//ดูภาพนี้ตาแข็งแล้วส่ายหน้าช้าๆ เลยค่ะ อะไรพ่อคุณจะเซ็กซี่ขนาดเน่----!!//
อร๊ายยยยยยยย รีดขาาา! สวัสดีค่ะก่อนเลยค่ะ
เดี๋ยวไรท์จะลืม 5555 แบบว่ากรี๊ดมากเลยค่ะ
5555 พอเขียนมาได้ 3 หน้า ก็ฟินหน้าแดงแล้วค่ะ
5555555 อ๊อกก! กำเดาฟูมจมูกเลยค่ะ 555 //นิสัยถาวรกำเริบเมื่อแตะฟิค 555// คืออยากจะบอกว่าดีงามมากเลยค่ะคู่นี้
สารภาพว่าไรท์ไม่ได้ส่องทวิตหรือรับรู้ว่าเค้าคู่กันมาก่อนเลยยค่ะ ช่วงนั้นใกล้สอบงานเยอะเลยไม่ได้สิงค่ะ แต่ว่าคนมันจะคู่กัน ยังไงเคมีก็ต้องเข้ากันอยู่วันยันค่ำค่ะ
5555555
เห็นหน้ามิก้าแล้วนึกถึงทริสตอง
เห็นหน้าทริสตองแล้วก็มองหามิก้าเลยค่ะ 555 รู้สึกในใจว่าถ้าเค้ามาปิ๊งกันก็คงจะดี ถ้าอยู่ด้วยกันก็คงจะน่ารักดีค่ะ 5555 //ในใจไรท์คิดหื่นอยู่ -.,-//
แล้วก็ออกมาเป็น SF บอลไทยในเรื่องนี้ค่ะ
เป็นเรื่องแรกสำหรับ Fandom นี้ค่ะ อันที่จริงติ่งปุยส์เจม๊ากก มากค่ะ แต่ว่าโมเม้นท์หด แอบเคืองชัปปุยส์นิดหนึ่งว่าเมื่อไรจะหายสักที ปล่อยเจไปวิ่งดุ๊งๆๆๆ
เล่นหัวอยู่กับคนอื่นอยู่ด้ายยยย ชริๆๆ
กลับมาเร็วๆ นะปุยส์ ---
ไปดูไทยไฟต์ก็ไม่ชวนเจ
ไรท์งอนแทนนน เชอะ! (?)
เอ้ยยยย! เดี๋ยว!! ไม่ใช่แล้ววว พูดผิดคู่แล้วย่ะ กลับมาก๊อนนน!! >{}< 5555 ขอโทษค่ะ ไรท์หลุดอีกแล้ว 5555 และขอกราบเรียนรีดไว้ก่อนนะคะ
ว่ามันอาจจะไม่เหมือนความจริงสักนิดหนึ่ง //อันที่จริงมากนะ// มิก้ากับทริสตองเค้าไม่ค่อยได้คุยกันเสียเท่าไรค่ะ มิก้าดูเหมือนจะเป็นฝ่ายเข้าหาน้องซะมากกว่า
555555 เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการแข่งขันนัดที่ผ่านมาของไทยกับไต้หวันนะคะ
โอเคค่ะ รู้สึกว่าไรท์ฝอยมามากแล้วล่ะค่ะ 5555 //เพิ่งจะรู้ตัว// ไปอ่านกันเลยค่าาาา ><
------------------------------------------------------------------------------------------
อ่าา ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น.....
มันเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง.....
ผมกำลัง....เอ่อ ผม.....
ผมกำลังคร่อมอยู่บนตัวของรุ่นน้องที่อยู่ทีมชาติชุดเดียวกัน
เราเพิ่งได้ร่วมงานอย่างจริงๆ จังๆ กันเป็นครั้งแรกเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้นี่เอง เค้าเป็นคนพูดน้อย ดูไม่เข้าหาคนอื่น แต่ผมก็กลับเป็นห่วงที่เค้าดูหม่นหมองลงมากกว่าเดิมหลังจากที่เราคว้าชัยชนะมาได้ ด้วยความเป็นห่วงผมจึงอาสาจะไปส่งเค้าที่บ้าน
ใช่ ผมจำได้แค่นั้น ก่อนผมจะจูบเค้า........
ผมคร่อมอยู่บนตัวทริสตอง และกอดเค้า ร่างกายของผมร้อนจนแทบไหม้ ผมดันตัวเข้าไปในตัวของรุ่นน้อง ยกขาคู่ขาวๆ นั้นพาดขึ้นมาบนตักตัวเอง
ก่อนมันจะจิกเกร็งเข้าหากันอยู่เบื้องหลังของผม
ทริสตองนิ่วหน้า คิ้วคู่เข้มสไตล์คนฝรั่งเศสนั้นขมวดแน่นก่อนพากันเลิกขึ้นไปด้านบนอย่างทรมาน ผมได้ยินเสียงครางของเค้า มันเบาหวิวจนบางคนอาจไม่ได้ยิน แต่ทว่านั่นกลับชัดเจนยิ่งในโสตประสาทของผม
และน่าประหลาดอย่างยิ่งที่ผมปรารถนาที่จะได้ยินมันอีกครั้ง.......
มากขึ้นอีก
ผมขยับตัวเข้าไป
ทริสตองร้องครางแผ่วเบาเช่นเดิม
แต่ผมยังเข้าไม่สุด......อา
เกือบได้แล้ว
ผมดันเข้าไปแรงกว่าเดิมเล็กน้อย
หวังอย่างใจร้ายลึกๆ ว่าจะได้ยินเสียงในลำคอของร่างด้านใต้ดังมากขึ้นอีก
และมันได้ผลเกินคาด ทริสตองเกี่ยวขารัดเอวผมไว้ มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาดันท้องน้อยของผม เค้าเถิดสะโพกหนี แล้วหลุดเสียงร้องออกมาอย่างดัง.......
ผมขยับ ผมคร่อมอยู่บนตัวเค้า......
ไม่สิ เค้านั่งทับตัวสั่นเทิ้มอยู่บนตักผม ตัวของเราติดกัน และสะโพกของน้องก็กลืนกินของๆ ผมไปแล้ว เค้าร้องไห้เหรอ? ตัวแดงเชียว.....เป็นอะไรรึเปล่านะ?
ทริสตองไม่สบายเหรอ? แต่นั่นไม่สำคัญแล้วเพราะเค้าใช้เล็บสั้นๆ
นั้นจิกกล้ามเนื้อหน้าท้องของผมแล้วเริ่มขยับตัว
เสียงเบาๆ ที่ผมอยากได้ยินดังขึ้นมาอีกครั้งตลอดการร่อนสะโพกของทริสตอง
ผมจำได้ ผมไม่ได้เมา......
และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น
.
.
**************************************************************
.
.
ไทยเอาชนะไต้หวันไปได้อย่างสวยงาม สี่ประตูต่อสอง
‘หมดเวลาการแข่งขันครับไทยชนะไต้หวัน
4 – 2 ’
เสียงโห่ร้องเซงแซ่ดังกระหึ่มสนามราชมังคลากีฬาสถาน ความฮึกเหิมเปรมปรีดิ์นั้นลุกลามออกไปถึงด้านนอกที่มีคนไทยนับพันซึ่งยืนดูภาพการแข่งขันสดอยู่ด้านนอกของสนามกันอย่างเนืองแน่น
ทันทีที่เสียงประกาศชัยชนะในครั้งนี้ของทีมชาติไทยได้สิ้นสุดลงคนไทยทั้งประเทศต่างรู้สึกเปรมปรีดิ์หัวใจที่ทัพช้างศึกไทยสามารถคว้าชัยชนะมาฝากพวกเค้าได้ในค่ำคืนนี้
เกมส์จบแล้ว ถึงเวลาแยกย้ายกันกลับบ้าน.........
นักฟุตบอลทีมชาติไทยทุกคนทำดีมาก ผลการแข่งขันออกมาตามความคาดหวังของกุนซือคนสำคัญของพวกเค้า
“เยี่ยมมากทุกคน เยี่ยมมาก...” ซิกโก้ กิติศักดิ์
เสนาเมือง หัวหน้าสตาฟโค้ชจับมือขอบคุณนักเตะทุกคนที่พยายามกันอย่างเต็มที่เพื่อสี่ประตูของทีมชาติไทยที่ได้มา
นักเตะทุกคนผลัดกันเดินมาจับมือโค้ช
จับมือกันและกัน รวมทั้งแสดงน้ำใจนักกีฬาแก่ทีมฝ่ายตรงข้ามด้วย เกมส์ผ่านพ้นไปด้วยดี
ถึงแม้ว่าทางฝั่งไต้หวันจะเล่นนอกเกมส์ไปบ้างแต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับทีมไทยเลย หลังการแข่งจบลงนักเตะทุกคนแยกย้ายกันเดินเข้าห้องพักนักกีฬาด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากพยายามกันอย่างเต็มที่แล้วในสนาม แต่ถึงกระนั้นใบหน้าของทุกคนก็ยังฉาบด้วยความดีใจที่เบ่งบานออกมาเป็นดอกไม้ทั้งท้องทุ่ง
ใช่ แค่ส่วนมากน่ะนะ คงต้องยกเว้นชายหนุ่มลูกครึ่งฝรั่งเศสคนนั้นไปหนึ่งคน
.
.
******************************************************************************
.
.
ผมเดินตามตองไป คุยเรื่องผลการแข่งขันเมื่อครู่นี้ แต่ดูเหมือนจะโดนอีกฝ่ายพาเบี่ยงเข้าประเด็นที่เค้ารักษาประตูได้ไม่ดีพอมากกว่า
“โหย ตอนนั้นมันเร็วมากเลยว่ะ พอมารู้ตัวอีกทีก็เข้าไปแล้ว ไม่ทันได้ตั้งตัวเลย....” ผู้รักษาประตูตัวเต็งในบรรดาหน้าโกลด์ทีมชาติทั้งหลายบ่นงึมงำฟึดฟัดอยู่ข้างหูผม ในตอนที่ผมหันไปเจอเด้กหนุ่มคนหนึ่งในทีมของเรา.......
เค้าดูไม่ดีใจเลยที่เราได้ชัยชนะในครั้งนี้ ดูทำเข้าสิ
เดินคอตกทำหน้าบอกบุญไม่รับแบบนั้นหมายความว่าไงกัน? ไหนจะยังท่าทางที่ทำเหมือนกับว่าเป็นทีมเราที่แพ้เสียเองนั่นอีกล่ะ
เจ้าหนูนั่นเป็นอะไรไปน่ะ
“แมร่งเร็วเกิน ไอ้แบบนั้นไม่นับว่าเป็นลูกยิงเข้าประตูหรอก”
“เออๆ....”
“อ้าว แล้วนั่นจะไหนล่ะมิก้า....เฮ้ยย มิก้า?”
“แถวนี้แหละ ไปหาคนอื่นคุยด้วยก่อนไป” ผมพูดโบกมือไล่เพื่อนตัวโตหยอยๆ
ไม่มองหน้ามันด้วยซ้ำ ในขณะที่เดินเบี่ยงออกไปอีกด้านหนึ่งของสนาม
“อ้าว ไอ้เด็กใต้นี่ ไม่ได้ลงแล้วยังจะมาทำตัวกวนส้นอีก” หน้าโกลด์ร่างบึกบึนบ่นใส่ผมเล็กน้อย ก่อนจะเดินดุ่มๆ เข้าไปหาเพื่อนคนอื่นตามคำแนะนำของผมอย่างรวดเร็ว หึ ขี้โม้จริงๆ เลยตองเอ้ย เห็นขรึมๆ อย่างนั้นพอติดใจเรื่องอะไรไม่ว่าจะแง่ดีหรือแง่ลบหมอนั่นก็จะเอ่ยไม่หยุดปากจนพอใจเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นแหละ
ถึงจะกลับไปเป็นคิงคองตัวเดิม เอ้ยย
คนเดิมได้
ผมเดินออกมาจากขบวนเพื่อนๆ ร่วมทีมที่ทยอยกันเข้าไปที่ห้องเครื่อง แล้วเดินย่างเท้าสวนกับคนอื่นๆ ที่ตบบ่าผมเป็นการทักทายเบาๆ
มุ่งหน้าไปหาเด็กหนุ่มที่เดินคอตกปิดตัวอยู่ท้ายแถวอย่างไม่มีใครสนใจ
ผมตบบ่าเพื่อนตอบกลับไปหลายคนอยู่เหมือนกันกว่าจะมาถึงตัวทริสตอง เจ้าหนูลูกครึ่งฝรั่งเศสที่มีดีกรีเป็นถึงกองหลังในทีมชาติ ก็อย่างว่าล่ะครับ ผมไม่ได้ลงไปฟาดแข้งเหมือนคนอื่นๆ เค้าด้วยซ้ำ ได้แค่นั่งให้กำลังใจด้วยความเนื้อเต้นจนแทบหาวออกมาที่ข้างสนามเท่านั้นเอง
น่าเบื่อชิบ แต่ก็ดีแล้วที่ทีมคว้าชัยมาได้ในที่สุดหลังจากเราลุ้นกันจนตัวโก่ง
“ทริสตอง” ผมเดินเข้าไปตบบ่าเค้าอย่างที่เพื่อนๆ
ทำกัน หวังอยากให้เจ้าหนูนี่รู้สึกอยากทำหน้าชื่นตาบานเหมือนคนอื่นเค้าบ้าง แต่ทริสตองก็เพียงแค่หันมามองผมแล้วหันไปพยักหน้ากับสนามหญ้าเพียงเท่านั้น
นี่เป็นผมหรือหญ้ากันแน่ที่ทักไอ้หนูนี่น่ะ
ผมขมวมคิ้ว ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างไม่เข้าใจในท่าทางที่อยู่ๆ
ก็ไม่รับญาติของรุ่นน้องที่ผมฝากแขนเอาไว้บนไหล่คู่เล็กๆ นั่น
แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้
“ไง ไอ้น้อง ทำไมทำหน้าหงอยอย่างนั้นล่ะ? ทีมชนะนะวันนี้ ไม่ดีใจหรือไง” ผมไม่ปฏิเสธว่าตัวเองก็มีสีหน้าที่ชื่นมื่นไม่แพ้คนที่ได้ลงสนามเลยเช่นเดียวกัน ผมเองก็หัวใจเต้นตูมตามไปด้วยในตอนที่เวลาการแข่งขันหมดลง ซึ่งนั่นก็ดีที่สุดแล้วเมื่อไทยเก็บแต้มได้และเป็นจ่าฝูงในสายได้ตามคาด ผมรู้สึกภูมิใจอย่างมากมายที่มีสิทธิ์ได้รับใช้ทีมชาติรวมทั้งถูกเรียกตัวมาสำรองด้วย
และเมื่อถูกไถ่ถาม ผู้รับฟังที่ดีควรตอบคำถามของผม แต่เจ้าหนูที่ตัวโยกเยกเพราะแรงโอบของผมก็ไม่ได้เอ่ยตอบอะไรเพื่อบ่งบอกผมว่าเค้ายังมีชีวิตอยู่ออกมาเลยสักคำ
หน้าขาวใสผิดจากผู้ชายทั่วไปเอาแต่ก้มมองพื้นที่ตัวเองกำลังจะเหยียบก้าวต่อไป
ผมก็ยังคอรอฟังคำตอบ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมโดนความเงียบทำร้าย
เออ ขอบใจมากไอ้น้องที่ตอบพี่......
ผมทำหน้าเซ็งเล็กน้อยที่พูดเก้ออยู่คนเดียว แต่ก็เป็นแบบนั้นได้ไม่นาน
สีหน้าที่ดูหงอยลงไปถนัดตาของทริสตองก็ทำเอาผมทำหน้าเป็นห่วงใส่ได้ไม่น้อยเลย
“เป็นอะไรรึเปล่าทริสตอง?” ผมไม่ชอบพูดอ้อมค้อมนัก แต่เสียงที่เปล่งออกไปผมก็รู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงที่เจืออยู่ในนั้น
“ไม่มีอะไรครับพี่” คนถูกเซ้าซี้ตอบในที่สุดแต่ก็ยังคงแผ่วเบา
อ่อ ไม่ได้เป็นใบ้ไปกะทันหันสินะ ทีผมเห็นในสนาม เจ้าหนูนี่ยังชี้นิ้วชี้โบ้ชี้เบ้ไปทั่ว แถมยังตะโกนจนผมกลัวว่าคอจะแหกแทนอยู่เลย
ทันทีที่ทริสตองตอบคำถามผมเป็นครั้งแรก ผมก็เลิกคิ้วขึ้น คิดหาคำตอบจากท่าทางของรุ่นน้องในใจ ปรกติทริสตองก็เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว การเข้าหาไปพูดคุยกับคนอื่นก็แทบจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
เพราะเค้าค่อนข้างสงบปากสงบคำ
ผิดกับเจ้าตัวจี๊ดประจำทีมอย่าง ’เจ’ ที่เอาแต่จ้อใส่คนอื่นไม่หยุด พูดพร่ำเพื่อไม่ดูเวลา
จนหลายคนออกปากว่ารำคาญกันไปตามๆ กัน รายนั้นผมเองก็ยิ้มใส่แบบเอือมๆ
แล้วเหมือนกัน
แต่หากพูดถึงทริสตอง ผมชอบเค้านะ
ถึงแม้ว่าเราจะไม่ค่อยได้เจอกัน เพราะเพิ่งร่วมทีมชาติกันมาได้ไม่นาน แต่ผมกลับชอบท่าทางเงียบๆ ไม่พูดอะไร แต่ดวงตาเบิกกว้างและตั้งใจฟังทุกอย่างที่โค้ชบอกตลอดของเค้า เค้าดูมุ่งมั่น ตั้งใจ ผิดกับความเนียมอายของตัวเองเอามากๆ ใช่
ผมบอกว่าเนียมอาย เพราะดูๆ
แล้วเค้าชอบก้าวถอยทุกคนที่เดินเข้ามาคุยด้วยทุกครั้งไปเลยก็ว่าได้
แปลกคนจริงๆ
“จริงอ่ะ” ผมถามอีก คิดอยากให้เค้าพูดมากกว่านี้ บางทีเค้าอาจจะกำลังกังวลบางอย่างที่ผมไม่รู้อยู่ก็ได้
แต่ทริสตองก็เงียบใส่ผมอีก คงเป็นเพราะเค้าไม่รู้แล้วว่าจะพูดอะไรให้ผมทำใจเชื่อแล้วก็เป็นได้ และนั่นก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่เราเดินเข้ามาในห้องเก็บตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเห็นเพื่อนๆ หลายคนอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จแล้ว เล่นบอลมาเหนื่อยๆ แบบนี้คงมีน้อยคนที่จะกลับบ้านไปฉลองต่อ แต่ร้อยละแปดสิบผมพนันได้เลยต้องขอตัวกลับไปมุดหัวนอนอยู่บ้านแน่ๆ
“เฮ้ย มิก้าไปฉลองนอกรอบกันไหม?” ตองถามผม ดูท่ามันยังไม่หยุดโม้ เพราะยังไม่ได้อาบน้ำเลย ผมเกือบจะส่ายหน้าแบบหน่ายๆ ใส่
“ไม่อ่ะ” ผมตอบเสียงเรียบ และแน่นอนผมต้องโดนสวนกลับมาด้วยถอยคำที่แสดงความไม่พอใจอย่างเสียดสีแน่นอน แต่ผมกลับไม่ได้ให้ความสนใจเพื่อนที่เพิ่งสนทนาด้วยกันเมื่อครู่นี้
เมื่อจู่ๆ ทริสตองก็เบี่ยงตัวออกจากแขนของผมที่โอบคอเจ้าตัวอยู่
“ไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
เจ้าตัวว่าแค่นั้นก่อนจะปลีกตัวออกไปในที่สุด
ทำเอาผมเลิกคิ้วอีก
ยืนค้างอยู่กับที่มองรุ่นน้องที่ทำตัวพิลึกไม่ยอมพูดยอมจา แถมยังทำเหมือนโลกเป็นสีเทาอีกต่างหาก
เป็นอะไรไปล่ะ.........
“ไอ้ใต้!”
“อะไร?!”
“จะไปไม่ไป ไปกันเยอะนะเว้ยย” ผมเห็นต้นกับก้องยืนพยักหน้าถามอยู่ข้างๆ
ตอง
“นี่เยอะเรอะ? ไม่เอาอ่ะ
กลับบ้านดีกว่า ง่วง”
“ปุดโถ่! พ่อคุณ.....ง่วง เอ็งได้ลงสนามกับเค้ารึเปล่าว่ะ ห๊ะ?” ต้นกอดอกพูดยิ้มๆ
กับผม
แต่ผมก็บอกปัดไม่ไปในที่สุด ทุกคนแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวของตัวเอง ผมก็เช่นกัน
จนเวลาล่วงเลยไปเกือบสี่ทุ่มแล้วถ้าผมดูไม่ผิด
มีนักเตะเพียงไม่ถึงห้าคนเท่านั้น ที่ยังอยู่ที่สนามแข่ง ไม่ได้กลับบ้าน
“แฟนมารับเว้ย” เพื่อนร่วมทีมชาติคนหนึ่งบอกผม
ในตอนที่ผมเดินผ่านเค้ามาเตรียมตัวจะกลับบ้านแล้วในขณะนั้น
“แมนเนอะ” ผมยิ้มตอบ เพื่อนที่ตั้งใจจะพูดโอ้อวดว่ากำลังมีหญิงบึ่งรถมารับโดนผมเบรกใส่ซะจนหน้าเสีย จนอีกคนที่อยู่ข้างๆ หัวเราะใส่อย่างชอบใจและสมน้ำหน้าอีกฝ่ายหนึ่งอย่างไม่ปิดบัง ก่อนผมจะเดินออกไปที่ประตูทางออกพิเศษ ซึ่งที่เชื่อมตัวไปยังโรงจอดรถของผู้เกี่ยวข้องในสนาม และอยู่ๆ ผมก็เกือบชะงักฝีเท้าแทบไม่ทันเมื่อเจอเข้ากับแผ่นหลังอันโดดเดี่ยวที่ยืนจกกระเป๋ากางเกงแขนแนบลำตัว
ยืนอยู่ที่บันไดขั้นแรก
ผมจึงเดินเข้าไปแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ
เพราะไม่อยากให้เค้าตกใจ
“กลับไงล่ะเรา?” แต่ทริสตองก็สะดุ้งใส่ผมเล็กน้อย เค้าถอยหลังไปก้าวหนึ่งตามสูตร......ให้ตาย ทำเหมือนผมเป็นคนแปลกหน้าไปได้ ผมหน้าไม่คุ้นในสายตาเค้าขนาดนั้นเลยเหรอ ผมแอบทำหน้าเซ็งใส่เจ้าเด็กนี่อีก
“กลับกับสตาฟโค้ชครับ”
หมายถึงรอให้เค้าไปส่งที่บ้านน่ะเหรอ?
ผมมองเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าผมที่สวมเสื้อผ้ายังกะเด็กไฮสคลูอเมริกาที่กำลังจะฝ่าลมหนาวกลับบ้านอย่างไรอย่างนั้น
พยักหน้ากับลานจอดรถโล่งกว้างด้านหน้าของเค้า
เฮ้ยย นี่คุยกับใครกันแน่ฟะเนี่ย!?
วันนี้ผมยิ่งคุยกับเจ้าเด็กพูดน้อยที่ดันตีหน้านิ่งเกินเหตุนี่แล้วผมยิ่งเครียดแฮ่ะ....อะไรของเค้ากัน ผมเกาหลังหู ก่อนจะคิดใหม่ในตอนที่มองใบหน้าด้านข้างซึ่งบ่งบอกถึงความไม่คิดอะไรอยู่เป็นนิจของทริสตอง ผมเคยแอบคิดในใจว่าเค้าเคยคิดอะไรอยู่ในใจเหมือนคนธรรมดาบ้างหรือเปล่านะ
ผมใช้นิ้วชี้เกาใบหู บางทีเค้าอาจจะอยากกลับบ้านไปพักผ่อนแล้วก็เป็นได้ เพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนี่ แต่ดูท่าพวกโค้ชทั้งหลายคงจะคุยนู่นนี่ถึงแมชต์วันนี้กันอยู่เป็นแน่ และเห็นทีคงจะอีกยาวเลย
ทริสตองดูเหนื่อยและไม่มีชีวิตชีวา
ถึงแม้ใบหน้าเค้าจะน่ามองมากแค่ไหนก็ตาม
เอ้ยย ผมไม่ได้พูดนะ ผิดๆๆๆ
จะบอกว่าหน้าเค้าเด็กต่างหากล่ะ
“ให้พี่ไปส่งไหม?” และพลันเค้าก็หันมามองผมคอแทบหลุด ผมเกือบผงะถอยไปด้วยความตกใจแล้วในตอนนั้น สาบานได้เลย
ผมเอียงตัวมาด้านหลังนิดๆ
ให้ตาย ไอ้หนูนี่คิดจะไร้ชีวิตก็ไร้ชีวิต คิดจะหันก็หันมาไม่ห่วงของขวัญคนอื่นบ้างเลยอย่างงั้นเหรอ
ให้ตายเถอะ........
.
.
ใช้เวลาเพียงไม่นานผมก็เดินนำรุ่นน้องผู้กลับมาพูดน้อยเหมือนเดิม
จากที่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจาก พยักหน้าให้ผมเมื่อครู่นี้เมื่อถูกเอ่ยถาม มาที่รถของตัวเอง
เรานั่งประจำที่ก่อนผมจะออกรถไปด้วยความสุภาพและปลอดภัยที่สุด ถึงแม้ว่าเวลาปรกติจะเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว แต่เมื่อไรที่ได้อยู่คนเดียวบนรถและถนนค่อนข้างโล่ง ผมก็อดไม่ได้เสมอที่จะใส่สัมรรถนะของรถให้เต็มที่
รถแล่นออกไปยังถนนสายที่ใกล้ที่สุดอย่างราบลื่น กรุงเทพไม่เคยหลับใหลเลย ยิ่งในเวลาที่การแข่งขัดนัดสำคัญเพิ่งจบลงไปก็คงจะไม่ต้องพูดถึงกัน
ผมเห็นแสงไฟของตึกราบ้านช่องและรถที่เคลื่อนตัวอยู่เต็มท้องถนน เครื่องปรับอากาศในรถทำงานตามปรกติ มอบความเย็นช่ำจนเกือบจะหนาวเย็นให้แก่ผมและผู้โดยสาร และเมื่อเห็นโอกาสว่ามีช่องแล้วผมจึงเอ่ยสิ่งที่ติดอยู่ค้างอยู่ในใจของตัวเองออกไปในที่สุด
“มีอะไรรึเปล่าทริสตอง พี่ไม่อยากให้รำคาญนะ แต่แค่เป็นห่วงน่ะ มีอะไรเหรอ
โดนกระแทกมารึเปล่า?” ผมถามออกไป
เผื่อเค้าจะเจ็บเนื้อตัวแล้วไม่ยอมเปิดปากบอกคนอื่น เพราะนิสัยเงียบส่วนตัว และด้วยเห็นว่านับจากนี้ไปก็อีกนานโขกว่าเราจะได้ลงแข่งทีมชาติอีก แต่จะช้าหรือเร็ว เรื่องความปลอดภัยก็สำคัญเสมอ ผมรอฟังคำตอบจากเด็กหนุ่มหน้าขาวใสที่นั่งอยู่ข้าง ใบหน้าของผมมองเค้ากับถนนตรงหน้าสลับกันไป
ในคราแรกเค้าเงียบ ไม่ตอบผมอีกตามเคย แต่แล้วผมก็ได้ยินเสียงถอนหายใจที่ไม่ใช่ของตัวเองออกมาทีหนึ่ง แล้วเสียงนิ่งแผ่วแต่น่าฟังก็ดังขึ้นตามมาไม่กระชั้นชิดนัก
“ผมเล่นได้ไม่ดี”
“หืม?” ผมต้องการให้ทริสตองขยายความ
และเด็กหนุ่มก็ว่าง่ายขึ้นมาทันที
“หลายครั้งที่ผมพลาด ปล่อยให้พวกนั้นเข้ามาในกรอบประตูได้ตั้งหลายครั้ง....ผมไม่มีสมาธิเลย”
สีหน้าของเค้าดูเหมือนต้องการจะระบายอะไรบ้างอย่าง คงเป็นเรื่องนี้ ใช่
มีบางเวลาที่เค้าวิ่งตามฝ่ายตรงข้ามไปไม่ทัน แต่นั่นก็เพราะว่าไต้หวันตัวสูงกว่าพวกเราเป็นคืบเลยต่างหากล่ะ เรื่องที่ไล่ตามไม่ทันน่ะ ไม่แปลกเลยแม้แต่นิดเดียว
ผมสังเกตผิดไปรึเปล่านะ ทริสตองทำหน้ามุ้ย
“โอ้ ไม่เอาน่า อย่ากังวลไปเลย ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยนี่ ทีมไม่ได้แพ้ซะหน่อย และอีกอย่างทริสตองก็ได้ลงสนามนะ เล่นเต็มเวลาเลยด้วย แต่พี่นี่สินั่งเซ็งอยู่ข้างสนาม ทริสตองโชคดีจะตายไป น่าจะดีใจมากกว่าพี่นะ” ผมยิ้มโชว์ เพื่อบอกเค้าว่าอย่าน้อยหน้าผม เค้าทำหน้ามุ้ยใส่ผมตรงๆ เฮ้
นั่นผมมองผิดไปรึเปล่า
“แต่พี่ก็ไม่ได้เหนื่อยนี่ฮะ”
ผมหัวเราะ คิดเข้าข้างตัวเองในใจว่าเด็กคนนี้เลิกทำตัวเย็นชาไร้มนุษย์สัมพันธ์และไร้ชีวิตแล้ว
“งั้นเรามาแลกกันสิ พี่ขอลงสนามดีกว่า แต่จะว่าไปมันก็ดีแฮ่ะ พี่แค่นั่งดูเราวิ่งเฉยๆ
ฮ่าๆๆ” ทริสตองไม่พูดกับผมแล้ว ใบหน้าที่ถอดแบบมาจากเชื้อสายฝรั่งเศสนั้นเบนออกไปมองนอกกระจกรถที่มีรถกระนาบข้างเราทั้งสองด้าน รอยมุมปากถูกยกขึ้นน้อยๆ และเค้าคิดว่าผมไม่ได้สังเกตเห็น
ใครบอกกันว่าทริสตองไม่น่าคุยด้วย เค้าน่ารักจะตายไป
“แล้วนี่บ้านเราอยู่ไหนล่ะ?” ผมถามหลังจากที่ใช้นิ้วเช็ดจมูกตัวเองหลังกลัดกลืนอารมณ์ที่อยากจะหัวเราะต่อลงไป สายตาที่มองไปยังรถด้านหน้าที่ติดกันเป็นแถวหันมามองคู่สนทนาประกอบไปด้วย แต่ก็ต้องสะบัดอารมณ์ขันหายไปเลยเมื่อทริสตองทำหน้าเหรอหราใส่ผม
อ่อ ถามว่าบ้านอยู่ไหนคงจะตรงไปสินะ
“จะให้พี่ไปส่งที่ไหนล่ะ?” งั้นเอาใหม่ล่ะกัน ผมถามอีกและนึกแปลกใจกับตัวเองว่าทำไมเหตุใดเด็กหนุ่มคนนี้ถึงพิลึกคนจริงๆ กะอีแค่ถามว่าบ้านอยู่ไหนจะได้ไปส่งถูกถึงที่แค่นี้ทำไมจะต้องทำหน้าเหมือนโดนปล้นด้วยก็ไม่รู้
“ส่งผมที่บีทีเอสก็พอครับ” คนข้างๆ
ผมเอ่ยเสียงน้อยๆ ฟังดูเกรงใจเป็นอย่างมาก
“เฮ้ย เอาน่า...พี่บอกว่าจะไปส่งก็ไปส่งดิ เดี๋ยวไปส่งให้ถึงหน้าประตูเลยอ่ะ” ผมยื่นข้อเสนอ ทริสตองเงียบ มองหน้าผมเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร
“บอกมา” ก่อนผมจะยื่นคำขาด
และผมก็ดูเหมือนโจรดักปล้นเด็กนักเรียนที่ข้างทางมากขึ้นไปอีก
เมื่อเด็กหนุ่มพูดน้อยยอมบอกเส้นทางเสียละเอียดยิบ เอ่อ
ผมพูดเสียงแข็งมากไปยังงั้นเหรอ?
แต่ประเด็นสำคัญของเรื่องก็คือรถมันติดประลัยเลยน่ะสิ!!
.
.
.
TBC.
-------------------------------------------------------------------------------------
เริ่มเรื่องโผล่มาก็หื่นเลยค่ะ
5555555 คือตอนเขียนตอนแรกบอกเลยค่ะว่านิ้วมันไปเอง ไรท์ก็ตามๆ มันไปค่ะ แล้วมันก็ใช่ย่อยเลยค่ะ 555 //จิตใต้สำนึกแกบ่งบอกเลยนะ
-*-// แบบว่ามีคนถามไรท์บ่อยค่ะว่าที่เขียนบอกสปอยล์ๆ
ในเฟสเนี่ย มิก้าโดใช่ไหม มิก้านู่นนี่ใช่ไหม? ไรท์ก็อยากตอบค่ะ แต่ว่าอยากให้รีดเซอร์ไพรส์อ่ะเนอะ
เลยต้องอุ๊บไว้ค่ะ 5555 //รีดบอก...นี่แกกวนฉันมากกว่าจะเซอร์ไพรส์นะยะ//
ฮาาา ไม่รู้ว่าจะถูกใจรีดๆ กันไหมนะคะ ^^ รบกวนชี้แนะด้วยนะเออ คือแบบวาชอบคาแรกเตอร์ของสองคนนี้ไหม ชอบเรื่องแนวประมาณนี้รึเปล่า (นี่แกเพิ่งจะลง Part
แรกนะ)
ไปคะยั้ยคะยอไรท์ให้ลง Part อีกช่องทางหนึ่งได้ที่เฟสของไรท์เลยค่ะ
>>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<< 5555 หย่อนไว้ เข้าไปคุยไป Say
Hello กันได้นะคะ
ยินดีรับรีดทุกท่านเลยค่ะ //แต่อาจมีบางวันที่ไรท์ไม่ได้เข้าเฟสนะคะ ถ้าจะให้ดีทักไรท์มาเลยค่ะว่าเป็นสาววายน้าา
ไรท์เห็นจะรับปุ๊บเลยค่ะ 5555// + //เรื่องมากกลายๆ นะแก -*-//
โอเคค่ะ ชอบกันรึเปล่า
ไรท์หวังเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะว่ารีดจะพอใจไม่มากก็น้อยยย ติดตามกันต่อได้ใน Part หน้าค่ะ ขอบคุณที่อ่านฟิคขิงไรท์นะค้าาา ^^ รักรีดทุกท่านค่ะ จ๊วบบบบ
//จู๋ปากบานน//
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray – Aund
3 ความคิดเห็น:
เปิดเรื่่องนี่แบบฮะได้กันแต่ฉากเเรกเลยหรอ555
น่าติดตามมากเลยค่ะไรท์ชอบๆ
น้องตองขี้อายนะเนี่ยเรา
ดูเหมือนน้องจะออนท็อป หื่นกามตั้งแต่เปิดเรื่องเลยนะค่ะพี่ หึหึหึ เล่นสะเลือดลมสูบฉีดเลย น้ำเสียงแบบใต้ๆอาจทำน้องตกใจก็ได้นะ 55555 ยอมเป็นกบฎ#ทูโด เลยครับ แต่เค้ารัก#ต้นเจ อะ อันนี้เห็นทีเราคงต้องแยกทางกันจิ้น 55555
เพิ่งเป็นไทแก่ตัวหลังจบไฟนอลมหาภัยค่ะ 5555 พอมาถึงเจอ2พาร์ทรู้สึกหายเหนื่อยจากการสอบมาก เหมือนน้องโดจะออกแนวพูดน้อยไม่ค่อยทันพี่นะคะเนี่ย >< เดี๋ยวตามอ่านพาร์ท2ต่อค่ะ
แสดงความคิดเห็น