วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2558

[Fic – RonalSi] + [Part 1] เรื่องวุ่นวายของนายตัวดี! – Ronaldo x Messi



*ฟิคเรื่องนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความจริง ที่เกิดขึ้นนี่เพราะไรท์ฟินล้วนๆ ค่ะ -*-

            อร๊ายยยย มาแล้วค่ะมาแล้วว! เมื่อไรท์ทนต่อเสียงเรียกร้องของรีดที่ไรท์ไปวางยาเค้าไว้ไม่ไหว(?) ไรท์ก็ต้องลงค่ะ ><  อูยยยยย รบเร้ากันเกือบทุกวันค่ะ โดยเฉพาะวันที่ไรท์สปอยล์ว่าเฮียโด้โดนหยิกหัวนมนะ 55555 เฟสเละเลยค่ะ  //อะไรของแกว่เนี่ยยย พอแล้ว!//

*สิ่งที่ท่านควรอ่าน -- โปรดอ่านมิฉะนั้นท่านจะตกข่าวและอ่านไม่รู้เรื่อง

เอาล่ะนะคะ เรามาทำความเข้าใจกันก่อน.....

1. ในเรื่องนี้เราจะตัดลูกตัดเมียเค้าทิ้งไปค่ะ เพราฉะนั้นโรนัลโด้กับเมสซี่ในเรื่องนี้ไม่มีลูกกะเมียนะคะ //5555+//

2. เมสซี่อายุน้อยที่สุดในสโมสรนะคะ ซึ่งในเรื่องเราจะไม่พูดถึงมันค่ะ -_-“  และเฮียเนย์มาร์สุดเกรียนของเราก็เป็นรุ่นพี่ของเหมียวเมสน้อยๆ ของเรานะคะ //นี่แกโกงอายุให้เค้ายังงั้นเหรอ!// + (แหม ก็ดูหน้าเฮียเนย์ดิ เหี้ยมกว่าเหมียวอีกง่ะ -_-^)

3. โรนัลโด้และเมสซีอายุยังคงห่างกันอยู่สองปีเหมือนเดินนะคะ

4. เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในคืนก่อนเตะนัดแรกของ World Cup 2014 นะคะ //อันนี้ก็ไม่เกี่ยวอีกแหละค่ะ ปล่อยมัน.....ไรท์แค่รายงานให้รู้เฉยๆ 5555+//

5. กลับไปอ่านด้านบนใหม่ “ฟิคเรื่องนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความจริง ที่เกิดขึ้นนี่เพราะไรท์ฟินล้วนๆ นะคะ

หากทุกท่านมโนภาพตามนี้  ท่านจะสุขสำราญบานตะไทกับฟิคของไรท์เป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียวเชียวล่ะค่ะ............ขอบคุณทุกท่านที่ใช้บริการ ขอบพระคุณค่ะ //ถอนสายบัวโค้งคำนับอย่างน้อบน้อม//

โครงเรื่องแบบนี้เพิ่งจะเริ่มเขียนเป็นครั้งแรกเลยล่ะคะ ถ้าไม่นุ่นนั่นนี่หรือไม่โอเคยังไงก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ M_ _M

อร๊ายยย ที่นี้ก็ไปอ่านกันเลยค่ะ >{}< !!!!


------------------------------------------------------------------------------------------------

กลับไปอ่านสิ่งที่ท่านควรอ่านก่อนถึงจะอ่านฟิคนี้ด้ายยยยยย

.


.


.



ริโอ เดจาเนโร.................

ณ ซ่องซุ่มกำลังของมาเฟียระดับล่างแห่งเมือง......ที่นั่นเหล่าหัวหน้าและลูกน้องกำลังหารือวางแผนการผงาดง้ำแสนอหังการขึ้นมากันอยู่

“เป้าหมาย......เอาจริงเหรอลูกพี่?” สมุนคนหนึ่งถามขึ้น ท่ามกลางความสงสัยของเพื่อนสมุนคนอื่นซึ่งเกิดคำถามเช่นเดียวกันนี้  นิ้วด้านป้อมชี้โด่ไปที่รูปซึ่งแปะอยู่บนกระดานเก่าเขรอะ

สมุนทุกคนพร้อมใจกันหันหน้าไปยังลูกพี่

“เอาจริงสิว่ะ  นี่แหละมันจะทำให้เราทั้งรวยทั้งดังไปทั่วโลก! ที่นี้แหละใครต่อใครมันจะได้รู้จักเราสักที ฮ่ะๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะแสดงความกักขฬะดังลั่นอย่างบ้าคลั่ง พาให้ขบวนลูกน้องตะบันเสียงแหกปากหัวเราะแข่งกันอย่างเอาหน้า

“แล้วจะหนีไงอ่ะลูกพี่” เสียงหัวเราะทุ้มเถื่อนหายไป หัวหน้าซ่องหันควับกลับมาหาลูกน้องแล้วมองตาไอ้ลูกน้องคนนั้นโดยไม่แสดงความหวั่นไหวออกมาสักนิดเดียว

“เอ่อน่า! เรื่องนั้นข้าคิดไว้แล้วเว้ยย! ฮ่ะ ฮ้าๆๆ!!” แล้วขบวนพาเรดเสียงหัวเราะของซ่องโจรก็บรรเลงขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางอากาศอับชื้นในห้องแคบเล็กๆ ที่ไม่มีหน้าต่าง  ร่างสูงใหญ่โตเทอะทะของผู้นำลุกขึ้นแล้วปามีดไปปักโดนข้างรูปของ ลีโอเนล   เมสซี่ (อันที่จริงเค้าตั้งใจจะปาให้โดน) แล้วหันมาประกาศกราวกับบรรดาลูกน้อง

“ฮ่ะๆๆ คืนนี้เราจะทำการลักพาตัวนักฟุตบอลระดับโลกกัน!

“ฮ่ะๆๆ ลูกพี่เรานี่เก่งจริง วางแผนแยบยลไว้โดยที่พวกเราไม่รู้เรื่องเลย ฮ่ะๆๆๆ”

หัวหน้าแก๊งหน้าซีดลงถนัดตา ทว่าไม่มีใครสังเกตเห็น

เปล่าโว้ย ตูเพิ่งคิดได้เมื่อกี้นี้เอง...........เค้าคิด พลางเหงื่อแตกพลั่กๆ


*****************************************************************


ให้ตาย....ในนี้ร้อนชะมัดเลย

ร่างเล็กดึงไทด์ให้หลวมออกมาจากคอเล็กเพื่อให้อากาศอบๆ ได้ถ่ายเทออกมาจากสูทตัวหนาของเค้าบาง

..................ไม่รู้ว่าปฏิเสธได้บ้างไหมนะ?  ถ้าจะไม่มาร่วมงานเลี้ยงร่วมพลนักเตะก่อนลงสนามครั้งแรกเนี่ย  เฮ้อ แต่ถึงยังไงเค้าก็มาแล้วล่ะนะ  ยังไงเค้าก็โดนลากมาแล้ว  คงจะมาร่ำร้องอยากจะกลับไปตอนนี้ไม่ได้ซะแล้วล่ะ................

ร่างเล็กที่ยืนหลบมุมอยู่ในลืบมืดๆ ของงานเลี้ยงสุดหรูสำหรับร่วมดารานักเตะชื่อดังที่พร้อมใจกันตบเท้าเข้ามาร่วมงานนี้ เพื่ออวดโฉมเสื้อผ้าหน้าผมอันภูมิใจนำเสนอของตัวเองโดยเฉพาะ.............

..................ยกเว้นเค้านะ..............

พี่ ให้ตายผมอยากกลับบ้าน........เค้าร่ำร้องในใจ พลางห่อไหล่อย่างน่าสงสาร เพราะเค้าไม่ชอบงานเลี้ยงแบบนี้เอาเสียเลย  ไม่มีใครที่เค้ารู้จักแบบจริงๆ จังๆ  เลยสักคน  แถมยังมีแต่คนมีหน้ามีตากันทั้งนั้นด้วย  แล้วคนที่เค้ารู้จักแถมอยู่ทีมเดียวกันตอนนี้น่ะ...หายหัวไปไหนหมดกันเนี่ยยยย!!

อยากกลับแล้วน้าาา..........เสียงเล็กๆ กู่ก้องอยู่เพียงแต่ในความคิดเท่านั้น ไม่สามารถตะโกนออกมาให้ใครรับรู้ได้  ก็เพราะว่าตอนนี้เค้ากำลังหลบหน้าแขกเหรือและเพื่อนนักฟุตบอลต่างทีมอยู่น่ะสิ!

งานแบบนี้ก็ไม่ค่อยชอบออก แล้วแถมยังพูดไม่เก่งอีกต่างหาก......นี่เราพาตัวเองมาตายใช่ไหมเนี่ย...........ยิ่งคิดก็ยิ่งทำหน้าแหยๆ เหมือนจะร้องไห้ไปด้วย  ร่างเล็กที่ตอนนี้อยู่ในชุดสูดสีดำขลับอย่างเป็นทางการสั่งตัดเย็บอย่างดีจากห้องเสื้อชื่อดังของปารีส........อันนี้เนย์มาร์จัดให้

“อย่างนายต้องมีคอสตูมส่วนตัวคอยดูแล.......เดี๋ยวท่านเนย์มาร์คนนี้จะจัดให้เองไอ้น้องชายไม่ต้องห่วง” เจ้าตัวเค้าว่าไว้อย่างนั้น พร้อมกับทุบอกเสียงดังและเสยผมตัวเองไปด้วยอย่างมั่นใจเหลือเกินว่าเค้าหล่อเฉียบขาดทุกเส้นทาง

ส่วนคนถูกเลือกให้อย่างเค้าจะทำอะไรได้ ก็ได้แต่เพียงยิ้มเจื้อนๆ ให้อย่างยอมแพ้ก็เท่านั้น เมื่อโดนบ่นกลับมาว่า “เงียบไปเลย  นายห้ามเถียงโดยการพูดคำว่าเกรงใจโดยเด็ดขาด”

แต่พอชุดสูทที่สั่งตัดมาส่งให้ถึงที่แล้ว  เพื่อนๆ คนอื่นในทีมกลับพูดใส่หน้าเนย์มาร์เป็นเสียงเดียวกันว่า “ถุย! เลือกได้แค่นี้เองเหรอว่ะ!!

ตอนนั้นบอกได้เลยว่าเนย์มาร์ถึงกับทำไหน้าเสียเซลฟ์นิดๆ  แล้วรีบด่ากลับไปทันที  เพื่อนทั้งทีมจึงเปิดศึกแย่งชิงตำแหน่งคอสตูมกิติมาศักดิ์ประจำตัวเมสซี่กับเนย์มาร์  แล้วพอไปพอมาก็ลงท้ายด้วยการแย่งกันเองทั้งทีม จนเค้าเองก็ทนไม่ไหวเลยต้องห้ามทัพเป็นการใหญ่ เสียพลังงานไปเยอะทีเดียว (มากกว่าการลงสนามหลายเท่าเลยทีเดียวล่ะ)

“ชุดไหนผมก็ใส่ได้ทั้งนั้นแหละ ไม่เป็นไรหรอก......” เค้าบอกกับทุกคน

“นั่นไง  เพราะงี้ไง...ไอ้เจ้าโรนัลโด้มันถึงเอาไปเมาท์กับเพื่อนมันสนุกปากว่านายใส่ชุดประหลาดขนาดไหน” เนย์มาร์ชี้หน้าเค้า แล้ววกกลับเข้าเรื่องเดิม

“ชุดผมไม่ประหลาดสักหน่อย!เค้าพูดขึ้นเสียงดัง และรู้สึกฉุนนิดๆที่เนย์มาร์ว่าชุดที่เค้าใส่ประหลาด

“หราาาาา! และนั่นก็คือเสียงของเพื่อนทั้งทีม  เค้าเลยทำหน้าหงอย....... โอเคก็ได้  งั้นสรุปเอาเป็นว่าเค้าก็ใส่ชุดสูทราคาสุดแพงของห้องเสื้อปารีสมางานนี้ด้วยการฉุดกระชากลากถูของเพื่อนทั้งทีม(ท่ามกลางความไม่ยินยอมพร้อมใจของเค้า) ที่คะยั้นคะยออยากให้เค้ามาล่ะกัน

แต่แล้วไหงหายหัวไปไหนกันหมดนะ!! ทิ้งให้เค้าต้องยืนมองความมืดที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยแสงไฟแห่งเมืองริโออยู่คนเดียวมีที่ไหนมางานเลี้ยงพบปะสังสรรค์หันหน้าเข้าหากระจก ไม่ใช่คุยกับแขก

“งั้นอย่างงี้ก็ปล่อยให้ฉันกลับบ้านเห๊อะ” เค้าพึมพำกับตัวเอง  แต่แล้วร่างเล็กก็รู้สึกถึงสายตาที่จอบจ้องมองเค้าอยู่ทางด้านหลัง มันทำให้เค้ารู้สึกหายใจติดขัดอย่างประหลาด

...............เป็นสายตาที่คมกริบ เหมือนจะส่งกระแสจิตลึกลับมาหาเค้าได้ยังไงยังงั้น...............

เอ หรือว่าเราคิดไปเองนะ.......ร่างเล็กคิดในใจ  และด้วยความทีว่าค่อนข้างจะข้องใจเค้าจึงหันหลังกลับไปมองบรรยากาศภายในงานที่คับคั่งไปด้วยผู้คน

...............ทุกคนยังคงทำตัวเหมือนเดิน  คุยกันเหมือนเดิม  และไม่มีใครสนใจหรือสังเกตเห็นเค้าเหมือนเดิม................

...............เค้าคงคิดไปเองจริงๆ นั่นแหละ..............

หึ สงสัยอยากกลับบ้านซะจนคิดระแวงไปคนเดียวแฮะ” ร่างเล็กยกยิ้มอย่างนึกขำตัวเองนิดๆ  เป็นเวลาเดียวกับที่บริกรถือถาดเครื่องดื่มเดินผ่านมาพอดี เค้าจึงหยิบแชมเปญจากถาดมาแก้วหนึ่งแล้วล้วงมือข้างหนึ่งเข้าไปในกระเป๋ากางเกง.....ทำตัวเองให้ดูเข้ากับบรรยากาศรอบข้างมากที่สุด

ใช่ อย่างน้อยเค้าก็พยายามแล้ว..............

ก่อนที่เจ้าตัวจะคิดว่า ไม่เอาดีกว่า แล้วตัดสินใจหันกลับเข้ากระจกไปที่เดิมพลางร้องไห้ในใจ

ให้ผมกลับเถอะ......ได้โปรด ฮึก...ฮึก....TT^TT

ร่างเล็กทำหน้าหงอยแล้วเอนตัวลงไปซบหน้าผากกับกระจกใสชั้นดีของโรงแรมดัง  แชมเปญเย็นๆ ที่ถืออยู่ในมือก็หาได้มีความหมายอะไรไม่ เพราะเค้าแค่ต้องการจะไม่เป็นที่สะดุดตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็เท่านั้น

บรรยากาศด้านนอกให้ความรู้สึกครึ้กครื้นเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟที่ประดับตามยอดตึกราบ้านช่องต่างๆ ราวกับถูกแต่งแต้มด้วยสีสว่างสดใสให้ความรู้สึกสนุกสนานไปทั่วเมือง และแสงไฟจากรถที่สัญจรไปมาอยู่บนท้องถนนของเมืองแห่งนี้อยู่ตลอดเวลาราวกับมีชีวิต

เฮ้ออ ข้างนอกดูน่าสนุกชะมัด......คงจะดีไม่น้อยเลย ถ้าได้ออกไปเที่ยวข้างนอก........ร่างเล็กคิดในใจ ก่อนที่เสียงพูดคุยในงานจะผ่านมาเข้าหู

อย่างน้อยก็ให้ฉันได้ออกไปจากที่นี่ก็พอแล้ว......เค้าคิดพลางลู่ไหล่ลงอย่างห่อเหี่ยว  แต่แล้วร่างของเค้าทั่งร่างก็ต้องสะดุ้งขึ้นจนแชมเปญในมือเกือบตกลงพื้น เมื่อไหล่เล็กๆ ของเค้าถูกตบอย่างแรง

ตั้บบ!!

“อ๊ะ! อา...”

“โย่ว....ไง ไอ้น้องคืนนี้หาได้สักคนรึยัง” คนที่เพิ่งทำลายโลกส่วนตัวของร่างเล็ก เดินมาจากด้านหลังแล้วกอดคนที่เหม่อมองออกไปไว้ในอ้อมแขน

“โธ่.....ผมก็นึกว่าใคร พี่นี่เอง....รู้ไหม ตกใจหมดเลย” คนโดนลอบเข้าข้างหลังหันมาพูดเสียงขุ่นพลางทำหน้ายู่ใส่

“ฮ่ะๆๆ ไม่เอาน่า.....อย่าทำหน้ายังนั้นสิ เดี๋ยวคืนนี้ฉันก็ได้ควงนายเข้าห้องแทนสาวๆ หรอก” พูดเสียงเจ้าเล่ห์พลางจิ้มนิ้วไปที่แก้มขาวๆ ของอีกคน  แต่คนโดนแกล้งนี่สิกลับไม่รู้สึกสนุกด้วยสักเท่าไร

“ผมไม่เห็นจะอยากอยู่นี่เลย” เค้าหันกลับมาที่กระจกซึ่งมองออกไปภายนอก แล้วพูดงึมงำ

“ไม่เอาน่าลีโอที่รัก.....สนุกกับงานหน่อย คืนนี้นายต้องได้เพื่อนใหม่เยอะแยะแน่ถ้านายไม่มัวแต่หลบอยู่ในมุมมืดแบบนี้น่ะ” ว่าแล้วร่างที่สูงกว่า  ดูพราวเสน่ห์กว่า  เจ้าชู้กว่า  และผิวสีเข้มกว่า(มาก)ก็จิ้มแก้มเข้าไปอีกรอบอย่างหมั่นเขี้ยวและเพลินมือ

อันที่จริงเค้าก็เดินตามหาเพื่อนผู้น้องแต่ทว่าฝีมือโดดเด่นคนนี้ไปทั่วงานเลยล่ะเพื่อตามหาเจ้าตัว  และเดินหาอยู่นานทีเดียวกว่าจะเจอลีโอเนล   เมสซี่ของเค้ายืนทำตัวเนียนอยู่หลังซุ้มกล้วยไม้สดสีแสบตาดอกใหญ่บานเบ้อเร่อเพื่อหลบหน้าผู้คนอยู่

อยู่เกือบท้ายงานเลยนะลีโอ.....นั่นเป็นสิ่งที่เนย์มาร์คิดก่อนจะแอบย่องเงียบพร้อมรอยยิ้มกริ่มย่างสามขุมเข้ามาหาเมสซี่จากทางด้านหลัง

และตอนนี้คนขี้อายที่ว่าก็กำลังทำหน้าหงอยอยู่ในอ้อมกอดของเค้า บ่งบอกได้เลยว่า อยากกลับแล้ว แม้ไม่ต้องเอ่ยออกมาก็ตาม.........ลีโอ หรือ เมสซี่ แกะตัวเองจากอ้อมกอดที่แสนฉวยโอกาสของเนย์มาร์แล้วหันมาทำหน้าอ้อน

“ได้โปรดเถอะ.....ผมขอกลับเถอะนะ จะให้ผมกลับเองก็ได้ แค่ช่วยคุยกับ...โอ๊ย” เมสซี่ร้องลั่นตั้งแต่ยังพูดไม่ทันจบประโยคดี เพราะโดนนิ้วเพชฌฆาตคีบเข้าที่ดั้งโด่งสวยแล้วส่ายไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว  เนย์มาร์ทำหน้าหมั่นเขี้ยวใส่เมสซี่ยิ่งกว่าการกระทำของตัวเองแล้วปล่อยมือออกในที่สุด

“ไม่ต้องเลยพ่อตัวดี.....นายกำลังจะปฏิเสธความปรารถนาดีที่เพื่อนทั้งทีมมีให้นายนะ” แค่ร่างเล็กหันมาทำหน้าอ้อนเนย์มาร์ก็ใจละลายเกือบจะระทวยลงพื้นอยู่แล้ว  แต่ก็ต้องเก๊กไว้แล้วพูดไปในขณะที่เมสซี่ก็ลูบจมูกตัวเองปอยๆ แล้วตวัดสายตามองคนที่สูงกว่าอย่างขุ่นเคืองน้อยๆ

“ก็ผมไม่อยากอยู่...โอ๊ะ” อีกครั้งที่ประโยคของกองหน้าบาร์เซโลน่า หรือที่อีกไม่นานจะได้เป็นกองหน้าอาร์เจนติน่า ถูกตัดไปอีกครั้งด้วยการกระทำของร่างสูงเชื้อสายบราซิล  เนย์มาร์ตบไปที่ไหล่ทั้งสองข้างของเมสซี่อย่างแรงเพื่อเรียกพลังแล้วจัดทรงเสื้อให้เรียบร้อย พร้อมกับรูดไทด์ที่คนตรงหน้าอุตส่าห์แอบคลายออกให้ตึงแน่นยิ่งกว่าเดิม.......เมสซี่เกือบหายใจไม่ออก

“เอาล่ะไอ้น้อง....คืนนี้สนุกให้เต็มที  มีหลายคนเค้าอยากรู้จักกับนายแหนะ...ออกไปให้เค้าสมหวังกันหน่อย  รึถ้าหาใครไม่ได้ก็กลับมาซบอกพี่ชายคนนี้ได้เสมอเลยนะ....เปิดรับตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”

โกหกน่า....แค่หันหลังไปพี่ก็ไปกับสาวอึ้มของพี่แล้ว” เมสซี่มองอย่างคาดโทษ....ให้ตาย ถ้าจะปลอบใจกันก็ขอคำพูดที่มันฟังดูจริงใจกว่านี้หน่อยสิ  เชื่อไม่ได้เลย........

“เอา! จรีงงงง......เนี่ย ถ้านายเดินไปหานะ พี่จะทิ้งทุกอย่างที่นี่แล้วขึ้นรถไปกับนายเลย” เนย์มาร์พูดพลางอ้าแขนโชว์ความสปอร์ต  ทำเอาคนฟังรู้สึกตะหงิตๆ ยังไงชอบกลเหมือนจะเดจาวู

“ช่างมันเถอะ  ผมว่าที่พี่พูดนี่มัน...แปลกๆ นะ   ที่นี่เรามาบอลทีมชาตินะจะมาเล่นเหมือนในสโมสรไม่ได้แล้ว  พี่เลิกทำเหมือนผมจะ.....” เมสซี่หุบปากแล้วกลอกตาไปมา

“เหมือนอะไรหรือลีโอที่รัก” เนย์มาร์ลดหน้าลงมาจ้องอีกคนอย่างล้อๆ  ส่วนคนโดนล้อก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยชินกับการถูกแกล้งแบบนี้สักที จึงชกไหล่แกร่งไปทีหนึ่งแล้วบอกปัด

ไม่เอา ไม่พูดแล้ว....พี่ไปเถอะ  ไปหาความสุขของพี่ได้แล้ว  ถ้าถึงเส้นตายแล้วผมจะไปหาพี่ล่ะกัน” ว่าพลางรุนหลังของอีกคนให้กลับเข้าไปในงาน  และเส้นตายที่ร่างเล็กว่านี้ก็คือเวลาที่สมควรกลับได้แล้วนั้นเอง........ถึงแม้มันจะอีกนานก็เถอะนะ  ได้ เค้ายินดีจะรอถ้าไม่มีใครอนุญาตให้เค้ากลับ  แต่ขออย่างเดียวเลย..........

........... เมสซี่ไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของงาน.........

เนย์มาร์ยิ้มอย่างเอ็นดูและมิวายหันกลับมาบอก “โอเคๆ .......แต่เฮ้  ใกล้ถึงเวลาเปิดงานแล้ว  เค้าจะดับไฟแล้วเริ่มโชว์  นายอย่าเดินไปไหนไกลล่ะเดี๋ยวจะร้องไห้หาพี่เอา”

“พี่นั่นแหละเงียบไปเลย!” เมสซี่แหวใส่มองดูเนย์มาร์หัวเราะกับตัวเองเบาๆ เมื่อคนที่เพิ่งจากไปพูดถึงโรคกลัวความมืดของเค้า  ยังไม่นับกับที่กลัวความสูงอีกต่างหากและหลายต่อหลายอย่างที่เมสซี่คนนี้กลัวแต่ทว่าไม่ค่อยมีใครได้รู้

.............แต่วันนี้จะมีคนหนึ่ง ที่รู้จักความกลัวของเมสซี่ดี และทำให้ร่างเล็กแสนขี้กลัวคนนี้หายกลัวเป็นปลิดทิ้งไปเลยทีเดียวล่ะ................

****************************************************************************

เสียงรองเท้าบู๊ตนับสิบคู่วิ่งตะลุยผ่านพื้นดินกันจนฝุ่นตะลบท่ามกลางเสียงตะโกนอันกักขฬะของชายวัยกลางคนร่างใหญ่เทอะทะ

“เอ้า! เร็วเข้าเจ้าพวกหนูท่อ  อย่ามัวแต่ชักช้า......ถ้าพวกแกทำเสียเวลาฉันจะยิงทิ้งทีละคน!” ชายคนนั้นพูด  เหล่าลูกน้องทั้งหลายจึงเร่งฝีเท้าขึ้นอีก  แต่ละคนกระโดดขึ้นรถบรรทุกที่จอดเรียงรายไว้อย่างรวดเร็วพร้อมกับนั่งประจำที่กันอย่างเรียบร้อย

เมื่อทุกอย่างเสร็จสรรพชายร่างใหญ่กักขฬะร่างนั้นจึงออกคำสั่งอีกเป็นครั้งสุดท้าย

“เอาล่ะพวกแก  งานนี้เราจะไม่เน้นฆ่าแบบเอิกเริกนักแค่จับตัวเจ้าตัวทำเงินนั่นมาให้ได้ก็พอแล้ว  เพราะงั้นปืนที่พวกแกใช้จะต้องใส่ที่เก็บเสียงด้วยทุกกระบอก.......และตามแผนที่เราวางไว้จะไม่มีอะไรผิดพลาดเด็ดขาด! เพราะถ้าผิดพลาด......ทั้งแกทั้งฉันจะต้องได้ไปนอนกินข้าวแดงในคุกจนตายแน่ๆ”

(ซึ่งเค้าไม่รู้หรอก ว่าจริงๆ แล้วลูกน้องบางคนแอบเอามันไปขายเพื่อแลกเป็นเงินเสียแล้ว)

ว่าแล้วชายวัยกลางคนผู้เป็นหัวหน้าก็กระโดดขึ้นรถนำขบวนแล้วขับนำออกไป  พวกเค้าปลอมรถทั้งขบวนให้เป็นรถบรรทุกขนสินค้าและอาหารของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งของริโอ..........

...........หรือโรงแรมที่เป้าหมายของพวกเค้าอยู่ที่นั่น.............

ผู้ซึ่งไม่รู้เลยว่าภัยกำลังมาใกล้ตัว


******************************************************************************


บุคคลที่ดูเศร้าสอยที่สุดในงานตอนนี้  ดูเหมือนกำลังจะวิตกกังวลกับเวลาที่ค่อยๆ เคลื่อนไปอย่างช้าๆ ไม่ทันใจของเค้า  เมสซี่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเป็นรอบที่ร้อยแล้วในคืนนี้ และเค้าก็กำลังเคลื่อนตัวเองให้ออกห่างจากผู้คนในงานมากขึ้น และมากขึ้นอีก โดยการเดินเอื้อระเหยไปเรื่อยๆ จนจะออกทางประตูหลังได้อยู่แล้ว

ดวงตากลมโตกวาดมองขึ้นไปยังป้าย “Exit” หรือทางหนีไฟฉุกเฉินอย่างอยากรู้อยากเห็นเป็นพิเศษ เหมือนเด็กๆ ที่ไม่เคยเจอของเล่นแปลกใหม่มาก่อน  เค้าแค่กำลังคิดว่าถ้าตะโกนว่า “ไฟไหม้!” แล้วก็พุ่งออกไปทางประตูบานนี้ได้เลยไหมนะ

คิดอะไรบ้าๆ ..........เค้าบอกตัวเอง พร้อมกับยิ้มนึกสมเพชที่ทำตัวเหมือนว่างานนี้มันน่าเบื่อสุดๆ ไปเลย

............แต่จะว่าไปก็ใช่น่ะนะ..........

ในขณะที่ร่างเล็กของนักฟุตบอลดังกำลังคิดเรื่องต่างๆ แก้เซ็งอยู่นั้น  จู่ๆ ไฟในห้องโถงที่สว่างไสวก็ดับลงราวกับถูกตัดไปเสียอย่างนั้น  เมสซี่ตัวแข็งทื่อและชาดิก เค้ารู้สึกว่าหยุดหายใจไปชั่วขณะ.......ใช่ ก็อย่างที่เนย์มาร์พูดนั้นแหละ เมสซี่กลัวความมืด......กลัวเสมอ ไม่ว่าจะมีคนอยู่ใกล้ๆ ด้วยหรือไม่  แต่จะว่าไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ใกล้เค้าเลยด้วยซ้ำ 

ร่างเล็กเริ่มกำแก้วแชมเปญแก้วใหม่ในมือของเค้าแน่นขึ้น  สมองของเค้ากำลังประมวลผลว่าให้ทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นมันจะเหมือนกับตอนแรกที่เค้าเริ่มกลัวความมืด.........

“พี่.....เนย์มาร์! พี่อยู่ไหน!” เมสซี่ตะโกนออกไปถึงแม้เค้าจะรู้ว่าอีกคนหนึ่งที่เค้านึกออกจะไม่ได้อยู่ตรงนี้และมันอาจฟังแล้วทำให้เค้าดูโง่ไปเลยก็ตาม  แต่โชคดีที่การที่ไฟดับก็ไม่ได้อยู่ในความคาดคิดของคนในงานเช่นกัน ดังนั้นผู้คนจึงส่งเสียงฮือฮากันทั่วงานจนไม่มีใครสามารถได้ยินเสียงร้องของเมสซี่ได้

ความมืดผลักดันให้เมสซี่เดินไปข้างหน้า ในที่ๆ ฝูงชนเกาะกลุ่มกันอยู่ตรงนั้น....นี่ถือเป็นครั้งแรกในคืนนี้ที่เค้าต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งของผู้คนที่เค้าคิดว่าน่าเบื่อเหล่านั้น  ใจของเค้าเต้นรัว

โอเค ลีโอ....เค้าบอกนายว่าไง นายต้องนับหนึ่ง......สอง โอเค สาม......สี่.....ร่างเล็กที่เดินต่อไปเรื่อยๆ คิดในใจอย่างพยายามสงบสติอารมณ์ให้ได้มากที่สุด  เมสซี่เริ่มนับหนึ่งถึงสิบในใจอย่างที่เพื่อนของเค้าเคยบอกเอาไว้ในเวลาที่บ้านของพวกเค้าไฟดับ แล้วจากนั้นก็ค่อยๆ คล่ำทางหากันจนเจอ (และผลสุดท้ายเกือบทุกครั้งเมสซี่จะร้องไห้)

โอเค แค่นี้เองไม่เห็นยากเลย.......เค้าบอกตัวเองก่อนที่จะได้ยินเสียงพูดคุยดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ใจของเมสซี่เริ่มชื้นขึ้นเพราะการอยู่ในความมืดคนเดียวสำหรับเค้านั้นมันยากเกินไป.......

แต่แล้วในขณะที่รอยยิ้มน้อยๆ กำลังระบายขึ้นที่ริมฝีปากบาง  ตัวของเค้าก็แทบลอยเมื่อชนเข้ากับอะไรบ้างอย่างที่ทำให้แชมเปญของเค้าหลุดออกจากมือแล้วหายไปในความมืดที่เค้ามองไม่เห็น  เมสซี่สะดุ้งพร้อมๆ กับที่อุทานออกมาเสียงหลง

เค้าไม่สามารถบอกได้เลยว่าตัวเองพูดอะไรออกบ้าง หรือพูดเป็นภาษารึเปล่า  แต่ที่รู้ๆ สิ่งที่ทำให้เค้ารู้สึกดีใจสุดๆ ก็คือไฟทุกดวงของห้องโถงกลับมาส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง........พร้อมกับสิ่งทำให้เค้ารู้สึกหายใจไม่ออกอีกครั้งหนึ่ง

เสื้อเชิ้ตสีขาวซึ่งถูกสวมทับด้วยเสื้อนอกสีดำขลับปกเสื้อมันวาว....ถูกละเลงไปด้วยแชมเปญที่หลุดมือของเมสซี่

ร่างเล็กมองสิ่งตรงหน้าแล้วก็ต้องอ้าปากค้างน้อยๆ ..........เค้าไม่คิดว่านอกจากจะพยายามหนีผู้คนแล้วเค้าจะดันทำให้ผู้คนเหล่านั้นไม่พอใจอีกด้วย.........เมสซี่ค่อยๆ ไล่สายตาขึ้นยังคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเค้า และคิดขุ่นอยู่ในใจเล็กๆ ที่ไปไหนมาไหนเค้าจะต้องเจอแต่คนที่สูงกว่าเค้าทั้งนั้นเลย

ลำคอแกร่งผิวสีแทน เป็นสีผิวที่บ่งบอกได้เลยว่าเป็นคนสุขภาพดี และใบหน้าที่อยู่สูงขึ้นไป........

เมสซี่รีบหุบปากแล้วเม้มมันเข้าหากันแน่น  ดวงตากลมโตจ้องค้างไปยังบุคคลที่เค้าเพิ่งทำแชมเปญหกใส่ด้วยสายตานิ่งอึ้ง และไม่มีคำพูดไหนเลยที่จะหลุดออกมาจากปากของเค้า  จนคนที่เพิ่งได้รับอุบัติเหตุต้องเป็นฝ่ายเปิดปากพูดเสียเอง

“นี่คุณไม่คิดจะพูดอะไรเลยใช่ไหม....” ร่างสูงแกร่งที่อยู่ในชุดสูทรัดรูปพอดีตัวพูดขึ้น แล้วยักคิ้วเข้มเรียวขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถามซ้ำกับคำพูดของเค้า

............ดูๆ แล้วคนๆ นี้ดูมีเสน่ห์มากทีเดียวถึงแม้จะมีสีหน้าที่เมสซี่อ่านไม่ออกอยู่ก็ตามเถอะ  ใช่ เมสซี่จะคิดแบบนั้นนะถ้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเค้าตอนนี้ไม่ใช่...........

“โรนัลโด้”



.


.


.


TBC.


-----------------------------------------------------------------------------------------


อร๊าาาาา ไม่รู้ว่าจะถูกใจรีดๆ ไหมนะคะ สำหรับแซมเปิลน์แรกของฟิค RonalSi เรื่องนี้ >///<!!

Part นี้มาทั้งเฮียโด้ น้องเหมียวผู้น่ารักและองครักษ์ประจำตัวท่านเนย์มาร์เลยค่ะ --- ฮาาาาา.....เฮียเนย์นี่ทำไรท์กัดมือตัวเองปุ๋มอีกคนหนึ่งค่ะ อาจไม่ใช่ใน Part นี้ แต่ Part หลังๆ แกจัดเต็มค่ะ....เรียกเสียงฮา! [รึไรท์คิดไปคนเดียวหว่า -_-“]

 อะฮ่ะ! เอาเถอะค่ะ  เรื่องนี้อย่างที่เรียนไปแล้วนะคะว่าเป็นพล็อตบุกเบิกที่ไรท์ไม่เคยเขียนแนวนี่ที่ไหนมาก่อนเลยค่ะ  และหวังว่ามันจะถูกอกถูกใจรีดๆ กันบ้างนะคะ  ชอบไม่ชอบ หรือมีความคิดเห็นยังไงก็เม้มท์ให้ไรท์หน่อยนะคะ

รักน้องเหมียวและเฮียโด้ต้องเม้มท์ด้วยนะเออ --- -3-

ส่วนท่านใดที่เพิ่งเข้ามาอ่าน หรือหลงมานะคะ(?)  แล้วอยากตามความเคลื่อนไหวหรือตามจิก...อันนี้ไรท์ยินดีค่ะ  ให้จิกแล้วเดี๋ยวไรท์จะกระเตื้องได้เร็วขึ้นนะคะ ^^ //โรคจิตกลายๆ//  หรือบางทันอาจต้องการทวงคู่อื่นหรือ Need คู่อื่นอีกก็มาเป็นเพื่อนกับไรท์ได้เลยค่ะที่


เฟสไรท์เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นค่ะ  จิ้มเลย ไรท์ยินดีรับแอดเสมอเลยค่ะ ^3^ [รู้สึกเดี๋ยวนี้จะเมาท์ยาวววว แฮะ]

ฝาก “เรื่องวุ่นวายของนายตัวดี” ไว้ในอ้อมใจของทุกท่านด้วยนะค่ะ  รักรีดทุกคนที่อ่านฟิคของไรท์ทุกคนที่สุดเลยค่ะ ><  ยิ่งบางคนอ่านทุกเรื่องแล้วก็ยิ่งลอยค่ะ >///<  ขอบคุณมากๆ นะคะ

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray -  Aund



6 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

อ๊ากกก ค้างๆ แต่เราเชื่อว่าต้องสนุกแน่ๆค่ะ คิดภาพตอนเหมียวทำหน้าจะร้องไห้แล้วอยากจะเข้าไปกอดปลอดใจซะละเกิน /โดนเฮียตบหัวโยก/
ป.ล.อย่าให้รีดค้างนานนะคะไรท์ เดี๋ยวรีดคลั่ง ><

Unknown กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
demon กล่าวว่า...

ตั้งแต่ชื่อเรื่อง นับว่าฟิคเรื่องนี้เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของเฮียและเหมียวจริงๆค่ะ แค่ตอนแรกอ่านไปก็ตื่นเต้นและมีปมให้ขบคิดแล้ว ตรง'สิ่งที่ท่านควรอ่าน'อ่านแล้วทั้งยิ้มทั้งขำเลยล่ะค่ะโอ้โห! สุดยอดมากๆ ในความรู้สึกของเราชื่อเรื่องออกแนวใสๆกุ๊กกิ๊ก แต่! เชื่อเถอะว่ามันคงจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นแน่ๆ ต้องรอลุ้นกันน่าดู *_*

เปิดเรื่องมาก็เจอทันทีแก๊งมาเฟียหรือ?...ฟังดูเข้าท่ามากๆเลยค่ะ น่าตื่นเต้นและชวนติดตามมากๆ โดยเฉพาะคาแร็กเตอร์ของแต่ละคนในเรื่องนี้ อยากบอกว่ามันช่างแหวกแนวมาก และดูแปลกใหม่ น่าค้นหา.

เนย์มาร์สร้างสีสันและเสียงหัวเราะได้ตลอดค่ะ บางทีบทพี่นี่ก็เหมาะกับตัวเขามากๆ ส่วนพ่อเหมียวลีโอ คาแร็กเตอร์แบบนี้อ่านแล้วยิ้มเลยล่ะ ไร้เดียงสา น่ารัก น่าทะนุถนอม เสียขนาดนี้ ต้องลุ้นพ่อยอดชายคริสเตียโน่ เขาจะทำอย่างไรต่อไปกันนะ...อืม...//ครุ่นคิด -w-//

เปิดตัวมาก็ทำไวน์หกใส่เสื้อเขาเสียแล้ว บอกตรงๆว่าลุ้นตอนต่อๆไปจนตัวโก่งทีเดียวเชียวค่ะ คริสยังคงแบบฉบับเดิม ค่อนข้างจะลึกลับเป็นปริศนา ซ่อนเร้นและคาดเดายาก จนดูน่าหวั่นเกรงสำหรับลีโออยู่ไม่น้อยเลยจริงไหม แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ^^

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เฮียเปิดตัวอย่างหล่อ โผล่มานิดเดียวแต่สามารถรับรู้ถึงความหล่อ
เนย์หน้ากวน...อยู่แล้วเหมาะกับบทมาก555+
ส่วนเหมียวแบบดูน่ารักมากเป็นเหมียวน้อยขี้กลัว เปิดมาก็ทำเสื้อเฮียเลอะซะแล้ว

ปล.เรื่องเกี่ยวกับงานเลี้ยงแต่ดันคิดถึงเหมียวสมัยเป็นดาวรุ่งใหม่ๆแบบช่วงนั้นกำลังเปรี้ยว ติดเพื่อนเที่ยวหนักปาร์ตี้จนโค้ชเรียกมาด่าถึงกลับตัวกลับใจมาเป็นแมวน้อยโนเนะแบบทุกวันนี้ได้

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
บอกได่คำเดียวว่า....อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก รีดชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกก ไรท์อย่าให้รีดรอนานนะเดี๋ยวลงแดงตายพรีสสสสสสสส >¥<
Gingaksorn

Unknown กล่าวว่า...

แอร๊ยยยยยยย เหมียวน่าร๊ากกกกกก 😍😍😍
รอๆๆๆๆๆ ตอนต่อไป 😁😁

ป.ล.แก๊งมาเฟียฮาไปนะ 5555

-น้ำคำ-