วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

[FIC – The Maze Runner] + [Part 2] The Scorch Trials – Minho x Thomas [The Maze Runner 2]


  



สวัสดีค่ะรีดๆ ที่เคารพรักทุกท่านขาา M_ _M  มาแล้วค่ะ //แอบช้า เพราะทะเลาะกับเน็ตเจ้าเก่าอีกแล้วค่ะ YUY// Part ที่แล้วเกริ่นๆ เรื่อง  Part นี้ก็เกริ่นค่ะ 55555  แต่มีเกล็ดที่รีดจิต้องค่อยๆ เก็บไปเรื่อยๆ ค่ะ  อย่างที่ไรทืได้บอกไปว่าต้องอ่านให้จบก่อนค่ะแล้วเอาทุกอย่างมารวมกันและตอบคำถาม //เดี๋ยวสิ เราไม่ได้เรียนอยู่//

ป้วดดดดดดดด!! หน่อยเฟสค่ะ >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<<  เข้าไปทักทายเซย์ไฮ  คุยกันได้นะคะ  ไรท์ชอบค่ะ  ช่วงที่ไรท์เงียบไปบางทีก็เหงาค่ะ เห็นมีรีดเข้ามาคุยด้วยแค่นั้นก็ก็มีกำลังแล้วค่ะ ><

ง้วงงงงง อย่าให้เสียเวลา ไปอ่านกันเลยล่ะกันเนอะ ^^



------------------------------------------------------------------------------------------------




“โอ้ ให้ตายเถอะ...พวกเราวิ่ง!” นิวท์ออกคำสั่งทลายอาการขาแข็งที่เกิดขึ้นเมื่อเจอแครงค์ของพวกเค้า  ถึงแม้จะไม่เจ้าแผนการและชอบพาเพื่อนรนหาเรื่องเหมือนโทมัส แต่เค้าก็รู้ว่าควรต้องทำอะไรในกรณีเช่นนี้ 

แต่ครั้งนี้นิวท์ไม่รู้ว่ามันเป็นผลมาจากโทมัสไหม  พวกเค้าออกวิ่งและภาวนาขอให้หนีรอดปลอดภัยเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

เด็กหนุ่มสาววิ่งตามกันไปเป็นขบวนเหมือนกลุ่มนักเรียนมัธยมที่มีเรื่องน่าตื่นเต้น  รีบร้อนมากเกินไปจนไม่ได้ปิดไฟฉายที่ต่างคนต่างถือมันแกว่งไปมาเรียกร้องความสนใจจากพวกแครงค์อีกทอดหนึ่ง

“เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่!” ฟรายตะเบ็งเสียงตามหลังมินโฮไปติดๆ ชายหนุ่มเอเชียรูปร่างกำยำกำลังพยุงหญิงสาวคนเดียวของกลุ่มให้หลุดพ้นจากอาการเข่าอ่อน  เทเรซ่า...เธอดูเหมือนไม่ไหวแล้ว  ทุกคนเบรกฝีเท้าตรงหัวมุมหนึ่งเพื่อเข้าไปหาทางหนีต่อ  มินโฮผลักเทเรซ่าเข้าไปในนั้นและเป็นคนสุดท้ายในบรรดาเพื่อนที่ผลักไส้เร่งกันกรูเข้าไปในตรองแคบๆ ตรงหัวมุมนั่น

ชายหนุ่มร่างสูงไม่ได้มีทีท่าจะเบียดเสียดเข้าไปเหมือนเพื่อนๆ แต่อย่างใด  มินโฮยืนจังก้าอยู่ตรงนั้นส่องไฟฉายไปหาโทมัสกับนิวท์ที่วิ่งตามมาเป็นสองคนสุดท้าย

“โทมัส  นิวท์...เร็วเข้า!” เค้าเร่งและหวังไม่อยากให้ระยะทางห่างไกลเท่านี้  มินโฮอยากจะตะโกนถามว่ามัวแต่ทำอะไรกันอยู่ทำไมถึงได้มาช้านักเพราะพวกแครงค์ที่วิ่งมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยนั้นแทบจะกระชากเสื้อของนิวท์ได้อยู่แล้ว

“เร็วเข้า!” มินโฮหันไปมองดูเพื่อนๆ ที่ต่อแถวกันเข้าไปในตรอก สลับกับมองหน้าโทมัสที่ห่อตะบึงมาหาเค้าอย่างรวดเร็ว โดยมีนิวท์ที่รั้งอยู่ท้ายสุด  แอริสคอยระวังแครงค์ให้อย่างรู้หน้าที่อยู่ข้างๆ เพื่อนชาวเอเชีย “เร็วอีก เร็วอีก!”  แต่โชคร้ายที่ความระทึกขวัญก็ไม่ได้น้อยลงเลย เมื่อจู่ๆ มีแครงค์ปริศนากระโจนทะลุกระจกพุ่งเข้าใส่นิวท์และทำเค้าล้มลงไปกองอยู่กับพื้นจนทำให้โทมัสที่อีกนิดเดียวจะถึงอ้อมอกของมินโฮเป็นอันต้องชะงักไป  เด็กหนุ่มเบรกจนตัวแทบลื่นล้ม

“นิวท์!!” มินโฮกับโทมัสตะโกนขึ้นพร้อมกัน แต่เป็นเด็กหนุ่มร่างบางเองเสียเองที่อาสาหันวิถีเบนทิศวิ่งกลับไปหาเพื่อนที่กำลังถูกแครงค์นั่งทับ

เพื่อนช่วยด้วย!” นิวท์ที่ได้ยินเสียงกระจกแตกกระจายยื้อหยุดฉุดรั้งกับแครงค์หน้าตาน่าสยองที่อยู่บนตัวของเค้าอย่างเต็มที่  โทมัสอยู่ไกลเกินไป พอมาถึงตัวเค้านิวท์อาจจะโดนกัดไปแล้วก็ได้ใครจะไปรู้  แต่ทันใดนั้นเองเสียง ปุ้บ! ก็ดังขึ้นมาจากที่ใดก็ไม่อาจทราบได้  มีบางสิ่งเจาะเข้าที่ข้างขมับของแครงค์ซึ่งปลุกปล้ำอยู่กับนิวท์อย่างบ้าคลั่งจนสิ่งนั้นทะลุออกไปอีกข้าง  ก่อนแรงอัดที่ทำเอาหัวโยกนั้นจะส่งผลให้มันกระเด็นทะลุกระจกกั้นทางเดินตกลงไปกระทบกับพื้นชั้นล่างอย่างไม่ต้องเดาตอนจบ 

นิวท์มึนงงเช่นเดียวกับมินโฮที่ยืนแข็งมองสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นอยู่กับที่ ก่อนฝูงแครงค์ที่ตามพวกเค้ามาแต่ไกลจะเริ่มล้มหายตายไปทีละตัวอย่างไรสาเหตุ  แอริสลดไม้เบสบอลลงในตอนที่ทำท่าจะเดินไปหาฝูงแครงค์เสียเอง มินโฮจับอกเสื้อเค้าไว้

“โทมัสเอาเค้ามาเร็ว!” ชายหนุ่มเอเชียตะโกนและโยนแอริสเข้าไปในตรอก  โทมัสกับนิวท์กลับมาเข้าขบวนได้สำเร็จ แต่โชคก็ยังไม่ถึงกับเข้าขั้นว่าดีเมื่อยังมีแครงค์สามสี่ตัวที่ตามเข้ามาอุดทางเข้าตรอกเอาไว้ประจวบเหมาะกับที่เด็กๆ เจอทางตันพอดี

“เปิดมันเร็วเข้า  ฉันจะกันเอาไว้ให้!” วิสตันบอก เค้ามีปืนที่ได้มาจากพวกผู้ใหญ่และใช้มันยิงแครงค์อย่างจำเป็น  จนกระทั่งประตูเปิดออกและทุกคนก็เรียงตัวกันเข้าไปในนั้นอย่างรวดเร็วแต่วินสตันได้รับบาดเจ็บจากการโดนแครงค์รุมข่วน ทว่าทางออกกลับไม่ได้ตันอีกต่อไปแล้ว  เด็กๆ ทุกคนหนีออกมาได้สำเร็จและขดตัวอยู่ในที่ซ่อนใต้ซากปรักหักพังจนถึงเช้า.....



*******************************************************************************



จนกระทั่งรุ่งอรุณ  แสงอาทิตย์ก็สาดส่องพร้อมกับไขความลับของทุกอย่าง  ในตอนนี้ไม่มีแครงค์แล้วทุกคนจึงสันนิฐานว่ามันอาจไม่ชอบแสงอาทิตย์แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เด็กชาวทุ่งทุกคนตกตะลึงที่สุดก็คือสิ่งปลูกสร้างระฟ้าที่ถูกทิ้งร่างและปล่อยให้ทรุดโทรม   ตึกพวกนี้สูงใหญ่และแออัดเบียดเสียดกันอยู่ใต้การทับทมของทะเลทราย  ราวกับว่าที่แห่งนี้เคยรุ่งเรืองมาก่อนแต่ทว่าบัดนี้กลับดูเงียบเหงาอย่างน่าหดหู่กลายเป็นที่อยู่อาศัยของพวกแครงค์กระหายเลือด

ทุกคนออกเดินพร้อมกับสำรวจไปพลางอย่างเงียบๆ ในใจเกิดคำถามมากขึ้นทุกที  มินโฮอยากถามถึงเรื่องเมื่อคืนที่โทมัสกับนิวท์เกือบโดนแครงค์รุมทึ้งว่าทำไมถึงได้มาช้านักซึ่งนั่นสร้างความหวาดหวั่นในใจของมินโฮได้อยู่ไม่น้อยเลย  ซึ่งการเกาะกลุ่มเพื่อความปลอดภัยก็ทำให้เรื่องการถามไถ่นั้นเป็นไปได้ด้วยยากยิ่ง  มินโฮเดินอยู่ข้างโทมัสและรอให้เพื่อนๆ เมินเค้าทั้งสองไปซะ ก่อนหนุ่มเอเชียจะหันไปสังเกตเห็นสมาชิกใหม่ที่ตั้งหน้าตั้งตาสำรวจโลกภายนอกแต่กลับดูหม่นหมองลงไปเสียถนัดตาในตอนนี้

“เป็นอะไรรึเปล่าแอริส?” เค้าถาม  โทมัสที่เดินอยู่ข้างๆ จึงหันไปมองเด็กหนุ่มผอมแห้งด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน แต่คนถูกถามกลับเพิ่งจะให้ความสนใจคลายกับคนเหม่อลอยที่ถูกสะกิดถาม มินโฮจึงย่ำกล่าวไปอีก

“นายโอเครึเปล่า?” เค้าถามให้ชัวร์เผื่อแอริสโดนแครงค์เล่นงานมาแล้วไม่ได้บอกเพื่อน  แต่ก็ไม่ใช่

“อ๋อ ปละ เปล่าหรอก  ไม่มีอะไรฉันสบายดี” เค้าฝืนยิ้มเพื่อไม่ให้เพื่อนเป็นห่วงแต่โทมัสก็เป็นห่วงมากกว่าเดิมสองเท่าไปแล้ว

“นายแน่ใจนะ?” คนตั้งคำถามคนที่สองว่า เพราะดูแอริสเหม่อลอยเสียเหลือเกิน

ไม่ ไม่มีอะไรจริงๆ นะ” คนถูกรุมถามกระพริบตาก่อนจะยิ้มออกมาโดยไม่ต้องใช้คำว่าฝืน “พวกนายสองคนดูสนิทกันจังเลยนะ” เค้าตั้งข้อสังเกตบ้างและคิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่มีคนสนิทกันแม้ในตอนที่เรื่องราวเลวร้ายแบบนี้

แต่โทมัสหยุดเดินไปชั่วขณะก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โดนมินโฮที่ซึ่งมีใบหน้าเหรอหราไม่แพ้กันดึงกระเป๋าสะพายหลังให้ออกเดินต่อไปด้วยกันอยู่เคียงข้าง

“เอ่อ ใช่ เราเป็นนักวิ่งเหมือนกันน่ะ”

นักวิ่งงั้นเหรอ?” แอริสไม่ข้องใจในความสนิทสนมของทั้งสองแล้วแต่กลับฉงนกับคำว่านักวิ่งในวงกตของเด็กทุ่งแทน  ก่อนมินโฮจะรับหน้าที่ต่อเพราะเค้าเป็นนักวิ่งอาวุธโสที่ค่อยช่วยเหลือโทมัสมาโดยตลอด  ชายหนุ่มเอเชียรูปร่างกำลังยกยิ้มเล็กน้อยราวกับภาคภูมิใจ

“นักวิ่งก็คือพวกที่เข้าไปสำรวจเส้นทางในวงกตยังไงล่ะ  แต่ว่าวิกเก็ตชอบเล่นตลกกับพวกเราเสมอวงกตของเราเลยมีการเปลี่ยนตัวตามเซ็คชั่นต่างๆ ไปเรื่อยๆ แต่นั่นเรื่องจ้อย ถ้านายเจอสัตว์ประหลาดประจำเซ็คชั่น พวกมันจะคอยวิ่งไล่กวดนายแล้วก็ต่อยนายด้วยพิษของมัน” เค้าว่า  ฟังดูคล่องแคล้วเมื่อเล่าเรื่องคราวๆ ให้เพื่อนใหม่ฟังเพราะว่าเค้าเป็นคนที่รู้ดีเรื่องวงกตมากที่สุด  แอริสเมื่อฟังดังนั้นแล้วก็หันมองพื้นใต้เท้าตัวเองไปครู่หนึ่ง

“งั้นเหรอ  งั้นนักวิ่งของพวกนายก็คงจะเมือนกับนักสำรวจเส้นทางในวงกตของพวกเราล่ะมั้ง” เค้างึมงำ และกลายเป็นเด็กทุ่งสองคนนั้นบ้างที่ทวนคำเป็นเชิงถามกับแอริส  เด็กหนุ่มผอมแห้งบอกว่า นักสำรวจเส้นทาง ในวงกตของเค้าก็เหมือนกับ นักวิ่ง อย่างมินโฮกับโทมัสนั้นเอง  พวกนั้นคอยหาทางออก สำรวจเส้นทางและเป็นมากมายกว่านั้นในบางเวลา

“พี่ฉันเองก็เป็นนักสำรวจเส้นทาง  เค้าเป็นคนเดียวที่สามารถสำรวจและวิ่งหนีแดนมรณะชั้นในสุดของวงกตออกมาได้” แอริสพูดฟังดูแสนเศร้า “แต่หลังจากครั้งแรกเค้าก็เข้าไปอีกหลายครั้งเลย” เด็กชายต่างวงกตฝืนยิ้มอีกทำเหมือนกับว่ามินโฮและโทมัสทำให้เค้านึกถึงพี่ของตัวเอง  แต่มินโฮหันมาเบรกเบาๆ

“เอ่อ เดี๋ยวก่อนนะ เค้า งั้นเหรอ  พี่นายเป็นผู้ชายงั้นเหรอไหนบอกว่าวงกตนายมีแต่ผู้หญิงยังไงล่ะ?” คำถามของหนุ่มเอเชียสะกิดเข้าหูของคนทั้งกลุ่มและเรียกสีหน้าฉงนสนใจจากพวกเค้าได้เป็นอย่างดี  แอริสจึงยักไหล่แล้วเอ่ยไขความข้องใจเรียบๆ

“ใช่ วงกตฉันมีแต่ผู้หญิง ยกเว้นฉันกับพี่แล้วก็เพื่อนของพี่อีกสามคน พวกเค้าตายไปแล้วสองคนเมื่อปีก่อน” แอริสถูกมุงมองหน้าทั้งๆ ที่ทั้งกลุ่มก็เดินไปด้วยและถูกรุมล้อมจนมาอยู่กลางวงตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบได้ “พวกนั้นอยากจะโชว์ภูมิน่ะว่าตัวเองก็สามารถเข้าไปในแดนมรณะได้เหมือนกับพี่ของฉัน เค้าไม่ได้อยากอวดดีหรอก...พวกนายรู้ใช่ไหม? พี่ชายฉันแค่ต้องเข้าไปสำรวจเส้นทางข้างในนั้นก็เท่านั้น แต่พวกผู้หญิงก็ทำให้สองคนนั้นรู้สึกเสียหน้าอย่างแรง เลยอยากพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้แพ้เค้าเลยแม้แต่น้อยและมันเป็นการกระทำที่โง่เง่ามากที่สุดตั้งแต่ฉันจำความได้  พวกเค้าตายเละคาแดนมรณะเลยตอนที่พี่ฉันเข้าไปพบเข้า”

นิวท์ทำหน้าเห็นใจ “มันคงแย่มากเลยสินะ  พวกเราไม่ควรได้รับความสูญเสียโดยเฉพาะกับเรื่องโง่ๆ ที่เกิดขึ้นจากตัวเอง” เค้าตบบ่าแอริส “แต่พี่นายก็เก่งใช้ได้เลยนะที่ไม่ตายน่ะ  งั้นหลังจากนั้นวงกตนายก็เหลือผู้ชายแค่สามคนเองสินะ”

“แล้วทำไมตอนแรกนายถึงบอกกับคนอื่นว่านายเป็นผู้ชายคนเดียวในวงกตกันล่ะ?” มินโฮถามขึ้นอีก

“เพราะพี่ฉันเป็นคนบอกไว้น่ะ  เค้าไม่เคยไว้ในอะไรเลยเหมือนกับนิวท์” แอริสหันไปมองนิวท์ ซึ่งอันที่จริงนิวท์ทำให้แอริสนึกถึงพี่ชายของตัวเองมากที่สุด ชายหนุ่มผมบล์อนเหมือนบุคคลดังกล่าวในหลายๆ ด้าน “แล้วก็กล้าหาญเหมือนโทมัส” คราวนี้หันไปหาโทมัสที่รั้งท้ายอยู่ด้านหลังบ้างก่อนจะกลับมาหานิวท์ใหม่ “เค้าดึงดันอย่างอันตรายแต่ก็ทำไปเพื่อครอบครัวทุกคน” แอริสพูดกับนิวท์คล้ายๆ จะบอกว่าความดื้อดึงอย่างมีความเป็นผู้นำนั้นแอริสก็เคยเห็นมันในตัวพี่ชายของตัวเอง

“พี่ชายนายเป็นหัวหน้างั้นเหรอ?” ฟรายถาม เค้าเองก็อยากมีส่วนร่วม

“ไม่  ไม่ใช่หรอก พวกผู้หญิงมีมากกว่าเราเค้าเลยให้พวกเธอแต่งตั้งกันเอาเองน่ะ  มีแค่ฉันกับพี่แล้วก็แดเนียลเท่านั้นที่เป็นผู้ชายเลยต้องตามน้ำพวกเธอไป” แอริสยักไหล่ “แดเนียลเป็นซี้ของพี่น่ะ  ส่วนฉันก็กินแห้วตลอดเวลาเข้าไปจีบสาว” ทั้งกลุ่มฮาครืน  แต่โทมัสกลับหยุดเดินไปเสียดื้อๆ เค้าอยู่รั้งท้ายจึงได้ยินอะไรๆ ได้ดีกว่าคนอื่นในกลุ่ม

“ฮ่ะๆ แล้วตอนนี้พี่ชายของนายไปอยู่ไหนซะแล้วล่ะแอริส?” ฟรายที่เดินตามวินสตันหัวเราะก่อนจะถามอีก  แต่โทมัสกลับบอกให้ทุกคนเงียบ

“เงียบ...เงียบก่อนทุกคน เงียบก่อน” เค้าหยุดกึกพร้อมกับมินโฮที่เดินย้อนกลับมายืนอยู่ข้างๆ และถามว่ามีอะไรอย่างนั้นหรือ

ก่อนทั้งคู่จะได้ยินเสียงอะไรบ้างอย่างที่ไม่สามารถจำแนกได้เนื่องจากยังฟังไม่ชัดเจนนัก  แต่ทว่าจู่ๆ มินโฮกลับได้ยินเสียงที่ดังชัดเจนมากกว่านั้น มันถี่รัว  หนักแน่น  และรวดเร็ว  หนุ่มเอเชียใช้มือดันเบาๆ ไปที่อกของโทมัสเป็นเชิงว่าให้ถอยไป ก่อนที่อีกฝั่งหนึ่งของถนนที่พวกเค้ากำลังยืนอยู่จะปรากฏเงาหนึ่งพาดผ่านขึ้นพร้อมกับเสียงออกแรงส่งตัวให้ดีดขึ้นกลางอากาศในลำคอ

มีคนกระโจนลงมาจากซากปรักหักพังแล้วกระชากตัวมินโฮกับโทมัสเข้าไปกระแทกกับใต้ซากตึกที่สามารถใช้หลบแสงแดดได้อย่างมิดชิด แต่เรื่องหลบแดดนั้นไม่ใช่ประเด็น  มีเสียงตะโกนอย่างตกใจดังขึ้น  นิวท์จึงดึงไม้เบสบอลจากกระเป๋าหลังของแอริสออกมาเตรียมตั้งรับ.....เร็วมาก  อาจเป็นพวกแครงค์  แต่แล้วกลับมีอีกการเคลื่อนไหวหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วผลักทุกคนเข้าไปใต้ซากตึกที่เดียวกับที่มินโฮและโทมัสหายไป  แอริสเป็นคนสุดท้ายที่เพิ่งมีความรู้สึกตื่นตัว  เค้าคลำหาไม้เบสบอลที่หายไปของตัวเองก่อนจะโดนแบกขึ้นหลังแล้ววิ่งเข้าไปสมทบเป็นคนสุดท้ายที่ตกหล่น

แอริสดีดดิ้นสุดชีวิต ก่อนจะถูกวางลงบนพื้น  เห็นสีหน้าตื่นตกใจระคนไม่พอใจของคนอื่นๆ ก่อนเด็กหนุ่มผอมแห้งผู้ซึ่งถูกพาตัวมาเป็นคนสุดท้ายจะหันไปเจอคนที่กำคอเสื้อของมินโฮไว้ไม่ให้ต่อยหน้าของเจ้าตัวได้  แอริสหันไปสบตากับคนที่แบกเค้าเข้ามาแล้วหันไปมองชายที่รักษาหน้าตัวเองไว้จากกำปั้นของมินโฮก่อนจะกู่ร้องออกมาอย่างสุดเสียง

แอช” แอริสรู้สึกเหมือนโดนช็อตไปทั่วทั้งตัวจนชาดิก ไร้การรับรู้ใดๆ  ความรู้สึกที่ขาวโพลนพุ่งแล่นครอบงำทั้งสมองไปชั่วเสี้ยวนาที

“โอ้พระเจ้า แอช!


.



.



.



TBC.



---------------------------------------------------------------------------------------------



โอ้ พระเจ้า แอชช! ออกมาแล้วค่ะ >{}<! รีดๆ ขาา  ตัวละครเสริม (เสร่อ) ของไรท์ออกมาแล้วค่ะ  เอ้ยยย  แต่คนๆ นี้เค้าไม่ใช่ตัวละครเสร่อจริงๆ นะคะ  ไรท์ให้เค้าออกมาเพื่อเป็นอีกส่วนหนึ่งของการพลิกเรื่องของไรท์ค่ะ (บอกให้ออกมาเอง เพื่อพลิกเรื่องที่ตัวเองแต่ง -*- 55555)

แอชคนนี้เป็นใคร?  คาดว่ารีดๆ หลายท่านก็น่าจะพอเดาออกกันแล้วนะคะ >< เค้าจะเป็นคนประเภทเดียวกับคำนิยามประมาณว่า....โอ้ พ่อคุณหล่อล่ำ! อะไรประมาณนั้นล่ะนะคะ 555555  จินตนาการเอง  ถ้าหากพระเจ้าประทานพรสวรรค์ในการวาดรูปให้ไรท์แล้วล่ะก็ ไรท์คนนี้ก็คงจะวาดชายผู้นี้มาให้รีดๆ ได้ชมและนึกภาพตามท้องเรื่องต่อไปได้อย่างสะดวกและไม่สะดุดเลยล่ะค่ะ  แต่ว่า โถ่ กรรม

ไรท์บอกตัวเองว่าอย่าจับดินสอวาดรูปอีกตลอดชีวิตเลยหนา Ray – Aund TUT  รันทดใจมลพิษตาสุดๆ  5555555  โอเคค่ะ สำหรับ Part นี้ก็ดูเหมือนจะน้อยล่ะเนอะ  น้อยอีกล่ะ ฮาา  รอติดตามชม Part หน้านะคะ  อดใจรอไม่นานค่ะ  เพราะหลังจากขึ้นเขียงสอบพรุ่งนี้ วันพุธไรท์ก็ว่างค่ะ 555555  อูยยยยยย พูดถึงสอบ ยังไม่ได้อ่านเลยค่าาา 5555555  บ้าจริงงง  ขอตัวไปอ่านหนังสือสอบก่อนนะคะ  รักีดทุกท่านค่ะ >///<

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund




วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

[FIC – The Maze Runner] + [Part 1] The Scorch Trials – Minho x Thomas [The Maze Runner 2]





//เริ่มด้วยโปสเตอร์ปล่อยของหนังเลย แฮ่  เพิ่งมาแปะค่ะ 555//

 อร๊ายยยยยยยยยยย! กราบสวัสดีมิตรรักรีดที่เลิฟของไรท์ทุกท่านค่ะ >//<  //โค้งหน้าติดพื้น//  คิดถึงแรงเฟอร์เลยค่ะ  นานมากเลยอ่าา ที่ไรท์นั่งจิ้มๆ อ่านๆ ทวนๆ แก้ๆ อยู่สำหรับเรื่องนี้ 5555555555  //กรรมของเธอ//  ถ้าไม่มีงานต้องส่งอาจารย์หรือติดสอบ ไรท์จะเขียนเสร็จเร็วกว่านี้อีกค่ะ //เอานิ้วจิ้มกัน//  จริงๆ นะเออ  ตอนนี้เรื่องอื่นๆ ก็ยังอยู่ที่เดิมค่ะ  The Maze Runner 2 เรื่องนี้เพิ่งเสร็จเป็นเรื่องแรกในรอบสองเดือนนี้เลยค่ะ 

ไรท์ต้องขออภัยอย่างสูงเลยนะคะ  ที่ล่าช้าไปมาก M_ _M ตอนนี้เสร็จแล้วและพร้อมลงแล้วค่ะ  อิๆๆ  อย่างที่ได้ประกาศไปแล้วนะคะว่าภาคนี้จะจัดว่าเป็น “Fiction” กันเลยทีเดียว มิใช่ “Shot Fic” กันแล้วนะคะ >///<  ที่ยาวเพราะไรท์ลากยาวมาตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่องเลยค่ะ

และแอบสปอยล์ ภาคนี้จะมีตัวละครใหม่เข้ามาด้วยค่ะไม่ใช่ที่เพิ่มมาตามเนื้อเรื่องในหนังนะคะ อันนั้นตายตัว ฮาาาา  อันนี้ไรท์เพิ่มเข้าไปเองค่ะ 555555  ละเลงทั่ว เหมือนเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมา  คนเขียนหนังสือเค้าคงพากันมาบีบคอไรท์กันหมดทั้งบางแน่ๆ เลยค่ะ 55555  อันนี้ก็เพื่อการดำเนินเรื่องในแบบของไรท์น่ะนะคะ

และต้องขอเรียนรีดๆ ก่อนเลยค่ะว่าให้อ่านให้จบก่อนนะคะว่าค่อยตั้งคำถามอย่างสงสัย  อ่านๆ ไปอาจงงรึสงสัยว่า “เฮ้ยยย  สิ่งนี้มาได้จะใด?” รึ “เอ๊ะ  อันนี้มันยังไงฟะ? ไม่เห็นรู้เรื่องเลย งง ไรท์มันเขียนอะไรของมัน?” เกิดคำถามนี้แล้วหันมามองไรท์ค่ะ  ไรท์จะทำหน้าเหมือนพระพุทธศาสดาทำหน้าอรหันต์แล้วชูมือขึ้นทำท่าเบรกลมปราณแล้วเอ่ยว่า ......อ่านให้จบเรื่อง จนพบคำว่า ‘FIN’ ก่อนนะคะ  แล้วคำถามเหล่านั้นของรีดที่รักอาจจะหายไปเองค่ะ

ด้วยประการฉะนี้แล  ไรท์จึงอยากจะให้รีดอดรนทนรอและดื่มด่ำกับเนื้อเรื่องของไรท์ไปก่อนค่ะ (มันเหมือนในหนังรึเปล่าล่ะห๊ะ!!) ไม่ต้องยึดหลักความจริงทั้งในหนังหรือในหนังสือมากนักค่ะเพราะไรท์ 5555555 //ลั่นตัวเอง// นึกอยากจะเขียนอะไรก็เขียนตามใจตัวเองค่ะ 55555 และมันอาจคุ้มค่ากับการรอคอยของรีดๆ ไม่มากก็น้อยค่ะ  ไรท์มั่นใจ //ยิ้มกว้าง//

เอาล่ะค่ะ  ไรท์หายไปนานเนอะ พอกลับมาคุยกันอีกทีก็ฝอยยาวเลยค่ะ 5555555 //เหงามาก// ขออภัยอย่างมหาศาลค่ะที่ทำให้เสียเวลา ถ้าอย่างนั้นเราอย่าเสียเวลากันอีกเลยดีกว่าเนอะ  ไปหามินโฮกับโทมัสกันเลยดีกว่าค่ะ >///< อย่าลืมนิวท์ด้วยนะเออ 5555555



-----------------------------------------------------------------------------------------------------



“จำไว้นะ แม่รักลูก แม่รักลูกโทมัส”


.


.


“โทมัส  โทมัส


“โทมัส!


.


.


“โทมัส!” เจ้าของชื่อสะดุ้งขึ้น  ตัวเค้าหดเกร็งด้วยสัญชาติญาณ  ก่อนชายหนุ่มรูปร่างกำยำที่ปลุกเค้าจะคว้าไหล่ปวกเปียกนั้นไว้ก่อนจะย้ำอีก “ตื่นเร็ว! เราต้องไปกันแล้ว  เร็วเข้า!” ใบหน้ายามนี้ของมินโฮไม่ได้ล้อเล่น ดังนั้นโทมัสจึงหน้าตาตื่นตามเสียงกระตุ้นของอีกฝ่ายแล้วลุกขึ้นตามไปแต่โดยดี

เสียงเฮลิคอปเตอร์เหวี่ยงใบพัดดังลั่นไปทั่วหูของโทมัส  มันฟังดูน่ากลัวเหมือนสถานการณ์เลวร้ายถึงขีดสุด  มีเสียงคนตะโกนแข่งกับใบพัดอย่างไม่ยอมแพ้ถึงแม้ว่าจะฟังดูวุ่นวายเพียงใดแต่เด็กที่เหลือรอดจากทุ่งทุกคนก็ได้ยินคำว่า “พวกแครงค์” ก่อนเสียงปืนจะกราดยิ่งขึ้นมันดังประสานกันไร้ซึ่งความเป็นระเบียบ  และถึงจะไม่รู้ว่าพวกแครงค์คืออะไรแต่เด็กชาวทุ่งทุกคนก็วิ่งสุดชีวิตไปที่ประตูใหญ่แข็งแรงซึ่งไม่บอกก็ร็ว่านั่นเป็นทางรอดเดียวของพวกเค้า  แม้ว่าไม่รู้แน่ว่ามันคืออะไรหรือที่ไหน  แต่ที่แน่ๆ มันเป็นคนละโลกกันเลยกับที่พวกเค้าเพิ่งจากมา

ที่นี่มีคนเยอะแยะเต็มไปหมด เป็นคนมีเลือดเนื้อและปรกติเหมือนกัน เพียงแต่ว่าคนพวกนั้นไม่ใช่อย่างที่ชาวทุ่งเคยรู้จักมาเสียทีเดียว.....พวกผู้ใหญ่  ถือปืน  และดูไม่ตื่นเต้นเท่าไรนักเมื่อเห็นพวกเค้าที่เพิ่งมาใหม่ คนที่นี่เหมือนเคยเจอสถานการณ์ประมาณมาก่อนแล้วและดูไม่ตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นพวกเค้าเลยโดยสิ้นเชิง  ซึ่งนั่นไม่สำคัญหากคนเหล่านี้คอยช่วยเหลือไม่ให้เด็กหนุ่มทุกคนต้องตาย

หลังจากหาทางออกจากวงกตและสูญเสียไปอย่างมากมาย พวกเค้าก็ได้รับการพาตัวออกมาจากนรกบ้าๆ นั่น  ซึ่งไม่รู้เลยว่าอะไรกำลังรอคอยอยู่ข้างหน้า....

“นายต้องโกหกฉันแน่” นิวท์พูดในตอนที่ผู้ชายถือปืนใส่เครื่องแบบตัวใหญ่ยักษ์พาพวกเค้ามา­ขังไว้ในห้องเก็บของ  หลังจากที่ตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เพิ่งเห็นได้ไม่นานนัก  เดาว่านิวท์เองก็คงยังไม่ทันได้สังเกตรายละเอียดอะไรด้วยซ้ำ  เค้าระแวดระวังเสมอแต่เวลาที่มีให้กลับน้อยเกินไป

แต่ก็ถือว่าดีใช้ได้สำหรับห้องขัง ในเมื่อมีอาหารมากมายเหลือเฟือจนถูกทิ้งเกลื่อนพื้นให้กินกันจนอิ่มแปล้

“แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี” นิวท์พูด  ขว้างถุงอาหารที่ยังมีของเหลืออยู่ลงพื้นเพราะอิ่มมากแล้ว

“แต่นายทำอะไรไม่ได้” มินโฮว่าและนิวท์ยอมเงียบไป  เค้าพูดถูก...เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย  ก่อนจะไม่มีใครพูดอะไรอีกและประตูก็ถูกเปิดขึ้น พร้อมกับชายที่อยากให้ทุกคนเรียกเค้าว่า “คุณแจนสัน” พาทัวร์ในที่ๆ ใหม่นี้ซึ่งไม่น่าอภิรมย์นักในความคิดของเด็กๆ  ยังมีการก่อสร้างกันอย่างไม่หยุดไม่หย่อน  ก่อนชายเนื้อตัวสะอาดสะอ้านที่ชื่อแจนสันจะบอกว่าควรจัดการกับกลิ่นของเด็กทุ่งทุกคนเสียที

และพวกเค้าก็ได้อาบน้ำหลังอิ่มท้องและทัวร์คราวๆ จากแจนสัน  ทุกคนดูผ่อนคลายและชอบเป็นอย่างมากที่ได้ชำระร่างกายด้วยน้ำสะอาดซึ่งมีใช้อย่างไม่จำกัด  ฟรายเสียงดังและยืนยันความสดชื่นได้ดีที่สุด  ก่อนชายหนุ่มที่รั้งนำกลุ่มเพื่อนในการสุมหัววางแผนออกจากวงกตจะเป็นคนเดียวในห้องอาบน้ำที่กลัดกลุ้มอีกทั้งยังเหม่อลอยก่อนจะมีคนเข้ามาในห้องอาบน้ำของเค้าแล้วบอกให้โทมัสเงียบ  มินโฮไม่ใส่เสื้อผ้าเหมือนกับคนอื่นๆ ชายหนุ่มสองคนพูดคุยอะไรบ้างกันอย่างลับๆ โดยที่ม่มีใครรู้ว่ามินโฮหายตัวไปจากห้องอาบน้ำของตัวเอง

กระทั่งเสร็จสิ้นไป  เด็กชาวทุ่งทุกคนก็ถูกพามาที่ห้องพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายและฉีดสารอาหารเพิ่มเติม  แน่นอนนิวท์เป็นคนแรกที่หวาดระแวงและซักถามโดยไม่เกรงใจใคร เค้ากวาดตามองไปรอบๆ เพื่อนของตัวเอง  เห็นมินโฮวิ่งอยู่บนลู่วิ่งเหมือนแฮมสเตอร์  โทมัสที่โดนฉีดยาเช่นเดียวกัน  และเทเรซ่าที่โดนกันออกไปโดยแพทย์หญิงคนหนึ่ง  ก่อนพวกหนุ่มๆ จะโดนต้อนไปที่ห้องทานอาหารที่ซึ่งเต็มไปด้วยเด็กๆ จากวงกตอื่นๆ

มินโฮดูจะเข้ากับสังคมและสภาพแวดล้อมใหม่ได้ดีที่สุด  แต่คำถามอันแปลกประหลาดก็ได้เกิดขึ้นในใจของโทมัสกับนิวท์โดยต่างฝ่ายต่างรู้แล้วว่านี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ที่พวกเค้าถูกพาตัวมาที่นี่ และอาจเป็นผลประโยชน์สำหรับใครบางที่ขังพวกเค้าเอาไว้ที่นี่  โทมัสครุ่นคิด  ส่วนนิวท์หวาดระแวงแต่ไม่เคยกลัวสิ่งใดเลย  พวกเค้าเพิ่งได้ข้อมูลใหม่มาว่าหลายๆ คนที่อยู่ที่นี่ล้วนแล้วแต่เพิ่งจะมาถึงเพียงเท่านั้น  ถึงแม้จะไม่สดๆ ร้อนๆ เหมือนพวกเค้าแต่ก็นานกว่าเพียงไม่กี่วัน  แต่มีอยู่คนหนึ่งที่อยู่มาเกือบอาทิตย์หนึ่งแล้วและเลือกที่จะไม่สุงสิงกับใคร  พูดง่ายๆ คืออาจจะระแวงคลายกับนิวท์แต่มนุษย์สัมพันธ์แย่กว่าเค้ามาก

ชายหนุ่มที่เพิ่งมาใหม่กำลังเก็บเกี่ยวข้อมูลจากเพื่อนใหม่ที่มาถึงก่อนพวกเค้าต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแจนสันเดินเข้ามา แล้วไล่รายชื่อคัดเด็กส่วนหนึ่งออกไปพร้อมกันกับพวกการ์ด

“พวกเค้าไปไหนกัน?” มินโฮเปิดปากเป็นคนแรกหลังจากการคัดเลือกจบลง  คนที่ได้ไปดูมีความสุขและตื่นเต้น  สวนทางกับคนที่เหลือที่ได้แต่นั่งทานข้าวต่อไปและรอวันที่จะได้ถูกเรียกชื่อตัวเองของบ้าง

“ไกลจากที่นี่  พวกมากับดวง” เพื่อนใหม่ซึ่งรู้สึกเสียดายไม่น้อยที่ไม่มีชื่อตัวเองบอกเด็กชาวทุ่งที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารอยู่ด้วยกัน  บรรยากาศโดยรอบให้ความรู้สึกเหมือนโรงอาหารในโรงเรียนไฮสคูลอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

“คงจะเป็นฟาร์ม...ที่ๆ ปลอดภัยที่สุด  แต่ละครั้งพาไปได้แค่ไม่กี่คนเอง” อีกคนหนึ่งเสริมทัพให้  ทำให้พวกมาใหม่เข้าใจว่าทำไมพวกเค้าถึงได้รู้สึกเสียดายขนาดนั้น  ก่อนจะถึงเวลาแยกย้ายกันกลับห้องนอนและที่นั่นเองความระแวดระวังของนิวท์ก็เริ่มคลายปมลง ก่อนจะก่อขึ้นมาใหม่อีกครั้งเมื่อถูกปิดประตูใส่แถมล็อคเสียงดังสนั่นจนพวกเค้าดูเหมือนนักโทษไม่ผิดเพี้ยนไปจากตอนแรก

และเทเรซ่าก็โดนแยกออกไปในตอนที่พวกเค้าทานอาหาร  ข้อนั้นทำให้โทมัสที่คิดว่าเธออาจรู้เรื่องบางอย่างเกี่ยวกับเค้าว้าวุ่น  ตัวเค้าเป็นกังวลเกินไปจนนิวท์ดูเหมือนคนสบายๆ ไปเลย

“เธอดูแลตัวเองได้น่า” เพื่อนที่ได้รับหน้าที่ต่อมาจากอัลบี้ที่ตายไปแล้วว่าอย่างเบื่อหน่ายแต่ก็ทำเสียงเย็นชาไม่ลง ก่อนนิวท์จะปีนขึ้นไปบนเตียงนอนของตัวเอง

และในคืนนั้นเองที่ความไม่ไว้วางใจอย่างถึงที่สุดจะก่อตัวขึ้นมาในใจของโทมัส  เมื่อเด็กชายที่ไม่ใคร่จะยึดติดกับใครในโรงอาหารคนนั้นแอบเข้ามาในห้องนอนของพวกเค้าและพาโทมัสเข้าไปดูอะไรบางอย่างทางช่องระบายอากาศซึ่งเชื่อมโยงไปทั่วทั้งอาคาร

เด็กหนุ่มรูปร่างผมแห้งคนนั้นเรียกตัวเองว่า แอริส ท่าทางเค้าดูเหมือนพวกสอดแนมที่ไม่มีใครเอ๊ะใจรู้ว่าเค้าเป็น เด็กหนุ่มผอมแห้งนำทางโทมัสไปอย่างชำนาญไปยังทางเดินเข้าห้องๆ หนึ่งที่มีเด็กๆ ซึ่งถูกเลือกถูกลำเลียงเข้าไปในห้องนั้น

แต่ไม่ใช่ในสภาพที่จะดีใจได้

พวกเค้าสองคนไม่รู้ว่าห้องนั้นมีอะไร  และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกคนที่ถูกเรียกตัวไปนอนแน่นิ่งถูกผ้าคลุมอยู่บนเตียงแพทย์ติดล้อนั้นจะโดนทำอะไรบ้าง  แต่ก็ถือว่าเสี่ยงไม่น้อยที่แอริสยอมแบ่งปันข้อมูลที่มีความเสี่ยงสูงนี้กับคนที่เพิ่งเข้ามาอย่างโทมัส พอมาถึงตอนนี้เด็กจากท้องทุ่งก็เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงไม่มีใครสุงสิงกับแอริสและเจ้าตัวก็ไม่ยอมสัมพันธ์ไมตรีกับใครเลย  แต่สิ่งที่เด็กหนุ่มผู้ซึ่งเพิ่งจะเข้ามาวันแรกแปลกใจเป็นอย่างมากก็คือทำไมคนที่เก็บเนื้อเก็บตัวอย่างเจ้าเด็กแห้งนี่ถึงได้บอกความลับที่อาจโดนพวกผู้ใหญ่ไม่น่าไว้ใจนั้นจัดการเอา กับเค้า

“เพราะคนอื่นอาจจะยอมฟังนาย” แอริสพูดหลังจากหยุดชะงักไป  สีหน้าของเค้าดูคล้ายว่าโทมัสทำให้นึกถึงใครบางคนที่เคยเป็นที่เชื่อถือในหมู่เพื่อนพ้องมาก่อนและคำพูดนั้นของเค้าก็เป็นการตอกย้ำความรู้สึกนั้นกับแอริสได้เป็นอย่างดี

และสิ่งที่ได้เห็นก็ทำเอาเด็กหนุ่มจากท้องทุ่งนอนไม่หลับไปทั้งคืนด้วยความวิตกกังวลหวาดระแวง  โทมัสยอมรับว่าเค้าเป็นห่วงเทเรซ่า  นึกถามตัวเองในใจว่ามีเรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเค้าที่เธอยังไม่ได้บอกอีกไหมเพราะเธอเป็นเพียงคนเดียวที่ทำเหมือนว่าเคยรู้จักตัวตนของเค้าเป็นอย่างดีมาก่อน โทมัสมีเรื่องราวอีกหลายอย่างที่ต้องถามเธอ หากเธอจำได้  เค้าอยากรู้ว่าเค้าเคยมีครอบครัวไหม  แม่ของเค้าเป็นอย่างไร  แต่นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะยังไงซะเธอก็เป็นเพื่อนของพวกเราทุกคนและเป็นหนึ่งในสมาชิกของท้องทุ่งไม่ว่าเธอจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม

ก่อนคืนต่อมาเค้าจะกลับมาที่ช่องระบายอากาศที่เดิมอีกครั้งพร้อมกับ แอริส ผู้ที่พาเค้ามาในครั้งแรกและคีย์การ์ดจากยามที่โทมัสขโมยมาได้  พวกเค้าทั้งสองตัดสินใจกันเงียบๆ ว่าจะเข้าไปดูข้างในให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลยว่ามีอะไรอยู่ในนั้นกันแน่  และเด็กๆ ที่ถูกเลือกไปมีจุดจบเป็นเช่นไรในห้องแสนลึกลับนั่น

และพอแอริสกับโทมัสเข้าไปถึงก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น  เค้ารู้แล้วว่าเด็กๆ ที่ถูกแจนสันเรียกตัวไปอยู่ที่ไหนกันหมดและสุดท้ายแล้วจะเป็นเช่นไร มันน่าพรั่นพรึงอย่างมากมายกว่าที่ใครต่อใครในหลุมหลบภัยที่คิดไปเองว่ามันปลอดภัยนี้จะนึกออกได้  และในตอนนั้นเองโทมัสกับแอริสก็ได้เห็นแจนสันกำลังคุยอยู่กับผู้หญิงที่จับพวกเค้าขังเอาไว้ในวงกต........

ไม่...ไม่ดีแล้ว  เค้าต้องรีบไปเตือนทุกคน!

“ต้องหนี...เราต้องหนีเดี๋ยวนี้  เร็วเข้า!” โทมัสแทบจะไถลตัวมาตามทางช่องระบายอากาศ  สาบานได้ อันที่จริงเค้าก็ทำมันไปแล้ว  ไม่สนใจด้วยว่าเสียงตะกายของตัวเองจะไปทำให้ยามหรือใครก็ตามแต่ที่จับพวกเค้ามาขังไว้จะรู้ตัวหรือไม่  ทันทีที่หน้าอกเค้าไถลเข้ามาในห้องที่เพื่อนๆ เดินไปเดินมาอย่างกังวล เป็นห่วงว่าเค้ากำลังจะหาเรื่องอะไรใส่ตัวอีกก็ยิ่งตื่นตระหนกขึ้นเมื่อโทมัสแสดงอาการตื่นตัวอย่างสุดขีดและบอกให้พวกเค้ารีบหนี

ทุกคนโวยวาย  โต้เถียงกันกับโทมัสที่โผล่มาพร้อมกับแอริส  แม้แต่เด็กผอมแห้งก็ยังโดนบีบเอาคำตอบด้วย  ทุกคนไม่มีใครเงียบเลยยกเว้นมินโฮที่ไม่อยากทำให้สถานการณ์ดูแย่และบีบคั้นไปมากกว่านี้อีกแล้ว  ก่อนจะจบลงด้วยคำถามที่มีเหตุหลและดื้อดึงจะเอาคำตอบของนิวท์

เอวา!” โทมัสสุดกลั้น เค้าระเบิดออกด้วยความพรั่นพรึง...ทุกคนต้องรีบออกไปจากที่นี่

เพื่อนๆ ของเค้ามึนงง

พวกวิกเก็ต  แจนสันเป็นพวกเดียวกับเธอ เค้าเป็นพวกวิกเก็ต” เค้าพูดในตอนที่แจนสันกำลังเดินทางมายังห้องของพวกเค้า...เวลามีไม่มากแล้ว  หากจะหนี พวกเค้าก็ต้องหนีเลยเดี๋ยวนี้

นิวท์ถามอย่างดึงดันอีกจนโทมัสยอมหยุดกระตือรือร้น....คนที่ได้รับความนับถือต่อจากอัลบี้จำเป็นจะต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งคนที่ไปเห็นทุกอย่างมาจะบอกว่าในห้องนั้นมีแต่เรื่องน่าขยะแขยงมากแค่ไหน  ตัวประหลาดในหลอดทดลอง  คนถูกแขวนอยู่ในถุง  และแจนสันที่เป็นวิกเก็ตกำลังคุยอยู่กับ เอวา   เพจ ที่หน้าใหญ่กว่าคนปรกติถึงห้าเท่าในจอโฮโลแกรม

และพอมาถึงตอนนี้ทุกคนก็พร้อมใจกันหนี  ไม่รอช้าที่จะไถลตัวไปตามช่องระบายอากาศให้เร็วที่สุดและออกไปจากที่บ้าๆ ที่ไม่ต่างไปจากท้องทุ่งนี่เสียที  ก่อนแอริสจะแยกตัวออกไป  เค้าบอกว่าถ้าอยากออกไปจากที่นี่ให้ได้ต้องปล่อยให้เค้าไปทำเรื่องสำคัญ  วินสตันตามแอริสไป  พวกเค้าแวะไปรับตัวเทเรซ่าตามคำยืนกรานของโทมัส 

ทุกคนวิ่ง  วิ่งไปเหมือนตอนที่พวกเค้ายังอยู่ในทุ่งวิ่งหนีโศกากันอุตลุด  แต่กลับเป็นพวกที่เป็นคนด้วยกันที่ถือปืนไล่ตามพวกเค้าและมีจุดประสงค์ซึ่งน่ากลัวกว่าโศกามากมายนัก  หนทางของเด็กทุ่งถูกบีบให้หดแคบลงเมื่อเจอทางตันและแจนสันก็ตามมาทันจนได้ คนถือปืนช็อตไฟฟ้าที่มาด้วยกันทำให้ความรู้สึกปลอดภัยของเด็กๆ ติดลบลงไปทันที  ทางตันซะแล้ว...แล้วไงล่ะ?  หลังจากที่ได้ไปเห็นว่าอะไรเกิดขึ้นในห้องนั้นแล้วโทมัสก็สาบานกับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้พวกเค้าถูกจับได้แน่นอน  จะยังไงก็จะสู้จนกว่าจะตายไปข้างหนึ่ง

เด็กหนุ่มผู้กล้าหาญถือปืนที่ยึดมาจากเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินเข้าไปหาแจนสันกับพวกท่ามกลางเสียงร้องห้ามปรามของมินโฮ  ซึ่งเค้าไม่ฟัง  เพื่อนทุกคนเป็นครอบครัวเดียวที่เค้ามีอยู่  โทมัสต้องการกันให้พวกผู้ใหญ่ความคิดน่ารังเกียจพวกนี้ออกห่างจากเพื่อนของเค้าด้วยใจรู้ว่าแจนสันจะไม่ทำอะไรกับเด็กๆ ที่สำคัญอย่างล่ำค่าแน่นอน  พวกเค้าดูเหมือนยังมีข้อต่อรองแต่ทว่ากลับหมดหนทางหนี

แต่ทันใดนั้นประตูบานสุดท้ายก็เปิดออก  เด็กที่ติดแหง็กอยู่กับทางตันตกตะลึงเมื่อเจอแอริสกับวินสตันอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งของประตูแล้วทักทายปนเหนื่อยหอบว่า “เฮ้ พวก”  กระทั่งเมื่อเห็นทางหนีทีไล่ของผลผลิตที่จวนเวลาเก็บเกี่ยวได้แล้วแจนสันก็เคลื่อนตัวเข้าไปหาเด็กๆ จากท้องทุ่ง  โทมัสเป็นคนสุดท้ายที่ยังหลงเหลือยู่  ระบบรีบู้ทใหม่แล้วและประตูกำลังจะปิดลง  เด็กชาวทุ่งคนนี้จึงต้องวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่เค้าพอจะทำได้  ประตูบีบตัวลงกับพื้นใกล้ปิดลงแล้วสำหรับโทมัส แต่โชคดีก็เป็นของเค้าอีกครั้งเมื่อแจนสันกับพวกถูกทิ้งไว้หลังประตูที่ปิดสนิทแถมล็อคปิดตายนั่นโดยที่ไม่สามารถทำอะไรพวกเค้าได้เลย

ก่อนพวกเค้าจะออกมาจากที่มั่นนั้นและออกไปเผชิญหน้ากับทะเลทรายที่เต็มไปด้วยความหฤโหด  กระทั่งเจอตัวอาคารที่สามารถเข้าไปหลบวิกเก็ตกับลมกระโชกที่หอบเอาทรายเข้าปะทะหน้าอย่างโหมกระหน่ำได้  และสิ่งที่โทมัสได้ไปพบเห็นมาก็ถูกขยายความให้เพื่อนๆ ได้ฟังอีกรอบในที่นั้นเองก่อนทุกคนจะตระหนักรู้แล้วว่าไม่ใช่เรื่องฉลาดเลยที่จะย้อนกลับไปที่นั่นอีกครั้ง

ก่อนแอริสจะเอ่ยถึงพวกไรต์อาร์ม เป็นกลุ่มต่อต้านวิกเก็ตที่อยู่บนเขาและมักจะพาเด็กๆ ไปยังที่ปลอดภัยที่สุด  ใช่ นั่นเป็นสิ่งที่ฟังดูดีที่สุดแล้วสำหรับสถานการณ์แบบนี้  พวกเค้าต้องไปหาพวกไรต์อาร์ม แต่นิวท์ก็ยังไม่วายโต้แย้งถึงหลักประกันความปลอดภัยของพวกเค้าอีกอยู่ดี

แล้วยังไงล่ะ?  มีอะไรที่ดีไปกว่านี้แล้วหรือยังไง ถ้ากลับไปหาวิกเก็ตพวกเค้าก็เหมือนตายอยู่ดี  เพราะฉะนั้นทุกคนจึงเดินหน้าต่อไปสำรวจที่รกร้างแห่งนั้นและพบเข้ากับร่องรอยของการอยู่อาศัยที่หลายคนตั้งคำถามว่าผู้คนหายไปไหนกันหมดแล้ว?

คนที่เคยอยู่ที่นี่ไม่ว่าพวกเค้าจะไปอยู่ที่ไหนแต่ก็มีไฟฟ้าใช้กัน  นั่นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ถูกสังเกตเห็นและมินโฮคิดผิดที่ไปเปิดเครื่องสำรองไฟนั่น.....

ไฟติดไปทั้งอาคารและส่องสว่างขจัดความมืดในตอนที่ฝูงแครงค์ก็ลุกฮือ.....

ไป! ไปๆๆๆๆ!” มินโฮกระชากโทมัสอย่างเร็วรี่และใส่เกียร์เต็มฝีเท้าโดยไม่ต้องให้ทวนสถานการณ์ซ้ำ  แครงค์หลายตัววิ่งตามทั้งคู่มาและมีตามมาสมทบมากขึ้นทุกที  ก่อนเพื่อนๆ ที่รวบรวมข้าวของที่พอจะใช้ได้อย่างระมัดระวังอยู่อีกที่หนึ่งจะเจอสองคนนั้นวิ่งกระหืดกระหอบเลยหัวมุมออกมา

“หนีวิ่งเร็วเข้า  วิ่ง!

“อะไรน่ะ?” นิวท์เอ่ยงึมงำ  ในขณะที่แอริสยื่นคอออกมาดูพร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆ มินโฮกับโทมัสดูเหมือนเสียสติไปแล้วจากการโดนวิกเก็ตหลอกหลอน  แต่เพื่อนที่ยืนเกาะกลุ่มอยู่ก็ได้คำตอบที่ตรงใจในนาทีนั้นเองเมื่อฝูงแครงค์วิ่งตามเพื่อนสองคนมาตามทางเดินราวกับสัตว์ป่าที่กระหายเลือด

“โอ้ ให้ตายเถอะ...พวกเราวิ่ง!



.



.



.



TBC.



------------------------------------------------------------------------------------------------


โอ้ วิ่ง! วิ่งเร็วเข้าทุกคนวีงงงงงง!! >[]<  แฮ่กๆๆ แครงค์ออกมาแล้วค่ะ  ไอ้พวกบ้าพวกนั้นน่าแขยงมากเลยค่ะ ยิ่งฉากที่กินหนูแล้วไรท์นี่หุบปากส่ายหน้าเลยค่ะ.....อะไรจะอดอยาก....อึ๋ยย  โอ้ พระเจ้าช่วย พวกเค้าออกมาจากที่นั่นได้แล้วค่ะและต่อไปจะเป็นอย่างไร  พวกเค้าจิทำอย่างไรต่อไป(ในฟิคของไรท์)  จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกไหม(ในฟิคของไรท์)  รีดคิดไม่ถึงเพราะมันเป็นฟิคของไรท์นี่แหละค่ะ 5555  ชอบทะลึ่งเขียนนอกเรื่อง 55555

แต่เคืองเทเรซ่าอ่ะ  ชริๆๆๆๆๆๆ  อันที่จริงอยากเขียนให้นางหัวเน่าไปเลย (หมายถึงไม่มีใครสนใจนะคะ  อุปมาอุปไมนะคะ  ไม่ได้หัวเน่าจริงๆ 55555)  แต่ว่าเด็กทุ่งของเราไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำเนอะก็เลยต้อง อ้ะๆๆ ตามน้ำไปแล้วกัน เทเรซ่าเธอก็เป็นคนที่พวกเค้าเห็นว่าเป็นเพื่อนเหมือนกันนะ เดี๋ยวตอนจบค่อยมาเจอไรท์อีกทีหนึ่งล่ะกันเนอะ ในตอนที่เธอเผยธาตุแท้แล้วอ่ะ 5555555  เจอกัน!! เฮื้อออ  ไรท์ไม่ค่อยถูกกับผู้หญิงในฟิควายซะด้วยสิคะ 5555555

ในความคิดของผู้หญิงในฟิควาย ไรท์จัดว่าน่าสะพรึ่งค่ะ 5555555  โอยยยย ฝอยยาวอีกและ  ตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร เรื่องจะดำเนินต่อไปและเกิดอะไรขึ้นต้องติดตามชมกันคะ ><   คิดถึงรีดทุกๆ ท่านมากเลยค่ะ  คอนเม้นท์กันหน่อยนะเออ  ปู้ววววววววว

อ้อ เกือบลืม  แปะเฟสค่ะ 5555 >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<< เข้ามาติดตามข่าว (ว่าไรท์ยังไม่ตาย) พูดคุย หรือจิกให้กำลังใจตามฟิคของไรท์ได้ค่ะ TUT 555555  รักรีดนะค้าาา >////<

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund




วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

[SF – RonalSi //เรื่องวุ่นวายฯ – Special//] + [Part 2...END] The Third – Ronaldo x Messi [ต่อจาก BALLON D’OR 2015]


สวัสดีค่ะรีดๆ ที่รักของไรท์ขาา  มาต่อแล้วค่ะกับ NC ที่ แหม่ ปล่อยขาดตอนได้ยังไงเนี่ย  แต่วันนี้มาต่อแล้วค่ะ  55555  เฮียนี่ก็มีโอกาสหน่อยไม่ได้เลยนะคะเป็นได้รังแกเหมียวตลอดๆ เลย ฮ่าาาา

บ้าจริงๆๆๆ  เหมียวก็ปล่อยตัวไปตามสบายนะคะ  ตามเฮียไปค่ะ 5555 //สักพักโดนรุมเตะ//  อะเอื้ออ  มะ ไม่พูดอะไรมากแล้วค่ะ  ไรท์ว่าเราไปอ่าน Nc กันต่อเลยค่ะ  ปายกันเล้ยยยย >0<

อันนี้แถมๆๆ ค่ะ


 เหมียวทำหน้างี้มีเหตุมาจาก.....
นักข่าว : แล้วคุณสองคนมีแผนที่จะแต่งงานสร้างครอบครัวอย่างจริงจังกันเมื่อไรครับ?
เหมียว : อะ ห๊ะ! คะ คะ คะ คือว่าผม...เอ่อ..... //ไม่เป็นเลยค่ะ 555//
ส่วนเฮียก็หัวเราะ ทำหน้าได้ใจอยู่ข้างๆ เลยค่ะ //หลังจบการสัมภาษณ์เฮียลงไปตบรางวัลอย่างามให้นักข่าวคนนั้น เพราะว่าเค้าถามได้ถูกใจเฮียค่ะ 5555555//



---------------------------------------------------------------------------------------------------



“ผมอ่อนโยนกับคุณเสมอ  ถูกไหม?” ก่อนจะก้มลงจูบไปตามเนินหน้าท้องเนียนสวยด้วยกล้ามเนื้อที่ร่างสูงลงความเห็นว่าเซ็กซี่ไม่น้อยเลย

“แต่...อึก...คุณก็ทำเจ็บทุกทีนั่นล่ะ..ฮืออ” เมสซี่จิกผ้าปูที่นอนแล้วออกแรงดึงเมื่อโรนัลโด้เริ่มไต่ลงไปด้านล่าง.....ต่ำลงไป  ที่ซึ่งเมสซี่ต้องกัดริมฝีปากแล้วเริดหน้าขึ้น ไถศีรษะไปตามผ้าปูเตียงหนานุ่มอย่างเสียวซ่านด้วยความอ่อนนุ่มที่ร้อนระอุแทบละลายจากลิ้นที่แฉะนุ่มแต่ช่ำชองของร่างสูง

“ฮึก...ฮา คะ คริสส อ๊าา อยะ อย่า...” ขาเรียวขาวถูกชันขึ้นมาถูไถข้างลำตัวแกร่งโดยอัตโนมัติ  ในตอนที่ร่างสูงใช้มือและลิ้นโอบอุ้มแกนกายที่เล็กกว่าของตนไว้ด้วยความอ่อนโยนและความเร็วที่คงที่ก่อนจะสุ่มจังหวะในเวลาต่อมา

อืออ  อ้าา..ฮ่ะ!...อ่า..คริสส...อื้อ...คริส!” คิ้วเข้มขมวดแน่น  พร้อมกับแผ่นหลังเล็กที่ยกลอยขึ้นมาจากพื้นเตียง  กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างกายเกร็งแน่นก่อนเมสซี่จะจับไปที่ศีรษะกับหัวไหล่แกร่งของโรนัลโด้แล้วปลดปล่อยออกมาในที่สุด

“อ๊าา!” เมสซี่เด้งตัวขึ้นมาหลับตาแน่น ก่อนจะล้มตัวลงนอนกลับไปอีกครั้งหลังจากที่น้ำสีขาวของเจ้าตัวเอ่อทะลักอยู่ในโพรงปากของร่างสูง  ร่างกายที่ถูกพรมจูบไปทั่วสั่นหงึกหงักอย่างวูบวาบ

โรนัลโด้ลุกขึ้น ใช้นิ้วเกลี่ยไปที่ขมับขาวชื่นเหงื่อของคนที่นอนแผ่อกกระเพื่อมหายใจอยู่ อย่างอ่อนโยน  เค้าใช้นิ้วอีกข้างปาดน้ำรักบางส่วนของเมสซี่ที่มุมปากของตัวเองออกมา  ถนอมมันไว้แล้วก้มต่ำลงไปอีกครั้ง  ตรงเข้าไปจูบก้นน่ารักของคนที่นอนอ้าขาอยู่อย่างอ่อนแรงแล้วใช้แขนเกี่ยวมันให้สูงขึ้นเปิดกว้างขึ้นเพื่อที่เค้าจะได้เห็นช่องทางเล็กๆ ซึ่งปิดสนิทแน่นของร่างเล็กได้อย่างชัดเจน

“อือ....คริส อยะ อย่า...อ๊ะ อย่าทำตรงนั้น....ฮึก ผะ ผมไม่....อ๊าา...อย่าแหย่สิ”

 เมสซี่ที่ดูเหมือนจะหมดแรงไปแล้ว  ก็กลับมาเด้งตัวขึ้นอีกครั้ง เอื้อมมือไปหากลุ่มผมดำขลับด้านล่างอย่างห้ามปรามแต่ทว่าคนร่างสูงที่ใช้ลิ้นสะกิดแตะไปที่ปากทางเข้านุ่มหยุ่นนั้นก็หาได้ใส่ใจในคำบอกกล่าวนั้นไม่ ยังคงเดินหน้าโลมเลียมต่อไปอย่างสนุกสนาน  เค้าทำเสียจนร่างเล็กที่เปลี่ยนจากบิดกายไม่ยินยอมไปเป็นบิดเร้าอย่างทรมานอีกรอบ  แกนกายเล็กกลับมาตั้งชันอีกครั้งอย่างน่าอาย  เมสซี่หันหน้ากดจมูกโด่งรั้นกับที่นอนอย่างอดทนอดกลั้น

“อะ อ๊าา..อึก...คริสส..อื้ออ” ร่างเล็กตระหนักแล้วว่าไม่สามารถกักเก็บเสียงร้องได้อีกแล้ว  ทุกครั้งที่โดนแตะต้องเจ้าตัวจะร้องดังมากขึ้น  ดังนั้น เค้าจึงรั้งผ้าปูเตียงมาขบกัดไว้เพื่อช่วยระบายความทรมานที่ไม่ว่าเมื่อไรก็ไม่เคยเบาบางลงเลย  โรนัลโด้จูบและโลมเลียมจนช่องทางสีน่ารักน่าชังของเมสซี่ฉ่ำน้ำแล้วจึงใช้นิ้วที่ปาดน้ำรักของร่างเล็กเป็นตัวช่วยอีกอย่างหนึ่งแล้วส่งนิ้วเข้าไปในตัวเมสซี่อย่างช้าๆ และนุ่มนวล

“อื้ออ ฮึ...ฮ่าา..คริส..คริสส” และแน่นอนมันกระตุ้นความรู้สึกอันว่องไวของเจ้าของร่างได้เป็นอย่างดี  เมสซี่เด้งสะโพกขึ้น หนีนิ้วที่โรนัลโด้ใช้รุกล่ำ ก่อนจะขวนเข้าที่บ่าแกร่งอย่างสุดห้ามแล้วจิกเล็บแช่ไว้อย่างนั้นจนกว่าเจ้าตัวจะรู้ตัวว่าควรปล่อยได้แล้วในเวลาต่อมา

โรนัลโด้ผงกหัวขึ้นมา “อ่า โทษทีที่รัก  ผมขอแค่แปบเดียวเท่านั้น...ผ่อนคลายให้ผมหน่อยนะ”

“อึก...ฮึก” แต่ร่างเล็กทำเสียงเหมือนจะร้องไห้ใส่เสียให้ได้อย่างนั้นร่างสูงจึงหยัดตัวขึ้นแล้วโน้มตัวลงไปจูบกับริมฝีปากช่างเบะที่น่ากลั่นแกล้งไม่หยอกนั้นอีกครั้ง และเป็นโชคดีเป็นของเค้าที่ได้รับการตอบรับกลับมาอย่างไม่ขัดขืนจากเมสซี่

ในระหว่างที่กำลังเบี่ยงเบนความสนใจนั้น  แขนแกร่งข้างหนึ่งก็ยกขาขาวให้สูงขึ้นเพื่อเปิดช่องทางให้เข้าออกได้สะดวกขึ้นแล้วเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่ปุบปับเกินไปจนอาจทำให้ร่างเล็กของเค้าต้องเจ็บ

เสียงของการแลกลิ้นดังขึ้นอีกครั้ง  พร้อมกับที่เมสซี่เริ่มชินกับจำนวนนิ้วทั้งสามของโรนัลโด้แล้วเรียบร้อย  ร่างสูงจึงได้ถอนจูบออก กระซิบชิดกับกลีบปากบวมเจ่อของอีกฝ่ายหนึ่งด้วยแรงอารมณ์ที่ใกล้ขีดจำกัดแล้วของตัวเอง

“พร้อมไหมอาโม่ลีโอของผม?” เค้าพูดก่อนยืดตัวขึ้นอีกครั้งเห็นเมสซี่ที่หอบหายใจใบหน้าแดงระเรื่ออยู่ใต้ตัวเค้า  น้ำตาใสๆ แห่งความเสียวซ่านไหลออกมาตามหางตาสวยอย่างชวนครึมอกครึมใจ   ก่อนร่างสูงของโรนัลโด้จะจับขาขาวของร่างด้านใต้ขึ้นมาพาดอยู่บนแขนแกร่งของตัวเองแล้วจ่อแกนกายไปที่ช่องทางซึ่งลื่นเปียกของเมสซี่  เค้ากดมันเข้าไป

“อ๊ะ อ๊าาา!” คนโดนสอดใส่สะดุ้งตัวก่อนจะโดนปลอบประโลม

“ชู่ว์  เฮ้...ลีโอ  ไม่เป็นไร” ร่างสูงแกร่งต้องยอมรับว่าคนรักของเค้าเล่นด้วยได้ยากมาก  หากทำอะไรที่ไม่ดีขึ้นมาอาจทำให้เมสซี่ไม่ยอมให้เค้ากอดอีกเลยก็เป็นได้เนื่องจากการทำเรื่องอย่างว่านั้นเค้าทั้งสองเพิ่งทำกันได้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น

กระทั่งการตะล่อมอย่างอดทนอดกลั้นของร่างสูงจะทำให้เค้าสอดแกนกายเข้าไปได้สำเร็จ  แต่ก็ไม่วายต้องโดนร่างเล็กร้องและบ่นใส่อุบอิบดั่งเช่นทุกที  และในตอนนี้โรนัลโด้ก็แช่กายอยู่ในร่างของเมสซี่ที่รู้สึกถึงความอึดอัดอันรุนแรงแล้ว

ร่างด้านบนอกกระเพื่อมขึ้นลงราวกับเพิ่งออกกำลังกายมาหมาดๆ  ในขณะที่ร่างด้านใต้ก็รัดขาอันสั่นเทาของตัวเองอยู่บนแขนของอีกฝ่ายหนึ่ง

“อะ อ่าา...คริส..เจ็บ...อึกอัดจัง...อึก..ผะ ผม..อึดอัด” เมสซี่หอบหายใจเอ่ยเคล้าเสียงขาดๆ หายๆ     ความรู้สึกอยู่ระหว่างคำว่าเจ็บกับสุขสม  ร่างเล็กไม่รู้จะเลือกอย่างใดดี  จะว่าดีก็ดีอยู่หรอกที่ร่างสูงทำแบบนั้นให้ เมสซี่ไม่ปฏิเสธเลยว่าความเก่งกาจของโรนัลโด้ทำให้เจ้าตัวที่อ่อนประสบการณ์รู้สึกเอ่อล้นมากแค่ไหน แต่ว่าความใหญ่โตที่คับแน่นอยู่ในช่องทางของเจ้าตัวมันมากเกินกว่าที่จะคิดได้  เมสซี่รู้สึกได้ถึงผนังช่องทางที่เต้นได้ของตัวเองโอบรัดความแข็งขืนที่ไม่ยอมแพ้ของร่างสูง...ไม่ยอมแพ้อะไรเลย แม้แต่แรงกดบีบที่รุนแรงของผนังช่องทาง

โรนัลโด้อ้าปากโกยอากาศเข้าปอดอีกเล็กน้อยก่อนจะสังเกตเห็นรอยคราบน้ำตาของร่างเล็กที่เปื้อนผ้าปูที่นอนข้างใบหูซึ่งเจ้าตัวนอนอยู่

“ผมรู้ที่รัก...ผมรู้” ร่างสูงแกร่งที่อยู่กึ่งกลางระหว่างขาที่ถูกแยกออก ทาบฝ่ามืออุ่นร้อนไปที่ข้างแก้มร้อนฉ่าของร่างน้อยๆ ที่น่าสงสารแล้วจุมพิตลงไปยังกลีบปากบวมเจ่ออย่างอ่อนโยน ก่อนเค้าจะแปรเปลี่ยนเป็นการกวาดต้อนอย่างนุ่มนวลและเริ่มขยับกายตามลำดับ

อื้ออ” เสียงในลำคอขาวร้องคราง เมื่อกายของโรนัลโด้ขยับเข้ามาจนต้องเคลื่อนกายตาม   กระทั่งโรนัลโด้ละจูบออกมาและเริ่มตั้งหน้าตั้งตาขยับกายอย่างถูกต้องและระมัดระวังแต่ไม่ลดทอนความต้องการเลย

“อ่าา”

“อ๊ะ..อ้าา..อืออ” เมสซี่เอื้อมมือขึ้นมาเกาะบ่าของคนตัวสูงที่ขยับกายอยู่ด้านบน

“อ่าา...อา..ลีโอ...อ่าา”

“ฮึก..อืออ...คริสส...คริส..อ๊าา”

และเมื่อเริ่มคล่องตัวขึ้นแล้ว โรนัลโด้ก็สวนกายเข้าไปเร็วขึ้น แรงอารมณ์ของเค้าไม่สามารถทานได้แล้วในขณะนี้  ร่างเล็กที่มอบทุกสิ่งให้เค้ายั่วยวนเกินไป...น่าบดขยี้เกินไป  มันมากเกินกว่าที่เค้าคนนี้จะทนไหว

“ลีโอ อ่า”

อา! อ่าา...อ๊ะ อ๊า! คริส...อืออ..คระ...อ่าา...อย่าแรงนักสิ...ผะ ผมเจ็บนะ..อ๊า!

เตียงใหญ่สั่นคลอน  ตามมาด้วยเสียงผิวกายกระทบกันอย่างไม่สามารถห้ามได้  เช่นนั้นคงไม่ต้องเอ่ยถึงร่างเล็กที่เป็นผู้รองรับความแข็งแรงของร่างสูงอีกต่อไปแล้ว  เมสซี่รู้สึกได้ว่าขาของตัวเองไม่สามารถอ้ากว้างได้มากกว่านี้อีกแล้ว

“โทษทีที่รัก...อ่าา...โอ้พระเจ้า...คุณรัด...อาา..แน่น..อึก...ชะมัดเลย” โรนัลโด้เชิดหน้าขึ้น

แต่เมสซี่หลับตาปี๋ “ผมเจ็บ...อ่าๆๆ...อืออ...คริสส  ฮึก...คริส..ฮ้าา”

“ก็คุณรัดแน่น...อ่ะ...อ้าา”

“อื้ออ...ไม่..หะ...ไม่เห็นเกี่ยว..เลย...อ๊าา!

“หึ ดูคุณร้องเข้าสิ” โรนัลโด้หลุดยิ้ม  ถึงแม้จะรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลามาคุย  แต่ร่างเล็กของเค้าก็ช่างต่อล้อต่อเถียงใช่ย่อยเหลือเกิน เป็นเหตุเพราะไม่ชอบที่ตัวเองเสียเปรียบอย่างหนักแบบนี้  ซึ่งมันก็เลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นไม่ได้เลยเมื่อเมสซี่ไม่เคยหยุดทำตัวอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้

และที่โรนัลโด้ชอบที่สุดก็คือร่างเล็กที่บิดเร้าและร้องครางชื่อของเค้า.....

“อ่า ผมรักคุณ” ชายหนุ่มร่างกายกำยำสวนกายเข้าไปจนสุดความยาว

อ้าา!...โอ้ คริส...อาๆๆ....ฮ่ะ...อ้าๆๆๆๆ” คนด้านล่างจิกเกาะบ่าแกร่งแน่นราวกับเป็นปราการยึดมั่นสุดท้าย

ท่อนขาที่พาดเกี่ยวอยู่บนแขนแกร่งทั้งสองข้างเป็นตัวช่วยอย่างดีให้แกนกายใหญ่ได้กระแทกเข้าออกได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น  ช่องทางอ่อนนุ่มนั้นเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้ม  ดูดกลืนตัวแทนของโรนัลโด้เข้าไปทุกครั้งและบีบรั้งมันไว้ในตอนที่ร่างสูงชักกายดึงออกมา

“อาา...คริส อ่าา...ฮืออ..ไม่ไหว...ผม..ไม่ไหวแล้ว” เมสซี่ร้องบอก  ร่างเล็กก้าวข้ามความเจ็บปวดมาแล้วและแกนกายที่ร้อนระอุของโรนัลโด้กำลังทำให้เจ้าตัวเอ่อล้นออกมาอีกครั้ง

“ได้เลยที่รัก...อ้าๆๆ...อ่า”

“อืออ...โอ๊ย!...อ่าา...คริส...อยะ อย่า....ฮ่ะ ฮ้าา” แต่เมสซี่ก็ไม่ได้บอกให้ร่างสูงเร่งจังหวะเลยสักนิดเดียว  โรนัลโด้ที่ถูกก่อกวนด้วยช่องทางน้อยๆ ของเมสซี่นั้นเร่งจังหวะจนกระชั้นถี่และรุนแรงขึ้นจนคนด้านล่างต้องเกร็งนิ้วเท้าเข้าหากันมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า

ร่างสูงเองก็ใกล้แล้วเช่นกัน....

เค้าเพียงกำลังลุ้นอยู่ว่าจะได้ไปพร้อมกันไหม  แต่ถ้าหากเป็นไปได้ก็แจ๋วไปเลย  โรนัลโด้เอนกายต่ำลงกดเมสซี่ไว้กับเตียงนอน แล้วสัมผัสการรับรู้ของเค้าก็แจ่มชัดขึ้น  โรนัลโด้รู้สึกถึงความร้อนของแกนกายและช่องทางที่เสียดสีกันจนแทบลุกเป็นไฟ  จังหวะตอดรัดที่สม่ำเสมอและยากจะถอนตัวไปได้ของเมสซี่ทำเอาเค้าแทบสะลักความสุขในวินาทีนั้นเอง

อะ อ่า!

อ๊าาา!

ชายหนุ่มคนหนึ่งแอ่นกายขึ้นจนสุดเอว และอีกคนหนึ่งก็กดกายเบียดเข้าไปปลดปล่อยสายธารที่พุ่งทะลักเข้าไปในช่องทางอันอุ่นแสนร้อนและบอบบางของอีกคนหนึ่ง  น้ำสีขาวขุ่นของโรนัลโด้เอ่อล้นออกมาเล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะความคับแน่นของเมสซี่ปานนี้มันก็คงจะเปรอะเปื้อนเตียงไปทั่วแล้ว

ชายหนุ่มทั้งสองคนหอบหายใจอย่างหนักที่สุดในวันนี้  ก่อนร่างสูงจะก้มลงไปจูบกับร่างเล็กอย่างแสนรักและปล่อยขาทั้งสองข้างนั้นลงด้วยความอ่อนโยนอนึ่งเบามือที่สุด

“เก่งมากลีโอ  คุณเก่งมาก” เค้าพร่ำบอกและไล่จูบไปจนถึงแก้มแดงฉ่า “ผมรักคุณ”

“คริส” เมสซี่กระซิบแต่ไม่ได้เรียกร้องเพียงแค่ตอบรับร่างสูงกลับไปแบบไม่มีแรงเท่านั้น   คนตัวโตชักจะไม่บันยะบันยังเกินไปแล้วนะ  จำได้เลยว่าครั้งแรกเมสซี่ร้องไห้มากแค่ไหนกว่าจะพอใจโรนัลโด้

เจ็บชะมัดเลย....

และในที่สุดร่างสูงก็เห็นสมควรว่าเค้าควรถอดแกนกายของตัวเองออกมาได้แล้วเสียที  คนตัวเล็กคงจะอึกอัดแย่แล้วดังนั้นชายหนุ่มผิวสีคมเข้มจึงเสี่ยงขยับตัวอีกคราด้วยการดึงแกนกายของตัวเองออกมาอย่างแผ่วเบาที่สุด

อ้าา” แต่ทว่ากลับทำให้ร่างเล็กต้องขมวดคิ้วแน่น พร้อมกับครางเสียงสะอื้นกลับมา

“โทษทีลีโอ...อ่า อีกนิดเดียว” โรนัลโด้ว่า กลั้นใจแล้วเอาออกมาได้สำเร็จในที่สุด  รู้สึกใจเสียไม่น้อยที่ทำให้ร่างเล็กของเค้าต้องเจ็บถึงขนาดนี้  แต่นั่นก็เป็นเพราะขนาดของเค้ามันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงให้มันเล็กลงได้ เลยทำให้อาโม่ลีโอของเค้าเจ็บน้อยกว่านี้ไม่ได้  โรนัลโด้เห็นผลงานของตัวเองไหลย้อนออกมาจนตอนนี้ช่องทางที่กำลังคืนตัวของเมสซี่ถูกละเลงเต็มไปด้วยน้ำรักที่เพิ่งปลดปล่อยออกมาของเค้า  ก่อนจะมองไปยังร่างเล็กที่นอนหลับตาหายใจรวยรินอยู่บนผ้าปูที่นอนยับๆ อย่างหมดเรี่ยวหมดแรง

“เอ่อ..คุณอยากจะไปอาบน้ำไหม?” เค้าถาม  ฟังดูชั่งใจ  เพราะดูแล้วเมสซี่คงจะไม่มีแรงแล้วเป็นแน่  และก็เป็นเช่นนั้นจริง  คนที่ใกล้หลับแล้วเต็มทีบอกปัดไปอย่างง่ายดายว่าเห็นทีเจ้าตัวคงจะทำเรื่องนั้นไม่ไหวเสียแล้ว

“ผมอาบให้คุณก็ได้..”

ไม่เอาหรอก” เมสซี่กล่าวทันควัน  ถึงแม้จะไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตาแล้วก็ยังอุตส่าห์ส่งสายตาแง่งอนมาให้ร่างสูงที่ยิ้มแฮะๆ อยู่ด้านบน

แฮ่ๆ โอเคๆ ไม่อาบก็ไม่อาบ” โรนัลโด้กล่าว  ฟังดูไม่ใช่เรื่องเสียหายหากเค้าอยากจะจัดอีกสักรอบในห้องน้ำกับคนรัก  แต่ทว่านั่นดูจะเป็นการเอาแต่ใจตัวเองอยู่ฝ่ายเดียวไปหน่อยเพราะร่างเล็กของเค้าคงจะไม่ใคร่ยินยอมพร้อมใจอีกรอบเป็นแน่  ว่าแล้วเมสซี่ก็ทำเสียงงอแงใส่ทั้งๆ ที่ใกล้หลับ

“ไม่ยุติธรรมเลย  วันนี้เป็นวันของผมแท้ๆ ทำไมคุณถึงได้ขี้โกงอย่างนี้นะ”

โรนัลโด้อุ้มเมสซี่ขึ้นไปหนุนกับหมอนใบนุ่มฟูที่เพิ่งมีประโยชน์ในเวลานี้นี่เอง “ผมเปล่าเลยนะ” เค้าก้มลงกระซิบทำหน้าเหมือนร่างเล็กเป็นเด็กขี้งอแงสำหรับเค้าที่เป็นผู้ใหญ่ใจดีพร้อมจะยิ้มให้เสมอ ก่อนจะลุกหายเข้าไปในห้องน้ำ

เมสซี่กดหน้ากับหมอนแล้วพูดเสียงยืดยาวราวกับยังต้องการที่จะขอความเป็นธรรมให้ตัวเอง “โกโหกก” และร่างสูงก็กลับมาโดยเร็วพร้อมกับผ้าชุบน้ำสะอาดที่ติดมือมาด้วย

โรนัลโด้คุกเข่าลงกับเตียงอย่างแผ่วเบาและทำเช่นเดียวกันนั้นกับการเช็ดทำความสะอาดให้ร่างเล็กที่ครางอื้ออึงอยู่ไม่น้อยกว่าโรนัลโด้จะทำหน้าที่เสร็จ

“ผมไม่ได้แกล้งคุณเลยนะ” เค้ายิ้มเบาบางและจูบหัวเข่าขาวที่ชันขึ้นมาเพราะร่างสูงจำต้องเช็ดทำความสะอาด

เมสซี่ยื้นปากใส่โรนัลโด้อีก  แต่ก็โกรธไม่ลงเมื่อร่างสูงจอมเจ้าเล่ห์ส่งยิ้มขยิบตามาให้เจ้าตัวเสียจนต้องปล่อยยิ้มออกมาบ้างอย่างเสียไม่ได้ “หึ วันนี้วันดีของผมเชียวนะ คุณนี่ขี้โกงจริงๆ เลย รู้งี้ผมยกรางวัลให้คุณดีกว่าคุณจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับผม” ร่างเล็กพลิกตัวนอนตะแคงข้างอย่างอ่อนแรง เจ้าตัวไม่อาจจะหาแรงมาเปิดปากพูดกับร่างสูงได้อีกแล้ว

ก่อนเจ้าของห้องพักแห่งนี้จะวางผ้าขนหนูลงข้างเตียงแล้วยิ้มอ่อนใจกับตัวเองก่อนก้มตัวลงซ้อนกายมอบอ้อมกอดให้แก่คนน่ารักช่างบ่นมากจากทางด้านหลังและชะโงกเอ่ยที่ข้างแก้มใสเสียงทะเล้น

“ใช่ วันนี้เป็นวันดีที่ผมกอดคุณไง”

“งั้นผมขอโชคร้ายดีกว่า”

“อ่าๆ ไม่เอาน่าอาโม่ลีโอ  คุณก็รู้ว่าผลสุดท้ายมันจะเป็นยังไง” โรนัลโด้สอดต้นแขนล่ำให้อีกคนหนึ่งได้หนุนนอนแทนหมอนนั้นเพื่อให้เค้าได้สามารถกอดเมสซี่ได้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น  หากถึงแม้ร่างสูงได้รางวัลในปีนี้เค้าก็จะขอรางวัลกับร่างเล็กของเมสซี่อยู่ดีจะอย่างไรคนโดนกลั่นแกล้งก็ไม่รอดเงื้อมือจากคนจอมเจ้าเล่ห์อย่างโรนัลโด้ไปได้อยู่แล้ว

“ผมรักคุณ”

โรนัลโด้จูบใบหูนิ่มนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจู่ๆ เสียงกระซิบกระซาบแทบไม่ได้ยินจะดังขึ้น  แต่แน่นอน  มันไม่เคยหลุดรอดพ้นจาก คริสเตียนโน่   โรนัลโด้ คนนี้ไปได้

“ผมก็รักคุณ”

“ได้เลย เราเจ๊ากันที่รัก

โรนัลโด้ยิ้มเช่นเดียวกับเมสซี่ที่หลับตาพริ้ม พวกเค้ากอดกัน  หลับไปด้วยกัน  และหลงลืมไปเลยว่าต้องมีคนถามหาใครคนใดคนหนึ่งในพวกเค้าเป็นแน่ หรือไม่...ก็เค้าทั้งสองคนเลยนั่นล่ะ



*****************************************************************************



“เฮ้ ลีโอไปไหน นายเห็นไหมมาเซโล่?”

“ไม่อ่ะเนย์มาร์ ฉันเพิ่งจะขึ้นมากะว่าจะชวนคริสไปเปิดหูเปิดตาซะหน่อย สงสัยคงจะอยู่ที่ห้องแฮ่ะ”

“เออ ฉันไปด้วยดิ  จะไปดูลีโอที่ห้องของเค้าเหมือนกัน”

“ไปสิ”

“เฮ้ นายสองคนน่ะมานี่หน่อยสิ  พอดีเลยช่วยลงไปที่ล็อบบี้เป็นเพื่อนฉันหน่อยสิรู้สึกจะลืมมือถือไว้ข้างล่างแฮ่ะ”

“ห๊ะ?  อ๋อได้สิรามอส”

“เฮ้ย ไหนนายบอกว่าจะไป...”

“เดี๋ยวค่อยไป หมอนั่นรออยู่ไม่เห็นรึไง  ไปเป็นเพื่อนรามอสก่อนไม่เป็นไรหรอกน่าเดี๋ยวค่อยขึ้นมาหาสองคนนั้น”

“โหห เอาจริงดิ”

“เออ ดีๆๆ มาเร็วเพื่อนมาเร็ว” รามอสที่ยืนเกาท้ายทอยอยู่เห็นดีเห็นงามกับมาเซโล่ด้วยก่อนจะกวักมือหยอยๆ อย่างเคอะเขินเพราะไม่เคยเหมารวมเนย์มาร์ตามความว่าเช่นนั้นมาก่อน  แต่จะทำยังได้ถ้าคนเต็มล็อบบี้แล้ววุ่นวายขึ้นมา มีเพื่อนไปเยอะๆ ก็ไม่เสียหายอะไรหรอก ดีซะอีกจะได้ไปช่วยกันหาทางหนีทีไล่  รามอสยิ้มก่อนจะเดินไปกดลิฟต์ลงไปชั้นล็อบบี้ของโรงแรมที่มีแฟนบอลรอคอยอยู่อย่างแน่นเอี๊ยด แล้วทั้งสามคนก็ไม่ได้เดินเฉียดผ่านห้องของโรนัลโด้หรือเมสซี่เลยตลอดทั้งวันนั้น.



---------------------------------------------------------------------------------------------------



ฮร๊ายยยยยยยยยย!! หวานเฟร่อจริงๆ เลยค่ะ! >< เฮียอ่าา  มีช่องไม่ได้แกล้งเหมียว 55555  แต่คนที่น่าสงสารจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเนย์เนอะ 5555555   โห่ เนย์...ไม่เอาอย่าทำหน้าผิดหวังอย่างนั้นสิคะที่ไม่ได้เจอเหมียว ไรท์ไม่ได้แกล้งนะคะแต่มันเป็นบทค่ะ 5555555 

//สักพักโนลอบฆ่า//

เฮื้ออออ //ไรท์ตายมาสองครั้งแล้วนะคะ  ตั้งแต่เปิดบล็อกมานี่ตายนับไม่ถ้วนแล้ว//  หืมมมม แต่เฮียเหมียวเค้าก็น่ารักกันมากเลยเนอะ ^^  สำหรับ Special เรื่องวุ่นวายของนายตัวดีในตอนนี้ก็จบลงไปแล้วค่ะ  จะมีตอนอื่นๆ ปล่อยมาให้ชมกันอีกไหมต้องติดตามและรอคอยค่ะ  >///<  และความลับของเฮียที่เป็นสายลับเก่าก็ยังคงเป็นความลับต่อไปค่ะ  อะฮ่อยย ตอนที่เค้าอยู่ด้วยกันน่ะเหมียวก็ไร้เดียงสาได้อีก!! ><    โอ้ยยย พอแล้ว เลิกเพ้อ 

ตอนนี้ไม่มีเพลงให้ฟังประกอบเนอะ  จะอะไรก็ไม่สำคัญแล้วค่ะนาทีนี้ 555555  เฮียกับเหมียวกำลังมีความสุขกันค่ะ หุๆๆๆ   และเพราะเป็น Special เลยไม่มีคำว่า THE END หรือ FIN ค่ะ  ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ  ขอบคุณทุกท่านมากเลยค่ะ  รักมากมายนะเออ >///<

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund