อ๊าาาาาาา รีดขาาาาาา >[]<!! //วิ่งเข้ากอด// หายหน้าไปนานมากเลยค่ะ ไรท์อ้าอกรับเลยค่ะ TWT และขอโทษนะคะที่หายไปนาน และสวัสดีค่ะ
หลังจากหายไปนานมากกกกกกกกก ตอนแรกก่อนไปเข้าค่ายไรท์กะจะลงส่งท้ายสัก Part
สอง Part ค่ะ
แต่ว่าเกาะม่ายด้ายโลงงงงง TWT //นั่งซึมเลยค่ะ//
แต่ว่าไปค่ายสนุกมากเลยค่ะ
ถ้าไม่นับรวมเพื่อนร่วมค่ายที่ทำหน้าเหมือนไม่ต้องการมีเพื่อนเพิ่มอ่ะนะคะ TET พวกนางทำไรท์ผวาจัดเลยค่ะ
อะไรคือตื่นมาแต่ตีสาม เพื่อเขียนคิ้ว!? แล้วอะไรคือนอนแล้วก็ยังใส่กางเกงยีนส์นอน!? แล้วพอไรท์ใจกล้ายิ้มให้ที
พวกนางก็มองหน้าไรท์แปลกๆ ค่ะ
ทำไมอ่ะ TYT !! คนเค้าจะมีน้ำใจยิ้มให้คนอื่นอย่างเป็นมิตรหน่อยไม่ได้หรือไงอ่ะ!
T[]T ไม่สนุกเลยค่ะพอต้องทำกิจกรรมกับคนที่ไม่อยากทำร่วมกับเรา
แต่ที่เด็ดสุดๆ รู้สึกจะเป็นพี่ๆ สตาฟค่ะ
พี่ๆ เค้าน่ารักมากๆ เลยยยยยยยย >///< แล้วก็ดูแลดียิงกว่าพนักงานในโรงแรมห้าดาวซะอีกค่ะ เทคแคร์น้องๆ ดีมากๆ เลยค่ะ >< ไรท์ล่ะต้องขอยกนิ้วให้เลยค่ะ............รักพี่ๆ สตาฟทุกคนมากๆ
เลยยยยยยยยย
เดี๋ยว.....นี่ไรท์เวิ่นอะไรคะเนี่ย?
นี่ Ray – Aund เธอมาลงฟิค MaLec ไม่ใช่เหรอ -*- ฝอยอีกแล้วค่ะ 5555555555 ต้องขอภัยอีกทีหนึ่งนะคะที่หายไปนานมากกกกกกก ใน
Part นี้ต่อจาก Part ที่แล้วเลยนะคะ ><
Part นี้อิตาเบนละมุนมากกกกกกกกกกกก
>/////< อร๊าย!
ไม่สปอยล์ดีกว่านุ เชิญรีดๆ
ไปอ่านกันเลยค่าาาาาา >{}<
--------------------------------------------------------------------------------
“ใช่
เพื่อนาย.....อย่างร้องไห้อีกเลยอเล็ค
ฉันไม่อยากให้นายร้องไห้อีกแล้ว”
แม็กนัสเข้ามาประชิดตัวแล้วใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเพื่อนตัวน้อย..........
.
.
**************************************************************************************
.
.
แม็กนัสยังคงเกลี่ยเช็ดไม่เลิกรา
ในตอนที่เพื่อนร่างบางนั้นกระพริบตาแล้วพยายามเสหน้าไปทางอื่น
แม็กนัสรั้งไว้เพราะยังคงไม่ไว้ใจและไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ แต่หลายสิ่งที่ยังเตือนใจร่างบางอยู่นั้นก็กดดันให้อเล็คต้องเอ่ยขึ้น
“นายกลับไปเถอะแม็กนัส แฟนนายอาจรออยู่นะ”
อเล็คว่าพลางจับมือแม็กนัสออก
แต่สำหรับแม็กนัส การเอ่ยถึงแฟนสาวของเค้า
ก็เป็นเหมือนดั่งการใช้ค้อนฟาดลงบนตัวของเค้าเอง
แม็กนัสมีสีหน้าเรียบเฉย แล้วยักไหล่
“อาจจะไม่ใช่อีกแล้วล่ะ”
......และท่าทีของร่างสูงก็เป็นเหตุมาจากการเอ่ยถึงเธอ ก่อนเค้าสังเกตเห็นใบหน้าที่ไม่เข้าใจของอเล็ค
“ฉันเพิ่งรู้ว่าบางทีเราอาจจะไปกันไม่ได้น่ะ”
เค้าว่าเสียงเอื้อยๆ พยายามทำให้ประโยคนั้นดูสื่ออารมณ์ไปในแง่บวก.......ไม่ต้องการให้อเล็ครู้ว่าเอลซ่าเป็นตัวการที่ทำให้เรื่องเลวร้ายในวันนั้นเกิดขึ้น
นั่นอาจทำให้เพื่อนร่างบางของเค้ายิ่งรู้สึกแย่มากขึ้นไปอีก
และมันอาจทำให้อเล็ครู้สึกระแวงแม้กระทั่งกับคนที่ไม่รู้จักกัน
แต่อเล็คก็มักจะมองโลกในแง่ดีเสมอ
“นาย...คิดแบบนั้นกับเอลซ่าไปซะแล้วหรือ
เธอดูแคร์นายมากเลยนะ” ร่างบางว่า
อันที่จริงหากเป็นเมื่อก่อนเจ้าตัวอาจจะดีใจอยู่เล็กๆ
ในซอกลืบของหัวใจอยู่ก็ได้
แต่ทว่าท่ามกลางในเวลาที่ความรู้สึกเปราะบางอันแสนจะย่ำแย่นี้ของอเล็คกำลังกัดกินหัวใจ
คำบอกกล่าวของแม็กนัสก็ทำเอาร่างบางรู้สึกใจหายไม่น้อยเลย
กับบทรักที่ดูจะสั่นคลอนไปเสียแล้วของเพื่อนร่างสูง
..................ก็แม็กนัสรักเอลซ่ามากมิใช่หรือ
นั่นอาจจะทำให้การเลิกราเป็นชนวนของความเจ็บปวดของคนทั้งคู่...............
แต่ดูเหมือนว่าแม็กนัสจะไม่ยอมกลับไป ร่างสูงสะโอดสะองมีความต้องการอยากที่จะอยู่กับเพื่อนตัวน้อยของเค้าให้ได้นานที่สุด แต่อเล็คกลับไม่ต้องการอย่างนั้น ร่างบางรู้สึกอยากที่จะอยู่คนเดียวมากกว่า
เป็นเพราะเค้าแน่ใจแล้วว่าจะย้ายกลับไปอยู่กับครอบครัวที่บ้าน การจากไปอาจจะดีกว่า
“นายกลับไปเถอะ” อเล็คว่าเสียงแผ่ว ฟังดูใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่ง
แม็กนัส เบน
มองใบหน้าที่เพิ่งหยุดร้องไห้ไปของอเล็ค........ในใจร่างสูงสะโอดสะองอยากบอกให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ใจจะขาดว่า
ตั้งแต่เหตุการณ์แย่ๆ ในวันนั้น
เค้าก็เอาแต่คิดถึงและโหยหาถึงการมีตัวตนอยู่ของอเล็คไม่ยิ่งหย่อนไปมากกว่าการมีชีวิตอยู่เลย ในความรู้สึกของเค้า
ราวกับว่าเพื่อนร่างบางได้เข้ามาหาเค้าที่ห้องพักแทบทุกวัน
แต่ทว่าหลังจากวันนั้นความรู้สึกคุ้นเคยนั้นกลับหายไปอย่างน่าใจหาย
แม็กนัสรู้สึกเสียใจ
สัมผัสของอเล็ค กลิ่นกายของอเล็ค และการจัดวางของอเล็คยังคงอบอวลอยู่ในห้องพักราคาแสนแพงของเค้า.......และแม็กนัสไม่เคยรู้เลยว่าที่ทั้งหมดเป็นเช่นนั้นก็เป็นเพราะอเล็คได้เข้าไปสำรวจตรวจตราในห้องของเค้าอยู่อย่างนั้นเป็นจำนวนบ่อยครั้งจริงๆ
ถ้าเป็นไปได้แม็กนัสไม่ต้องการให้เรื่องไร้สติในคืนนั้นเกิดขึ้นเลย ร่างสูงเพียงแค่อยาก........
“อเล็คฉัน....”
แม็กนัสเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้อย่างร้อนใจ
เพราะต้องการจะบอกสิ่งที่ติดอยู่ที่ปลายลิ้นแก่อเล็ค
แต่ก็ดูเหมือนจะรีบร้อนมากเกินไป จนเป็นเหตุให้ร่างบางที่กำลังหันมาห้ามปรามพอดี เกือบจะชนเข้ากับใบหน้าที่ขมวดแน่นของเพื่อนร่างสูงผู้ที่เป็นคนเรียกขานชื่อนั้นตั้งแต่แรก
ลูกชายคนโตของตระกลูไลต์วู้ด
หยุดหายใจ
สายตาประสานไปยังริมฝีปากของอีกฝ่ายหนึ่งที่แทบจะประชิดกับริมฝีปากบางที่เผยอออกน้อยๆ
ของอเล็คเสียแล้ว
ร่างบางผงะห่างเล็กน้อยด้วยความตกใจ แต่ก็เป็นเพียงเล็กน้อยจริงๆ
เท่านั้น
แม็กนัสไม่ได้รู้สึกถึงระยะห่างที่สามารถกั้นระยะของลมหายใจพวกเค้าได้เลยด้วยซ้ำ เพื่อนตัวน้อยที่ผิวกายขาวระเรื่อตัวแข็ง ไม่กล้าขยับตัวปุบปับตามใจคิด
เป็นเหตุเพราะเรื่องราวในคืนนั้นกลับมาร้อยเรียงในหัวของเค้าอีกครั้ง
แต่ทว่าแม็กนัสที่อยู่ตรงหน้า
ที่เกือบจะสัมผัสถึงกันได้กลับทำให้จิตใจของร่างบางสงบนิ่งได้อย่างน่าฉงน
ริมฝีปากที่ไม่เหมือนใครของเพื่อนร่างสูงคลายออกจากกัน
ไม่กรีดเป็นเส้นเรียบตรงยามเมื่อมีเรื่องให้หนักใจอีกต่อไปแล้ว ปลายจมูกของแม็กนัสดูราวคล้ายกับหยดน้ำที่ไม่มีวันหยดลงสู่พื้น
และเรียวคิ้วสีเข้มที่เคยขมวดมุ้นก็คลายออก........ใบหน้าที่อเล็คเห็นเป็นเช่นเมื่อก่อนที่ทำให้ร่างบางรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างเหลือเชื่อ..........
“นายโอเคไหมอเล็ค?”
ใช่ แม็กนัสเคยพูดเช่นนั้น ครานั้นเพื่อนร่างสูงหันกายมาจากโต๊ะเขียนหนังสือ
ส่งเสียงเป็นห่วงถามเค้าเมื่อยามที่อเล็คโดนแม่ที่โมโหร้ายไล่ออกจากบ้านอย่างไม่มีเหตุผล
อเล็คในตอนที่ยังเด็กซึ่งถือหนังสือการ์ตูนของแม็กนัส
นั่งอยู่บนเตียงของอีกฝ่ายรู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงที่แฝงมากับน้ำเสียงและสีหน้าที่อบอุ่นของเพื่อนร่างสูงได้อย่างชัดเจน
เช่นเดียวกันกับตอนนี้........
ฝ่ายร่างสูงเอง
เมื่อเห็นใบหน้าที่เปื้อนน้ำตามยามเมื่อมีเรื่องหนักใจสุดขั้วของเพื่อนตัวน้อยก็ถึงกับเปลี่ยนความตั้งใจทันที
เค้าอาจอยากจะแถลงไขถึงความเรื่องของคืนนั้นให้อเล็คได้รับรู้ แต่จะว่าไปมันก็ไม่สำคัญเท่ากับการได้รับรู้ว่าตอนนี้จิตใจของอเล็คเป็นเช่นไร
คราแรกแม็กนัสคิดว่าเพื่อนของเค้าจะถอยหนีราวกับเห็นผี
เนื่องจากเหตุการณ์ในวันนั้น
แต่อเล็คกลับไม่ทำ........ร่างสูงแอบคิดเข้าข้างตัวเอง นั่นเป็นเพราะเพื่อนของเค้าไม่ได้คิดกลัวเค้าแล้วรึเปล่านะ?
แม็กนัสแค่อยากขอโทษ.......
ร่างสูงเหม่อมองริมฝีปากบางสีชมพูมุกที่อยู่ถัดไปจากลูกแก้วสุกใสสีฟ้าที่หลุบลงมองบางสิ่งอยู่เช่นเดียวกันกับเค้า
แม็กนัสสูดหายใจเข้าเล็กน้อย
หลังจากที่ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มของเค้าจะถูกปกคลุมไปด้วยเปลือกตาจนเกือบหมด ก่อนใบหน้าคมคายจะโน้มลงไปเพียงเล็กน้อย
สัมผัสริมฝีปากที่เป็นประกายของร่างบางตรงหน้า............
แม็กนัส เบน หลับตาแนบสนิท
เช่นเดียวกันกับริมฝีปากรูปจงอยของเค้าที่กดทับลงบนเรียวปากของอเล็คอย่างแนบแน่น ร่างบางกระพริบตาหนัก และไม่กล้าขัดขืน แอบหลงคิดไปว่าตนจะโดนกัดแล้วผลักลงเตียงไปหรือเปล่า
แต่ก็ไม่เลย แม็กนัสไม่ได้ทำเช่นนั้น
ร่างกายของเพื่อนร่างสูงไม่ได้แม้แต่จะขยับเขยื้อนไปไหนเลยด้วยซ้ำ
แม็กนัสเพียงแค่อยากจะจูบอเล็คก็เท่านั้น............
.............นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เค้าคิดจะทำ
..........แต่ทว่าอเล็คก็ดึงดูดหัวใจเค้ามากเกินไป............
ชั่วเสี้ยววินาทีนั้น
แม็กนัสรู้สึกราวกับว่าตนเองไม่รู้จักอเล็ค
เพื่อนตัวน้อยที่งอแงและบอบบางมาตั้งแต่เด็กๆ
ไม่ใช่คนที่เค้าเคยทำความรู้จักอีกต่อไป...........
ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างได้แปรเปลี่ยนความรู้สึกของร่างสูงที่มีต่อร่างบางตรงหน้าไปเสียแล้ว
.............เป็นความรู้สึกใหม่
ที่ไม่ใช่การเกื้อกูลกัน เช่นทุกครั้งที่ผ่านมา...........
อาจเรียกได้ว่ามันคือสิ่งที่มากมายเกินกว่าคำว่าเพื่อนซึ่งแม็กนัสเข้าใจมันอย่างผิวเผินมาโดยตลอด
แม็กนัส เบน ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
แต่ทว่าเมื่อเค้าจูบอเล็คที่พยายามตีตัวออกห่างและกลัวเค้าจนตัวสั่นแล้ว
ร่างสูงสะโอดสะองก็รู้สึกถึงช่องว่างระหว่างเค้าทั้งสองที่เหินห่างอย่างน่าใจหายเป็นเวลานานตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา แต่ทันทีที่ได้สัมผัสริมฝีปากอุ่นร้อนเพราะพิษไข้นิดๆ
ของเพื่อนร่างบางนั้น
แม็กนัสรู้สึกเหมือนช่องว่างดังกล่าวได้ลดช่วงหายไป
ราวกับว่าอเล็คเติมเต็มบางสิ่งที่เค้ายังคงหาไม่เจอ...........
...............ใช่ อเล็คได้เติมเต็มมันเข้าไปนานแล้ว แต่เป็นแม็กนัสเองนั่นแหละ ที่ยังคงไม่รู้สึกตัวว่าสิ่งที่เค้าตามหานั้นอยู่ใกล้แค่ไหน.............
ฝนที่หยุดตกแล้วทิ้งหยดน้ำจำนวนมากมายให้ทิ้งตัวลงมาเป็นสายตามแรงโน้มถ่วงของโลก
กระทบหลังคาแล้วไหลลงชายคาไปยังถนนเบื้องล่าง สายน้ำเล็กๆ
พาดผ่านหน้าต่างของห้องพักในอาร์พาร์ทเมนท์เก่าๆ แห่งหนึ่ง........ที่ซึ่งตรงนั้น
ร่างสูงสะโอดสะองเพิ่งจะได้ผละริมฝีปากของตัวเองออกมาจากการจูบ
เส้นไหมสีดำนุ่มมือดูน่าสัมผัสของอเล็คหล่นลงมาปรกดวงตาที่ทิ้งตัวลงปิดสนิทตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่อาจทราบได้
แม็กนัสจุมพิตอเล็คอย่างแผ่วเบา แต่ทว่าตราตรึงยิ่ง แม้จะเป็นเพียงในเวลาสั้นๆ
ก็ตาม เค้าถอนจูบออกมา
ราวกับว่าจุมพิตแห่งความเสน่หาในเทพนิยายที่เจ้าชายกำลังจะบอกลาคนรักของเค้า ร่างสูงสะโอดสะองยังคงหลับตาพริ้มคำนึงถึงจูบนั้นที่ตนเพิ่งได้สัมผัสไป
เช่นเดียวกันกับร่างบางที่โดนชิงริมฝีปากไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
และในที่สุดเมื่อแม็กนัสถอยหาระยะห่างไว้เพียงแค่ลมหายใจกั้น ทั้งสองคนก็ลืมตาขึ้น แต่ทว่าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมสบตากันและกัน
เหตุเพราะสิ่งที่ขัดกับสถานการณ์นั้นเพิ่งได้เกิดขึ้นไป
จนกระทั่งร่างสูงเป็นฝ่ายที่เลื่อนระดับสายตามาจ้องมองร่างตรงหน้าเสียเอง ในเวลานั้นร่างบางจึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าหัวใจของตนเองเต้นแรงขึ้นจนปวดหน้าอก
เมื่อกี้..........
มันเป็นจูบที่แสนจะบางเบาและอ่อนโยนของ
แม็กนัส เบน ..............
และใช่
หลายสิ่งที่แม็กนัสมั่นใจมากกว่าการจูบอเล็คคือสิ่งที่เค้าเริ่มจะได้เข้าใจตัวเองแล้วเมื่อครู่นี้ ไม่ใช่เพราะร่างสูงต้องการให้เพื่อนตัวน้อยอยู่ได้ด้วยตนเองโดยไม่มีเค้าคอยประคับประคอง
แต่เป็นเพราะแม็กนัสคนนี้ยังไม่พร้อมที่จะจากไปโดยปล่อยให้อเล็คอยู่คนเดียวต่างหากล่ะ.........
ไม่ เค้าไม่มีวันพร้อมแน่
อเล็คกำลังสับสนและหวาดกลัว ร่างสูงต้องทำให้อเล็ครู้และเชื่อใจ..............
มือแกร่งสัมผสไปที่คางมนสีขาวกระจ่างสะดุดตา
ซึ่งเจ้าของคางนั้นก็สั่นหนีเช่นที่คาดไว้
ก่อนแม็กนัสจะเชิดคางของคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาหนีให้เงยขึ้นมาสบตากับเค้า
ดวงตาสีฟ้าที่ส่องประกายเพราะม่านน้ำตาซึ่งยังคงไม่เหือดหายไปไหนเหม่อมองกลับไปอย่างน่าสงสาร.........ร่างบางไม่รู้
ว่าเพื่อนร่างสูงกำลังจะเล่นตลกอะไรกับหัวใจของเค้ากันแน่ ทั้งๆ ที่ทำใจเอาไว้แท้ๆ ว่าจะลืมแม็กนัส ลืมความรู้สึกที่ตัวเองได้ก่อมันขึ้นมาอย่างลมๆ
แล้งๆ แต่ทว่าตอนนี้สำหรับอเล็คแล้ว
มันก็ยังคงเป็นเรื่องลมๆ แล้งๆ อยู่ดี
.................มีเพียงใจจริงของแม็กนัสเท่านั้น
ที่จะทำให้อเล็คเชื่อได้............
“อเล็คฉัน.....”
R……R……R……R……R…..
แต่ทันใดนั้น
ประโยคแรกซึ่งทำลายความเงียบของร่างสูงก็ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงของเครื่องมือสื่อสารราคาแพงของเค้าเอง.........ช่างดังอย่างไม่รู้เวลาเสียจริง
แม็กนัสถอนหายใจ กลอกตาขึ้นฟ้า
ในขณะที่อเล็คก็สะดุ้งไปด้วย
ใบหน้าขาวกระจ่างก้มลงดังเดิม
แม็กนัสรู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อยแต่เจ้าตัวก็จำต้องหยิบสมาทร์โฟนของตัวเองขึ้นมารับอย่างเสียไม่ได้
-- เอลซ่า –
ร่างสูงฉงนไม่น้อย.........หากถามถึงความจริง
เค้าไม่ต้องการให้อะไรมาทำให้เค้าคิดถึงเธอเลยด้วยซ้ำ
แต่แม็กนัสต้องรับมิฉะนั้นอาจจะเสียมารยาทได้
ร่างสูงสะโอดสะองลุกขึ้นมาจากเตียงที่เค้าทั้งคู่นั่งอยู่อย่างแผ่วเบา
แล้วเดินออกมาคุยตรงระเบียงเล็กแคบขนาดกะทัดรัดตรงห้องครัว เค้ารับสาย
“เอลซ่า” แม็กนัสเอ่ย
เพียงแค่เรียกชื่อเธอเป็นเชิงถามว่ามีธุระอะไรเพียงเท่านั้น.......ร่างสูงพูดคุยกับแฟนสาวด้วยความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
แต่ทว่าเสียงที่ตอบกลับมา
กลับเป็นเสียงที่ฟังดูลนลานและเสียใจเป็นอย่างยิ่ง “แม็กนัส...อึก...แม็กนัส!
โอ้พระเจ้า.....ฉัน อึก
ฉันอยากพบคุณ......อึก ฮืออ
ฉัน....ฮึ ฮืออ ฮือออ”
ปลายสายกล่าวประโยคฟังไม่ได้ศัทพ์แทบจับใจความไม่ได้
แม็กนัสรู้เพียงแค่ว่าสาวเจ้าอยากพบเค้าเพียงเท่านั้น เอลซ่าร้องไห้หนักและคลายกำลังจะกรีดร้อง
ร่างสูงที่ถือโทรศัพท์ไว้แนบหูขมวดคิ้ว
“มีอะไรเกิดขึ้นเอลซ่า
คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
ถึงแม้ว่าเริ่มไม่เชื่อใจในความรักอันแสนบริสุทธิ์ของเธอแล้ว แต่แม็กนัสก็ยังคงเป็นสุภาพบุรุษอยู่
ร่างสูงเอ่ยถามเสียงเบาเพื่อไม่ให้อเล็คที่อยู่ห่างออกไปพอสมควรได้ยินเข้า
เอลซ่าละลำละลักกรอกตามสายมาและร้องไห้หนักขึ้น
“แม็กนัส! โอ้ แม็กนัส อึ ฮือ
ฉันอยากพบคุณ...อยากพบคุณจริงๆ
ฉันมีเรื่องจะ.....โอ้ พระเจ้า
ฮืออ..อ..ออ” เธอร้องห่มร้องไห้อีก “ได้รึเปล่า...ฮึก ฉันพบคุณได้รึเปล่า.....ฮือออออ”
“คุณอยู่ที่ไหน”
ร่างสูงถามออกไป หลงคิดแง่ลบในใจว่าเธอกำลังทำตัวเหมือนกำลังจะฆ่าตัวตาย
“คอนโดคุณ....ฉันกำลังไปที่คอนโดของคุณ”
เธอทำเสียงสะอิกสะอ้อยพลางเช็ดน้ำตา
และแม็กนัสก็ต้องจำใจอย่างเลี่ยงไม่ได้เลย
“รอก่อน ผมกำลังไป” เค้าว่า เผื่อเอาไว้
หากหญิงสาวไปถึงห้องแล้วไม่เจอเค้าจะพาลทำเรื่องแย่ๆ
อีก..........เสียงของเธอฟังดูใกล้จะสติแตกเต็มทีแล้ว
แม็กนัสเก็บมือถือแล้วเดินออกมาจากระเบียง
ร่างสูงสะโอดสะองย่างเท้าไปหาเพื่อนตัวน้อยแล้วเอ่ยสั้นๆ
“ฉันต้องไปแล้ว เอ่อ ฉัน....อ่า
เอาไว้ค่อยคุยกันล่ะกันนะ
ฉันมีเรื่องที่อยากจะบอกนาย” แม็กนัสว่า
ก่อนจะตัดสินใจจูบเข้าไปที่ริมฝีปากสีระเรื่ออีกครั้งหนึ่ง ไม่สนใจแล้วว่าอเล็คจะคิดเช่นไร เค้าเพียงแค่อยากให้มั่นใจ
ร่างสูงสะโอดสะองเดินออกไปจากห้องนั้นแล้วปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ
ท่ามกลางความนิ่งงันของร่างเล็กที่เงียบนิ่งยิ่งกว่า
.
.
.
TBC.
--------------------------------------------------------------------------------------------------
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยย เอลซ่า! เธอโทรมาทำไมมมม
>{}<!! ขัดเวลา
ขัดจังหวะโจ้งครึ่มของเค้ากันจริงๆ เล้ยยย
ฮึ้ยยยยยย! //ทุบโต๊ะ// จะหลอกลวงอิตาเบนให้ไปทำอะไรอีกล่ะ ลวนลามอเล็คของไรท์แล้วอย่าชิ่งไปไม่รับผิดชอบอย่างนี้สิคะ
>< //นี่ฉันอุตส่าห์สุภาพนะ กลัวโดนสายฟ้าฟาดใส่อีก//
มันเป็นจูบที่เกือบจะมีอะไรๆ
มากเลยค่ะ 55555 แต่ว่าเอลซ่า นางมาขัดคอเสียก่อนนี่ แย่จริงๆ เลย
ชริ! -*- ชริๆๆๆๆๆๆๆ //แล้วจิปากอย่างขัดใจ// จะเรียกตัวอิตาเบนไปทำอะไรห๊าาา?
ถ้าหากรีดๆ
อยากรู้ต้องอดใจรอไว้อ่าน Part หน้านะคะ มีเรื่องเด็ดๆ แน่นอนค่ะ ไรท์คอนเฟิร์มมมมมมมมมมม >< 555555 ขอบคุณรีดทุกท่านที่ติดตามและคอยให้กำลังใจไรท์นะคะ รักรีดทุกท่านมากๆ จากใจจริงเลยค่ะ >3<
แปะเฟสเอาไว้ติดตามความเคลื่อนไหวของฟิคในบล็อกไรท์นะคะ
>>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<<
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund