วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

[FIC - TMI] + [Part 20] Your Heart……หัวใจนายเป็นของฉัน – Magnus x Alec



อร๊ายยยยยยยยยยยยยยย! สวัสดีค่ะรีดๆ ที่รักทุกท่านขาาาา >{}<  ในที่สุด...ฮึก...ฮ้า...ฮ้า..//หอบหายใจ// ในที่สุดไรท์ก็ว่างมาลงแล้วค่ะ ><!  //สักพักมีเท้าไม่ทราบชื่อ//  อั๊กก!! //ตัวเบี้ยว//  ขอโทษค่าาาา  M_ _M  เนื่องด้วยช่วงนี้แม่ใช้ไรท์เยี่ยงทาสของทาสค่ะ.....เยี่ยงทาสไม่พอค่ะ  ไรท์เลเวลอัพ T_T  เวลาที่เหลืออันแสนจะมีค่ายิ่งของไรท์จึงจำเป็นต้องอุทิศให้แก่การเขียนฟิคค่ะ M_ _M  ว่างจริงๆ เลยได้ลงฟิคกะเค้าสักทีหนึ่งค่ะ แฮ่ๆ ^^* //หัวเราะแห้ง//

อร๊ายย มาต่อค่ะ  เรื่องอื่นอย่างเพิ่งสนใจ! //บ้าคลั่ง//  เนื่องจากไม่ได้ต่อมาหลายอาทิตย์แล้วสำหรับเรื่องนี้  Part นี้จ่อก้น Part ที่ 19 ของเรื่องนี้เลยค่ะ ^^  เพื่ออรรถรสที่ดีเยี่ยมไรท์แนะนำให้รีดๆ อ่าน Part 19 ย้อนหลังอีกทีหนึ่งนะคะ แล้วค่อยมาอ่าน Part 20 นี้ ^^

โอ๊ยยยยยยย แม็กนัสพระเอกมาเลยค่ะ ><!! อุ๊บ! สปอยล์ 55555 เผลอเป็นไม่ได้เลยค่ะไรท์ 5555  งั้นเอาเป็นว่ารีดๆ ไปอ่านกันเลยล่ะกันค่ะ ><  เอ้า ไปกันเลยยยยยยยย!! >{}<


-------------------------------------------------------------------------------------------------


“อเล็คอยู่ไหมครับ”

แม็กนัสว่า  เนื้อตัวของเค้าถูกสวมทับด้วยเสื้อผ้าในชุดเดิมของเมื่อวานนี้เพราะรีบมาก  และตอนนั้นเองเป็นเวลาเดียวกันกับที่อิซาเบลเปิดประตูออกมาพอดี  เธอชะงักค้างแล้วตาโตที่เห็นเพื่อนของพี่ชายซึ่งไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว และเธอแอบสนใจเค้าตั้งแต่เป็นเพื่อนกับอเล็คเมื่อหลายปีก่อนแล้ว เค้าทำไมถึงได้ดูน่าดึงดูดใจถึงเพียงนี้กันนะ............นั่นคือแม็กนัสที่เอาแต่เป็นห่วงอเล็คอยู่นักหนาจริงๆ น่ะหรือ?

ตัวจริงของเค้าในตอนนี้หล่อมากกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เสียอีก........อิซาเบลล่องลอย มือกำลูกบิดค้างไว้ และครึ่งหนึ่งของตัวเธอก็ยังคงซ้อนอยู่ในด้านหลังของประตู  แม็กนัสในทีวีเทียบไม่ได้กับตัวจริงที่ยืนอยู่ตรงนี้เลย

“หวัดดี  อิซซี่” แม็กนัสหันมาเจออิซาเบลแล้วยิ้มทักทายกับเธอ  เป็นเหตุให้คนที่ปลื้มเค้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งยิ้มหวานโปรยเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิม  แต่แล้วแม็กนัสก็เรียกรอยยิ้มนั้นคืนไป

อเล็คอยู่รึเปล่า” ร่างสูงดูรีบร้อนมากขึ้นไปอีก

อิซาเบลหุบยิ้มลงแล้วทำหน้าตาย  เธอหมุนตัวกลับเข้าไปแล้วกระแทกประตูใส่ จนแม็กนัสที่ทำตัวรีบร้อน ปรากฏหน้าไม่เข้าใจในการกระทำนั้นของน้องสาวคนเดียวของอเล็ค

อิซาเบลกลับเข้ามาในบ้าน เดินผ่านพี่ชายของตัวเอง “อเล็คมีคนมาหาพี่แหนะ” เธอว่า  ก่อนจะกระทืบเท้าขึ้นไปบนห้องนอนของเธอแล้วอารมณ์เสียตลอดทั้งวัน เพราะตั้งแต่อเล็คมาเธอก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของใครเลย  อิซาเบลเริ่มเกิดอารมณ์อิจฉาที่ขุ่นมัว

ส่วนคนที่นั่งอยู่รอการกลับมาของผู้เป็นแม่อย่างใจเย็น ก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่มีคนมาหาเค้าถึงที่บ้าน  อเล็คจำได้ว่าไม่มีใครรู้ว่าเค้ากลับมาที่นี่  ขนาดครอบครัวก็เพิ่งจะรู้ด้วยซ้ำว่าเค้ากลับมาเร็วขนาดนี้..........ไม่น่ามีคนในแถบนี้รู้และคิดจะมาหาอเล็คได้นะ

ร่างบางมีความรู้สึกสงสัยอยู่ไม่น้อย  แต่บางทีอาจจะเป็นคนที่บังเอิญเห็นเค้าในระหว่างที่ทางนั่งแท็กซี่จากสนามบินกลับมาบ้านก็ได้ใครจะไปรู้  ดังนั้นอเล็คจึงยืนขึ้นแล้วเดินออกไปที่ประตู ร่างบางไม่ได้มองผ่านกระจกใสตรงประตูหน้าเลยด้วยซ้ำว่าเป็นใครกันแน่ที่มาหาเค้า 

และทันทีที่ผลักประตูออกไปแล้วปิดมันลงด้วยความเงียบ อเล็คก็แทบหยุดหายใจ  ดวงตาสีฟ้าแสนสวยราวกับลูกแก้วนั้นเบิกขึ้นและไหวระริก

.................คนที่มาหาเค้ายืนรอเค้าอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน คล้ายกับเมื่อหลายปีก่อนที่เจ้าตัวมาเพื่อชวนเค้าออกไปเล่นข้างนอกบ่อยๆ ..............

“แม็กนัส...” อเล็คกระซิบจนคิดไปว่าตัวเองอาจเพียงแค่เอ่ยชื่อนั้นในใจ  ภาพเบื้องหน้าคือ แม็กนัส   เบน ที่เค้าหวังว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ยืนอยู่เคียงข้างรถที่เค้าเคยเห็นในโฆษณามอเตอร์โชว์หรูในนิตยาสารที่เจซชอบอ่าน  เพื่อนร่างสูงยืนไม่เต็มความสูงนัก คล้ายกับว่าเจ้าตัวนั้นรีบเอามากๆ และไม่ได้หยุดพักเลยจนกระทั่งมาถึงที่หมาย.............

แม็กนัสทอดสายตามาหาอเล็ค  จนร่างบางรู้สึกว่าตัวเองหดเล็กลงไปเลยเมื่อโดนจ้องมองด้วยสายตาแบบนั้น  สายตาที่เว้าวอน  สายตาที่น่าสงสาร  สายตาที่อัดอั้นบางสิ่งบางอย่างอยู่  สายตาที่เหมือนจะขาดใจแม้จะมาถึงที่หมายแล้ว  สายตาเหล่านั้นล้วนเป็นสายตาของแม็กนัสที่อเล็คไม่เคยเห็น...........

มีเรื่องร้ายแรงอะไรอย่างนั้นหรือ.......อเล็คคิดอะไรไม่ออก และเกิดคำถามขึ้นมาในใจ  ท่าทางของแม็กนัสพาทำให้เค้าใจไม่ดีไปด้วย

............แม็กนัสเป็นอะไรรึเปล่านะ...........

สองหนุ่มยืนมองจ้องประสานตากันโดยไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใดออกมาทั้งสิ้น  และลืมไปเลยว่ายังมีอีกสองชีวิตที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวยืนคั่นกลางระหว่างทั้งสองไว้อยู่  แม็กซ์ที่อ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัวหันกลับไปกลับมาระหว่างแม็กนัสกับอเล็ค  เช่นเดียวกับผู้เป็นแม่ซึ่งทำสายตาประมาณเดียวกัน

“เอ่อ   หนุ่มๆ ถ้ามีอะไรก็คุยกันได้ตามสบายเลยนะจ๊ะ....” และในที่สุดแมรีสก็ตัดสินใจทำลายความเงียบที่ชวนอึดอัดพิกลนั่นซะ  เธอไม่รู้ว่าเหตุใดลูกชายและเพื่อนของเค้าจึงมีท่าทีอย่างนั้นใส่กัน.........บางทีอาจเป็นเพราะทะลาะกันตามประสาหนุ่มๆ ก็ได้  เธอคิด และไม่ได้รู้เลยว่าเหตุผลที่ทำให้สองคนนี้มีท่าทางชาดิกใส่กันนั่นเป็นเพราะอะไร

แต่แม่ของอเล็คก็ไม่อาจปล่อยให้เสียเวลาในเรื่องที่เธอเห็นสำคัญกว่า ไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว “แต่ก่อนอื่นอเล็คต้องคุยเรื่องธนาคารกับแม่ก่อนนะ  เงินของลูกตอนนี้มันยังอยู่ดีใช่ไหม” แมรีสยกมือทั้งสองขึ้นราวกับขอหยุดเรื่องทุกอย่างไว้ก่อนที่เรื่องสำคัญของเธอจะเสร็จเรียบร้อย

หญิงค่อนข้างมากอายุเสยผมขึ้น  พยายามปั้นยิ้มให้ดูอารีในขณะที่หันไปพูดกับลูกชายคนโตผู้เป็นดั่งความหวัง “คนของธนาคาร....กำลังจะมาและแม่ไม่อยากให้เค้ารอเก้อนะอเล็ค” เธอว่า  ไม่สนใจในมารยาทของการคุยเรื่องภายในครอบครัวต่อคนอื่นอีกแล้ว “ขอแค่เอาเงินนั่นมา  แล้วบ้านเราก็จะปลอดภัย”

แมรีสดูร้อนใจในประโยคถัดมา  คราวนี้เธอหันไปรบเร้ากับลูกชายตรงๆ แล้วยืนบังเค้าไว้จากแม็กนัส  อเล็คไม่สามารถมองเห็นแม็กซ์หรือแม็กนัสได้  แม่ของเค้าในตอนนี้ดูราวกับปีศาจกระหายเลือดที่กำลังต้องการโลหิตสีแดงจากเค้า แต่สิ่งที่เธอต้องการแท้จริงแล้ว นั่นคือเงินต่างหาก

“เฮ้อ.....นายน่ะจบการบริหาร เกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาเพื่อเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านลาเฟ่เล็กๆ เนี่ยนะ  เชื่อเค้าเลย”

“ช่างฉันเถอะน่า........ฉันกำลังซึมซับประสบการณ์ เดี๋ยวอีกหน่อยฉันจะต้องมีร้านเป็นของตัวเองแน่”

“ฮ่าๆๆ งั้นเหรอ.....ฉันจะค่อยดูล่ะกันนะ”

“คุณศึกษามันถึงไหนแล้วล่ะ?........ผมว่าร้านของคุณคงจะน่าเข้าน่าดูเลย  เพราะคุณดูใส่ใจและละเอียดอ่อนกับมันเหลือเกินหนิ”

“ผมเพิ่งดูรายการที่พาไปเที่ยวในอิตาลีน่ะ.....มีร้านกาแฟอยู่ร้านหนึ่ง สไตล์การแต่งร้านน่าสนใจมาก ผมก็เลยจดสิ่งที่น่าจะมีอยู่ในร้านของผมอีกนิดหน่อย”

 “คุณมีจินตนาการ”

“ผมรู้ แต่ร้านของผมในอนาคตไม่ได้ต้องการแค่จิตนาการแต่มันต้องการเงินทุนด้วย”

“โอ้.....แต่ผมเชื่อว่าสุดท้ายแล้วคุณจะทำได้  เพราะคุณเป็นคนที่ขยันและจริงจังมากๆ และคุณก็รักร้านลาเฟ่”

“ใช่  ผมอยากเปิดร้านของตัวเองจริงๆ นั่นแหละ.......”

แม่รบเร้าถาม อยากจะเอาคำตอบ  อเล็คต้องตอบแม่ออกไปแล้ว  แต่วินาทีนั้นเค้ากลับรู้สึกกลัว  เสียใจ  และโหยหา.........ความฝันตลอดหลายปีมานี้ของเค้ากำลังจะหายไปอย่างไม่มีวันปั้นใหม่ได้อีก  อเล็ครู้สึกมวนท้อง  ใบหน้าแม่ของเค้าเหมือนภาพหลอนจากหนังสยองขวัญที่เอาแต่ลอยตามตัวเค้าไม่หยุด  และพื้นใต้เท้าร่างบางก็เหมือนท้องเรือที่โคลงไปมา  อเล็คไม่ได้ลังเลที่จะตอบแต่มีท่าทีว่าจะไม่ปริปากพูดอะไรออกไปเลยต่างหาก

และกิริยาเช่นนั้นก็ทำให้แมรีสอารมณ์เสีย  เธอเร่งและเชื่อว่าลูกชายจะไม่มีวันปฏิเสธเธอแน่นอนดั่งเช่นทุกครั้งที่เป็นมา “อเล็ค” พลันสีหน้าเธอก็เกิดเปลี่ยนไป เมื่ออเล็คหันมามองหน้าเธออย่างตื่นกลัว ก่อนจะถอยหลังหนีไปหนึ่งก้าว...........การเผชิญหน้ากับแม่เวลาที่ไม่พอใจทำให้อเล็ครู้สึกแย่ และดูเหมือนแม่ต้องการเงินนั่นจริงๆ แม้เค้าจะตอบว่าได้หรือไม่ก็ตาม

“จะไม่มีใครเอาเงินของใครไปทั้งนั้นล่ะครับ” พลันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น  ยุติการเดินหน้าเข้าหาลูกชายผู้ตื่นกลัวของแม่รีสลง   หญิงมากอายุที่สุดแต่ทว่าดูแลตัวเองได้ดีหันหลังกลับมาอย่างไม่เชื่อหู  สีหน้าเธอขณะพูดดูเดือดจัด เพราะไม่ชอบใจที่มีใครเข้ามาแทรกบทสนทนาภายในครอบครัวของเธอ  โดยเฉพาะในตอนที่บ้านของเธอกำลังจะถูกยึด

“แม็กนัสเธอว่าอะไรนะ” แมรีสผมสะบัดปลิ้วในขณะที่หันหน้ากลับมาอย่างรวดเร็ว  สีหน้าเธอดูไม่เชื่อหูตัวเอง “นี่มันไม่ใช่เรื่องของเธอ” หญิงแก่พูดเสียงแข็งกร้าว แต่แมรีสก็พยายามเก็บสีหน้าโมโหเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้

แต่แม็กนัสไม่ได้สงบคำตามที่หญิงแก่คาดไว้ “มันเป็นเรื่องของผม  เพราะพวกคุณกำลังบังคับอเล็คทั้งๆ ที่เค้าไม่เต็มใจ” ร่างสูงสะโอดสะองสังเกตเห็นแววตาวาววูบของหญิงที่สบตาเค้าอยู่  แมรีสหันทั้งร่างมาหาประจันหน้ากับเพื่อนสนิทของลูกชาย

“แล้วมันใช่เรื่องของเธอหรือไง” แมรีสว่า เธอรู้ว่าแม็กนัสเป็นคนดัง ไม่ควรพูดไม่ดีออกไปมากนักแต่แมรีสก็ห้ามใจตัวเองไม่ให้แสดงอารมณ์ทางสีหน้าออกมาได้เลย

อเล็คที่ถูกแย่งความสนใจจากแม่ไปก็เอียงใบหน้าไปมองแม็กนัสด้วยแววตาลุกวาวอย่างพรั่นพรึงและเหนือความคาดหมาย........แต่ไหนแต่ไร แม็กนัสสุภาพกับครอบครัวของเค้ามาโดยตลอด  ไม่เคยเลยสักครั้งที่แม็กนัสคิดจะทำให้แม่ของเค้าอารมณ์ขุ่นมัว

 แม็กนัสคิดจะทำอะไรของเค้ากัน.......ร่างบางคิด ในขณะที่ร่างกายที่ยังคงมีรอยจูบของเพื่อนร่างสูงอยู่ สั่นอยู่ภายใต้เสื้อแขนยาวตัวหนานุ่ม  อเล็คไม่อยากเห็นฉากปะทะครารมระหว่างแม็กนัสกับแม่ของเค้าเลย  เรื่องแย่ๆ กำลังจะเกิดขึ้นอีกแล้ว อเล็คประวิง  ร่างน้อยๆ ของเค้าสั่นระริกราวกับลูกแมวที่โดนฝนสาดกระหน่ำ

“ทำไมคุณถึงคิดว่าอเล็คจะต้องรับผิดชอบกับทุกอย่างที่คุณก่อไว้ล่ะ” แม็กนัสยืดตรงจนเต็มความสูง ใบหน้าหล่อเหลาไม่ได้มีแววยำเกรงเลย.......แม็กนัสจะไม่ลืมเหตุผลที่เค้าอุตส่าห์ขับรถมาหลายร้อยไมล์ด้วยความเร็วที่สามารถเข้าไปนอนในคุกได้สบายๆ เพียงเพราะโดนหญิงแกคนนี้ตวาดแน่นอน

และทันทีที่แม็กนัสพูดขึ้นโดยไม่โอนอ่อนเลย แมรีสก็รู้สึกเหมือนโดนตบหน้า..........แม็กนัสพูดเหมือนรู้เรื่องทั้งหมดดีอย่างทะลุปรุโปร่ง  เธอหน้าชาเห่อในตอนที่พูด

“เธอเอาอะไรมาพูด” แมรีสพยายามทำเสียงเย็น  ไม่รู้ไม่เห็นในสิ่งที่แม็กนัสกำลังจะสื่อ

“คุณให้เค้ารับภาระหน้าที่หนักเกินไปรู้บ้างไหมครับ” อเล็คตัวกระตุกในขณะที่แม็กนัสพูดประโยคนี้ออกมา

...............แม็กนัสมาที่นี่เพื่ออะไรกัน? และทำไมเค้าถึงทำเหมือนรู้เรื่องค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวที่อเล็คต้องเป็นคนรับผิดชอบ.............

“ผมไม่คิดว่าเค้าจะเป็นลูกชายที่ควรออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านเพียงเพื่อต้องหาเงินมาจ่ายอะไรต่อมิอะไรที่พวกคุณไม่คิดจะหาเงินจ่ายเองหรอกนะครับ” แม็กนัสพูด  และแมรีสก็เหมือนโดนตบหน้าแรงขึ้นอีก  คำพูดของแม็กนัสทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนสาป

“ธะ เธอพูดเรื่องแบบนี้รู้ใช่ไหม มันหมายความว่าอะไร!?  และอีกอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะมายุ่งเกี่ยวกับเราด้วย  อเล็คเป็นลูกของฉัน  เงินทุกเหรียญที่เค้าหาได้พวกเราเองก็มีสิทธิ์ใช้มันเหมือนกัน!

“เหมือนที่เค้าไม่เคยได้รับอะไรจากพวกคุณเลยน่ะหรือ” แม็กนัสยังคงยืนยัดและมีทีท่าว่าจะไม่ยอมความแมรีสง่ายๆ “ผมเคยคิดว่าอาจมีบางเรื่องที่ผมยังไม่รู้  แต่จริงๆ แล้วพวกคุณก็ไม่เคยปฏิบัติกับอเล็คอย่างที่ครอบครัวควรจะทำ จริงๆ นั่นแหละ”

“เธอก้าวก่ายมากเกินไปแล้วแม็กนัส  ถึงเธอจะเป็นคนดังแต่ก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้” แมรีสชี้หน้าแม็กนัส  รู้สึกเหมือนโดนหยามหน้าอย่างรุนแรง..........ไม่เคยมีใครพูดถึงสิทธิประโยชน์ของอเล็คสักคนหนึ่งหรอก  ไม่มี!

“ผมไม่ได้พูดในฐานะของ แม็กนัส  เบน ที่ใครๆ ต่างก็รู้จัก  แต่ผมมาที่นี่เพื่อตัวของอเล็คเอง....” พอเอ่ยถึงส่วนท้ายของประโยค เสียงแข็งกร้าวของแม็กนัสก็ฟังดูอ่อนยวบลงทันที  ร่างสูงสะโอดสะองเบนสายตาไปมองใบหน้าขาวใสที่บ่งบอกถึงความงุนงงและกดดันได้เป็นอย่างดีของอเล็ค

และพลันสีหน้าของอเล็คก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย  หัวใจดวงน้อยของร่างบางหยุดเต้นและกระตุกไป............แม็กนัสที่มาที่นี่เพื่อเค้าอย่างนั้นหรือ?  ช่วงเวลานั้นอเล็ครู้สึกเหมือนแม็กนัสมาช่วยเค้า  แต่อเล็คไม่ชอบคิดเข้าข้างตัวเองมากนัก

หึ  ถึงเธอจะทำเพื่ออเล็ค แต่มันก็ไม่สำคัญหรอก.....เพราะอเล็คตัดสินใจจะมาที่นี่เพื่อช่วยครอบครัว” หญิงมากอายุหัวเราะอย่างเหนือเชิงกว่า และเอ่ยถึงสายสัมพันธ์ที่แม็กนัสไม่มี เป็นเพราะครอบครัวของร่างสูงนั้นกลับไปอยู่ต่างประเทศนานแล้ว

แต่แม็กนัสโตพอที่จะไม่สนใจ “และผมหวังว่าเค้าจะปฏิเสธ“ พ่อของเค้าคนเดียวรักเค้ามากกว่าที่แมรีสกับโรเบิร์ตรักอเล็ครวมกันซะอีก

แมรีสได้ยินเสียงอเล็คอุทานอยู่ด้านหลังเธอ  ก่อนที่แม็กนัสจะเดินเข้ามา ผ่านแม็กซ์  มองหน้าเธอราวกับผิดหวังเป็นอย่างมาก  และจับมืออเล็ค

“เค้าจะไม่จ่ายให้คุณ” แม็กนัสว่า ขณะอเล็คที่ทำหน้าตาตื่นตกใจแบบสุดขั้วมองข้อมือที่ถูกจับของตัวเองและแม่กับแม็กนัสไปด้วย

แมรีสเดือดจัดแล้วจริงๆ เธอไม่เคยเจอคนนิสัยก้าวร้าวแบบนี้มาก่อนเลย “ปล่อยลูกฉันเดี๋ยวนี้นะ!

“ผมไม่ปล่อย” แม็กนัสเอ่ยเสียงฟังดูหงุดหงิด ก่อนที่จะดึงอเล็คเข้ามาหาตัวเค้า  ร่างบางเซถลามาซบอกของแม็กนัสและโดนกอดไว้  คนโดนกอดทำหน้าตาตื่นแต่ก็คงน้อยกว่าแม่ของตัวเองในเวลานี้

แมรีสมองดูการกระทำนั้นของชายหนุ่มร่างสูงผิวสีแทนสะโอดสะอง และรู้สึกว่าสมองตัวเองกำลังจะเต้นได้  หญิงแก่เม้มปากอย่างไม่ชอบใจและเอ่ยออกมาอย่างคุกคาม “ปล่อยเค้าแม็กนัส แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน

อเล็คพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของเพื่อนร่างสูง กระทั้งบิดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุมก็ทำไม่ได้  และนั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำทำให้อเล็คหวนนึกถึงคืนนั้นอีกด้วย  ร่างบางตัวสั่นเทาเล็กน้อยขณะพยายามไม่ทำให้แม่โกรธไปมากกว่านี้ “แม็กนัส ปล่อยฉันเถอะ...อึก”

แต่แม็กนัสไม่ฟัง  ร่างสูงสะโอดสะองเอียงหน้าเข้าไปเอ่ยอย่างชัดเจนกับแมรีส “คุณจะไม่ได้อะไรจากอเล็คอีกแล้ว” เค้ากล่าวอย่างมั่นใจ  แต่แล้วเสียงล้อยางบดกับถนนหินกรวดก็ดังขึ้นเรียกความสนใจใหม่ของทุกคนไปที่ทางเข้าบ้าน

รถเบนซ์สีดำคันหรูจอดอยู่ข้าง  Agera ของแม็กนัส  แต่ดูไม่เข้ากันเสียเท่าไร  รถคันที่เพิ่งมาใหม่ดูหมดราศีไปเลยเมื่อเทียบกับรถราคาหลายล้านของร่างสูง  มีชายใส่สูทสองคนลงมาจากรถ  หัวล้านและสวมแว่นตา ดูท่าทางไม่เคยรู้จักคำว่าออกกำลังกายเลยเดินหน้าเข้ามา  แมรีสเป็นคนแรกที่รู้และลอบกลืนน้ำลายลงคอไป  สีหน้าเธอเปลี่ยนไปเป็นประหวั่นประวิงเล็กน้อย  แล้วปั้นหน้ายิ้มให้แก่ชายสองคนจากธนาคาร

มีคนหนึ่งถือกระเป๋าเอกสารการจำนองบ้านของแมรีสมาด้วย

“เอ่อ  สวัสดีค่ะ  ยินดีที่คุณมาค่ะ เชิญนั่งข้าง.....”

“คงไม่ต้องเป็นการรบกวนหรอกครับคุณนายไลต์วู้ด เราจะไม่อยู่นานนัก” ชายอ้วนหัวล้านใสใส่แว่นอันจิ๋ว ที่ไม่ได้ถือกระเป๋าเอกสารพูด สีหน้าเค้าดูไร้อารมณ์ตลอด กระทั่งดูเหมือนจะไร้ความปราณีทางด้านการเงินไปด้วยเลย

..............ถึงเวลาที่ต้องจ่ายเงินแล้ว..........

แมรีสหันมาทำหน้าเป็นผู้ชนะใส่แม็กนัสที่มีอเล็คยืนพิงอกอยู่  หญิงแก่เห็นใบหน้าพรั่นพรึงที่ยังไม่พร้อมของลูกชายคนโต  ริมฝีปากบางนั้นที่ดูน่าทะนุถนอมกว่าอิซาเบลเม้มเข้าหากันเพื่อซ่อนอาการสั่นระริก

เธอชนะ! และคำพูดที่ดูจะปกป้องของแม็กนัสก็ไม่สามรถช่วยอะไรเล็คได้เลย และมันก็เอาชนะเธอไม่ได้!

ชายคนที่สองเปิดกระเป๋าเอกสารออก ด้านในเป็นเอกสารที่พร้อมเซ็น  และชายคนที่สองก็ถือปากกาหมึกซึมอย่างดีที่นายธนาคารชอบใช้กันกับลูกค้าคนสำคัญ “คุณ แม็กนัส   เบน เชิญเซ็นด้วยครับ”

ชายหน้าไร้อารมณ์พูดขึ้น หลังจากเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม  และแมรีสก็อ้าปากค้าง

“อะไรนะคะ?!” เธอทวนคำ คาดว่าตัวเองคงฟังผิดไป  และนายธนาคารคนนั้นก็หันมาตอบหน้าตายกับเธอราวกับไม่มีอารมณ์สนุกด้วย “คุณควรดีใจที่คุณแม็กนัสจ่ายหนี้ที่คุณติดอยู่กับธนาคารไว้ทั้งหมดแทนประชากรที่รายได้ด้อยต้อยต่ำอย่างคุณ....” ชายอ้วนปั้นยิ้มหลอกๆ รู้สึกรำคาญแมรีสอยู่ไม่น้อย “.....นะครับคุณนายไลต์วู้ด”

และก็เป็นเวลาเดียวกันที่แม็กนัสจรดปากกาเซ็นเอกสารนั้นเสร็จพอดี..........เค้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้วจากการให้คนไปสืบมานิดๆ หน่อยๆ ร่างสูงก็พอจะรู้ว่าครอบครัวของอเล็คสร้างหนี้สินไว้มากมายแค่ไหน  และเค้าทนไม่ได้ที่จะเห็นอเล็คต้องมารับกรรมทุกอย่าง ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย  ทั้งๆ ที่ทำงานลำบากแทบตายขนาดนั้นเพื่อครอบครัวกับตัวเองแท้ๆ แต่ทำไมคนที่อ้างตัวว่าเป็นครอบครัวจะต้องทำแบบนี้กับเพื่อนตัวน้อยของเค้าด้วย

ดังนั้น  เมื่อความเห็นใจของเค้าเอ่อล้นออกมา พร้อมกับที่ความอดทนก็ขาดผึ่งออกจากกันอย่างเหลืออด  แม็กนัสจึงขอรับผิดชอบทั้งหมดนั้นไว้ด้วยตัวเองแทน

...................ซึ่งมันเทียบไม่ได้กับรายได้มหาศาลที่เค้าได้รับในทุกๆ วันเลยด้วยซ้ำ............

“นี่มันหมายความว่ายังไงกัน” แมรีสอ้าปากค้าง ผายมืออย่างไม่เข้าใจ  ในใจเธอแทบอยากจะกู่ร้องพร้อมเต้นไปด้วย  แต่ความไม่เข้าใจของหญิงแก่นั้นมีมากกว่าหลายเท่านัก

แต่ยังไม่มีใครสนใจเธอ  นายธนาคารทั้งสองยิ้มแย้ม  จับมือกับแม็กนัส  ขอบคุณที่ร่างสูงจ่ายเงินทั้งหมดด้วยเช็คจำนวนหนึ่งที่ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็สามารถทำแบบนี้ได้ แล้วลากลับไปในที่สุดเมื่อหมดธุระแล้ว

..................บ้านหลังนี้ยังคงเป็นของตระกลูไลต์วู้ดต่อไป.............

ด้วยปลายปากกาและสมุดเช็คของแม็กนัส   เบน

แม็กซ์ลืมไปนานแล้วว่านัดกับเบ็ตตี้ไว้  เด็กชายมองตามรถของคนจากธนาคารขับออกไปจากบ้านจนลับสายตา  แต่แม่ของเค้านี่สิหนักกว่า  แมรีสทำหน้าเหมือนเพิ่งมีคนกระชากสร้อยของเธอไป แต่ความรู้สึกของเธออยู่ในแง่ดี 

อเล็คมองหน้าแม็กนัสโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ.........ทำไมแม็กนัสถึงรู้เรื่องนี้ได้ล่ะ? ที่มาที่นี่ก็เพราะเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ   และกล่าวก็กล่าวเถอะ แม็กนัสไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนี้เลยด้วยซ้ำ

แต่ร่างสูงสะโอดสะองกลับไม่สนใจสิ่งแวดล้อมที่โดนสาปและเพ่งความฉงนมาทางเค้าเลย  แมรีสเริ่มได้สติแล้วและหันมาหาแม็กนัสที่ทำหน้าไม่ยินดียินร้าย แต่ในใจร่างสูงนั้นอยากยกยิ้มออกมาเยี่ยงผู้ที่เหนือความคาดหมายมากกว่าและกุมชัยชนะไว้ เป็นอย่างยิ่ง

“เธอ....”

“ผมไม่ได้ทำเพื่อคุณ” เค้าพูดขัด มีสีหน้าจริงจัง “ไม่ได้ทำเพื่อใครทั้งนั้น” และเค้าก็หันมาจับมือของอเล็คอีกครั้ง  แต่คราวนี้ไม่ได้บีบจนแน่นแต่สัมผัสอ่อนโยนอย่างยิ่ง  ร่างสูงสบตาเพื่อนตัวน้อยที่ทำหน้าไม่เข้าใจ ด้วยสายตาที่จริงแท้

“แต่ผมทำเพื่ออเล็ค


.


.


.


TBC.


---------------------------------------------------------------------------------------------


อิตาเบนนนนนน! >///< อร๊ายยยยยยยยยยย! พระเอกเชอะ!! >{}<  เพิ่งรู้สึกว่าแกมีคุณสมบัติความเป็นพระเอกครั้งแรกเลยนะเนี่ยยยยยย ><

เปรี๊ยงงงงง! //สายฟ้าสีฟ้าผ่าลงกลางหัว//

ก็มันจริงไหมอ่าาา >{}<!?  จริงไหมคะรีด??  เนี่ยยยย ไรท์เพิ่งจะอุทานคำว่าพระเอกเป็นครั้งแรกตั้งแต่อ่านทวนในเรื่องนี้มาเลยล่ะค่ะ  “แต่ผมทำเพื่ออเล็ค” โอ๊ยยยยยย อิตาเบนนน เอาไปหนึ่งไลท์เลย 5555555  //แม็กนัส : นี่เธอเห็นค่าฉันแค่นั้นเองใช่ไหม -_-“ //

เอื่อ 5555555 //สะใจ// แม่อเล็คเหวอเลยค่ะ 5555  Part จะเป็นยังต่อแม็กนัสผู้มาใหม่อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเชิญมานั้นจะทำอะไรต่อก็ติดตามกันต่อได้ใน Part หน้าเลยนะคะ ><

ไรท์จะกลับมาใหม่เมื่อชาติต้องการค่ะ 5555 //โดนถีบ// ถ้าหากหายไปนานก็ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงด้วนนะค่าาา M_ _M  ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ  รักรีดทุกท่านนะคะ ><   อูยยยยย อย่าลืมคอมเม้นท์กันด้วยนะเออ

ด้วยรักและแรงหื่น

Ray -  Aund


ไม่มีความคิดเห็น: