วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558

[FIC - TMI] + [Part 33...END] Your Heart……หัวใจนายเป็นของฉัน – Magnus x Alec




เฮื้ออ  อร๊ายยยยยยยย!!!  กรี๊ดดดดดดด ><   มาถึงแล้วค่ะ  มาถึงแล้วว!!  กับบทสรุปสุดท้ายของปลายทางความรักของแม็กนัสและอเล็ค ><  อุ  หรือจะบอกว่าบทสรุปของทุกคนดีล่ะคะ  //ไม่  ไม่ได้บอกทุกคนหรอก  แม็กนัสกับอเล็คเหมือนเดิมล่ะดีแล้ว -*-//

พูดถึงแล้ว โดยส่วนตัวไรท์ชอบตอนจบแบบนี้มากเลยค่ะ  ทุกคนกลับมาอยู่ด้วยกันอย่างสุขสันต์และทำในสิ่งที่รักต่อไป  นี่แหละค่ะ Happy Ending ของจริงง ><  อร๊ายยยยย  บรรยากาศอบอุ่นมากเลยค่ะ  พาให้หัวใจอบอุ่นไปด้วย  อดยิ้มตามไม่ได้เลยล่ะค่ะ  อิตาเบนก็ตาสว่าง  เจซก็ยอมหลีกทาง (?) //แต่พอคุณก็น่ากลัวอยู่นะคะ 555//  ส่วนอเล็คน้อยๆ ก็มีความสุขกับเค้าสักที  ฮ่อลลลลลลลลล  ดีใจกับหนูด้วยจริงๆ นะลูก TUT 

ไรท์ชอบบรรยากาศที่ทุกคนในร้านช่วยกันดูแลมากๆ เลยล่ะค่ะ  ดุอยู่ในอ้อมกอดของเพื่อนพ้องที่รักยังไงยังงั้นเลยค่ะ  โอ๊ยยย  เวิ่นมากไปแล้ว  หากเช่นนั้น เชิญรีดๆ ไปดื่มด่ำกับตอนจบของ Your Heart……หัวใจนายเป็นของฉัน ได้เลยค่ะ ><  ฟิ้ววววว



------------------------------------------------------------------------------------------------------



จนกระทั่งถึงเวลาเที่ยงเศษ....

การเปิดร้านขึ้นมาใหม่สร้างความแปลกใจให้แก่ทุกคนเป็นอย่างมาก  และฮาร์โมนี่ที่เป็นผู้ช่วยเชฟก็ต้องออกมาช่วยงานหน้าร้านอย่างไม่มีทางเลือก เพื่อช่วยรับออเดอร์ของเหล่าลูกค้าที่แทบจะล้นออกมานอกร้านด้วยความตื่นเต้นด้วยซ้ำไป  ซึ่งเพราะนอกจากร้านที่เป็นขวัญใจของคนในย่านนี้จะเปิดตัวอีกครั้งแล้ว นั่นก็เนื่องมาจากนายแบบร่างสูงสะโอดสะองผิวเข้มที่เข้ามาช่วยรับออเดอร์ที่หน้าร้านอย่างขยันขันแข็งอีกด้วย

รูปแบบของร้านถูกจัดใหม่  และเมนูหลายๆ อย่างก็ถูกใส่เข้ามาใหม่ และมันก็ถูกใจลูกค้าทุกคนเอามากๆ เหล่าบรรดาผู้มาใช้บริการก็ต่างพูดถึงอเล็คและทักทายร่างบางอย่างคิดถึงเช่นเดียวกันกับพนักงานคนอื่นๆ ในร้าน  แต่ทว่ารอยยิ้มเมื่อระบายขึ้นให้แก่ลูกค้านั้นกลับเป็นสิ่งที่สามารถตรึงใจของใครหลายๆ คนได้เป็นอย่างดี

นี่แหละคือสิ่งที่อเล็ครัก

ร้านของเค้าได้เป็นสถานที่ๆ ดึงเอาผู้คนมากมายและหลากหลายให้เข้ามาอยู่ด้วยกัน  พบปะ  พูดคุย  และแลกเปลี่ยน  อเล็คมีความสุขเสมอที่ทุกคนได้รับมอบความสุขนั้นผ่านกาแฟของเค้า  และร่างบางก็รู้สึกสุขใจเสมอที่ได้เดินตามความฝันของตัวเองท่ามกลางผู้คนมากมายอันเป็นที่รัก

นั่นแหละสิ่งที่อเล็คต้องการ

แล้วคุณล่ะ  เจอสิ่งที่ต้องการหรือยัง?



***************************************************************************



เป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้วสำหรับวันเปิดร้านวันแรกของพวกเค้า....

แต่ละคนล้วนนั่งห้อยแขนกับพนักพิงของเก้าอี้ในร้านกันอย่างหมดแรงในคนละมุมร้านตามแต่จะพอใจ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าหมดเรี่ยวแรงแล้วจริงๆ  พวกเค้าไม่เคยรับลูกค้าเยอะขนาดนี้มาก่อนเลย  เกือบจะเข้าเวลาบ่ายสองเสียด้วยซ้ำกว่าลูกค้าที่ยอมเลทเข้างานตอนบ่ายจะทยอยออกไปกันจนหมด  ของที่ร้านหมดเกลี้ยง  ก่อนจะถูกซื้อเข้ามาเพิ่มใหม่เมื่อครู่นี้(จากการซิ่งรถไปช้อปปิ้งของแม็กนัส โดยมีผู้กำกับเป็นอเล็คและเจซที่ขอติดสอยห้อยตามไปด้วย  แม้จะต้องนั่งอัดกันมากแค่ไหนก็ตาม) ในช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงที่ว่างที่สุดของวัน   ไม่มีใครเข้าร้านเลยจนกว่าจะถึงเวลาเลิกงานในตอนเย็นอีกครั้งหนึ่ง  ดังนั้น พนักงานในร้านจึงมีเวลาพักผ่อนเสียที

บางทีวันนี้อาจจะต้องปิดร้านเร็วหน่อย  เพราะพนักงานทุกคน หรือแม้แต่ผู้เสนอตัวขอเข้ามาช่วยอย่างนายแบบหนุ่มสุดฮอตก็ยังต้องขาล้า

กริ้งงง

แต่แล้วเสียงกริ้งหน้าร้านก็ดังขึ้นอีก  เป็นเหตุให้พนักงานผู้ขยันขันแข็งแต่แสนจะโรยราแล้วในตอนนี้ หันควับไปพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายจนคอแทบจะพังทันที  เจซที่เหนื่อยล้ากำลังจะทำท่าไล่แม็กนัสออกไปรับลูกค้า  แต่ทว่าลูกค้าตาสีฟ้าเป็นประกายที่เดินเข้ามาพร้อมชายอีกคนก็กล่าวขึ้นเสียก่อน

ลูกค้าคนนี้เอ่ยเสียงร่าเริง ก่อนจะกวาดสายตามองไปยังพนักงานที่เรียงรายอยู่ตามมุมร้านที่ละนอย่างเวทนา “ว่าว วาว ว้าว  เฮ้ ดูที่นี่สิน่าทึ่งชะมัดเลย  ฉันไม่ได้เข้ามานานแค่ไหนแล้วนะ  โอ้ ทุกอย่างดูวิเศษชะมัด  เอ่อ เว้นซะแต่พนักงานดูเหี่ยวไปหน่อยนะ”

“ออกไปเลย จิม   เคิร์ก

“อ้าว  ไงเพื่อนเบน  นายหายหน้าหายตาไปนาน พอฉันมาเห็นนายอีกทีก็มีข่าวดังกระฉ่อนไปทั่ววงการเลยนะ” ผู้มาใหม่ที่ยังไม่ทันจะได้นั่งก็โดนไล่เสียแล้ว  อเล็คยกมือขึ้นจะปรามแต่ร่างบางก็ช้าไป  เมื่อคู่กรณีคนใหม่ของแม็กนัสตอบกลับร่างสูงสะโอดสะองไปอย่างไม่สนใจในคำไล่

เจมส์ ที. เคิร์ก ยิ้มแจกความสดใสเป็นประกายฉายแววซุกซนไปทั่ว แล้วพูดกับแม็กนัสอีก “เฮ้  วันนี้นายรับจ็อบพิเศษหรือเพื่อน  ทำงานต่อไปนะ  วงการบันเทิงคงยังทนคิดถึงนายได้อยู่  แต่ไหนกัน เด็กคนนั้นอยู่ไหนฉันอยากจะเจอเค้า”

และพลันเมื่อกัปตันผมทองสอดสายตาไปพบอเล็คที่นั่งพนังกระจกอย่างอ่อนแรงเข้า เจ้าตัวก็ฉีกยิ้มตาลุกวาวมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า  จิมเดินเข้าไปกอดอเล็คเฉกเช่นเหมือนคนที่เคยรู้จักกันมาก่อน “โอ้ อยู่นี่ไงหนุ่มน้อยผู้เก่งกาจคนโปรดของฉัน  เป็นไงบ้างอเล็ค...อเล็ค? เค้าชื่ออเล็คใช่ไหม?” คนที่อยู่ๆ ก็เดินเข้ามาทักทายโดยที่ไม่รู้จักอีกฝ่ายเลย หันไปเอ่ยถามแม็กนัสที่เดินมาเข้าทำหน้ายังกะจะกินเลือดกินเนื้อจิมให้ได้

“อย่ายุ่งกับอเล็ค” ร่างสูงสะโอดสะองดูหวง  ก่อนจะเหล่กลับไปมองคนที่เพื่อนตัวแสบหิ้วมาด้วย “พาหมอนี่มาทำไม  ทำไมล่ามไว้ที่บ้าน”

“โทษนะ นั่นแฟนฉัน  ถ้าฉันจะล่าม  ฉันจะล่ามปากนายมากกว่าแม็กนัส” จิมทำหน้าตาย

“แล้วถ้าแฟนต่างดาวของนายส่งพลังจิตล้างสมองคนอื่นขึ้นมาทำไงล่ะ”

“นี่ วันนี้ฉันมากินกาแฟกะชื่นชมร้านใหม่  ไม่ใช่มาทะเลาะกับนายเรื่องสป็อคนะพวก เลิกถากถางเค้าได้แล้ว” จิมหน้ายู่  ก่อนแม็กนัสจะหยอกจนพอใจแล้ว  อเล็คเห็นร่างสูงที่คอยตามเค้าแจพยักหน้าอย่างไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะเอ่ยเสียงฟังดูตื่นตัว

“อ่อ  งั้นเหรอ”

จนอเล็คต้องปรามขึ้นน้อยๆ  “โธ่ แม็กนัสได้โปรดเถอะ” ร่างบางอดที่จะกลั้นยิ้มน้อยๆ ไม่ได้เลยเมื่อเห็นแม็กนัสทำหน้าตลกหาเรื่องคนอื่นแบบนั้น   และนั่นได้ผล  เพื่อนร่างสูงยอมหยุดในที่สุดก่อนจะหันไปทักทายกับคนที่มากับจิมซึ่งไม่ยอมพูดไม่ยอมจาแม้สักคำเดียว  ซึ่งอันที่จริงก็แค่แหย่จิมอย่างที่มันชอบแหย่เค้าเล่นเท่านั้นเอง  ร่างสูงไม่ได้มีเจตนาที่จะหมิ่นเกรียติหรือลบลู่ร่างสูงที่อยู่ด้านหลังของเพื่อนจอมป่วนเลยแม้แต่น้อย

“ไง คุณสป็อค”

“สวัสดีครับ คุณแม็กนัส   เบน” แม็กนัสทำเสียงเหมือนกลั้นขำก่อนจะโดนอเล็คต่อยไปเสียที่หลัง  แล้วร่างบางก็หันมายิ้มกับ จิม  เคิร์ก ผู้มีตาสีเดียวกับกับเจ้าตัวแต่ทว่าเปล่งประกายกันคนละแบบ

“ยินดีต้อนรับครับ  จะรับอะไรดีครับ?” อเล็คลุกขึ้น และยิ้มราวกับเค้ามีพลังงานอยู่อย่างเต็มเปี่ยมตลอดเวลา  กัปตันผู้มีนิสัยซุกซนอยู่เป็นนิจเดินตามหลังชายหนุ่มผู้ที่มีความอ่อนโยนอยู่เป็นนิจเช่นเดียวกัน ไปที่โต๊ะซึ่งอยู่ในมุมที่ดีที่สุดของร้าน  สป็อคเดินตามจิมไปด้วยโดยไม่ต้องออกแรงเอ่ยชื่อ

และการต้อนรับแขกที่เหนือความคาดหมายแต่ทว่าก็สนุกสนานราวกับเป็นเพื่อนกันนั้น ก็ไม่ได้ทำให้คนในร้านต้องเหนื่อยนักเลย  เดฟรับหน้าที่ดูแลจิมกับสป็อคต่อ  ดังนั้น อเล็คจึงสามารถกลับมานั่งพักผ่อนต่อที่เก้าอี้ตัวเดิมได้  แม็กนัสเดินมานั่งที่ฝั่งตรงข้ามของเค้า  ร่างสูงสะโอดสะองค่อยๆ แทรกตัวเข้ามาแล้วหย่อนกายนั่งลงอย่างแผ่วเบา  แม็กนัสยิ้มบางๆ ให้กับร่างบางที่ยิ้มตอบเค้า

เป็นเวลาเกือบเย็นแล้วที่พวกเค้าได้นั่งเอื่อยเฉื่อยเหม่อมองออกไปนอกกระจกใสแจ๋วที่ทอดผ่านออกไปยังด้านนอก ซึ่งมีรถราสัญจรอยู่อย่างเบาบาง เช่นเดียวกันกับผู้คนที่เดินข้ามถนนผ่านไปผ่านมาอย่างไม่รีบร้อน  มีผู้ปกครองหลายคนเดินไปรับเด็กๆ กลับมาจากโรงเรียน  ที่ตรงมุมถนนนั้นต้นไม้ผอมบางที่ถูกปลูกไว้เพื่อปรับทัศนียภาพใบร่วงโกร๋นเพราะย่างเข้าฤดูหนาวแล้ว เช่นเดียวกับต้นอื่นๆ ที่ตั้งปลูกอยู่บนฟุตบาทหน้าร้านของอเล็ค  แต่ทว่าอากาศในตอนใกล้เย็นเยี่ยงนี้ก็ยังอบอุ่น

แสงแดดสีส้มแก่ยามที่ย่างกลายเข้าสู่เวลาเย็นสาดส่องเข้ามาในร้านผ่านกระจกใสที่รายล้อมอยู่เกือบทุกมุมของร้าน  แสงนั้นเมื่อส่องผ่านมายังใบหน้าของชายหนุ่มทั้งสองแล้ว ทำให้ดวงตาสีฟ้าสวยงามของอเล็คกลายเป็นอีกสีหนึ่งที่ดูอ่อนกว่าและดูกระจ่างกว่ามาก  และดวงตาของแม็กนัสก็กลายเป็นสีน้ำตาลอ่อน

มือแกร่งเอื้อมออกไปกุมมือที่ซึ่งขาวเนียนและดูบอบบางกว่าของตัวเองมาก  แม็กนัสกระซิบอย่างภูมิใจ

“นายทำได้แล้วอเล็ค  นายเก่งมาก” เค้ายิ้ม  แต่อเล็คกลับส่ายหน้าช้าๆ

“ไม่  มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกถ้าไม่มีนายแม็กนัส  นายหยิบยื่นโอกาสให้ฉันนะ  ฉันต้องขอบคุณนาย” รอยยิ้มน่ารักและสวยงามของอเล็คไม่เคยจางหายไปไหนเลยเมื่อแม็กนัสคอยอยู่ข้างๆ

“แต่ฉันขอโทษนะ  ที่เคยไม่สนใจนายจนไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย  ฉันขอโทษนะอเล็ค” ครานี้ร่างสูงสะโอดสะองทำหน้าตาสำนึกผิด พร้อมกับทั้งกระชับการเกาะกุมฝ่ามือไปด้วยนั้นไปด้วย เพื่อบ่งบอกว่าเค้ารู้สึกไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง

แต่อเล็คกลับเม้มปาก  เลิกคิ้วขึ้นแล้วมองไปทางอื่นราวกับจะโยนคำพูดของแม็กนัสทิ้งไปซะ  “ช่างมันเถอะ  มันไม่ใช่ความผิดของนาย  ฉันยังรู้สึกโชคดีเกินไปเสียด้วยซ้ำที่นายอุตส่าห์ช่วย....”

“ฉันแคร์นายนะอเล็ค” จู่ๆ แม็กนัสก็ตัดคำพูดของอเล็คลงไปเสีย  แล้วเอื้อมฝ่ามือแกร่งแข็งแรงที่บัดนี้คืนความอบอุ่นกลับมาอีกครั้ง ไปกอบกุมอยู่ข้างแก้มใสที่โดนแสงแดดแตะต้องของอเล็ค  ร่างสูงสะโอดสะองอยากให้ร่างบางของเค้ารู้ว่าเค้าพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่ออีกฝ่าย และจะต้องได้อยู่ด้วยกันตลอดไป

“ฉันทำทั้งหมดนี่ก็เพื่อเราอเล็ค  เพื่อนาย  เพื่อฉัน  ความสุขของนายเป็นสิ่งเดียวที่ฉันต้องการและจะรักษาไว้ตลอดไปเพื่อให้แน่ใจว่านายจะไม่มีวันเสียใจหรือโดดเดี่ยวอีกเป็นอันขาด” แม็กนัสมองตามแก้มเนียนใสที่เค้าไล่สัมผัส  จมูกโด่งรั้นเป็นสันคมสวยที่เค้าชอบ  ริมฝีปากสีชมพูมุกบางสวยที่เค้านิยมจูบ  และดวงตาสีท้องฟ้าอันกว้างไกลซึ่งเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความอบอุ่นที่เค้าหลงใหล  แม็กนัสยิ้มอย่างล่องลอย  แต่ทว่าคำพูดของร่างสูงที่เอ่ยออกมาก็ช่างจริงใจ และแฝงเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญา

“ฉันรักนาย”

อเล็คมีดวงตาเปล่งประกายวูบไหว ก่อนจะรีบก้มมองพื้นโต๊ะไม้สีขาวขัดเงาอย่างเคอะเขิน.....ร่างบางยังไม่เคยรู้สึกชินเสียทีกับคำพูดและท่าทางแบบนี้ของเพื่อนร่างสูง  แม็กนัสจับมืออเล็คไว้และสัญญาว่าเราจะเป็นเช่นวันนี้ไปตลอดกาล ในขณะนั้นเองร่างสูงสะโอดสะองก็ลุกขึ้นจนเต็มความสูง ก่อนจะเดินอ้อมมานั่งอยู่ที่ฝั่งเดียวกันกับอเล็ค

ร่างบางเห็นเสื้อยืดตัวสีดำของแม็กนัสลู่ติดตามร่างกายของแม็กนัสในตอนที่เดินเข้ามาหา  และท่อนแขนแข็งแรงที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวยงามนั้นก็สวมกอดเพื่อนตัวน้อยไว้ราวกับว่าไม่ได้เจอกันมานานแสนนาน  แม็กนัสไม่เคยลืมเสมอว่าตัวเองเป็นใครและเค้ามักจะทำตัวเหมือนไม่ได้เป็นคนดังทุกครั้งเมื่อมีโอกาส

อเล็คกอดตอบ ได้ยินเสียงเพื่อนร่างสูงสูดกลิ่นกายหอมๆ จากซอกคอของตัวเอง  และเจ้าตัวก็รู้สึกถึงความอบอุ่นพร้อมทั้งความรู้สึกมากมายที่แม็กนัสมีให้  ร่างสูงส่งผ่านสิ่งเหล่านั้นมาทางอ้อมกอดนี้  แม็กนัสละอ้อมกอดออกมาในที่สุดเพราะนึกกลัวว่าถ้าหากนานกว่านี้เพื่อนตัวน้อยของเค้าอาจจะขาดอากาศหายใจได้

แม็กนัสวาดรอยยิ้มเมื่ออยู่ต่อหน้าอเล็ค  เมื่อได้เห็นรูปหน้าที่เค้าคุ้นเคย  เมื่อได้เห็นรอยยิ้มจากริมฝีปากบางเนียนนุ่มคู่นั้น  เมื่อได้เห็นดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายนั้น  และเมื่อได้เห็นว่าอเล็คยังคงอยู่กับเค้าไม่ไปไหน  แม็กนัสยังคงไม่ได้เสียอเล็คไปและร่างบางของเพื่อนตัวน้อยตรงหน้านี้ยังคงไม่ทิ้งเค้าไปไหน แม้แม็กนัสเองจะทำตัวงี่เง่าสิ้นคิดมากเพียงใดก็ตาม

รู้ไหม  พอมาคิดๆ ดูแล้ว แม็กนัสช่างโชคดีเหลือเกินที่มีอเล็คอยู่....

อเล็คผู้ซื่อสัตย์

เป็นอเล็คที่เค้ารัก....

แม็กนัสลูบใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อแข่งกับแสงอาทิตย์ยามเย็น  แล้วยิ้มละมุน เอียงใบหน้าคมสันไปเล็กน้อยอย่างเคลื่อนคล้อย  อเล็คยิ้มหวานตาม

“มีอะไรเหรอแม็กนัส?” ร่างบางไม่เข้าใจนัก  แต่ก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนละมุนที่แม็กนัสมีให้

แม็กนัสไม่ได้ตอบคำถามโดยตรง  แต่เค้าเลือกที่จะเอ่ยสิ่งที่ใจคิดออกไปแทน

“ฉันรักนาย” คำพูดนั้นส่งต่อมายังร่างบางได้ไม่ยากนัก  แม็กนัสคิดเช่นไร  อเล็ครู้และรับไว้ด้วยใจ  แต่ทว่าการบอกอย่างไม่กลัวเปลืองคำนั้นก็สามารถทำให้ร่างบางผิวขาวกระจ่าง ใบหน้าเปลี่ยนสีไปได้อย่างรวดเร็วไม่หยอกเลย

แต่อเล็คดีใจเสมอที่ได้ยินคำนั้น  เพื่อนตัวน้อยพยักหน้าเล็กน้อย

“ฉันก็รักนาย”

อเล็คยักฝ่ามืออ่อนนุ่มขึ้นมาทาบทับมือแกร่งที่สัมผัสผิวแก้มของตนไว้  แล้วส่งต่อคำนั้นกลับไปให้แม็กนัสของเจ้าตัว

วันที่แสนวิเศษเช่นนี้ไม่มีวันเป็นจริงได้แน่  ถ้าหากถามถึงความเห็นในใจของอเล็ค  แต่ทว่าร่างบางนั้นก็ไม่สามารถเดาอะไรได้เลย  ไม่สามารถรู้อนาคตได้ว่าพระเจ้านั้นประสงค์จะให้เป็นเช่นไร

ไม่มีทางรู้  จนกระทั่งผลลัพธ์นั้นออกมาในที่สุด....

อเล็ครักแม็กนัส

รัก...ถึงแม้ว่าจะโดนบุคคลอื่นชิงชัง  หรือร่างบางเองจะมีความสับสน  ไม่แน่ใจอยู่ก็ตาม  แต่หัวใจของเค้าต่างรู้ดีว่าใครคือเจ้าของที่แท้จริงซึ่งถวิลหามอบหัวใจให้มาโดยตลอดเช่นเดียวกับที่แม็กนัสเองก็รักอเล็คสุดหัวใจ

เช่นเดียวกับที่แม็กนัสเองก็รักอเล็คอย่างสุดหัวใจ

หัวใจของพวกเค้าต่างเป็นของกันและกัน

และในยามนั้นเอง  ที่ดวงอาทิตย์สาดแสงส่องลงมา ภายใต้ร้านที่เก็บซ่อนเรื่องราวเอาไว้  ถักทอความรักของทุกคนเข้าด้วยกันและให้ความสุขแก่ผู้อื่น  แม็กนัส   เบน โน้มใบหน้าลงไปมอบจุมพิตให้แก่ อเล็ค   ไลต์วู้ด ด้วยความเสน่หาที่เค้ามีให้ และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป 

จนกระทั่งมันแปรเปลี่ยนเป็นจูบที่ลึกล้ำในที่สุด  พอถึงคราวนี้แม็กนัสก็ไม่สนใจใครอีกแล้ว ช่างหัวเจซจอมหวงกับจิมจอมพูดมากเถอะ  ร่างสูงจูบรึงรัดลิ้นกับอเล็คในตอนที่โอบรัดร่างบางอ้อนแอ้นนั้นและกอดกายอย่างหวงแหน

จิมอ้าปากค้างพูดไม่ออกใส่สป็อคที่มองหน้าเค้าอย่างตั้งคำถาม  และเจซก็กระแทกถาดใส่เคาน์เตอร์อย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจเลย  มือถือของเค้าดังขึ้น ร่างสูงผมบล์อนรับก่อนจะกดวางไปอย่างไม่สนใจ

“ไปตายซะ คาร์ลี่!” เค้าตวาดใส่น้องสาวงี่เง่าที่โทรมาเพราะโดนผู้ชายหักอกอย่างรำคาญ  มันยิ่งทำให้เจซอารมณ์ไม่ดีเมื่อเข้ามาผนวกกับภาพที่แม็กนัสกำลังกินริมฝีปากของอเล็คอยู่

ไอ้เส็งเคร็งขายถ่าน” เจซพึมพำ ก่อนจะทำท่าเดินเข้าไปจับ สองคนซึ่งอยู่ตรงหน้าเค้าให้แยกออกจากกัน  แต่ร่างสูงผมบล์อนของเด็กหนุ่มซึ่งใจร้อนที่สุดของร้านก็ถูกห้ามไว้ด้วยท่อนแขนที่แห้งแต่ทว่าแข็งแรงอย่างน่าประหลาดของซาบรีน่า

“โว้วว  ใจเย็นไอ้น้องชาย  นายกำลังจะทำให้น้องสาวของฉันและฉันหมดสนุกนะ” ซาบรีน่าหัวเราะใส่หูที่มีต่างหูห่วงของเจซ  พร้อมกับที่ฮาร์โมนี่แทบจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปได้อยู่แล้ว ถ้าหากเธอไม่เกรงใจอเล็ค  ก่อนสาวตุ้ยนุ้ยจะเปลี่ยนมาเป็นจิกเล็บกับเคาน์เตอร์แทนอย่างระบายอารมณ์

แม็กนัสออกแรงกดทับอเล็ค จนร่างบางแทบจะเอนลงไปนอนแนบกับเก้าอี้บุนวมตัวยาวได้อยู่แล้ว  แขนแกร่งแข็งแรงเกี่ยวรั้งไว้แล้วแบ่งปันลมหายใจกับเพื่อนตัวน้อยต่อไป  ในตอนที่แซมเดินออกมาจากครัวอย่างหงุดหงิด

“ฮาร์โมนี่ถ้าเธอยังไม่ย้ายก้นบานๆ ของเธอกลับเข้าไปเอาขนมปังออกมาวางไว้ในตู้ก่อนลูกค้าเข้าร้านล่ะก็...” แซมตกอยู่ในวอดของคนป่วยที่สูญเสียความสามารถทางด้านการพูดไปเลย เช่นเดียวกับฮาร์โมนี่และเดฟที่ยืนถือเค้กเลมอนบาร์อยู่ตรงตู้เบเกอร์รี่

แซมอ้าปากค้าง พลางส่ายหน้า “โอ้พระเจ้า...” เค้าว่าเสียงคางยาน  ก่อนเดฟจะพยักหน้าน้อยๆ

“ฉันรู้เพื่อน” คู่โต้วาทีของเชฟอบขนมปังจอมอารมณ์เสียเข้าใจ  ชายหนุ่มผอมแห้งใส่แว่นใสแจ๋วระบายยิ้มบางๆ อย่างสุขใจที่ได้เห็นเพื่อนตัวน้อยผิวขาวกระจ่างมีความสุขจริงๆ เสียที  โอ้ ภาพนั้นช่างงดงาม

“พวกนายไปเปิดห้องกันเถอะได้โปรด  ฉันยินดีสละห้องน้ำให้ได้นะ”

เฮ้ หุบปากไปเลยแซม!  ฉันไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น” เดฟหันกลับมาแล้วโหวกเหวกใส่อย่างไม่เห็นด้วย  เค้าไม่ได้คิดอย่างนั้นเสียหน่อย “ถ้ายังไม่เลิกบ่นแล้วเข้าครัวไปซะ ฉันจะเอาเลมอนบาร์ยัดปากนาย  บอกให้อเล็คไล่นายออกด้วย...” เดฟว่า เพราะตอนนี้อเล็คเป็นเจ้าของร้านนี้โดยสมบรูณ์แล้ว

“และถ้านายสองคนไม่หุบปากจริงๆ สักที  ฉันจะเตะก้นพวกนายออกไปนอกร้านแบบไม่ฟังคำอ่อนวอนสักคำเลยคอยดูสิ” ซาบรีปรามในที่สุด  แต่ทว่าเสียงของเธอฟังดูเหม่อลอยเหมือนเด็กที่กำลังติดรายการทีวีและไม่สนใจสิ่งใดแต่ความจริงแล้วเธอกำลังเพลิดเพลินกับภาพที่ได้เห็น  ซึ่งมันก็ค่อนข้างได้ผลทีเดียวสำหรับชายหนุ่มสองคนที่ไม่ใคร่ชอบให้เธอทำแบบนั้นนัก

แซมกับเดฟกลืนน้ำลายแล้วเก็บลิ้น

เหลืออีกชั่วโมงเศษจะถึงเวลาเลิกงานของเหล่าลูกค้า  เพราฉะนั้นพวกเค้ายังคงมีเวลาเหลือเฟือ  แซมคงรอได้

แม็กนัสถอนจูบออกมาแล้วโดนคนด้านล่างตีให้เสียป้าบใหญ่

“ฉันจะฆ่านายแม็กนัส  ฉันไม่ได้ออกความเห็นให้นายจูบฉันหรือทำอะไรก็ตามในร้านนะ” อเล็คใบหน้าแดงระเรื่อ และหอบหายใจหนักมาก  ก่อนจะพบว่าร่างกายของตัวเองได้แนบชิดลงกับเบาะเก้าอี้ไปนานแล้ว

แม็กนัสยักคิ้ว “ฉันแคร์เหรอ” ฟังดูไม่หยี่ระและขบขัน

“เฮ้  อย่า เดี๋ยวก่อนแม็ก...อืมม” อเล็คโดนระงับคำพูดด้วยความดูดดื่มของ แม็กนัส   เบน อีกครั้ง

เพื่อนกัปตันซึ่งบังเอิญได้มาเป็นสักขีพยานโดยไม่ได้ตั้งใจกับแฟนหนุ่มก็เลิกสนใจกาแฟรสเลิศล้ำมาได้ครู่หนึ่งแล้ว  ก่อนจิมจะหันกลับมาจับหูแก้วแล้วยกขึ้นมาอีก  กัปตันเคิร์กระบายยิ้มซุกซน  ดวงตาของเค้ากลับมาเปล่งประกายแรงกล้าอีกครั้ง “นั่นแหละเพื่อนฉัน”  เค้ายกมันขึ้นจ่อปากก่อนจะจิบเบาๆ แล้วหลงรักกาแฟแก้วนั้นอีกรอบ

สป็อคหันกลับมาหาจิม ก่อนจะเอียงศีรษะอย่างตั้งคำถามเล็กน้อย “แต่คุณไม่เคยบอกผมว่า เพื่อนของคุณหรือ แม็กนัส   เบน เคยมีกิริยาที่ชอบปฏิเสธเช่นนั้นเลยนะจิม”

ร่างเล็กฝั่งตรงข้ามยกกาแฟออกห่างมาเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มให้กับสป็อคเล็กน้อยแล้วเอ่ยปัด “เอ่อ  ช่างมันเถอะ  บางทีฉันอาจจะไปบอกนายตอนที่ดันกำลังยุ่งอยู่ก็ได้”

“ด้วยความจริง  ผมไม่ได้มีข้อบกพร่องทางการได้ยิน”

จิมยิ้มสนุก “ฉันไม่ได้บอกว่านายหูตึงนะสป็อค แค่...เอ่อ แค่  แค่ว่า....เอ่อ ช่างเถอะ  ช่างมันน่ะดีแล้วนะ คิก โธ่เอ้ยย นายกำลังทำให้ฉันสำลักกาแฟนะรู้ไหม” ก่อนจะหลุดขำออกมาแล้วเติมน้ำตาลใส่แก้วกาแฟของสป็อค  กระทั่งชายหนุ่มร่างสูงที่ทำตัวราวกับหุ่นยนต์จะบ่นเค้า เพราะไม่ชอบหวาน

จิมว่า “นี่  ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าไปคุยกับโบนส์มาก นายติดเชื่อคุณพ่อมาจากหมอนั่นแล้วนะรู้ไหม” แต่ก็ยังไม่หยุดยิ้ม

จิมที่รัก  ผมไม่คิดว่าการคบหาสมาคมกับดอกเตอร์แมคคอยจะทำให้ผมสามารถเกี่ยวพันธ์ทางดีเอ็นเอกับเค้าได้” สป็อคยังคงเดินหน้าเอ่ยหลักการต่อไป  ในขณะที่จิมเคิร์กนั้นหัวใจละลายตั้งแต่คำแรกของประโยคไปเสียแล้ว

กัปตันเคิร์กซบหน้ากับแขนที่ตั้งตรงของตัวเอง ก่อนจะพูดเสียงอ่อน “โอ่วว สป็อค....ฉันชอบให้นายเรียกฉันแบบนั้นจัง พูดอีกสิ” จิมดูเหมือนมีอารมณ์

แต่คิ้วของสป็อคกลับชี้แปลกๆ อย่างเรียบเฉย “ผมไม่เห็นเหตุผลว่าต้องพูดแบบนั้นอีกรอบ  แต่ว่าถ้ามันทำให้คุณมีความสุขผมก็ยินดีที่จะพูดมันอีกครั้งจิม...ที่รักของผม”

จิมทำตาหลงใหลอีก “โอ้ สป็อค  ฉันว่าเรากลับบ้านกันดีกว่า  ฉันไม่แน่ใจว่าจะอดทนจนกว่าจะถึงบ้านไหวไหม” และเค้าแทบจะอ่อนวอนให้สป็อคกระชากเสื้อเค้าออกตรงนั้นด้วยแรงที่มีมากเหนือมนุษย์ธรรมดาของอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ  แต่จิมก็รู้ว่าสป็อคมีความอดทนสูงในที่สาธารณะและเค้าควรมีเซ็กซ์ให้อยู่กับร่องกับรอย (แม้การทำรักแต่ละครั้งของพวกเค้าจะหลุดโลกมากไปหน่อยก็ตามเถอะ  นั่นเป็นเพราะสป็อคไม่เคยปฏิเสธรสนิยมทางเพศที่จิมอยากให้เค้าทำเลย)

ไม่มีใครได้ยินที่ลูกค้าคนพิเศษเพียงสองคนในร้านคุยกัน  เป็นเพราะว่าตอนนี้สิ่งที่น่าจับตาดูกว่าเป็นไหนๆ กำลังสูบเอาความสนใจของพนักงานในร้านไป  แม้แต่แซมก็เลิกทำท่าทางหงุดหงิดแล้วยิ้มน้อยๆ

อเล็คของพวกเค้ามีความสุขแล้ว

แม็กนัสยอมปล่อยให้อเล็คหายใจในที่สุด  แต่ร่างบางก็ยังคงกอดเค้า เช่นเดียวกับที่เค้าไม่อยากให้อเล็คหยุดทำ  ริมฝีปากรูปจะงอยบรรจงจูบไปที่ขมับเนียนนุ่มอย่างแสนรัก  แม็กนัสเอนซบคางซึ่งเต็มไปด้วยไรหนวดของตัวเองกับศีรษะของอเล็คอย่างหวงแหนและคุ้มครอง

“หัวใจฉันเป็นของนายอเล็ค....เป็นของนายตลอดไป” แม็กนัสพร่ำกระซิบบอกร่างบางที่อ้าแขนรับไว้ด้วยหัวใจทุกๆ คำ  ภายใต้แสงอันเรืองรองของยามแสงสว่างที่สาดส่องครั้งสุดท้ายของวัน  พวกเค้าพร่ำบอกรักกันและจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

ดั่งเช่นคำกล่าวที่ว่า...

คนสองคนอยู่เพื่อเกื้อกลูกัน  แม้ต่อมาพวกเค้าจะแตกต่างกันมากแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วพวกเค้าก็จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป....เพราะพวกเค้าเกิดมาเพื่อดูแลกันและกัน

ถึงแม้วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร  ทั้งแม็กนัสและอเล็คจะจับมือไปด้วยกันพร้อมหัวใจที่สอดประสานเป็นดวงเดียวกัน  เพราะถึงไม่ว่าอย่างไร ทุกสิ่งที่เค้าเคยเสียไปมันก็คุ้มค่าที่สุดแล้วสำหรับการพิสูจน์บทแห่งความรักอันสุดแสนจะสำคัญในครั้งนี้




.



.



.



“เดี๋ยว  ช่วยบอกไอ้นายแบบขายถ่านนั่นที  ถ้านอนกอดอเล็คนานไปมากกว่านี้ฉันจะเก็บตังค์ค่านอนของมันแล้ว!



.



.



เจซคำราม



.



.



.



THE END.



--------------------------------------------------------------------------------------------------



อร๊ายยยยยยยยยยยยยย!!!  THE END  จะๆๆ จบแล้วค่ะ >< TWT  ฮ่อลลลลลล  ทุกคนมีความสุขอย่างยิ่งยวดจริงๆ เลยค่ะ (ถ้าทำเป็นไม่นับรวมเจซ 5555)  แม็กนัสดูแลอเล็คดีๆ ล่ะ  เข้าใจไหม?  ไรท์รู้ว่าเค้าจะดูแลอเล็คตลอดไปค่ะ  เพราะอเล็คคือหัวใจของแม็กนัสสส  โอยยยย  เสี่ยว  เล่นอะไรเสี่ยวๆ เนี่ยไรท์ 555555

อ่า  แต่ชอบที่เจซกับแม็กนัสกัดกันจริงๆ นะคะ  อเล็ครีบห้ามเร็วว 55555  เจซไหนบอกว่าจะหลีกทางให้ไง  อย่าไปทะเลาะกับแม็กนัสสิ  แอ๊กกก!  //โดนมีดยาวมากเสียบมิดด้าม//  แต่ที่ใครไม่ได้บอกเชิญคืออิจิมค่ะ  มาได้ไงหนิ  จิม  เคิร์ก อย่าทำแม็กนัสปวดหัวสิ  สป็อคดูแลหน่อยเร็ว  5555  ด่วนๆๆ เดี๋ยวจิมโดนแม็กนัสฆ่าตายซะก่อน  555555  ฮ่อลลลลล  ชีวิตสุขสันต์  อเล็คได้อยู่กับสิ่งที่รักและคนที่รักเสียทีค่ะ  //ซับน้ำตา TUT//

และต้องขอบคุณรีดทุกท่านมากเลยนะคะที่สนับสนุน  MaLec เรื่องนี้ของไรท์จนจบ  ขอบพระคุณมากเหลือเกินค่ะ M_ _M  โอ๊ยยยย คิดถึงอเล็คกะแม็กนัสซะแล้ว  เร็วเว่อร์ไปล่ะ -*- 5555   ต้องขอบคุณทุกๆ ท่านจริงๆ เลยค่ะ  ที่เขียนฟิคก็ไม่ใช่เพราะใครเลย เป็นเพราะรีดทุกท่านค่ะที่ทำให้ไรท์รู้ว่าต้องเขียนเรื่องนี้ให้จบเพราะใคร   ขอบคุณมากเลยนะคะ  //โค้งงามๆ อีกรอบ M_ _M//

ส่วนเรื่อง รวมเล่มเรื่องนี้และ NC สมานใจของอเล็คกับแม็กนัส (ซึ่งอยู่ในรวมเล่มด้วย โฮะๆ) + //โดนรีดกระทืบ// ไรท์จะออกแน่ๆ ค่ะ  แต่ว่าต้องรบกวนติดตามรอกันนิดหนึ่งนะคะ   ถ้าใกล้พร้อมแล้วจะปล่อยปกออกมาให้ชมกันก่อนค่ะ  แล้วเปิดจองงง  //จะได้สักกี่เล่มหวา? 55555  ไม่อยากคิดเลยค่ะ TuT//  โฮลลล  แต่จะบอกว่าปกไรท์ภูมิใจนำเสนอมากค่ะ  555555  //ลั่น//

 โอเคค่ะ หยุดลั่นก่อน (ลั่นตัวเอง)  รีดๆ สามารถติดตามข่าวคราวการ รวมเล่ม  MaLec ของไรท์ได้ที่เฟสบุ๊คด้านล่างนี่ค่ะ  จิ้มไปเลยค่ะ  มีลิงค์ซ่อนไว้ให้แล้วนะเออ


ขอบพระคุณทุกท่านอย่างมากมายเลยล่ะค่ะ  เรื่องราวของแม็กนัสและอเล็คต้องฝากเอไว้ในอ้อมใจของรีดๆ ด้วยนะคะ ^^  ขอบพระคุณอย่างสูงเลยค่ะ  รักรีดทุกท่านมากมายเช่นเคยค่ะ  จ๊วบบบบบบ *3*

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund






2 ความคิดเห็น:

The Elder กล่าวว่า...

หูยหวานนนนนน เบาหวานขึ้นตา
ว่าแต่ไรท์ขา จะมีฉาก NC เป็น fan service
แบบอเลคยินยอมพร้อมใจไม่โดนยาให้อ่านบ้างมั๊ยค๊าาาาาาาา

(ได้คืบจิเอาศอก)

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

วุ้ย อิจ หวานเวอร์ จิกหมอนแทบขาด