วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2558

[SF – ช้างศึกไทย] + [Part 1] Second Kiss...เผื่อรักไว้ เก็บใจให้นาย – Mika x Tristan





//ดูภาพนี้ตาแข็งแล้วส่ายหน้าช้าๆ เลยค่ะ  อะไรพ่อคุณจะเซ็กซี่ขนาดเน่----!!//


อร๊ายยยยยยยย รีดขาาา! สวัสดีค่ะก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวไรท์จะลืม 5555  แบบว่ากรี๊ดมากเลยค่ะ 5555  พอเขียนมาได้ 3 หน้า ก็ฟินหน้าแดงแล้วค่ะ 5555555  อ๊อกกกำเดาฟูมจมูกเลยค่ะ 555  //นิสัยถาวรกำเริบเมื่อแตะฟิค 555//  คืออยากจะบอกว่าดีงามมากเลยค่ะคู่นี้

สารภาพว่าไรท์ไม่ได้ส่องทวิตหรือรับรู้ว่าเค้าคู่กันมาก่อนเลยยค่ะ  ช่วงนั้นใกล้สอบงานเยอะเลยไม่ได้สิงค่ะ  แต่ว่าคนมันจะคู่กัน  ยังไงเคมีก็ต้องเข้ากันอยู่วันยันค่ำค่ะ 5555555  เห็นหน้ามิก้าแล้วนึกถึงทริสตอง  เห็นหน้าทริสตองแล้วก็มองหามิก้าเลยค่ะ 555 รู้สึกในใจว่าถ้าเค้ามาปิ๊งกันก็คงจะดี  ถ้าอยู่ด้วยกันก็คงจะน่ารักดีค่ะ 5555  //ในใจไรท์คิดหื่นอยู่ -.,-//

แล้วก็ออกมาเป็น SF บอลไทยในเรื่องนี้ค่ะ เป็นเรื่องแรกสำหรับ Fandom นี้ค่ะ  อันที่จริงติ่งปุยส์เจม๊ากก มากค่ะ  แต่ว่าโมเม้นท์หด  แอบเคืองชัปปุยส์นิดหนึ่งว่าเมื่อไรจะหายสักที  ปล่อยเจไปวิ่งดุ๊งๆๆๆ เล่นหัวอยู่กับคนอื่นอยู่ด้ายยยย  ชริๆๆ กลับมาเร็วๆ นะปุยส์ ---  ไปดูไทยไฟต์ก็ไม่ชวนเจ  ไรท์งอนแทนนน  เชอะ! (?)

เอ้ยยยย! เดี๋ยว!!  ไม่ใช่แล้ววว  พูดผิดคู่แล้วย่ะ  กลับมาก๊อนนน!! >{}<  5555 ขอโทษค่ะ  ไรท์หลุดอีกแล้ว 5555 และขอกราบเรียนรีดไว้ก่อนนะคะ ว่ามันอาจจะไม่เหมือนความจริงสักนิดหนึ่ง //อันที่จริงมากนะ// มิก้ากับทริสตองเค้าไม่ค่อยได้คุยกันเสียเท่าไรค่ะ  มิก้าดูเหมือนจะเป็นฝ่ายเข้าหาน้องซะมากกว่า 555555  เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการแข่งขันนัดที่ผ่านมาของไทยกับไต้หวันนะคะ

โอเคค่ะ  รู้สึกว่าไรท์ฝอยมามากแล้วล่ะค่ะ 5555  //เพิ่งจะรู้ตัว//  ไปอ่านกันเลยค่าาาา ><



------------------------------------------------------------------------------------------



อ่าา  ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น.....

มันเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง.....

ผมกำลัง....เอ่อ ผม.....

ผมกำลังคร่อมอยู่บนตัวของรุ่นน้องที่อยู่ทีมชาติชุดเดียวกัน  เราเพิ่งได้ร่วมงานอย่างจริงๆ จังๆ กันเป็นครั้งแรกเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้นี่เอง  เค้าเป็นคนพูดน้อย  ดูไม่เข้าหาคนอื่น  แต่ผมก็กลับเป็นห่วงที่เค้าดูหม่นหมองลงมากกว่าเดิมหลังจากที่เราคว้าชัยชนะมาได้  ด้วยความเป็นห่วงผมจึงอาสาจะไปส่งเค้าที่บ้าน

ใช่  ผมจำได้แค่นั้น ก่อนผมจะจูบเค้า........

ผมคร่อมอยู่บนตัวทริสตอง  และกอดเค้า  ร่างกายของผมร้อนจนแทบไหม้  ผมดันตัวเข้าไปในตัวของรุ่นน้อง  ยกขาคู่ขาวๆ นั้นพาดขึ้นมาบนตักตัวเอง ก่อนมันจะจิกเกร็งเข้าหากันอยู่เบื้องหลังของผม  ทริสตองนิ่วหน้า  คิ้วคู่เข้มสไตล์คนฝรั่งเศสนั้นขมวดแน่นก่อนพากันเลิกขึ้นไปด้านบนอย่างทรมาน  ผมได้ยินเสียงครางของเค้า มันเบาหวิวจนบางคนอาจไม่ได้ยิน  แต่ทว่านั่นกลับชัดเจนยิ่งในโสตประสาทของผม

และน่าประหลาดอย่างยิ่งที่ผมปรารถนาที่จะได้ยินมันอีกครั้ง.......

มากขึ้นอีก

ผมขยับตัวเข้าไป

ทริสตองร้องครางแผ่วเบาเช่นเดิม

แต่ผมยังเข้าไม่สุด......อา เกือบได้แล้ว

ผมดันเข้าไปแรงกว่าเดิมเล็กน้อย หวังอย่างใจร้ายลึกๆ ว่าจะได้ยินเสียงในลำคอของร่างด้านใต้ดังมากขึ้นอีก

และมันได้ผลเกินคาด  ทริสตองเกี่ยวขารัดเอวผมไว้  มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาดันท้องน้อยของผม  เค้าเถิดสะโพกหนี  แล้วหลุดเสียงร้องออกมาอย่างดัง.......

ผมขยับ  ผมคร่อมอยู่บนตัวเค้า......

ไม่สิ  เค้านั่งทับตัวสั่นเทิ้มอยู่บนตักผม  ตัวของเราติดกัน  และสะโพกของน้องก็กลืนกินของๆ ผมไปแล้ว  เค้าร้องไห้เหรอ?  ตัวแดงเชียว.....เป็นอะไรรึเปล่านะ?

ทริสตองไม่สบายเหรอ?  แต่นั่นไม่สำคัญแล้วเพราะเค้าใช้เล็บสั้นๆ นั้นจิกกล้ามเนื้อหน้าท้องของผมแล้วเริ่มขยับตัว  เสียงเบาๆ ที่ผมอยากได้ยินดังขึ้นมาอีกครั้งตลอดการร่อนสะโพกของทริสตอง

ผมจำได้  ผมไม่ได้เมา......

และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น



.



.



**************************************************************



.



.



ไทยเอาชนะไต้หวันไปได้อย่างสวยงาม สี่ประตูต่อสอง

หมดเวลาการแข่งขันครับไทยชนะไต้หวัน 4 – 2

เสียงโห่ร้องเซงแซ่ดังกระหึ่มสนามราชมังคลากีฬาสถาน  ความฮึกเหิมเปรมปรีดิ์นั้นลุกลามออกไปถึงด้านนอกที่มีคนไทยนับพันซึ่งยืนดูภาพการแข่งขันสดอยู่ด้านนอกของสนามกันอย่างเนืองแน่น ทันทีที่เสียงประกาศชัยชนะในครั้งนี้ของทีมชาติไทยได้สิ้นสุดลงคนไทยทั้งประเทศต่างรู้สึกเปรมปรีดิ์หัวใจที่ทัพช้างศึกไทยสามารถคว้าชัยชนะมาฝากพวกเค้าได้ในค่ำคืนนี้

เกมส์จบแล้ว  ถึงเวลาแยกย้ายกันกลับบ้าน.........

นักฟุตบอลทีมชาติไทยทุกคนทำดีมาก  ผลการแข่งขันออกมาตามความคาดหวังของกุนซือคนสำคัญของพวกเค้า

“เยี่ยมมากทุกคน  เยี่ยมมาก...” ซิกโก้  กิติศักดิ์   เสนาเมือง หัวหน้าสตาฟโค้ชจับมือขอบคุณนักเตะทุกคนที่พยายามกันอย่างเต็มที่เพื่อสี่ประตูของทีมชาติไทยที่ได้มา

นักเตะทุกคนผลัดกันเดินมาจับมือโค้ช จับมือกันและกัน  รวมทั้งแสดงน้ำใจนักกีฬาแก่ทีมฝ่ายตรงข้ามด้วย  เกมส์ผ่านพ้นไปด้วยดี ถึงแม้ว่าทางฝั่งไต้หวันจะเล่นนอกเกมส์ไปบ้างแต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับทีมไทยเลย  หลังการแข่งจบลงนักเตะทุกคนแยกย้ายกันเดินเข้าห้องพักนักกีฬาด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากพยายามกันอย่างเต็มที่แล้วในสนาม  แต่ถึงกระนั้นใบหน้าของทุกคนก็ยังฉาบด้วยความดีใจที่เบ่งบานออกมาเป็นดอกไม้ทั้งท้องทุ่ง

ใช่  แค่ส่วนมากน่ะนะ  คงต้องยกเว้นชายหนุ่มลูกครึ่งฝรั่งเศสคนนั้นไปหนึ่งคน



.



.



******************************************************************************



.



.



ผมเดินตามตองไป  คุยเรื่องผลการแข่งขันเมื่อครู่นี้  แต่ดูเหมือนจะโดนอีกฝ่ายพาเบี่ยงเข้าประเด็นที่เค้ารักษาประตูได้ไม่ดีพอมากกว่า

“โหย  ตอนนั้นมันเร็วมากเลยว่ะ  พอมารู้ตัวอีกทีก็เข้าไปแล้ว  ไม่ทันได้ตั้งตัวเลย....” ผู้รักษาประตูตัวเต็งในบรรดาหน้าโกลด์ทีมชาติทั้งหลายบ่นงึมงำฟึดฟัดอยู่ข้างหูผม  ในตอนที่ผมหันไปเจอเด้กหนุ่มคนหนึ่งในทีมของเรา.......

เค้าดูไม่ดีใจเลยที่เราได้ชัยชนะในครั้งนี้  ดูทำเข้าสิ  เดินคอตกทำหน้าบอกบุญไม่รับแบบนั้นหมายความว่าไงกัน?  ไหนจะยังท่าทางที่ทำเหมือนกับว่าเป็นทีมเราที่แพ้เสียเองนั่นอีกล่ะ

เจ้าหนูนั่นเป็นอะไรไปน่ะ

“แมร่งเร็วเกิน  ไอ้แบบนั้นไม่นับว่าเป็นลูกยิงเข้าประตูหรอก”

“เออๆ....”

“อ้าว  แล้วนั่นจะไหนล่ะมิก้า....เฮ้ยย มิก้า?”

“แถวนี้แหละ  ไปหาคนอื่นคุยด้วยก่อนไป” ผมพูดโบกมือไล่เพื่อนตัวโตหยอยๆ  ไม่มองหน้ามันด้วยซ้ำ  ในขณะที่เดินเบี่ยงออกไปอีกด้านหนึ่งของสนาม

“อ้าว ไอ้เด็กใต้นี่  ไม่ได้ลงแล้วยังจะมาทำตัวกวนส้นอีก” หน้าโกลด์ร่างบึกบึนบ่นใส่ผมเล็กน้อย  ก่อนจะเดินดุ่มๆ เข้าไปหาเพื่อนคนอื่นตามคำแนะนำของผมอย่างรวดเร็ว  หึ ขี้โม้จริงๆ เลยตองเอ้ย  เห็นขรึมๆ อย่างนั้นพอติดใจเรื่องอะไรไม่ว่าจะแง่ดีหรือแง่ลบหมอนั่นก็จะเอ่ยไม่หยุดปากจนพอใจเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นแหละ ถึงจะกลับไปเป็นคิงคองตัวเดิม  เอ้ยย คนเดิมได้

ผมเดินออกมาจากขบวนเพื่อนๆ ร่วมทีมที่ทยอยกันเข้าไปที่ห้องเครื่อง  แล้วเดินย่างเท้าสวนกับคนอื่นๆ ที่ตบบ่าผมเป็นการทักทายเบาๆ มุ่งหน้าไปหาเด็กหนุ่มที่เดินคอตกปิดตัวอยู่ท้ายแถวอย่างไม่มีใครสนใจ

ผมตบบ่าเพื่อนตอบกลับไปหลายคนอยู่เหมือนกันกว่าจะมาถึงตัวทริสตอง  เจ้าหนูลูกครึ่งฝรั่งเศสที่มีดีกรีเป็นถึงกองหลังในทีมชาติ  ก็อย่างว่าล่ะครับ  ผมไม่ได้ลงไปฟาดแข้งเหมือนคนอื่นๆ เค้าด้วยซ้ำ  ได้แค่นั่งให้กำลังใจด้วยความเนื้อเต้นจนแทบหาวออกมาที่ข้างสนามเท่านั้นเอง

น่าเบื่อชิบ  แต่ก็ดีแล้วที่ทีมคว้าชัยมาได้ในที่สุดหลังจากเราลุ้นกันจนตัวโก่ง

“ทริสตอง” ผมเดินเข้าไปตบบ่าเค้าอย่างที่เพื่อนๆ ทำกัน หวังอยากให้เจ้าหนูนี่รู้สึกอยากทำหน้าชื่นตาบานเหมือนคนอื่นเค้าบ้าง  แต่ทริสตองก็เพียงแค่หันมามองผมแล้วหันไปพยักหน้ากับสนามหญ้าเพียงเท่านั้น

นี่เป็นผมหรือหญ้ากันแน่ที่ทักไอ้หนูนี่น่ะ

ผมขมวมคิ้ว ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างไม่เข้าใจในท่าทางที่อยู่ๆ ก็ไม่รับญาติของรุ่นน้องที่ผมฝากแขนเอาไว้บนไหล่คู่เล็กๆ นั่น  แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้

“ไง ไอ้น้อง  ทำไมทำหน้าหงอยอย่างนั้นล่ะ?  ทีมชนะนะวันนี้ ไม่ดีใจหรือไง” ผมไม่ปฏิเสธว่าตัวเองก็มีสีหน้าที่ชื่นมื่นไม่แพ้คนที่ได้ลงสนามเลยเช่นเดียวกัน  ผมเองก็หัวใจเต้นตูมตามไปด้วยในตอนที่เวลาการแข่งขันหมดลง  ซึ่งนั่นก็ดีที่สุดแล้วเมื่อไทยเก็บแต้มได้และเป็นจ่าฝูงในสายได้ตามคาด  ผมรู้สึกภูมิใจอย่างมากมายที่มีสิทธิ์ได้รับใช้ทีมชาติรวมทั้งถูกเรียกตัวมาสำรองด้วย

และเมื่อถูกไถ่ถาม  ผู้รับฟังที่ดีควรตอบคำถามของผม  แต่เจ้าหนูที่ตัวโยกเยกเพราะแรงโอบของผมก็ไม่ได้เอ่ยตอบอะไรเพื่อบ่งบอกผมว่าเค้ายังมีชีวิตอยู่ออกมาเลยสักคำ หน้าขาวใสผิดจากผู้ชายทั่วไปเอาแต่ก้มมองพื้นที่ตัวเองกำลังจะเหยียบก้าวต่อไป

ผมก็ยังคอรอฟังคำตอบ  แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมโดนความเงียบทำร้าย

เออ  ขอบใจมากไอ้น้องที่ตอบพี่......

ผมทำหน้าเซ็งเล็กน้อยที่พูดเก้ออยู่คนเดียว  แต่ก็เป็นแบบนั้นได้ไม่นาน สีหน้าที่ดูหงอยลงไปถนัดตาของทริสตองก็ทำเอาผมทำหน้าเป็นห่วงใส่ได้ไม่น้อยเลย

“เป็นอะไรรึเปล่าทริสตอง?” ผมไม่ชอบพูดอ้อมค้อมนัก  แต่เสียงที่เปล่งออกไปผมก็รู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงที่เจืออยู่ในนั้น

“ไม่มีอะไรครับพี่” คนถูกเซ้าซี้ตอบในที่สุดแต่ก็ยังคงแผ่วเบา

อ่อ  ไม่ได้เป็นใบ้ไปกะทันหันสินะ  ทีผมเห็นในสนาม เจ้าหนูนี่ยังชี้นิ้วชี้โบ้ชี้เบ้ไปทั่ว  แถมยังตะโกนจนผมกลัวว่าคอจะแหกแทนอยู่เลย

ทันทีที่ทริสตองตอบคำถามผมเป็นครั้งแรก  ผมก็เลิกคิ้วขึ้น  คิดหาคำตอบจากท่าทางของรุ่นน้องในใจ  ปรกติทริสตองก็เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว  การเข้าหาไปพูดคุยกับคนอื่นก็แทบจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเค้าค่อนข้างสงบปากสงบคำ  ผิดกับเจ้าตัวจี๊ดประจำทีมอย่างเจที่เอาแต่จ้อใส่คนอื่นไม่หยุด  พูดพร่ำเพื่อไม่ดูเวลา จนหลายคนออกปากว่ารำคาญกันไปตามๆ กัน  รายนั้นผมเองก็ยิ้มใส่แบบเอือมๆ แล้วเหมือนกัน

แต่หากพูดถึงทริสตอง  ผมชอบเค้านะ  ถึงแม้ว่าเราจะไม่ค่อยได้เจอกัน เพราะเพิ่งร่วมทีมชาติกันมาได้ไม่นาน  แต่ผมกลับชอบท่าทางเงียบๆ ไม่พูดอะไร  แต่ดวงตาเบิกกว้างและตั้งใจฟังทุกอย่างที่โค้ชบอกตลอดของเค้า  เค้าดูมุ่งมั่น ตั้งใจ  ผิดกับความเนียมอายของตัวเองเอามากๆ  ใช่  ผมบอกว่าเนียมอาย  เพราะดูๆ แล้วเค้าชอบก้าวถอยทุกคนที่เดินเข้ามาคุยด้วยทุกครั้งไปเลยก็ว่าได้

แปลกคนจริงๆ 

“จริงอ่ะ” ผมถามอีก  คิดอยากให้เค้าพูดมากกว่านี้  บางทีเค้าอาจจะกำลังกังวลบางอย่างที่ผมไม่รู้อยู่ก็ได้

แต่ทริสตองก็เงียบใส่ผมอีก  คงเป็นเพราะเค้าไม่รู้แล้วว่าจะพูดอะไรให้ผมทำใจเชื่อแล้วก็เป็นได้   และนั่นก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่เราเดินเข้ามาในห้องเก็บตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  และเห็นเพื่อนๆ หลายคนอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จแล้ว  เล่นบอลมาเหนื่อยๆ แบบนี้คงมีน้อยคนที่จะกลับบ้านไปฉลองต่อ  แต่ร้อยละแปดสิบผมพนันได้เลยต้องขอตัวกลับไปมุดหัวนอนอยู่บ้านแน่ๆ

“เฮ้ย  มิก้าไปฉลองนอกรอบกันไหม?” ตองถามผม  ดูท่ามันยังไม่หยุดโม้  เพราะยังไม่ได้อาบน้ำเลย  ผมเกือบจะส่ายหน้าแบบหน่ายๆ ใส่

“ไม่อ่ะ” ผมตอบเสียงเรียบ  และแน่นอนผมต้องโดนสวนกลับมาด้วยถอยคำที่แสดงความไม่พอใจอย่างเสียดสีแน่นอน  แต่ผมกลับไม่ได้ให้ความสนใจเพื่อนที่เพิ่งสนทนาด้วยกันเมื่อครู่นี้  เมื่อจู่ๆ ทริสตองก็เบี่ยงตัวออกจากแขนของผมที่โอบคอเจ้าตัวอยู่

“ไปอาบน้ำก่อนนะครับ” เจ้าตัวว่าแค่นั้นก่อนจะปลีกตัวออกไปในที่สุด  ทำเอาผมเลิกคิ้วอีก  ยืนค้างอยู่กับที่มองรุ่นน้องที่ทำตัวพิลึกไม่ยอมพูดยอมจา  แถมยังทำเหมือนโลกเป็นสีเทาอีกต่างหาก

เป็นอะไรไปล่ะ.........

“ไอ้ใต้!

“อะไร?!

“จะไปไม่ไป  ไปกันเยอะนะเว้ยย” ผมเห็นต้นกับก้องยืนพยักหน้าถามอยู่ข้างๆ ตอง

“นี่เยอะเรอะ?  ไม่เอาอ่ะ  กลับบ้านดีกว่า  ง่วง”

“ปุดโถ่!  พ่อคุณ.....ง่วง  เอ็งได้ลงสนามกับเค้ารึเปล่าว่ะ ห๊ะ?” ต้นกอดอกพูดยิ้มๆ กับผม

แต่ผมก็บอกปัดไม่ไปในที่สุด  ทุกคนแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวของตัวเอง ผมก็เช่นกัน จนเวลาล่วงเลยไปเกือบสี่ทุ่มแล้วถ้าผมดูไม่ผิด  มีนักเตะเพียงไม่ถึงห้าคนเท่านั้น ที่ยังอยู่ที่สนามแข่ง ไม่ได้กลับบ้าน

“แฟนมารับเว้ย” เพื่อนร่วมทีมชาติคนหนึ่งบอกผม  ในตอนที่ผมเดินผ่านเค้ามาเตรียมตัวจะกลับบ้านแล้วในขณะนั้น

“แมนเนอะ” ผมยิ้มตอบ เพื่อนที่ตั้งใจจะพูดโอ้อวดว่ากำลังมีหญิงบึ่งรถมารับโดนผมเบรกใส่ซะจนหน้าเสีย  จนอีกคนที่อยู่ข้างๆ หัวเราะใส่อย่างชอบใจและสมน้ำหน้าอีกฝ่ายหนึ่งอย่างไม่ปิดบัง  ก่อนผมจะเดินออกไปที่ประตูทางออกพิเศษ ซึ่งที่เชื่อมตัวไปยังโรงจอดรถของผู้เกี่ยวข้องในสนาม  และอยู่ๆ ผมก็เกือบชะงักฝีเท้าแทบไม่ทันเมื่อเจอเข้ากับแผ่นหลังอันโดดเดี่ยวที่ยืนจกกระเป๋ากางเกงแขนแนบลำตัว ยืนอยู่ที่บันไดขั้นแรก

ผมจึงเดินเข้าไปแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ เพราะไม่อยากให้เค้าตกใจ

“กลับไงล่ะเรา?” แต่ทริสตองก็สะดุ้งใส่ผมเล็กน้อย  เค้าถอยหลังไปก้าวหนึ่งตามสูตร......ให้ตาย  ทำเหมือนผมเป็นคนแปลกหน้าไปได้  ผมหน้าไม่คุ้นในสายตาเค้าขนาดนั้นเลยเหรอ  ผมแอบทำหน้าเซ็งใส่เจ้าเด็กนี่อีก

“กลับกับสตาฟโค้ชครับ”

หมายถึงรอให้เค้าไปส่งที่บ้านน่ะเหรอ?

ผมมองเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าผมที่สวมเสื้อผ้ายังกะเด็กไฮสคลูอเมริกาที่กำลังจะฝ่าลมหนาวกลับบ้านอย่างไรอย่างนั้น พยักหน้ากับลานจอดรถโล่งกว้างด้านหน้าของเค้า

เฮ้ยย นี่คุยกับใครกันแน่ฟะเนี่ย!?

วันนี้ผมยิ่งคุยกับเจ้าเด็กพูดน้อยที่ดันตีหน้านิ่งเกินเหตุนี่แล้วผมยิ่งเครียดแฮ่ะ....อะไรของเค้ากัน  ผมเกาหลังหู ก่อนจะคิดใหม่ในตอนที่มองใบหน้าด้านข้างซึ่งบ่งบอกถึงความไม่คิดอะไรอยู่เป็นนิจของทริสตอง  ผมเคยแอบคิดในใจว่าเค้าเคยคิดอะไรอยู่ในใจเหมือนคนธรรมดาบ้างหรือเปล่านะ

ผมใช้นิ้วชี้เกาใบหู  บางทีเค้าอาจจะอยากกลับบ้านไปพักผ่อนแล้วก็เป็นได้  เพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนี่  แต่ดูท่าพวกโค้ชทั้งหลายคงจะคุยนู่นนี่ถึงแมชต์วันนี้กันอยู่เป็นแน่  และเห็นทีคงจะอีกยาวเลย

ทริสตองดูเหนื่อยและไม่มีชีวิตชีวา ถึงแม้ใบหน้าเค้าจะน่ามองมากแค่ไหนก็ตาม

เอ้ยย ผมไม่ได้พูดนะ  ผิดๆๆๆ  จะบอกว่าหน้าเค้าเด็กต่างหากล่ะ

“ให้พี่ไปส่งไหม?” และพลันเค้าก็หันมามองผมคอแทบหลุด  ผมเกือบผงะถอยไปด้วยความตกใจแล้วในตอนนั้น  สาบานได้เลย  ผมเอียงตัวมาด้านหลังนิดๆ

ให้ตาย  ไอ้หนูนี่คิดจะไร้ชีวิตก็ไร้ชีวิต  คิดจะหันก็หันมาไม่ห่วงของขวัญคนอื่นบ้างเลยอย่างงั้นเหรอ

ให้ตายเถอะ........



.



.



ใช้เวลาเพียงไม่นานผมก็เดินนำรุ่นน้องผู้กลับมาพูดน้อยเหมือนเดิม จากที่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจาก พยักหน้าให้ผมเมื่อครู่นี้เมื่อถูกเอ่ยถาม มาที่รถของตัวเอง  เรานั่งประจำที่ก่อนผมจะออกรถไปด้วยความสุภาพและปลอดภัยที่สุด  ถึงแม้ว่าเวลาปรกติจะเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว  แต่เมื่อไรที่ได้อยู่คนเดียวบนรถและถนนค่อนข้างโล่ง  ผมก็อดไม่ได้เสมอที่จะใส่สัมรรถนะของรถให้เต็มที่

รถแล่นออกไปยังถนนสายที่ใกล้ที่สุดอย่างราบลื่น  กรุงเทพไม่เคยหลับใหลเลย ยิ่งในเวลาที่การแข่งขัดนัดสำคัญเพิ่งจบลงไปก็คงจะไม่ต้องพูดถึงกัน  ผมเห็นแสงไฟของตึกราบ้านช่องและรถที่เคลื่อนตัวอยู่เต็มท้องถนน  เครื่องปรับอากาศในรถทำงานตามปรกติ มอบความเย็นช่ำจนเกือบจะหนาวเย็นให้แก่ผมและผู้โดยสาร  และเมื่อเห็นโอกาสว่ามีช่องแล้วผมจึงเอ่ยสิ่งที่ติดอยู่ค้างอยู่ในใจของตัวเองออกไปในที่สุด

“มีอะไรรึเปล่าทริสตอง  พี่ไม่อยากให้รำคาญนะ แต่แค่เป็นห่วงน่ะ  มีอะไรเหรอ  โดนกระแทกมารึเปล่า?” ผมถามออกไป  เผื่อเค้าจะเจ็บเนื้อตัวแล้วไม่ยอมเปิดปากบอกคนอื่น เพราะนิสัยเงียบส่วนตัว  และด้วยเห็นว่านับจากนี้ไปก็อีกนานโขกว่าเราจะได้ลงแข่งทีมชาติอีก  แต่จะช้าหรือเร็ว เรื่องความปลอดภัยก็สำคัญเสมอ  ผมรอฟังคำตอบจากเด็กหนุ่มหน้าขาวใสที่นั่งอยู่ข้าง  ใบหน้าของผมมองเค้ากับถนนตรงหน้าสลับกันไป

ในคราแรกเค้าเงียบ  ไม่ตอบผมอีกตามเคย  แต่แล้วผมก็ได้ยินเสียงถอนหายใจที่ไม่ใช่ของตัวเองออกมาทีหนึ่ง  แล้วเสียงนิ่งแผ่วแต่น่าฟังก็ดังขึ้นตามมาไม่กระชั้นชิดนัก

“ผมเล่นได้ไม่ดี”

“หืม?” ผมต้องการให้ทริสตองขยายความ และเด็กหนุ่มก็ว่าง่ายขึ้นมาทันที

“หลายครั้งที่ผมพลาด  ปล่อยให้พวกนั้นเข้ามาในกรอบประตูได้ตั้งหลายครั้ง....ผมไม่มีสมาธิเลย” สีหน้าของเค้าดูเหมือนต้องการจะระบายอะไรบ้างอย่าง  คงเป็นเรื่องนี้   ใช่  มีบางเวลาที่เค้าวิ่งตามฝ่ายตรงข้ามไปไม่ทัน แต่นั่นก็เพราะว่าไต้หวันตัวสูงกว่าพวกเราเป็นคืบเลยต่างหากล่ะ  เรื่องที่ไล่ตามไม่ทันน่ะ ไม่แปลกเลยแม้แต่นิดเดียว

ผมสังเกตผิดไปรึเปล่านะ  ทริสตองทำหน้ามุ้ย

“โอ้ ไม่เอาน่า อย่ากังวลไปเลย  ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยนี่ ทีมไม่ได้แพ้ซะหน่อย  และอีกอย่างทริสตองก็ได้ลงสนามนะ  เล่นเต็มเวลาเลยด้วย แต่พี่นี่สินั่งเซ็งอยู่ข้างสนาม  ทริสตองโชคดีจะตายไป น่าจะดีใจมากกว่าพี่นะ” ผมยิ้มโชว์  เพื่อบอกเค้าว่าอย่าน้อยหน้าผม  เค้าทำหน้ามุ้ยใส่ผมตรงๆ  เฮ้  นั่นผมมองผิดไปรึเปล่า

“แต่พี่ก็ไม่ได้เหนื่อยนี่ฮะ” ผมหัวเราะ  คิดเข้าข้างตัวเองในใจว่าเด็กคนนี้เลิกทำตัวเย็นชาไร้มนุษย์สัมพันธ์และไร้ชีวิตแล้ว

“งั้นเรามาแลกกันสิ  พี่ขอลงสนามดีกว่า  แต่จะว่าไปมันก็ดีแฮ่ะ พี่แค่นั่งดูเราวิ่งเฉยๆ ฮ่าๆๆ” ทริสตองไม่พูดกับผมแล้ว  ใบหน้าที่ถอดแบบมาจากเชื้อสายฝรั่งเศสนั้นเบนออกไปมองนอกกระจกรถที่มีรถกระนาบข้างเราทั้งสองด้าน  รอยมุมปากถูกยกขึ้นน้อยๆ และเค้าคิดว่าผมไม่ได้สังเกตเห็น

ใครบอกกันว่าทริสตองไม่น่าคุยด้วย  เค้าน่ารักจะตายไป

“แล้วนี่บ้านเราอยู่ไหนล่ะ?” ผมถามหลังจากที่ใช้นิ้วเช็ดจมูกตัวเองหลังกลัดกลืนอารมณ์ที่อยากจะหัวเราะต่อลงไป  สายตาที่มองไปยังรถด้านหน้าที่ติดกันเป็นแถวหันมามองคู่สนทนาประกอบไปด้วย  แต่ก็ต้องสะบัดอารมณ์ขันหายไปเลยเมื่อทริสตองทำหน้าเหรอหราใส่ผม

อ่อ  ถามว่าบ้านอยู่ไหนคงจะตรงไปสินะ 

“จะให้พี่ไปส่งที่ไหนล่ะ?” งั้นเอาใหม่ล่ะกัน  ผมถามอีกและนึกแปลกใจกับตัวเองว่าทำไมเหตุใดเด็กหนุ่มคนนี้ถึงพิลึกคนจริงๆ  กะอีแค่ถามว่าบ้านอยู่ไหนจะได้ไปส่งถูกถึงที่แค่นี้ทำไมจะต้องทำหน้าเหมือนโดนปล้นด้วยก็ไม่รู้

“ส่งผมที่บีทีเอสก็พอครับ” คนข้างๆ ผมเอ่ยเสียงน้อยๆ ฟังดูเกรงใจเป็นอย่างมาก

“เฮ้ย  เอาน่า...พี่บอกว่าจะไปส่งก็ไปส่งดิ  เดี๋ยวไปส่งให้ถึงหน้าประตูเลยอ่ะ” ผมยื่นข้อเสนอ  ทริสตองเงียบ มองหน้าผมเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร

 “บอกมา” ก่อนผมจะยื่นคำขาด

และผมก็ดูเหมือนโจรดักปล้นเด็กนักเรียนที่ข้างทางมากขึ้นไปอีก  เมื่อเด็กหนุ่มพูดน้อยยอมบอกเส้นทางเสียละเอียดยิบ  เอ่อ  ผมพูดเสียงแข็งมากไปยังงั้นเหรอ?

แต่ประเด็นสำคัญของเรื่องก็คือรถมันติดประลัยเลยน่ะสิ!!



.



.



.



TBC.



-------------------------------------------------------------------------------------



เริ่มเรื่องโผล่มาก็หื่นเลยค่ะ 5555555 คือตอนเขียนตอนแรกบอกเลยค่ะว่านิ้วมันไปเอง  ไรท์ก็ตามๆ มันไปค่ะ  แล้วมันก็ใช่ย่อยเลยค่ะ 555 //จิตใต้สำนึกแกบ่งบอกเลยนะ -*-//  แบบว่ามีคนถามไรท์บ่อยค่ะว่าที่เขียนบอกสปอยล์ๆ ในเฟสเนี่ย  มิก้าโดใช่ไหม มิก้านู่นนี่ใช่ไหม?  ไรท์ก็อยากตอบค่ะ  แต่ว่าอยากให้รีดเซอร์ไพรส์อ่ะเนอะ เลยต้องอุ๊บไว้ค่ะ 5555 //รีดบอก...นี่แกกวนฉันมากกว่าจะเซอร์ไพรส์นะยะ//

ฮาาา   ไม่รู้ว่าจะถูกใจรีดๆ กันไหมนะคะ ^^  รบกวนชี้แนะด้วยนะเออ  คือแบบวาชอบคาแรกเตอร์ของสองคนนี้ไหม  ชอบเรื่องแนวประมาณนี้รึเปล่า (นี่แกเพิ่งจะลง Part แรกนะ)

ไปคะยั้ยคะยอไรท์ให้ลง Part อีกช่องทางหนึ่งได้ที่เฟสของไรท์เลยค่ะ

>>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<<   5555 หย่อนไว้  เข้าไปคุยไป Say Hello กันได้นะคะ  ยินดีรับรีดทุกท่านเลยค่ะ //แต่อาจมีบางวันที่ไรท์ไม่ได้เข้าเฟสนะคะ  ถ้าจะให้ดีทักไรท์มาเลยค่ะว่าเป็นสาววายน้าา ไรท์เห็นจะรับปุ๊บเลยค่ะ 5555// + //เรื่องมากกลายๆ นะแก -*-//

โอเคค่ะ ชอบกันรึเปล่า ไรท์หวังเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะว่ารีดจะพอใจไม่มากก็น้อยยย  ติดตามกันต่อได้ใน Part หน้าค่ะ  ขอบคุณที่อ่านฟิคขิงไรท์นะค้าาา ^^  รักรีดทุกท่านค่ะ จ๊วบบบบ //จู๋ปากบานน//

ด้วยรักและแรงหื่น

Ray – Aund


3 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

เปิดเรื่่องนี่แบบฮะได้กันแต่ฉากเเรกเลยหรอ555
น่าติดตามมากเลยค่ะไรท์ชอบๆ
น้องตองขี้อายนะเนี่ยเรา

Unknown กล่าวว่า...

ดูเหมือนน้องจะออนท็อป หื่นกามตั้งแต่เปิดเรื่องเลยนะค่ะพี่ หึหึหึ เล่นสะเลือดลมสูบฉีดเลย น้ำเสียงแบบใต้ๆอาจทำน้องตกใจก็ได้นะ 55555 ยอมเป็นกบฎ#ทูโด เลยครับ แต่เค้ารัก#ต้นเจ อะ อันนี้เห็นทีเราคงต้องแยกทางกันจิ้น 55555

มิลค์ กล่าวว่า...

เพิ่งเป็นไทแก่ตัวหลังจบไฟนอลมหาภัยค่ะ 5555 พอมาถึงเจอ2พาร์ทรู้สึกหายเหนื่อยจากการสอบมาก เหมือนน้องโดจะออกแนวพูดน้อยไม่ค่อยทันพี่นะคะเนี่ย >< เดี๋ยวตามอ่านพาร์ท2ต่อค่ะ