าวกับนักข่าวหลายต่อหลายสำนักที่มาร่วมทำข่าว ถึงหัวข้อที่มีประเด็นฮอตร้อนแรงที่สุดในขณะนี้

แม็กนัสบอกทุกอย่างเกี่ยวกับเอลซ่า ซึ่งเค้ารู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่เลือกคบกับเธอ  และยังมีข่าวที่น่าตกใจมากจากตำรวจอีกด้วยว่าอดีตแฟนสาวของเค้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการปิดตัวลงอย่างปริศนาของร้านลาเฟ่ชื่อดังในย่านดาวน์ทาวด์ เพียงเพราะเธอรู้สึกไม่พอใจ

แฟนคลับและคนอื่นๆ รู้สึกเห็นใจแม็กนัสเป็นอย่างมากที่ถูกหลอกโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย  และยังโดนโจมตีด้วยคลิปที่ดูละเมิดสิทธิของความเป็นส่วนตัวอีกต่างหาก  สำหรับคะแนนความเห็นใจนั้น  นายแบบหนุ่มผิวสีแทนได้ไปเต็มๆ อย่างที่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้คาดฝัน 

แต่ดูเหมือนทางฝ่ายที่โดนโจมตีเสียยับเยินอย่างหนักจนไม่มีใครคิดแม้แต่จะหยิบยื่นความเห็นใจไปให้นั้น คงจะเป็นฝั่งนักแสดงสาวหลายเล่ห์มารยาร้ายเสียมากกว่า  ซึ่งภายหลังได้มีคนออกมาเปิดเผยว่าเธอได้สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองเพราะกระแสกดดันอันมหาศาลจนไม่เหมือนเดิมไปแล้ว

เอลซ่าได้ถูกนำไปดูแลอยู่ในสถานที่ของบุคคลซึ่งสูญเสียความเป็นคนปรกติไป  ซึ่งนั่นก็เหมาะสมแล้วสำหรับเธอ  เอลซ่าคงจะไม่สามารถออกมาทำตัวร้ายกาจใส่ใครได้อีกแล้ว 

และในงานแถลงข่าวที่เปรียบเสมือนการปลดเปลื้องของแม็กนัสนั้นได้มีผู้ร่วมรับฟังกว่าพันคนในห้องประชุมของทางต้นสังกัดเอง  และถ้าหากมีคนสังเกตสักหน่อย ก็คงจะเห็นเพื่อนร่างบางของนายแบบชื่อดัง มานั่งให้กำลังใจอยู่ที่ด้านหลังเวทีแถลงข่าวเงียบๆ ด้วย

อเล็คเกาะเก้าอี้ในคอนโดแล้ว  แต่แม็กนัสก็ไม่ยอมให้เค้าได้ห่างตัวเลยแม้สักนาทีเดียว

และเมื่อการแถลงข่าวผ่านพ้นไปได้ด้วยดี  ร่างสูงก็ได้มีเวลาอยู่กับเพื่อนตัวน้อยเสียที  และต้องการความเป็นส่วนตัวเมื่อผู้จัดการจอมจุ้นของเค้าถามถึงอเล็คว่าเป็นอะไรกับแม็กนัสกันแน่

“เค้าเป็นคนที่ผมห่วงใยมากที่สุด” แม็กนัสบอก และอ้อนวอนขอเวลาพักจากงานในวงการสักพักหนึ่ง เพราะเค้าต้องการจัดการอะไรๆ หลายๆ อย่างให้เรียบร้อยพร้อมทั้งให้เวลาแก่อเล็คด้วย

และเมื่อผ่านไปพร้อมกับเวลาที่ใช้ร่วมกับเพื่อนร่างบาง  แม็กนัสก็สังเกตได้ว่าอเล็คมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นทุกๆ วัน  อเล็คยิ้มมากขึ้น  หัวเราะมากขึ้น  และทุกครั้งที่อยู่กับอเล็คแม็กนัสก็มั่นใจในข้อความจากเจซที่ว่าเพื่อนตัวน้อยผู้แสนดีของเค้าเป็นคนเข้ามาทำความสะอาดและดูแลเค้าในตอนที่เค้าไม่รู้ตัว  เพราะว่าอีกคนหนึ่งนั้นช่างเก็บกวาดเหลือเกินและยังมีแอบบ่นกระปอดกระแปดในตอนที่เค้าวางข้าวของทิ้งไปทั่วอีกต่างหาก

แม็กนัสมีความสุขอย่างน่าเหลือเชื่อเมื่อมีอเล็คอยู่ด้วย ไม่ว่าอะไรก็เทียบเทียมเวลานี้ไม่ได้อีกแล้ว  แม็กนัสรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่เคยทำเรื่องโง่ๆ กับอล็คลงไป  และดูเหมือนเพื่อนร่างบางเองก็พร้อมที่จะให้อภัยเสมอ  อเล็คยิ้มให้เค้า ราวกับว่าที่ผ่านมามีแต่เรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างเจ้าและแม็กนัส

อเล็คมีจิตใจดี  และอ่อนโยน

ใช่  เป็นเช่นนั้นมาโดยตลอด  เป็นอเล็คที่เค้าหลงรักและอยากปกป้อง

 “วันนี้ฉันจะพานายไปที่ๆ หนึ่งล่ะ” ร่างสูงสะโอดสะองที่นั่งอ่านสมุดจดบันทึกของเพื่อนร่างบางอยู่อย่างเอกเขนกเอ่ยขึ้นเสียงเฉื่อยแต่กระตือรือร้น

“เอาของฉันคืนมานะ” อเล็คว่า  เสียงฟังดูเบื่อหน่ายเต็มทีแล้ว  ร่างบางรู้สึกอายนิดๆ ที่มีคนเอาสมุดจดบันทึกของเค้าไปอ่าน  แม็กนัสจัดการย้ายข้าวของทุกอย่างของอเล็คเข้ามาอยู่ในคอนโดของเจ้าตัวไว้เสียอย่างเรียบร้อยตั้งแต่สองวันแรกแล้ว  และแม็กนัสก็เริ่มทำตัวเป็นจอมค้นข้าวของนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

“สมุดนายเยอะจังอเล็ค  แต่ฉันชอบอันนี้นะ  อะไรน่ะ...มีมุมให้เด็กๆ ได้มีพื้นที่ส่วนตัวด้วย  ให้ตาย ยังกะสนามเด็กเล่นเลย”

อ๊าาา  แม็กนัสสสเจ้าบ้าเอ้ย  เอาคืนมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” อเล็คที่ยืนดื่มนมอยู่ตรงเคาน์เตอร์ในห้องครัวรีบวิ่งไปด้วยความเร็วสูง  กระโจนเข้าแย่งสมุดกับเพื่อนร่างสูงจอมสอดรู้สอดเห็นทันที   แม็กนัสอ้าแขนรับไว้แล้วล็อคตัวอเล็คให้ห่างออกจากสมุดที่เค้าใช้มืออีกข้างหนึ่งยกหนีขึ้นจนสูงสุดแขน  อเล็คแย่งเขี้ยวแล้วร้องแง้งๆ ใส่เค้า  แม็กนัสหัวเราะ

“ไม่เอาน่า  ฉันแค่ขอดูนิดเดียวเอง  ไม่จำเป็นต้องทำเป็นหวงหรอกน่า” แม็กนัสยิ้มอย่างเหนือกว่า  อเล็คกระแทกมัดใส่หน้าท้องของเค้า

นิดเดียวของนายน่ะ  หมดชั้นของฉันเลยนะ  ให้ตาย นายปล่อยฉันก่อนได้ไหม  ฉันหายใจไม่ออก  นายรัดแน่นเกินไปแล้วนะ” อเล็คว่าเสียงอึดอัด  ก่อนแม็กนัสจะยอมปล่อยตามที่ขอ  แล้วโดนอเล็คตลบหลังเอื้อมไปคว้าสมุดกลับมาจนได้

แต่ก็ช่างมันเถอะ  เพราะร่างสูงอ่านมันไปสองรอบแล้วนี่นา

การอ่านลายมือหวัดๆ ของอเล็คไม่เคยทำให้เค้าเบื่อเลย

“ร้ายนักนะ เจ้าหนูกินน้ำฝน” แม็กนัสทำหน้าคาดโทษ  แต่อเล็คหน้าบูด

“ฉันไม่ใช่เสียหน่อย”

“ฮ่าๆๆ  ดูทำหน้าเข้าสิ  ไม่ใช่นายรึไงที่ชอบออกไปเล่นน้ำฝนทั้งๆ ที่ตัวเองก็กระหม่อนบางอยู่แล้วหรอกเหรอ”

ฉัน...อึก” อเล็คเถียงไม่ออก  ก่อนจะยื่นปากใส่เพื่อนตัวสูงแล้วกระเถิดหนีตัวออกจากร่างของอีกคนหนึ่งอย่างขัดเคือง

อเล็คไม่เคยเถียงสู้ได้เลย  ไม่เคยเลยสักครั้ง

“โอ้  หวังว่านายคงจะไม่ได้โกรธฉันหรอกนะ” แม็กนัสว่า  บางครั้งเค้าก็อาจจะหยอกอเล็คแรงมากเกินไป  แต่ทว่าเพื่อนร่างบางกลับส่ายศรีษะให้เรือนผมสะบัดไปมาเบาๆ เพื่อให้แม็กนัสเห็นเพียงเท่านั้น  อเล็คที่ร่วงลงมานั่งข้างล่างเกี่ยวนิ้วของตัวเองไปมาและเงียบเร็วเกินไปหลังจากที่บทสนทนาของเค้าสองคนเพียงแค่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น

อเล็คแค่กำลังคิด  แม็กนัสใจดีกับเจ้าตัวมาร่วมหลายอาทิตย์แล้ว  และทุกๆ วันเป็นดั่งวันที่ไม่มีจริงสำหรับร่างบาง

และอเล็คกำลังคิด  แล้วเมื่อไรกันนะ ที่เพื่อนร่างสูงจะให้คนที่แค่ขออาศัยอยู่อย่างอเล็คออกไปเสียที?

อเล็คเงียบ คิดทบทวนกับคำถามของตนเอง  ในขณะที่แม็กนัสลุกขึ้นมาจากเบาะหนานุ่มราคาแสนแพงของเครื่องเรือนที่ไม่เหมือนใคร  ก่อนจะกระเถิดตัวลงมานั่งของเพื่อนตัวน้อยของเค้าบ้าง

อเล็คเป็นอะไรรึเปล่านะ?

แม็กนัสก้มหน้าลงไปมองด้านข้างของใบหน้ายามก้มมองต่ำของร่างบาง “นายโอเคไหมอเล็ค?” ร่างสูงหลงคิดไปว่าเค้าโดนโกรธจริงๆ เข้าเสียแล้ว

แต่เค้าก็เห็นอเล็คกัดริมฝีปากของตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงติดจะแผ่วเบา “ขอบใจนะ”

เพื่อนร่างสูงขมวดคิ้ว  ยิ้มน้อยๆ อย่างไม่รู้ในความหมาย “ขอบใจ?  ในเรื่องของอะไรงั้นเหรอ” แม็กนัสยักไหล่

“ก็เรื่อง  เอ่อ ที่ให้ฉันอยู่นี่น่ะ  นายไม่ต้องการความเป็นส่วนตัวหรอกเหรอ” ร่างบางออกความเห็นที่เจ้าตัวคิดว่าสมควรเป็นเช่นนั้น เป็นเพราะหลายวันก่อนอเล็คได้ยินคำปฏิเสธที่จะรับงานต่อของแม็กนัสกับผู้จัดการ และอีกคนหนึ่งก็รีบกลับทันทีที่จบงานแถลงข่าว  อเล็คกลัวว่าการอยู่ของเค้ารั้งแต่จะลิดรอนเวลาพักผ่อนอันมีค่าของเพื่อนร่างสูง

“หึ...” แม็กนัสหลุดหัวเราะ ลืมตามองขึ้นไปด้านบน รู้สึกร่ำๆ อยากขยี้หัวของเพื่อนตัวน้อยเข้าให้เสียจริง “....อะไรกันเรื่องนั้นน่ะนะ  ไม่เอาน่า  นายไม่จำเป็นต้อง....”

“ฉันแค่กำลังคิดอยู่ว่านายจะให้ฉันออกไปอยู่ข้างนอกเมื่อไร” แต่แล้วจู่ๆ ประโยคของแม็กนัสก็ถูกตัดให้ขาดหายไปด้วยคำพูดที่ฟังดูเกรงอกเกรงใจของร่าบาง

อเล็คคงยังไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดแม็กนัสจึงมีความต้องการให้เจ้าตัวมาอยู่ด้วยกับเค้า

ไม่ใช่เพื่อให้อาศัยเพียงครั้งคราว

แต่ว่าให้อยู่กับเค้าตลอดไป

“นายพูดอะไรออกมาน่ะรู้ตัวไหม” แม็กนัสจับให้อเล็คหันมาหาเค้า  แล้วปัดผมที่ปรกหน้าของเพื่อนตัวน้อยขึ้นไปถัดที่ข้างหูอย่างเช่นที่เคยทำ  อเล็คหน้าแดง

“ถ้าฉันจะไล่นายไป  ฉันก็คงจะบอกตั้งแต่วันแรกแล้วล่ะ” ฝ่ามือทั้งสองข้างที่คอยปลอบประโลมไม่ห่างนั้น ทาบไปที่ผิวแก้มอันขึ้นสีระเรื่อของอเล็ค

“แต่ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้...”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ  นี่ที่ของฉัน  ไม่มีใครมาสั่งนายได้เข้าใจไหม  และฉันต้องการให้นายอยู่ที่นี่.....อยู่กับฉัน” แม็กนัสกล่าวอย่างชัดเจน  แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ไปเถอะ  ฉันจะพานายไปดูอะไรเจ๋งๆ” ร่างสูงสะโอดสะองว่า เปลี่ยนหัวข้อสนทนากลับไปอย่างไม่บอกกล่าว ก่อนจะผันมุมปากเป็นรอยยิ้มที่อเล็คไม่สามารถคาดเดาได้แทน

“อะไรเหรอ?” เพื่อนร่างบางที่โดนดึงให้ลุกขึ้นมามีสีหน้างุนงงเป็นอย่างยิ่ง

“เถอะน่า” แต่ทว่าเพื่อนร่างสูงก็ไม่ยอมให้ข้อมูลอะไรที่มากมายกว่านั้นเลย  แถมยังพาอเล็คขับรถไปด้วยความเร็วที่ไม่เหมาะสมกับท้องถนนซึ่งเต็มไปด้วยไฟแดงและรถราอันคับคั่งแห่งแมนฮัตตันอีกด้วย

หลายวันที่ผ่านมาแม็กนัสเลิกที่จะไม่ออกไปพบหน้าผู้คน  หลีกเลี่ยงการโดนจับตามาโดยตลอดอย่างเกียจคร้าน  จนกระทั่งตอนนี้ เค้ากำลังซิ่งรถแรงราคาร้อยล้านอยู่บนถนนย่านที่วุ่นวายที่สุดของเมืองอยู่อย่างไม่กลัวตาย

แม็กนัสฉันเกลียดนายยย!” อเล็คที่จิกเบาะแน่น ตะโกนออกมาอย่างหวาดเสียว  เมื่อรถแรงสีส้มเด่นตาเหวี่ยงตัวเลี้ยวเข้าตรอกเล็กๆ เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางซึ่งรถกำลังติดอย่างน่าเป็นห่วงว่าจะชนเข้ากับมุมตรอกเอา

ห๊ะ  อะไรนะ?  นายรักฉันมากเลยหรือ...โอ้  ไม่เอาน่า อเล็ค  แค่ขับรถเอง นายก็หลงฉันขนาดนี้ซะแล้วเหรอ” แม็กนัสกล่าวเสียงกลั้วหัวเราะอย่างยินดี และทำเป็นไม่ได้ยินเสียงตะโกนกดด่าของอเล็ค  มันทำให้แม็กนัสเกิดอาการอยากแหย่เล่นมากเข้าไปทุกที

....แต่จะว่าไปนอกจากจะดูแลอย่างดีแล้ว แม็กนัสเองก็ชอบแกล้งอเล็คเล่นอีกด้วย  ก็ทำไงได้ล่ะ

ก็อเล็คน่ารักนี่นา....

“บ้าเอ้ยยย  ฉันจะฆ่านายยยย” เพื่อนตัวน้อยยังคงไม่หยุดโวยวาย  แม็กนัสยิ้มอย่างสนุกสนานอนึ่งนั่งรถไฟเหาะ ก่อนที่จะหัวเราะไปด้วย

“อะไรนะ?  นายจะจูบฉันเหรอ” แม็กนัสยังไม่เลิกเย้า  รถพุ่งทะยานออกมาจากตรอกจนตัวลอย แล้วแม็กนัสก็หักพวกมาลัยไปทางขวา

“บ้าใครจะไปทำกัน  อ๊าาา  โอ้พระเจ้า  นายจะบ้ารึไงกัน  ฉันจะแจ้งตำรวจให้ยึดใบขับขี่นายซะแม็กนัส!! ให้ตายสิ....โอ้ พระเจ้านั่น! นั่น  นั่นคนเข็นรถเข็น!“ อเล็คหวีดร้อง  และหลับตาปี๋ ชี้มือไปที่ชายพเนจรซึ่งร่างบางเห็นบ่อยๆ ในย่านนี้กำลังเข็นรถเข็นเก็บของอยู่ข้างทาง

แต่แม็กนัสไม่ได้ตื่นเต้นด้วย  มือแกร่งหักพวกมาลัยไปทางขวาอีกเล็กน้อยแล้วหมุนมันกลับ เพื่อให้ตัวรถได้เบี่ยงหลบชายที่ยืนจังกาอยู่ได้อย่างพอดิบพอดี

อเล็คยกมือขึ้นปิดตา ก่อนจะค่อยๆ ถ่างนิ้วออกมาแง้ดูสถานการณ์ด้านนอก เมื่อรู้สึกได้ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่ไฟหน้า  รถที่พวกเค้านั่งอยู่ยังคงเเล่นไปด้วยความเร็วที่ไม่คงที่และไม่เคยลดลงเลย  จนบางครั้งอเล็คก็คิดไปว่าเพื่อนร่างสูงของเค้าไปเก็บกดความเร็วแบบนี้มาจากไหนกันแน่นะ หรือเพราะว่าทำงานหนักเกินไปเลยต้องมาระบายด้วยการพาตัวเองไปตายด้วยวิธีแบบนี้กัน

อู่ว์ ไม่เอาน่าอเล็ค  นายก็รู้ว่าฉันไว้ใจได้  ฉันเป็นเจ้าพ่อถนนแมนฮัตตันเชียวนะ” แม็กนัสยิ้ม และยักคิ้วใส่เพื่อนตัวน้อย เลยโดนชกสั่งสอนไปเสียทีหนึ่งเต็มๆ

“นายบ้าไปแล้วเหรอนั่นโจเซฟนะ  ฉันรู้จักเค้า  ฉันเห็นเค้าเดินไปตามถนนตัดตรอกออกไปเก็บของที่ย่านถัดไปทุกวัน  เมื่อกี้นายเกือบฆ่าเค้าแล้วนะรู้ตัวไหม!

“งั้นเหรอ  จริงสิที่ว่านายรู้จักเค้าน่ะ” แม็กนัสยังคงคุมพวงมาลัยและมองถนนตรงหน้า  ในซอยเล็กๆ นั่นต่อไป ก่อนจะหันมายักคิ้วใส่อเล็คครั้งหนึ่งแล้วแย้มยิ้มออกมาอย่างที่ใครๆ เห็นก็ต้องหยุดมอง

“ก็ใช่นะสิ เค้า...เอ๋” อเล็คว่า  กำลังจะบ่นถึงการขับรถที่ไม่น่าได้ใบอนุญาตขับขี่ของแม็กนัส  จนกระทั่งคำพูดของเค้าถูกตัดหายไปด้วยสีหน้าที่นิ่งงัน  ราวกับมีคนหยิกเค้าที่แขน

ใช่  ที่นี่เป็นที่ๆ เค้ารู้จัก...รู้จักอย่างทะลุปรุโปร่งเลยเสียด้วยซ้ำ  และเค้าก็รู้จักโจเซฟจากการเห็นอีกฝ่ายเข็นรถเข็นผ่านกระจกจากร้านที่ทำงานอยู่เป็นประจำ  

ใช่  อเล็ครู้จักที่นี่



.



.



.



TBC.



----------------------------------------------------------------------------------------



ที่ไหน?ที่ไหนคือที่นี่ ที่นี่คือที่ไหนคะ!!!???  //สลับคำเพื่อ?//  อิตาเบนน พาอเล็คมาที่ไหนกันอ่าาา  ง่อวววว  ร่วมติดตามและหาคำตอบกันใน Part หน้าเลยค่ะ  และรู้สึกว่าเค้าเริ่มมุ้งมิ้งกันแล้ว  สงสัยว่าตนเด็กๆ เนี่ยคงจะน่ารักกันน่าดูเลยค่ะ แบบว่าคงจะโอ๋กันมากกกก  //โอยย คิดแล้วเคลิ้มมมม *w*

แหมมม  อิตาเบนจะเซอร์ไพรส์อะไรอเล็คงั้นเหรอคะ? หืมมม บอกมาๆๆ //ถ้าบอกแล้วจะเป็นเซอร์ไพรส์เหรอ? -*-  แม็กนัสส่งสายตา//

5555555  เซอร์ไพรส์ก็เซอร์ไพรส์จิ  ไม่ถามแล้วก็ได้  อย่าเตะกันน้าาาา //เออ อันที่จริงฉันก็รู้อยู่แล้วอ่ะน่ะ รู้ตอนจบนายจะทำอะไรด้วย  ชริๆๆ//

และที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่ไหน  มีอะไรรออเล็คอยู่  ร่วมติดตามชมกันได้ใน Part หน้าค่ะ  ขอบคุณสำหรับการติดตามเรื่อยมานะคะ ^^  มารอดู Part หน้ากันต่อค่ะ  รักรีดทุกท่านนะค้าาาา ><

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund


ไม่มีความคิดเห็น: