โอ้พระเจ้าาาา! กว่าจิมาได้-------
ฮาาาาาา แบบว่ามันเป็น Part สุดท้ายแท้ๆ แต่ว่าก็ดันสะดุดเสียนี่
ต้องโทษจริงๆ นะคะที่ไรท์มาลงช้าไปหน่อย M_ _M เป็นเพราะภารกิจที่อยู่ๆ
ก็มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยค่ะ
แต่วันเสาร์อาทิตย์นี่แม่เราก็จะไม่อยู่ใช้นี่นา ฮิ ...........เฮ้ยยย
ใครบอก แกต้องไปซ้อมวันสถาปนาหนิ -..- โอยยย ม่ายยยยย ไม่อยากปายยยยยยย
และอิคนบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ค่ะ ไม่รู้ว่าสติดีหรือเปล่า มาพูดจาแปลกๆ กับไรท์แล้วก็ทำตาประหลาดค่ะ....ขนลุกมากกกกกกก อิเด็กข้างบ้านยังน่าฉุดกว่าหนูเลย ไปหามันเถอะไป บรื้ออออออ พอ ไม่ต้องพูดถึงมันแล้ว!
//เวิ่นไรเนี่ยยย//
ขออภัยค่ะ สติหลุด..........วันนี้ไรท์มาต่อแล้วนะคะ^^ หวังว่าฉากต่อไปนี้ รีดๆ
จะชอบกันนะคะ
เอาล่ะค่ะ
ไปอ่านกันเล้ยยยยยยย >3<
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
“อ๊ะ! อ้าา....ฮึก..อึก...อ่าๆๆๆ”
“อื้ออ...ฮึ...อ๊าา...อ้า..อ่า..อาๆๆ”
“อะ อ๊า....แรงอีกสิ....ฮืออ....อ๊าาา! อา...อ่าา....า”
“อ่า...โทนี่...โอ้...อะ
อื้อ..คุณจะไม่ไหวนะ....อืออ อ๊าาา”
สตีฟคำรามลอดไรฟัน
หลังจากที่เอ่ยเตือนอีกคนหนึ่งด้วยเสียงอัดอั้นแบบเดียวกันนี้ เพราะไม่อยากให้โทนี่ต้องเจ็บตัวมากไป
.............ซึ่งจนกระทั่งตอนนี้พวกเค้าสองคนก็ยังคงไม่ยอมหยุดสวนกายและดื่มด่ำกันและกันเลย
หลังจากที่เจ้าของเรือนผมสีเข้มตัดสินใจไม่หลับไม่นอน
แล้วโดนแอลกอฮอล์เข้าครอบงำในที่สุด โทนี่เป็นฝ่ายเริ่มจูบก่อนในขณะที่สตีฟผู้ควรห้ามปรามตนเองอย่างที่ควรจะเป็น
จะจูบตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
สตีฟไม่ได้โอนอ่อนต่อรสจูบคละคลุ้งแอลกอฮอล์นั้นแต่อย่างใด แต่ว่ากำลังตอบรับความต้องการของอีกคนหนึ่งอยู่ต่างหาก..........ไม่ มันไม่เหมือนกันหรอกนะ เพราะว่าเค้าเองก็เต็มใจ ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างเอาความเมามายของโทนี่เป็นข้ออ้างเพื่อที่จะสัมผัสกันและกัน
และปรากฏว่าพวกเค้าก็ไม่สามรถหยุดกิจกรรมนั้นไว้เพียงชั่วครู่ได้เลย
สำหรับหนึ่งคนที่ต้องการค้นหาและอีกคนหนึ่งซึ่งต้องการได้รับความเห็นใจ
ไม่มีใครที่โทนี่จะไว้ใจให้ล่วงรู้ความลับเท่าสตีฟอีกแล้ว........ไม่มี แม้แต่ตัวเค้าเองก็นึกไม่ถึง
ทั้งสองกอดรัดและถอดเสื้อผ้าให้กันอย่างเร่าร้อน ซึ่งมันพอๆ
กับจูบที่ลิดรอนเอาลมหายใจของคนทั้งคู่ไปอย่างไม่ปราณี ราวกับหิวกระหายน้ำจากทะเลทรายที่ร้อนระอุ สตีฟจูบพรมไปทั่วกายของโทนี่
เช่นเดียวกันกับที่อีกคนหนึ่งก็ต้องการให้ทำเช่นนั้นด้วยเช่นกัน และปลุกปั่นไปมาอย่างไม่รู้จักพอ
โทนี่เกี่ยวต้นคอชื่นเหงื่อของร่างด้านบนที่เอ่ยเตือนลงมาเกี่ยวกระหวัดแลกลิ้นกันอีกครั้ง
เพราะไม่แคร์ว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร
ได้ทำแบบนี้แล้วทั้งทีถึงแม้ว่ากำแพงจะส่งเสียงดังจนเพื่อนๆ
ที่นอนกันอยู่ด้านนอกจะตื่นกันก็ช่างปะไร
โทนี่ไม่สน
สนแต่เพียงว่าหากนี่เป็นฝันก็ขออย่าให้ตื่นเลย
เสียงยามเมื่อดึงปากออกจากกันนั้นดังเป็นอย่างมาก
“ฉันไม่สน...อึก อ้า...ฉันรู้ว่านายเองก็...อ๊า..า...หยะ
หยุดไม่ได้....อื้อ อ่าๆๆ...อา เอาสิ
อ่า กระแทกอีก...อ๊าา!” โทนี่เริดหน้าขึ้น
“เอาอย่างที่นายอยากทำเลย” เค้าพูด
ก่อนที่จะต้องออกแรงกอดคอที่เพิ่งเกี่ยวลงมาไว้อย่างแน่นหนา เมื่อสตีฟทำเช่นนั้นจริงๆ
สะโพกแกร่งขยับสวนเข้าไปทั้งลึกและแรงขึ้นมากกว่าเป็นเท่าตัว
แกนกายของกัปตันอเมริกากดสอดเข้าไปอย่างรวดเร็วจนทำให้ชายที่กอดเค้าไว้เกือบจะต้องร้องไห้เลยทีเดียว
“อ๊ะ อ๊าา...อิ้ออ...ฮ่าา”
ไม่เพียงแต่โดนกอดไว้เท่านั้น
แผ่นหลังขาวเนียนอุดมเต็มไปด้วยมัดกล้ามของสตีฟยังโดนจิกข่วนเสียเป็นรอยเต็มไปหมดด้วย โทนี่กอดเค้าและก่ายเค้าด้วยขาทั้งสองข้างที่เริ่มจะสั่นระริกซึ่งทัดทานความแข็งแรงของเค้าไม่ไหว เสียงเตียงที่กระทบกับกำแพงซีเมนต์แข็งแรงเป็นผลมาจากแรงโยกของเค้านี่เอง
และมีอยู่หลายครั้งที่สตีฟนึกเป็นห่วงคนที่เค้าได้ทำการกระแทกใส่อย่างไม่ยั้งมืออย่างที่เจ้าตัวว่า แต่ถึงแม้แรงอารมณ์จะปลุกเร้าเค้ามากเพียงใดแต่ก็จะยอมเบามือให้หน่อยก็แล้วกัน
สตีฟเคลื่อนปากลงไปดูดเลียยอดอกสีฉ่ำที่ชูชันยั่วใจเค้าอยู่อย่างค่อนข้างจะหนักไปเสียหน่อย
โทนี่ชักสีหน้าแต่ก็กัดปากเก็บเสียงนั้นไว้ ต้องยอมรับว่าสตีฟแรงเยอะมากจริงๆ
และกระทำการหนักหน่วงไปเสียทุกอย่างด้วย
ทั่วลำตัวของชายผู้มีธุรกิจเป็นมูลค่าหลายล้านต่างเต็มไปด้วยรอยช้ำที่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เกิดของกัปตันอเมริกา
“อึก อ้าา...ฮึก...อ๊า...อ้าา...อ๊ะ
อ่า อะ อาๆๆ” โทนี่ สตาร์ก
ถูกกระแทกย้ำไปยังจุดที่ทำให้เค้ากระชับเกร็งมากที่สุดและกำลังจะกดตัวเบียดกายกับอีกคนหนึ่งให้ได้มากที่สุดราวกับสัตว์เลี้ยงขาดความอบอุ่น ซึ่งร้องครางออกไปอย่างไม่ได้ศัพท์
ความร้อนระอุราวกับเตาหลอมของความใหญ่โตที่เคลื่อนกายเข้าออกพร้อมกับส่งเสียงของความชื่นแฉะออกมาด้วย
เสียงนั้นปะปนกับเสียงครวญครางที่ออกมาจากปากของพวกเค้าทั้งสองอย่างแทบที่จะไม่สามารถแยกออกจากกันได้เลย
ความร้อนวาบที่ใหญ่เกินกว่าใครนั้นทำให้โทนี่รู้สึกสั่นกระตุกที่ท้องน้อย
และพยายามขยับสะโพกสวนกลับคืนไปด้วย
และจนกระทั่ง
เจ้าของเรือนกายที่สาวๆ
ทุกคนต่างใฝ่ฝันที่จะถูกปกป้องและกอดไว้เป็นเจ้าของก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่กำลังจะถูกปลดปล่อย
สตีฟใช้มือข้างหนึ่งจับต้นขาของโทนี่ที่หนีบไว้อยู่ข้างตัวเค้าให้ถ่างออกและใช้โอกาสนี้สวนกายเข้าไปให้ได้ลึกที่สุดและแนบชิดมากยิ่งขึ้น
โทนี่แอ่นตัวขึ้น
เพราะร่างกายโดนปั่นป่วนอย่างหนัก
มือสองข้างที่เคยกอดลำคอแกร่งไว้
บัดนี้ละออกมาขย่ำผ้าปูเตียงด้านหลังของตนเองจนยับยู่ยี่รื้อหลุดออกมาจากมุมเตียงเสียแล้ว พร้อมทั้งบิดเร้าไปมาอย่างเสียวซ่าน.........โทนี่อยากให้สตีฟเข้ามาข้างใน แล้วหลั่งเข้ามาให้เยอะสุดๆ ไปเลย
“สตีฟ...อ๊าา..า”
ร่างด้านใต้ส่งเสียง ราวกับว่าอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา
แต่ทว่าสถานการณ์การขยับกายตอนนี้กลับทำให้เค้าพูดได้อย่างยากลำบากยิ่งนัก
“อือ อ่าา..โท อึก โทนี่...ฮ่ะ”
สตีฟขานรับเคล้าเสียงไม่ได้ศัพท์ไปด้วย
กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรงหดเกร็งเป็นรูปเป็นร่างและดูแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งในตอนที่เค้ากำลังจะถึงฝั่งซึ่งแหวกว่ายด้วยความเร่าร้อนมาเป็นเวลานานแล้ว
โทนี่เสียวซ่านและรู้สึกจุกไปด้วยในเวลาเดียวกัน
เมื่อแรงที่สตีฟส่งมาให้นั้นเกินความคาดหมายเป็นอย่างมาก
ตัวของเค้าบิดเร้าสั่นคลอนไปมาแม้จะพยายามฝืนตัวไว้แล้วก็ตาม “ฉันจะ...อ๊า! ฉันกำลังจะ...อึก”
โทนี่ว่าเสียงกระเส่า ฟังดูไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม
ดังนั้น
สตีฟจึงเลื่อนมือที่ว่างอยู่ไปที่แกนกายของคนด้านล่างก่อนจะจัดการส่งโทนี่ไปก่อนโดยไม่เห็นแก่ตัว
มือแกร่งที่โอบอุ้มได้มิดขยับสาวอย่างรวดเร็วเท่าที่เค้าเห็นสมควร
พร้อมทั้งสะโพกแกร่งก็ไม่ยอมหยุดทำหน้าที่ที่ดีของตัวเองไปด้วย
“อ๊ะ อ่า...อ๊า!”
กัปตันโรเจอร์ขยับอุ้งมือนั้นยังไม่ทันได้นานเท่าไร คนที่โดนกระทำการอย่างถึงใจก็ปลดปล่อยออกมาเต็มฝ่ามือและหน้าท้องของเค้าทั้งสองเสียแล้ว
และแทบจะในเวลาเดียวกันแต่ล่าช้ากว่าเพียงเล็กน้อยที่กัปตันอเมริกาจะกระแทกย้ำเข้าไปเป็นครั้งสุดท้ายและฉีดพุ่งสิ่งเดียวกันนั้นเข้าไปในตัวของคนที่ขมิบตอดรัดเค้าอยู่ตลอดเวลา
“อึก อ๊าา!...ฮ้า ฮา”
ร่างสูงขบกรามแน่นแต่ก็ยังหลุดรอดเสียงครางออกมาดังมากอยู่ดี
สตีฟหลั่งเข้าไปจนหมดและค่ำยันแขนกำยำทั้งสองข้างไว้กับเตียงหอบหายใจ ใบหน้าของเค้าเหมือนเพิ่งผ่านศึกหนักที่สุดมาและโทนี่ก็เช่นกันการไม่ได้นอนมาเจ็ดสิบสองชั่วโมงดูจะเล็กน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับการได้ร่วมรักกับสตีฟ
หลังจากการหลั่งไหลของชายหนุ่มทั้งสองแล้ว
ก็ไม่มีใครมีโอกาสได้พูดอะไรอีกเลย
เหตุเพราะความเหนื่อยล้าที่พุ่งตรงเข้ามาหาพวกเค้าแล้วหลับไปพร้อมกันในที่สุด
จนกระทั่งรุ่งเช้าในตอนที่สมาชิกคนอื่นๆ
ยังคงไม่ตื่นจากอาการเมาแอ๋ สตีฟไม่ได้ตั้งใจจะปลุกให้โทนี่ตื่น
แต่เค้าต้องใส่เสื้อผ้าและใช้ห้องน้ำซึ่งเจ้าของห้องก็ดูเหมือนจะหูไวเป็นพิเศษ
“โทนี่แค่เมา”
เค้าทั้งสองเห็นตรงกันว่าเป็นเช่นนั้น
ถึงแม้สตีฟจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเค้าเองก็มีสิทธิ์ที่จะสามารถไม่ทำให้มันเกิดขึ้นได้
แต่เค้าก็ไม่ได้ทำเช่นนั้นเลย
และทั้งเค้าและโทนี่ก็ไมได้เอ่ยถึงเหตุการณ์เมื่อคืนมากนัก เพียงแค่แต่งตัวแล้วแยกย้ายกัน สตีฟจำต้องเดินออกมาคนเดียวเพราะโทนี่ไม่สามารถเดินออกมาได้
ร่างสูงจึงยืนกรานเล็กน้อยก่อนเดินออกมาว่าโทนี่ควรพัก
ก่อนจะออกไปจากสตาร์กทาวเวอร์ไปเป็นคนแรกของเช้าวันนั้น
******************************************************************************
ปัจจุบัน...........
“อัลตรอนคือความผิดพลาดของคุณโทนี่.....”
เสียงกรีดร้องและคร่ำครวญดังระงมไปทั่วเมืองแห่งหนึ่งที่กำลังจะสร้างจุดเปลี่ยนให้กับโลกใบนี้ไปตลอดกาล
เมืองทั้งเมืองกำลังจะถูกยกขึ้นแล้วทิ้งตัวลงหม่งโลก
เพื่อลำลายล้างชีวิตทุกชีวิตที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ให้จบสิ้นไป.........มนุษยชาติจะต้องถึงจุดจบ
นี่คืออุดมการณ์และความต้องการของ
อัลตรอน หรือสิ่งที่ โทนี่ สตาร์ก
ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เกิดขึ้นมา ใช่ อย่างน้อยอัลตรอนก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่เค้าคิดไว้
..............มันไม่ใช่ความผิดของโทนี่หรอกนะ ไม่ใช่เลย..............
แต่คุณก็รู้อยู่ว่าโทนี่.......เค้าดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนในเรื่องที่อัลตรอนเที่ยวตะลอนไปทั่วเสียด้วยซ้ำ แต่ที่เค้าและทุกคนจะต้องให้ความสำคัญมากที่สุดตอนนี้ก็คือ อัลตรอนกำลังจะทำลายโลก
“พวกคุณช่วยส่งข่าวให้คนอื่นๆ
อพยพออกไปจากเมืองให้เร็วที่สุด”
กัปตันอเมริกาแจกจ่ายงานและเค้ารู้ทุกวินาทีมีค่า
พวกเค้าจะช้าไม่ได้เด็ดขาด
อัลตรอนจะไม่มีทางได้ทำอย่างที่ตัวเองคิดแน่นอน......ไม่มีทาง
แวนด้าและเปโตร
สองพี่น้องแม็กซิมอฟที่เพิ่งตาสว่าง พยักหน้ารับเมื่อได้รับหน้าที่ๆ
ถูกมอบหมายให้ ก่อนจะรีบไปช่วยชาวเมืองที่เค้าทั้งคู่เติบโตมาด้วยกัน
แวนด้าใช้พลังจิตสะกดทุกคนให้เดินออกไปจากเมืองไป
และเปโตรก็ใช้ความเร็วเหนือแสงอันเหลือเชื่อของเค้าอพยพคนที่เหลือ สองพี่น้องทำได้ดี แต่โลกยังคงต้องฝากความหวังไว้กับทีม Avengers เพราะอัลตรอนจะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะได้สิ่งที่เค้าต้องการ........
..............ทำลายล้างโลกนี้
ตั้งตัวเองเป็นพระเจ้าที่ไม่มีวันได้รับการบูชา...........
แบล็ควิโดว์พยายามเต็มที่ ฮัคพยายามเต็มที่ ฮอว์คอายพยายามเต็มที่ ธอร์พยายามเต็มที่ กัปตันอเมริกาพยายามเต็มที่ และไอรอนแมนก็พยายามเต็มที่..........ทุกคนพยายามเต็มที่แล้ว
และได้ชัยชนะมาในที่สุด
หลังจากที่ทำลายเมืองลอยฟ้า
และจัดการอัลตรอนได้ในที่สุด
ชาวเมืองที่ได้รับการอพยพทุกคนก็ปลอดภัย
ทั้งที่หนีออกไปก่อนที่พื้นที่จะยกตัวได้ทันและที่ได้รับความช่วยเหลือจากฟิวรี่ซึ่งนำยานเก่าของชิลด์มาช่วยเคลื่อนย้ายคนที่ยังคงตกค้างออกจากเมืองลอยฟ้าออกไปได้จนหมด
แต่ทว่าเหล่ากลุ่มคนที่ให้ความช่วยเหลืออย่างสุดกำลังก็ได้รับความสูญเสียเช่นกัน เปโตร
แม็กซิมอฟ หรือ ควิกซิลเวอร์
ถูกยิงเข้าหลายนัดที่ลำตัว ไม่เว้นแม้แต่ช่วงขา
จากการที่ชายหนุ่มเข้าไปช่วยฮอว์คอายและเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังถูกอัลตรอนรัวกระสุนใส่.......เค้าเป็นวีรบุรุษจนกระทั่งวาระสุดท้าย
และเค้าก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าการช่วยเหลือคนที่ไม่ใคร่จะถูกหน้ากันนักในครั้งแรกที่พบเจอนั้นไม่ใช่ปัญหาที่ยากเกินการตัดสินใจเลย
ฮอว์คอายแบกเค้าขึ้นยานอพยพพลเรือนลำสุดท้ายมาด้วย
ในตอนที่เมืองลอยฟ้ากำลังจะถูกระเบิด
และศูนย์ฝึก Avengers ใหม่ก็ถูกสร้างขึ้นจากความต้องการของฟิวรี่ พวกเค้าจะต้องมีคนช่วย เมื่อยามที่โลกมีภัยอีก Avengers ตัวจริงจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากนัก ใช่ นั่นเป็นอารมณ์ขันเล็กๆ ของฟิวรี่
จบงานช้างที่มีผลร้ายแรงต่อโลกไปอีกงานหนึ่งแล้วหลังจากที่พวกเค้าได้รวมทีมกัน และหลายคนก็มีที่ฐานเป็นของตนเอง ธอร์ต้องกลับไปแอสการ์ดเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่จะต้องกลับบ้านของตัวเองไปพักผ่อน
โลกปลอดภัยอีกครั้งจากการช่วยเหลือของพวกเค้า และจะเป็นเช่นนั้นต่อไป ตราบใดที่ยังคงมีทีม Avengers……….
วันนี้โลกปลอดภัยแล้ว
.
.
---------------------------------------------------------------------------
------------------------------------
-----------------------------------
---------------------------------------------------------------------------
.
.
ผมอยู่ด้วยในตอนที่สะพานไบพรอสทอดลงมารับธอร์กลับไปแอสการ์ด โทนี่บอกเค้าว่า “ก็อยู่นี่สิ” ในตอนที่โอรสคนโตของเทพโอดินบอกว่าเค้าไม่อยากกลับไปเลย ผมยอมรับว่าไม่ได้มีท่าทีหรือคิดอะไรหรอกนะ
แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าผมได้บีบบังคับให้ตัวเองเดินต่อไปอย่างปรกติจนตัวเองยังนึกแปลกใจไปมากแค่ไหน
ไม่
ไม่มีใครพูดถึงคืนนั้นอีกเลยระหว่างเราสองคน ทุกครั้งที่พวกเราต้องรวมทีมออกไปจัดการเรื่องวุ่นวายที่ตามมากับโลกิน้องชายสุดที่รักของธอร์
โทนี่ทำเหมือนราวกับว่าผมนอนให้เค้ายืมแขนหนุนเพียงเท่านั้น ถ้าพูดถึงคืนนั้น.....เอ่อ ผมไม่รู้
ผมไม่รู้ว่าเค้าจะคิดอย่างไรในตอนที่ผมตัดสินใจจูบตอบเค้าไป และผมรู้ว่าผมไม่ควร แต่ผมก็เผลอใจตัวเองไปแล้ว..........ตอนนั้นผมต้องการเค้า
ธอร์ไปแล้ว และเหลือแต่ผมกับโทนี่
ไม่บ่อยครั้งนักที่เราสองคนจะได้มีเวลาอยู่กันตามลำพังโดยที่ไม่มีใครคอยสอดส่อง
“ไปด้วยกันไหม”
โทนี่เอ่ยกับผมในที่สุดด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายอย่างคงเดิม
“ไม่ล่ะ” ผมยักไหล่บอกปัดไป
บางทีการที่เค้าไม่พูดถึงมันอาจจะเป็นเพราะเค้าหอยากจะลืมมันไปก็ได้ ดังนั้น
ผมจึงไม่ควรป้วนเปี้ยนมาให้เค้าเห็นหน้าบ่อยนัก
ผมควรไป.........
“ฟังนะ ฉันไม่ได้ลืมคืนนั้นหรอก แต่ถ้านายอยากจะลืมมันก็ตามสบายเลย”
ผมหันหน้าไปมองเค้าอย่างทันควัน เมื่อจู่ๆ
โทนี่ล่วงแว่นกันแดดออกมาจากเสื้อนอก พูดขึ้นแล้วโบกไม้โบกมือไปมา.......อะไร เค้าหมายความว่ายังไงกัน?
“ห๊ะ คุณว่าอะไรนะ?” ผมถามย้ำ แต่โทนี่ทำหน้าประชดประชันใส่ผมน้อยๆ
“โอ้ ช่างมันเถอะ ถ้านายลืมมันก็แสดงว่าไม่อยากพูดถึงมันแล้ว”
“เฮ้ ผมต่างหากที่ต้องคิดอย่างนั้น เพราะคุณนั่นแหละที่ทำตัวสบายๆ
เหมือนกับว่าลืมคืนนั้นไปแล้ว
จะให้ผมทำยังไงล่ะ
เดินเข้าไปในวงแล้วทักคุณว่า โอ้ ไงโทนี่
เมื่อคืนคุณหลับสบายดีไหมหลังจากที่เราเพิ่งจะนอนด้วยกันน่ะ? อย่างงั้นเหรอ? คุณควรให้ผมพูดอย่างนั้นเหรอ?” ผมว่า ดูเหมือนคนโมโหประสาทแตกแต่น้ำเสียงและคำพูดของผมฟังดูไม่หนักหนาขนาดนั้น ผมแค่รู้แล้วว่าเค้าจำได้
ไม่คิดจะลืมมันแต่ก็เงียบเฉยเพราะเค้าไม่เคยพูดถึงมันเลย จนกระทั่งตอนนี้.........
แต่พอมาคิดดูแล้วในตอนที่โทนี่เงียบใส่ผมเพราะความรู้สึกอะไรก็ไม่ทราบได้......เค้าเองก็มีสิทธิ์ที่จะไม่พูดถึงมันนี่
เนื่องจากที่ผ่านมาพวกเราทุกคนก็ต่างอุทิศตัวต่อภารกิจอย่างเอาเป็นเอาตายและเค้าเองก็มีเรื่องซับซ้อนกว่าคนอื่นต้องให้คิดมากเสียด้วย อา นี่ผมทำบ้าอะไรอยู่
ปล่อยให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผลตั้งแต่เมื่อไรกัน
ดังนั้น ผมจึงสูดหายใจเข้าไปเล็กน้อยแล้วขยับตัวเข้าไปหาโทนี่
“เอ่อ...โทนี่ผมขอโทษ ผมไม่ควรพูดออกไปแบบนั้น
ไม่ควรอารมณ์เสียใส่คุณ
และผมขอโทษในเรื่อง....คืนนั้น”
ผมพูดฟังดูไม่ได้ตระเตรียมคำพูดมาดีนัก
แต่นั่นเป็นเพราะผมไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยต่างหากล่ะ ให้ตาย
ถ้าโทนี่ยังมีอารมณ์ขันอยู่หน่อย
เค้าคงจะหัวเราะเยาะคำพูดของผมไปแล้ว
แต่ถ้ามองในแง่ดีแล้วก็ยังดีกว่าการที่เค้าไม่พูดอะไรเลยแบบนี้
ผมทำท่าจะหยิบเอาแว่นกันแดดออกมาบ้าง
เพราะบางทีภายในสถานการณ์ที่เริ่มจะน่าอึดอัดนี้ ผมควรออกไป แต่โทนี่กลับพูดขัด ผมได้ยินเสียงเค้าเอ่ยโต้ตอบผมในที่สุด
“ไม่ ไม่ใช่นายหรอกที่ต้องขอโทษ อันที่จริงเป็นฉันเองต่างหาก....”
โทนี่ทำหน้าตาราวกับจะบอกให้ผมลืมๆ มันไปซะ ประกอบกับโบกไม้โบกมือน้อยๆ แต่นั่นกลับทำให้ผมฉุนจัด การโบกมือของเค้าที่ทำราวกับว่าเรื่องต่างๆ
เป็นเรื่องเล็กน้อยและให้คนอื่นเลิกใส่ใจถึงปัญหาของเค้าไปนั้นมันทำให้ผมหงุดหงิด
“เลิกโทษตัวเองได้แล้วโทนี่ เมื่อไรคุณจะหยุดโทษตัวเองเสียที”
ผมเปลี่ยนสีหน้าเสียใหม่อย่างไม่เข้าใจเค้า และใช่
ผมไม่ชอบให้คนตรงหน้าผมเก็บงำความรู้สึกแย่ๆ
ในแง่ลบเอาไว้ตัวคนเดียวอีกแล้ว
เมื่อไม่นานมานี้ผมเพิ่งรู้มาว่าในตอนที่เค้าถูกแมนดาริน(หรือคิลเลียนนั่นเองคือผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง)ตามล่า
ในช่วงนั้นเค้าไม่ได้นอนเลย เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับโปรเจคของตัวเองและฝังความคิดแย่ๆ
ใส่หัวโดยไม่ยอมบอกใคร
ผมรู้ ผมมองออก
เค้าคอยโทษตัวเองอยู่เสมอที่ทำให้เปปเปอร์เป็นอันตรายจนเป็นเหตุให้เธอจากไปถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าโทนี่รักเธอหรือไม่ แต่หลายสิ่งหลายอย่างที่มีแต่คนโจมตีเค้า
บอกว่าทุกๆ อย่างเกิดขึ้นก็เพราะเค้า
ถึงแม้โทนี่จะทำเป็นไม่เดือดไม่ร้อนและบอกปัดไปได้อย่างหน้าตาเฉย
แต่เค้าก็เก็บเอาทุกคำพูดนั้นมาเป็นปมปัญหาในใจเสมอ..........ความเปลี่ยนแปลงซึ่งไม่เป็นตัวของตัวเองเพียงน้อยนิดนั้นผมสังเกตได้หมด
..........ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ตาม........
“นายเดือดร้อนแทนเหรอ?”
เค้าเริ่มตั้งโต๊ะโต้คารมกับผมอีกแล้ว
ผมเห็นสีหน้าเค้าเรียบเฉยแต่ว่าดวงตากับฉายแววขึ้น
พอโทนี่ถามขึ้นผมเองก็ถึงกับนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไปในที่สุดอย่างตั้งตัวได้
“คุณไม่ควรเป็นแบบนั้น”
คราวนี้โทนี่สะอึกไปบ้าง เค้าดูไม่คาดคิดว่าจะได้ยินผมพูดอย่างนี้
“มีหลายอย่างที่นายยังไม่เข้าใจคุณปู่หวานเย็น นายทำเพื่อชาติแต่ฉันทำเพื่อตัวเอง ก็จริงอย่างที่คนเค้าว่ากัน ฉันมันไม่เคยนึกถึงคนอื่น”
ผมไม่ชอบให้เค้าเรียกผมว่าหวานเย็น
แต่ผมก็รู้สึกสบายใจหากเค้ายังคงเรียกผมอยู่แบบนั้น “ไม่จริงหรอก”
ผมเถียงเค้าอย่างทันควัน
และนึกดีใจที่ฟิวรี่กำลังยุ่งอยู่และไม่ว่างมาทำงานอดิเรกของเค้า
นั่นคือแอบดูเรา และผมยังคงพูดต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้.........แค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ผมอยากให้เค้ายอมรับ
หลังจากที่เหนื่อยหน่ายมามากแล้ว
“งั้นเรื่องนั้นก็เป็นความจริงใช่ไหมล่ะ”
ผมพูด
“อะไร? เรื่อง...ความจริงอะไรงั้นเหรอ?”
โทนี่ทำหน้าฉงนใส่ผม
“ความจริงที่ว่า คุณเองก็เปราะบาง”
ผมเอ่ยทำเป็นไม่สนใจนาตาชากับบาร์ตันที่เพิ่งขับรถออกไปและมองมาที่เราสองคนจนรถของพวกเค้าลับตาไป
ซึ่งตอนนี้โทนี่ก็กลับชักสีหน้ามองผมอย่างไม่เข้าใจ
“ถ้าคุณไม่นึกถึงคนอื่นคุณคงไม่มัวแต่โทษตัวเองแบบนี้หรอกใช่ไหม ยอมรับเถอะโทนี่
คุณแบกรับมันมามากเกินไปแล้ว......อย่างน้อยคุณบอกผมแค่คนเดียวก็ได้ ผมจะรับฟังคุณเอง บอกผมมาว่าคุณเหนื่อย บอกผมมาว่าคุณหนักใจเรื่องอะไร ผมจะรับฟังคุณเอง”
ผมทำหน้าเจ็บปวดใจราวกับเป็นโทนี่เสียเอง โดยที่ผมไม่รู้ตัวเองเลย
คุณจะทำให้คนอื่นเป็นห่วงอย่างมากมาย
เพียงเพราะว่าคุณเป็นห่วงพวกเค้าทำไมกัน?
มันไม่คุ้มกับความรู้สึกเอาเสียเลย.........รู้ไหม?
คุณไม่ควรกังวลและแบกรับเอาคนเดียว
เพราะผมเองก็รู้สึกร้อนรนมากกว่าคุณที่ไม่เคยคิดที่จะรู้สึกถึงมันเลย
เป็นสองเท่า
...........เป็นสองเท่าเชียวนะ...............
โทนี่............
คนตรงหน้าผมถือกุญแจรถสปอร์ตคันสีส้มค้างไว้แล้วมองหน้าผมอย่างไม่เชื่อสายตา......เค้าคงไม่คิดว่าผมจะเป็นคนพูดคำนี้
“นายรู้ตัวใช่ไหมว่าพูดอะไรอยู่” โทนี่ถามทวน
ให้ตาย เค้าทำท่ากวนประสาทใส่ผมอีกแล้ว!
“ใช่ รู้สิ
ไม่เคยแน่ใจขนาดนี้มาก่อนเลย” ผมจำท่าทางของเค้ามาใช้
แล้วพูดออกไปอย่างติดจะไม่พอใจเล็กน้อยๆ........ผมนึกว่าโทนี่จะเห็นว่ามันสำคัญมากกว่านี้เสียอีก แต่ก็นะ
นี่ โทนี่ สตาร์ก หนิ
ผมไม่พูดอะไรต่อ
รอให้เค้าที่ยืนทำท่าเหมือนใช้ความคิดอยู่พูดต่อบ้าง
การกระทำที่ไม่นึกถึงตัวเองของเค้าทำให้ผมอารมณ์เสียได้ไม่ยากนัก............ผมไม่นึกว่าจะมีคนอย่างเค้าอยู่บนโลกนี้ด้วย
ผมเห็นโทนี่ปลดล็อครถแล้วสวมแว่นกันแดดก่อนจะหันหน้ามาพูดกับผม
“ฉันจะไปกินปาทังก้าสักหน่อย นายอยากไปด้วยไหม” เค้าถามผม และทำผมค้างเติ่ง แต่ไม่นานนักผมก็เข้าใจในคำพูดของเค้า
หลังจากที่โทนี่ขึ้นรถไปแล้ว
รถยังคงไม่ออกตัวจนกระทั่งผมตัดสินใจฝากรถของตัวเองไว้นี่แล้วขึ้นรถของโทนี่ไป
ผมปิดประตู รอโทนี่ออกรถแต่เค้าไม่ทำ
และเมื่อผมหันไปมองเค้ากลับเอื้อมตัวข้ามเกียร์รถมาจูบผมเสียอย่างนั้น และนั่นเป็นสิ่งเดียวกันกับสิ่งที่ผมคิดจะทำ
หากเค้าไม่ว่าอะไร.........
ผมเกือบจะหัวเราะออกไป จริงสินะ
ผมลืมไปว่าเค้าเป็นพวกปากว่ามือถึง
คงจะต้องเร็วกว่าผมอยู่แล้ว ผมตอบรับจูบของโทนี่และเปลี่ยนกลับมาเป็นฝ่ายนำในที่สุด มันเหมือนกับจูบแรกของเราในคืนนั้น ที่โทนี่ดูร้อนรนและดื้อรั้น
จนกระทั่งผมเข้าไปสยบทุกอย่างนั้นด้วยความแข็งแรงและใจเย็น
แต่ผมจะไม่โทษโทนี่หรอกนะหากเค้าหายใจไม่ออกเพราะผมจะไม่ยอมแพ้เค้าแน่............
มือของเราสองคนเกาะเกี่ยวที่รอบคอของกันและกันจนแทบแยกกันไม่ออกว่าเป็นของใคร และผละออกมาในที่สุดเมื่อเห็นสมควร ดูเค้าคิดถึงผม
และผมค่อนข้างแน่ใจว่าโทนี่ไม่เคยลืมคืนนั้นที่เรานอนด้วยกันเลยแม้แต่นาทีเดียว
เมื่อถอยห่างออกจากกันแล้วขยับขยายให้นั่งเหมือนดั่งปรกติ โทนี่ก็ทำหน้า....อะไรนะ
คนสมัยนี้เค้าเรียกว่าอะไรนะกัน อ่อ ใช่ อึน
โทนี่ก็ทำหน้าอึนใส่ผมราวกับว่าผมเป็นคนเกี่ยวคอเค้ามาจูบเสียเองก่อนจะกระแอ่มไอหนึ่งทีแล้วหันไปจริงจังกับการออกรถในที่สุด
“ฉันหิวชะมัด วันนี้ผู้อาวุธโสเลี้ยงปาทังก้านะ” เค้าพูด
ได้ เอาไงเอากันสิ
“ก็แล้วแต่เลย”
ผมยักไล่ โทนี่เหล่ตาลอดผ่านแว่นมองผมแล้วยิ้มก่อนจะออกรถไป
ให้ตายผมชอบคำนี้จัง
และในตอนที่ออกรถไป
ผมนึกอยากถามเค้า.....ว่าอยากไปรำลึกความหลังต่อที่บ้านใหม่ของเค้ากันไหม
ผมไม่ได้ต้องการสื่ออะไรแบบนั้นอย่างจริงจังหรอกนะ แต่ผมคิดเผื่อไว้
แค่ว่าโทนี่อาจจะคิดถึงมันอยู่ก็เท่านั้นเอง
เค้าคิดถึงผมไหม
งั้นบอกผมสิ
ว่าเค้าอยากให้ผมสัมผัสอีกรึเปล่า.............
.
.
.
FIN
----------------------------------------------------------------------------------------
อร๊ายยยยยยยยย
ไรท์ชอบคำนี้จังเลยค่ะ “FIN” แสดงให้เห็นว่าไรท์ทำอะไรเสร็จเป็นรูปเป็นร่างกะเค้าเหมือนกัน ฮาาาาาาา TUT อุ แคปคะ! ใจไวคิดไปงั้นได้ไงค่ะ เราสุภาพบุรุษนะคะต้องรอให้เค้าอ่อยก่อน เอ้ย!
อนุญาตก่อนสิคะ
//สักพักโดนโล่และจรวดถล่ม//
แต่ไรท์ก็เชื่อว่าโทนี่ก็ไม่ขัดศรัทราค่ะ หุๆ อิ..อิ
Nc ในเรื่องนี้ตัดฉับมาไคล์แม็คค่ะ
เพราะไรท์ว่าหากจะเริ่มตั้งแต่แลบลิ้นออกมาจูบกัน เรื่องจะต้องปาเข้าไปจนเกือบเป็น
Fic แน่ๆ เลยค่ะ
ไรท์ไม่อยากให้รีดต้องเบื่อนักค่ะ
เดี๋ยวหลับกัน 555555 ไรท์ก็เลยตัดฉับมาที่ฉากที่เค้ากำลังมอบตัวมอบกายเป็นของกันและกันอย่าสมบรูณ์เลยค่ะ
55555555 อ่อ มอบใจด้วยสินะคะ คริๆ >///<
แต่ว่าไรท์ก็เขียนได้ลื่นมากๆ
เลยค่ะ 5555555 //ถึง NC เป็นไม่ได้// +
//เหมือนมีสัญชาติญาณส่วนตัว -.,- // รีดลองคิดถึงฉากที่พระ
– นาย เค้าหันหน้าเข้าหากันแล้วจูบอย่างร้อนแรงนะค่ะ พร้อมกับทั้งสะบัดเสื้อติดกายของตัวเองไปด้วย
อร๊ายยยยยยย! ............เดี๋ยว! นี่แกจะชวนรีดเค้าหื่นในช่วง
Talk อย่างนั้นเรอะ! แหม่ แม้แต่ในช่วงเวลานอกก็ยังไม่เว้น
อร๊ายยยยยยยย! ทีนี้ก็เหลือเฮียเหมียว
แล้วก็อิตาเบนกะอเล็คแล้วล่ะค่ะที่ยังคงลงอย่างต่อเนื่อง
//ได้ข่าวว่าเฮียกะนุ้งเหมียวจะจบแล้วหนิ -..-// ฮะ โอ้ไม่นะ!! //ร้องไห้หนักมากก//
ไรท์สารภาพไม่อยากให้จบลงเลยค่ะ หลงรักเฮียและเหมียวมากกก TWT //นอกเรื่อง นี่เรื่องไร Fandom ไหนยะ//
SF คู่หน้าจะเป็นของใคร
ติดตามไรท์กันด้วยนะค้าาาาา
รักรีดทุกท่านเสมอเลยค่าาา ขอบคุณมากเลยนะคะ M3M
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray – Aund
ป.ล. รีดว่าเปโตรตายจริงๆ ไหมคะ? //มาจากไหน// อูยยยยย คนบ้าอะไรก็ไม่รู้เซะซี่ชะมัดโลยยยยยยยยยยยย
-.,-
7 ความคิดเห็น:
งั้นบอกผมสิ ว่าเค้าอยากให้ผมสัมผัสอีกรึเปล่า.............
แหม่เริ่มจูบก่อนคงไม่อยากมั้งคะ
อรั้ยยย กัปตันรุกพี่โทนี่หนักๆไปเลยค่ะ
อ๊ายยยยยย อ่านแล้วเลือดพุ่งกระฉูด
ขอคู่นี้อีกน่ะค่ะ ชอบมากๆเลย ><
ชอบคู่นี้
จบน่ารักมากกก
.....บอกเลยว่า....แม่จ๋าา~ หนูอยากเห็นฉากนี้มากกกกก ><
กรี๊ดดดดดดดดด ฟินสมคำจบแหละค่ะ ชอบมากกกกกก
อยากอ่านอะไรแบบนี้อีก หายากอยู่ กับสตีฟที่ตอบโต้ไม่ยอมโทนี่แบบนี้ ชอบบบบบบบบ
ขออีกๆๆๆๆ แหะๆ
สนุกมากๆจริงๆนะค้าาาาา
ยิ้มจนแก้มจะเเตกอยู่แล้ววว ฟินโว้ยยยยนย ฮือออ T//////T ต่างคนต่างไม่ลืมเรื่องคืนนั้น.. มันจะลืมได้ยังไงเล่า!55555
ชอบความซึนของโทนี่จังเลย พี่เเคปของเขาก็สุดยอดที่ทำให้คนอย่างโทนี่เอ่ยปากพูดความรู้สึกที่แทีจริงออกมา อร้ายยยยคู่นี่มันเหมาะกันจริงๆ!
ไรต์แต่งคู่นี้อีกน้าาาา เดี๋ยวหนังเขาสองคนก็จะเข้าโรงแล้ว ไรต์ต้องแต่งอีกนะ!
ชอบคู่stonyมากเลยค่ะ ₩₩₩₩
แสดงความคิดเห็น