วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

[SF - The Avengers] + [Part 3…END] Touch , I knows You - Steve x Tony



โอ้พระเจ้าาาา! กว่าจิมาได้------- ฮาาาาาา  แบบว่ามันเป็น Part สุดท้ายแท้ๆ แต่ว่าก็ดันสะดุดเสียนี่  ต้องโทษจริงๆ นะคะที่ไรท์มาลงช้าไปหน่อย M_ _M  เป็นเพราะภารกิจที่อยู่ๆ ก็มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยค่ะ  แต่วันเสาร์อาทิตย์นี่แม่เราก็จะไม่อยู่ใช้นี่นา ฮิ ...........เฮ้ยยย ใครบอก  แกต้องไปซ้อมวันสถาปนาหนิ -..-  โอยยย ม่ายยยยย ไม่อยากปายยยยยยย

และอิคนบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ค่ะ  ไม่รู้ว่าสติดีหรือเปล่า  มาพูดจาแปลกๆ กับไรท์แล้วก็ทำตาประหลาดค่ะ....ขนลุกมากกกกกกก  อิเด็กข้างบ้านยังน่าฉุดกว่าหนูเลย ไปหามันเถอะไป  บรื้ออออออ พอ ไม่ต้องพูดถึงมันแล้ว!

//เวิ่นไรเนี่ยยย//

ขออภัยค่ะ สติหลุด..........วันนี้ไรท์มาต่อแล้วนะคะ^^  หวังว่าฉากต่อไปนี้ รีดๆ จะชอบกันนะคะ

เอาล่ะค่ะ ไปอ่านกันเล้ยยยยยยย >3<


-----------------------------------------------------------------------------------------------------


“อ๊ะ! อ้าา....ฮึก..อึก...อ่าๆๆๆ”

“อื้ออ...ฮึ...อ๊าา...อ้า..อ่า..อาๆๆ”

“อะ อ๊า....แรงอีกสิ....ฮืออ....อ๊าาา! อา...อ่าา....า”

“อ่า...โทนี่...โอ้...อะ อื้อ..คุณจะไม่ไหวนะ....อืออ  อ๊าาา” สตีฟคำรามลอดไรฟัน  หลังจากที่เอ่ยเตือนอีกคนหนึ่งด้วยเสียงอัดอั้นแบบเดียวกันนี้  เพราะไม่อยากให้โทนี่ต้องเจ็บตัวมากไป

.............ซึ่งจนกระทั่งตอนนี้พวกเค้าสองคนก็ยังคงไม่ยอมหยุดสวนกายและดื่มด่ำกันและกันเลย  หลังจากที่เจ้าของเรือนผมสีเข้มตัดสินใจไม่หลับไม่นอน แล้วโดนแอลกอฮอล์เข้าครอบงำในที่สุด  โทนี่เป็นฝ่ายเริ่มจูบก่อนในขณะที่สตีฟผู้ควรห้ามปรามตนเองอย่างที่ควรจะเป็น จะจูบตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้

สตีฟไม่ได้โอนอ่อนต่อรสจูบคละคลุ้งแอลกอฮอล์นั้นแต่อย่างใด  แต่ว่ากำลังตอบรับความต้องการของอีกคนหนึ่งอยู่ต่างหาก..........ไม่  มันไม่เหมือนกันหรอกนะ  เพราะว่าเค้าเองก็เต็มใจ  ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างเอาความเมามายของโทนี่เป็นข้ออ้างเพื่อที่จะสัมผัสกันและกัน

และปรากฏว่าพวกเค้าก็ไม่สามรถหยุดกิจกรรมนั้นไว้เพียงชั่วครู่ได้เลย  สำหรับหนึ่งคนที่ต้องการค้นหาและอีกคนหนึ่งซึ่งต้องการได้รับความเห็นใจ  ไม่มีใครที่โทนี่จะไว้ใจให้ล่วงรู้ความลับเท่าสตีฟอีกแล้ว........ไม่มี  แม้แต่ตัวเค้าเองก็นึกไม่ถึง

ทั้งสองกอดรัดและถอดเสื้อผ้าให้กันอย่างเร่าร้อน  ซึ่งมันพอๆ กับจูบที่ลิดรอนเอาลมหายใจของคนทั้งคู่ไปอย่างไม่ปราณี  ราวกับหิวกระหายน้ำจากทะเลทรายที่ร้อนระอุ  สตีฟจูบพรมไปทั่วกายของโทนี่  เช่นเดียวกันกับที่อีกคนหนึ่งก็ต้องการให้ทำเช่นนั้นด้วยเช่นกัน และปลุกปั่นไปมาอย่างไม่รู้จักพอ  โทนี่เกี่ยวต้นคอชื่นเหงื่อของร่างด้านบนที่เอ่ยเตือนลงมาเกี่ยวกระหวัดแลกลิ้นกันอีกครั้ง

เพราะไม่แคร์ว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร  ได้ทำแบบนี้แล้วทั้งทีถึงแม้ว่ากำแพงจะส่งเสียงดังจนเพื่อนๆ ที่นอนกันอยู่ด้านนอกจะตื่นกันก็ช่างปะไร  โทนี่ไม่สน  สนแต่เพียงว่าหากนี่เป็นฝันก็ขออย่าให้ตื่นเลย  เสียงยามเมื่อดึงปากออกจากกันนั้นดังเป็นอย่างมาก

“ฉันไม่สน...อึก  อ้า...ฉันรู้ว่านายเองก็...อ๊า..า...หยะ หยุดไม่ได้....อื้อ อ่าๆๆ...อา เอาสิ  อ่า  กระแทกอีก...อ๊าา!” โทนี่เริดหน้าขึ้น “เอาอย่างที่นายอยากทำเลย” เค้าพูด  ก่อนที่จะต้องออกแรงกอดคอที่เพิ่งเกี่ยวลงมาไว้อย่างแน่นหนา  เมื่อสตีฟทำเช่นนั้นจริงๆ สะโพกแกร่งขยับสวนเข้าไปทั้งลึกและแรงขึ้นมากกว่าเป็นเท่าตัว  แกนกายของกัปตันอเมริกากดสอดเข้าไปอย่างรวดเร็วจนทำให้ชายที่กอดเค้าไว้เกือบจะต้องร้องไห้เลยทีเดียว

“อ๊ะ  อ๊าา...อิ้ออ...ฮ่าา” ไม่เพียงแต่โดนกอดไว้เท่านั้น  แผ่นหลังขาวเนียนอุดมเต็มไปด้วยมัดกล้ามของสตีฟยังโดนจิกข่วนเสียเป็นรอยเต็มไปหมดด้วย  โทนี่กอดเค้าและก่ายเค้าด้วยขาทั้งสองข้างที่เริ่มจะสั่นระริกซึ่งทัดทานความแข็งแรงของเค้าไม่ไหว  เสียงเตียงที่กระทบกับกำแพงซีเมนต์แข็งแรงเป็นผลมาจากแรงโยกของเค้านี่เอง  และมีอยู่หลายครั้งที่สตีฟนึกเป็นห่วงคนที่เค้าได้ทำการกระแทกใส่อย่างไม่ยั้งมืออย่างที่เจ้าตัวว่า  แต่ถึงแม้แรงอารมณ์จะปลุกเร้าเค้ามากเพียงใดแต่ก็จะยอมเบามือให้หน่อยก็แล้วกัน

สตีฟเคลื่อนปากลงไปดูดเลียยอดอกสีฉ่ำที่ชูชันยั่วใจเค้าอยู่อย่างค่อนข้างจะหนักไปเสียหน่อย  โทนี่ชักสีหน้าแต่ก็กัดปากเก็บเสียงนั้นไว้  ต้องยอมรับว่าสตีฟแรงเยอะมากจริงๆ และกระทำการหนักหน่วงไปเสียทุกอย่างด้วย  ทั่วลำตัวของชายผู้มีธุรกิจเป็นมูลค่าหลายล้านต่างเต็มไปด้วยรอยช้ำที่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เกิดของกัปตันอเมริกา

“อึก อ้าา...ฮึก...อ๊า...อ้าา...อ๊ะ อ่า อะ อาๆๆ” โทนี่   สตาร์ก ถูกกระแทกย้ำไปยังจุดที่ทำให้เค้ากระชับเกร็งมากที่สุดและกำลังจะกดตัวเบียดกายกับอีกคนหนึ่งให้ได้มากที่สุดราวกับสัตว์เลี้ยงขาดความอบอุ่น  ซึ่งร้องครางออกไปอย่างไม่ได้ศัพท์

ความร้อนระอุราวกับเตาหลอมของความใหญ่โตที่เคลื่อนกายเข้าออกพร้อมกับส่งเสียงของความชื่นแฉะออกมาด้วย  เสียงนั้นปะปนกับเสียงครวญครางที่ออกมาจากปากของพวกเค้าทั้งสองอย่างแทบที่จะไม่สามารถแยกออกจากกันได้เลย  ความร้อนวาบที่ใหญ่เกินกว่าใครนั้นทำให้โทนี่รู้สึกสั่นกระตุกที่ท้องน้อย และพยายามขยับสะโพกสวนกลับคืนไปด้วย

และจนกระทั่ง เจ้าของเรือนกายที่สาวๆ ทุกคนต่างใฝ่ฝันที่จะถูกปกป้องและกอดไว้เป็นเจ้าของก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่กำลังจะถูกปลดปล่อย  สตีฟใช้มือข้างหนึ่งจับต้นขาของโทนี่ที่หนีบไว้อยู่ข้างตัวเค้าให้ถ่างออกและใช้โอกาสนี้สวนกายเข้าไปให้ได้ลึกที่สุดและแนบชิดมากยิ่งขึ้น

โทนี่แอ่นตัวขึ้น เพราะร่างกายโดนปั่นป่วนอย่างหนัก  มือสองข้างที่เคยกอดลำคอแกร่งไว้ บัดนี้ละออกมาขย่ำผ้าปูเตียงด้านหลังของตนเองจนยับยู่ยี่รื้อหลุดออกมาจากมุมเตียงเสียแล้ว  พร้อมทั้งบิดเร้าไปมาอย่างเสียวซ่าน.........โทนี่อยากให้สตีฟเข้ามาข้างใน  แล้วหลั่งเข้ามาให้เยอะสุดๆ ไปเลย

“สตีฟ...อ๊าา..า” ร่างด้านใต้ส่งเสียง ราวกับว่าอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา  แต่ทว่าสถานการณ์การขยับกายตอนนี้กลับทำให้เค้าพูดได้อย่างยากลำบากยิ่งนัก

“อือ อ่าา..โท อึก โทนี่...ฮ่ะ” สตีฟขานรับเคล้าเสียงไม่ได้ศัพท์ไปด้วย   กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรงหดเกร็งเป็นรูปเป็นร่างและดูแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งในตอนที่เค้ากำลังจะถึงฝั่งซึ่งแหวกว่ายด้วยความเร่าร้อนมาเป็นเวลานานแล้ว

โทนี่เสียวซ่านและรู้สึกจุกไปด้วยในเวลาเดียวกัน เมื่อแรงที่สตีฟส่งมาให้นั้นเกินความคาดหมายเป็นอย่างมาก  ตัวของเค้าบิดเร้าสั่นคลอนไปมาแม้จะพยายามฝืนตัวไว้แล้วก็ตาม “ฉันจะ...อ๊า! ฉันกำลังจะ...อึก” โทนี่ว่าเสียงกระเส่า ฟังดูไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม

ดังนั้น สตีฟจึงเลื่อนมือที่ว่างอยู่ไปที่แกนกายของคนด้านล่างก่อนจะจัดการส่งโทนี่ไปก่อนโดยไม่เห็นแก่ตัว  มือแกร่งที่โอบอุ้มได้มิดขยับสาวอย่างรวดเร็วเท่าที่เค้าเห็นสมควร  พร้อมทั้งสะโพกแกร่งก็ไม่ยอมหยุดทำหน้าที่ที่ดีของตัวเองไปด้วย

“อ๊ะ อ่า...อ๊า!” กัปตันโรเจอร์ขยับอุ้งมือนั้นยังไม่ทันได้นานเท่าไร  คนที่โดนกระทำการอย่างถึงใจก็ปลดปล่อยออกมาเต็มฝ่ามือและหน้าท้องของเค้าทั้งสองเสียแล้ว  และแทบจะในเวลาเดียวกันแต่ล่าช้ากว่าเพียงเล็กน้อยที่กัปตันอเมริกาจะกระแทกย้ำเข้าไปเป็นครั้งสุดท้ายและฉีดพุ่งสิ่งเดียวกันนั้นเข้าไปในตัวของคนที่ขมิบตอดรัดเค้าอยู่ตลอดเวลา

“อึก อ๊าา!...ฮ้า ฮา” ร่างสูงขบกรามแน่นแต่ก็ยังหลุดรอดเสียงครางออกมาดังมากอยู่ดี  สตีฟหลั่งเข้าไปจนหมดและค่ำยันแขนกำยำทั้งสองข้างไว้กับเตียงหอบหายใจ  ใบหน้าของเค้าเหมือนเพิ่งผ่านศึกหนักที่สุดมาและโทนี่ก็เช่นกันการไม่ได้นอนมาเจ็ดสิบสองชั่วโมงดูจะเล็กน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับการได้ร่วมรักกับสตีฟ

หลังจากการหลั่งไหลของชายหนุ่มทั้งสองแล้ว ก็ไม่มีใครมีโอกาสได้พูดอะไรอีกเลย เหตุเพราะความเหนื่อยล้าที่พุ่งตรงเข้ามาหาพวกเค้าแล้วหลับไปพร้อมกันในที่สุด

จนกระทั่งรุ่งเช้าในตอนที่สมาชิกคนอื่นๆ ยังคงไม่ตื่นจากอาการเมาแอ๋  สตีฟไม่ได้ตั้งใจจะปลุกให้โทนี่ตื่น แต่เค้าต้องใส่เสื้อผ้าและใช้ห้องน้ำซึ่งเจ้าของห้องก็ดูเหมือนจะหูไวเป็นพิเศษ

“โทนี่แค่เมา”

เค้าทั้งสองเห็นตรงกันว่าเป็นเช่นนั้น  ถึงแม้สตีฟจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเค้าเองก็มีสิทธิ์ที่จะสามารถไม่ทำให้มันเกิดขึ้นได้ แต่เค้าก็ไม่ได้ทำเช่นนั้นเลย  และทั้งเค้าและโทนี่ก็ไมได้เอ่ยถึงเหตุการณ์เมื่อคืนมากนัก  เพียงแค่แต่งตัวแล้วแยกย้ายกัน  สตีฟจำต้องเดินออกมาคนเดียวเพราะโทนี่ไม่สามารถเดินออกมาได้  ร่างสูงจึงยืนกรานเล็กน้อยก่อนเดินออกมาว่าโทนี่ควรพัก ก่อนจะออกไปจากสตาร์กทาวเวอร์ไปเป็นคนแรกของเช้าวันนั้น


******************************************************************************


ปัจจุบัน...........

“อัลตรอนคือความผิดพลาดของคุณโทนี่.....”

เสียงกรีดร้องและคร่ำครวญดังระงมไปทั่วเมืองแห่งหนึ่งที่กำลังจะสร้างจุดเปลี่ยนให้กับโลกใบนี้ไปตลอดกาล  เมืองทั้งเมืองกำลังจะถูกยกขึ้นแล้วทิ้งตัวลงหม่งโลก เพื่อลำลายล้างชีวิตทุกชีวิตที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ให้จบสิ้นไป.........มนุษยชาติจะต้องถึงจุดจบ

นี่คืออุดมการณ์และความต้องการของ อัลตรอน หรือสิ่งที่ โทนี่   สตาร์ก ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เกิดขึ้นมา  ใช่  อย่างน้อยอัลตรอนก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่เค้าคิดไว้

..............มันไม่ใช่ความผิดของโทนี่หรอกนะ  ไม่ใช่เลย..............

แต่คุณก็รู้อยู่ว่าโทนี่.......เค้าดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนในเรื่องที่อัลตรอนเที่ยวตะลอนไปทั่วเสียด้วยซ้ำ  แต่ที่เค้าและทุกคนจะต้องให้ความสำคัญมากที่สุดตอนนี้ก็คือ  อัลตรอนกำลังจะทำลายโลก

“พวกคุณช่วยส่งข่าวให้คนอื่นๆ อพยพออกไปจากเมืองให้เร็วที่สุด” กัปตันอเมริกาแจกจ่ายงานและเค้ารู้ทุกวินาทีมีค่า  พวกเค้าจะช้าไม่ได้เด็ดขาด อัลตรอนจะไม่มีทางได้ทำอย่างที่ตัวเองคิดแน่นอน......ไม่มีทาง

แวนด้าและเปโตร สองพี่น้องแม็กซิมอฟที่เพิ่งตาสว่าง พยักหน้ารับเมื่อได้รับหน้าที่ๆ ถูกมอบหมายให้ ก่อนจะรีบไปช่วยชาวเมืองที่เค้าทั้งคู่เติบโตมาด้วยกัน  แวนด้าใช้พลังจิตสะกดทุกคนให้เดินออกไปจากเมืองไป  และเปโตรก็ใช้ความเร็วเหนือแสงอันเหลือเชื่อของเค้าอพยพคนที่เหลือ  สองพี่น้องทำได้ดี  แต่โลกยังคงต้องฝากความหวังไว้กับทีม  Avengers เพราะอัลตรอนจะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะได้สิ่งที่เค้าต้องการ........

..............ทำลายล้างโลกนี้  ตั้งตัวเองเป็นพระเจ้าที่ไม่มีวันได้รับการบูชา...........

แบล็ควิโดว์พยายามเต็มที่  ฮัคพยายามเต็มที่  ฮอว์คอายพยายามเต็มที่  ธอร์พยายามเต็มที่  กัปตันอเมริกาพยายามเต็มที่  และไอรอนแมนก็พยายามเต็มที่..........ทุกคนพยายามเต็มที่แล้ว

และได้ชัยชนะมาในที่สุด

หลังจากที่ทำลายเมืองลอยฟ้า และจัดการอัลตรอนได้ในที่สุด  ชาวเมืองที่ได้รับการอพยพทุกคนก็ปลอดภัย ทั้งที่หนีออกไปก่อนที่พื้นที่จะยกตัวได้ทันและที่ได้รับความช่วยเหลือจากฟิวรี่ซึ่งนำยานเก่าของชิลด์มาช่วยเคลื่อนย้ายคนที่ยังคงตกค้างออกจากเมืองลอยฟ้าออกไปได้จนหมด  

แต่ทว่าเหล่ากลุ่มคนที่ให้ความช่วยเหลืออย่างสุดกำลังก็ได้รับความสูญเสียเช่นกัน  เปโตร   แม็กซิมอฟ หรือ ควิกซิลเวอร์  ถูกยิงเข้าหลายนัดที่ลำตัว ไม่เว้นแม้แต่ช่วงขา  จากการที่ชายหนุ่มเข้าไปช่วยฮอว์คอายและเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังถูกอัลตรอนรัวกระสุนใส่.......เค้าเป็นวีรบุรุษจนกระทั่งวาระสุดท้าย

และเค้าก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าการช่วยเหลือคนที่ไม่ใคร่จะถูกหน้ากันนักในครั้งแรกที่พบเจอนั้นไม่ใช่ปัญหาที่ยากเกินการตัดสินใจเลย  ฮอว์คอายแบกเค้าขึ้นยานอพยพพลเรือนลำสุดท้ายมาด้วย ในตอนที่เมืองลอยฟ้ากำลังจะถูกระเบิด

และศูนย์ฝึก  Avengers ใหม่ก็ถูกสร้างขึ้นจากความต้องการของฟิวรี่  พวกเค้าจะต้องมีคนช่วย เมื่อยามที่โลกมีภัยอีก  Avengers ตัวจริงจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากนัก  ใช่ นั่นเป็นอารมณ์ขันเล็กๆ ของฟิวรี่

จบงานช้างที่มีผลร้ายแรงต่อโลกไปอีกงานหนึ่งแล้วหลังจากที่พวกเค้าได้รวมทีมกัน  และหลายคนก็มีที่ฐานเป็นของตนเอง  ธอร์ต้องกลับไปแอสการ์ดเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่จะต้องกลับบ้านของตัวเองไปพักผ่อน

โลกปลอดภัยอีกครั้งจากการช่วยเหลือของพวกเค้า  และจะเป็นเช่นนั้นต่อไป ตราบใดที่ยังคงมีทีม Avengers……….

วันนี้โลกปลอดภัยแล้ว


.


.


---------------------------------------------------------------------------


------------------------------------


-----------------------------------


---------------------------------------------------------------------------


.


.


ผมอยู่ด้วยในตอนที่สะพานไบพรอสทอดลงมารับธอร์กลับไปแอสการ์ด  โทนี่บอกเค้าว่า “ก็อยู่นี่สิ” ในตอนที่โอรสคนโตของเทพโอดินบอกว่าเค้าไม่อยากกลับไปเลย  ผมยอมรับว่าไม่ได้มีท่าทีหรือคิดอะไรหรอกนะ แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าผมได้บีบบังคับให้ตัวเองเดินต่อไปอย่างปรกติจนตัวเองยังนึกแปลกใจไปมากแค่ไหน

ไม่  ไม่มีใครพูดถึงคืนนั้นอีกเลยระหว่างเราสองคน  ทุกครั้งที่พวกเราต้องรวมทีมออกไปจัดการเรื่องวุ่นวายที่ตามมากับโลกิน้องชายสุดที่รักของธอร์  โทนี่ทำเหมือนราวกับว่าผมนอนให้เค้ายืมแขนหนุนเพียงเท่านั้น  ถ้าพูดถึงคืนนั้น.....เอ่อ  ผมไม่รู้  ผมไม่รู้ว่าเค้าจะคิดอย่างไรในตอนที่ผมตัดสินใจจูบตอบเค้าไป  และผมรู้ว่าผมไม่ควร  แต่ผมก็เผลอใจตัวเองไปแล้ว..........ตอนนั้นผมต้องการเค้า

ธอร์ไปแล้ว  และเหลือแต่ผมกับโทนี่  ไม่บ่อยครั้งนักที่เราสองคนจะได้มีเวลาอยู่กันตามลำพังโดยที่ไม่มีใครคอยสอดส่อง

“ไปด้วยกันไหม” โทนี่เอ่ยกับผมในที่สุดด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายอย่างคงเดิม

“ไม่ล่ะ” ผมยักไหล่บอกปัดไป  บางทีการที่เค้าไม่พูดถึงมันอาจจะเป็นเพราะเค้าหอยากจะลืมมันไปก็ได้  ดังนั้น ผมจึงไม่ควรป้วนเปี้ยนมาให้เค้าเห็นหน้าบ่อยนัก  ผมควรไป.........

“ฟังนะ  ฉันไม่ได้ลืมคืนนั้นหรอก  แต่ถ้านายอยากจะลืมมันก็ตามสบายเลย” ผมหันหน้าไปมองเค้าอย่างทันควัน  เมื่อจู่ๆ โทนี่ล่วงแว่นกันแดดออกมาจากเสื้อนอก พูดขึ้นแล้วโบกไม้โบกมือไปมา.......อะไร  เค้าหมายความว่ายังไงกัน?

“ห๊ะ  คุณว่าอะไรนะ?” ผมถามย้ำ  แต่โทนี่ทำหน้าประชดประชันใส่ผมน้อยๆ

“โอ้ ช่างมันเถอะ  ถ้านายลืมมันก็แสดงว่าไม่อยากพูดถึงมันแล้ว”

“เฮ้  ผมต่างหากที่ต้องคิดอย่างนั้น  เพราะคุณนั่นแหละที่ทำตัวสบายๆ เหมือนกับว่าลืมคืนนั้นไปแล้ว  จะให้ผมทำยังไงล่ะ  เดินเข้าไปในวงแล้วทักคุณว่า โอ้ ไงโทนี่ เมื่อคืนคุณหลับสบายดีไหมหลังจากที่เราเพิ่งจะนอนด้วยกันน่ะ? อย่างงั้นเหรอ?  คุณควรให้ผมพูดอย่างนั้นเหรอ?” ผมว่า  ดูเหมือนคนโมโหประสาทแตกแต่น้ำเสียงและคำพูดของผมฟังดูไม่หนักหนาขนาดนั้น  ผมแค่รู้แล้วว่าเค้าจำได้  ไม่คิดจะลืมมันแต่ก็เงียบเฉยเพราะเค้าไม่เคยพูดถึงมันเลย  จนกระทั่งตอนนี้.........

แต่พอมาคิดดูแล้วในตอนที่โทนี่เงียบใส่ผมเพราะความรู้สึกอะไรก็ไม่ทราบได้......เค้าเองก็มีสิทธิ์ที่จะไม่พูดถึงมันนี่  เนื่องจากที่ผ่านมาพวกเราทุกคนก็ต่างอุทิศตัวต่อภารกิจอย่างเอาเป็นเอาตายและเค้าเองก็มีเรื่องซับซ้อนกว่าคนอื่นต้องให้คิดมากเสียด้วย    อา นี่ผมทำบ้าอะไรอยู่  ปล่อยให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผลตั้งแต่เมื่อไรกัน

ดังนั้น ผมจึงสูดหายใจเข้าไปเล็กน้อยแล้วขยับตัวเข้าไปหาโทนี่ “เอ่อ...โทนี่ผมขอโทษ ผมไม่ควรพูดออกไปแบบนั้น  ไม่ควรอารมณ์เสียใส่คุณ  และผมขอโทษในเรื่อง....คืนนั้น

ผมพูดฟังดูไม่ได้ตระเตรียมคำพูดมาดีนัก  แต่นั่นเป็นเพราะผมไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยต่างหากล่ะ  ให้ตาย  ถ้าโทนี่ยังมีอารมณ์ขันอยู่หน่อย  เค้าคงจะหัวเราะเยาะคำพูดของผมไปแล้ว  แต่ถ้ามองในแง่ดีแล้วก็ยังดีกว่าการที่เค้าไม่พูดอะไรเลยแบบนี้

ผมทำท่าจะหยิบเอาแว่นกันแดดออกมาบ้าง  เพราะบางทีภายในสถานการณ์ที่เริ่มจะน่าอึดอัดนี้ ผมควรออกไป  แต่โทนี่กลับพูดขัด  ผมได้ยินเสียงเค้าเอ่ยโต้ตอบผมในที่สุด

“ไม่  ไม่ใช่นายหรอกที่ต้องขอโทษ  อันที่จริงเป็นฉันเองต่างหาก....” โทนี่ทำหน้าตาราวกับจะบอกให้ผมลืมๆ มันไปซะ ประกอบกับโบกไม้โบกมือน้อยๆ  แต่นั่นกลับทำให้ผมฉุนจัด  การโบกมือของเค้าที่ทำราวกับว่าเรื่องต่างๆ เป็นเรื่องเล็กน้อยและให้คนอื่นเลิกใส่ใจถึงปัญหาของเค้าไปนั้นมันทำให้ผมหงุดหงิด

“เลิกโทษตัวเองได้แล้วโทนี่  เมื่อไรคุณจะหยุดโทษตัวเองเสียที” ผมเปลี่ยนสีหน้าเสียใหม่อย่างไม่เข้าใจเค้า  และใช่  ผมไม่ชอบให้คนตรงหน้าผมเก็บงำความรู้สึกแย่ๆ ในแง่ลบเอาไว้ตัวคนเดียวอีกแล้ว  เมื่อไม่นานมานี้ผมเพิ่งรู้มาว่าในตอนที่เค้าถูกแมนดาริน(หรือคิลเลียนนั่นเองคือผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง)ตามล่า ในช่วงนั้นเค้าไม่ได้นอนเลย เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับโปรเจคของตัวเองและฝังความคิดแย่ๆ ใส่หัวโดยไม่ยอมบอกใคร

ผมรู้  ผมมองออก เค้าคอยโทษตัวเองอยู่เสมอที่ทำให้เปปเปอร์เป็นอันตรายจนเป็นเหตุให้เธอจากไปถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าโทนี่รักเธอหรือไม่  แต่หลายสิ่งหลายอย่างที่มีแต่คนโจมตีเค้า บอกว่าทุกๆ อย่างเกิดขึ้นก็เพราะเค้า  ถึงแม้โทนี่จะทำเป็นไม่เดือดไม่ร้อนและบอกปัดไปได้อย่างหน้าตาเฉย  แต่เค้าก็เก็บเอาทุกคำพูดนั้นมาเป็นปมปัญหาในใจเสมอ..........ความเปลี่ยนแปลงซึ่งไม่เป็นตัวของตัวเองเพียงน้อยนิดนั้นผมสังเกตได้หมด

..........ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ตาม........

“นายเดือดร้อนแทนเหรอ?” เค้าเริ่มตั้งโต๊ะโต้คารมกับผมอีกแล้ว  ผมเห็นสีหน้าเค้าเรียบเฉยแต่ว่าดวงตากับฉายแววขึ้น

พอโทนี่ถามขึ้นผมเองก็ถึงกับนิ่งไปเล็กน้อย  ก่อนจะพูดออกไปในที่สุดอย่างตั้งตัวได้ “คุณไม่ควรเป็นแบบนั้น”

คราวนี้โทนี่สะอึกไปบ้าง  เค้าดูไม่คาดคิดว่าจะได้ยินผมพูดอย่างนี้ “มีหลายอย่างที่นายยังไม่เข้าใจคุณปู่หวานเย็น  นายทำเพื่อชาติแต่ฉันทำเพื่อตัวเอง  ก็จริงอย่างที่คนเค้าว่ากัน  ฉันมันไม่เคยนึกถึงคนอื่น”

ผมไม่ชอบให้เค้าเรียกผมว่าหวานเย็น  แต่ผมก็รู้สึกสบายใจหากเค้ายังคงเรียกผมอยู่แบบนั้น “ไม่จริงหรอก” ผมเถียงเค้าอย่างทันควัน และนึกดีใจที่ฟิวรี่กำลังยุ่งอยู่และไม่ว่างมาทำงานอดิเรกของเค้า นั่นคือแอบดูเรา  และผมยังคงพูดต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้.........แค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ผมอยากให้เค้ายอมรับ หลังจากที่เหนื่อยหน่ายมามากแล้ว

“งั้นเรื่องนั้นก็เป็นความจริงใช่ไหมล่ะ” ผมพูด

“อะไร? เรื่อง...ความจริงอะไรงั้นเหรอ?” โทนี่ทำหน้าฉงนใส่ผม

“ความจริงที่ว่า คุณเองก็เปราะบาง” ผมเอ่ยทำเป็นไม่สนใจนาตาชากับบาร์ตันที่เพิ่งขับรถออกไปและมองมาที่เราสองคนจนรถของพวกเค้าลับตาไป  ซึ่งตอนนี้โทนี่ก็กลับชักสีหน้ามองผมอย่างไม่เข้าใจ

 “ถ้าคุณไม่นึกถึงคนอื่นคุณคงไม่มัวแต่โทษตัวเองแบบนี้หรอกใช่ไหม  ยอมรับเถอะโทนี่ คุณแบกรับมันมามากเกินไปแล้ว......อย่างน้อยคุณบอกผมแค่คนเดียวก็ได้  ผมจะรับฟังคุณเอง  บอกผมมาว่าคุณเหนื่อย  บอกผมมาว่าคุณหนักใจเรื่องอะไร  ผมจะรับฟังคุณเอง” ผมทำหน้าเจ็บปวดใจราวกับเป็นโทนี่เสียเอง โดยที่ผมไม่รู้ตัวเองเลย

 คุณจะทำให้คนอื่นเป็นห่วงอย่างมากมาย เพียงเพราะว่าคุณเป็นห่วงพวกเค้าทำไมกัน?

มันไม่คุ้มกับความรู้สึกเอาเสียเลย.........รู้ไหม?

คุณไม่ควรกังวลและแบกรับเอาคนเดียว  เพราะผมเองก็รู้สึกร้อนรนมากกว่าคุณที่ไม่เคยคิดที่จะรู้สึกถึงมันเลย เป็นสองเท่า

...........เป็นสองเท่าเชียวนะ...............

โทนี่............

คนตรงหน้าผมถือกุญแจรถสปอร์ตคันสีส้มค้างไว้แล้วมองหน้าผมอย่างไม่เชื่อสายตา......เค้าคงไม่คิดว่าผมจะเป็นคนพูดคำนี้ “นายรู้ตัวใช่ไหมว่าพูดอะไรอยู่” โทนี่ถามทวน

ให้ตาย  เค้าทำท่ากวนประสาทใส่ผมอีกแล้ว!

“ใช่  รู้สิ  ไม่เคยแน่ใจขนาดนี้มาก่อนเลย” ผมจำท่าทางของเค้ามาใช้ แล้วพูดออกไปอย่างติดจะไม่พอใจเล็กน้อยๆ........ผมนึกว่าโทนี่จะเห็นว่ามันสำคัญมากกว่านี้เสียอีก  แต่ก็นะ  นี่ โทนี่   สตาร์ก หนิ

ผมไม่พูดอะไรต่อ  รอให้เค้าที่ยืนทำท่าเหมือนใช้ความคิดอยู่พูดต่อบ้าง  การกระทำที่ไม่นึกถึงตัวเองของเค้าทำให้ผมอารมณ์เสียได้ไม่ยากนัก............ผมไม่นึกว่าจะมีคนอย่างเค้าอยู่บนโลกนี้ด้วย

ผมเห็นโทนี่ปลดล็อครถแล้วสวมแว่นกันแดดก่อนจะหันหน้ามาพูดกับผม

“ฉันจะไปกินปาทังก้าสักหน่อย  นายอยากไปด้วยไหม” เค้าถามผม  และทำผมค้างเติ่ง  แต่ไม่นานนักผมก็เข้าใจในคำพูดของเค้า หลังจากที่โทนี่ขึ้นรถไปแล้ว  รถยังคงไม่ออกตัวจนกระทั่งผมตัดสินใจฝากรถของตัวเองไว้นี่แล้วขึ้นรถของโทนี่ไป

ผมปิดประตู  รอโทนี่ออกรถแต่เค้าไม่ทำ และเมื่อผมหันไปมองเค้ากลับเอื้อมตัวข้ามเกียร์รถมาจูบผมเสียอย่างนั้น  และนั่นเป็นสิ่งเดียวกันกับสิ่งที่ผมคิดจะทำ หากเค้าไม่ว่าอะไร.........

ผมเกือบจะหัวเราะออกไป  จริงสินะ  ผมลืมไปว่าเค้าเป็นพวกปากว่ามือถึง  คงจะต้องเร็วกว่าผมอยู่แล้ว  ผมตอบรับจูบของโทนี่และเปลี่ยนกลับมาเป็นฝ่ายนำในที่สุด  มันเหมือนกับจูบแรกของเราในคืนนั้น ที่โทนี่ดูร้อนรนและดื้อรั้น  จนกระทั่งผมเข้าไปสยบทุกอย่างนั้นด้วยความแข็งแรงและใจเย็น  แต่ผมจะไม่โทษโทนี่หรอกนะหากเค้าหายใจไม่ออกเพราะผมจะไม่ยอมแพ้เค้าแน่............

มือของเราสองคนเกาะเกี่ยวที่รอบคอของกันและกันจนแทบแยกกันไม่ออกว่าเป็นของใคร  และผละออกมาในที่สุดเมื่อเห็นสมควร  ดูเค้าคิดถึงผม และผมค่อนข้างแน่ใจว่าโทนี่ไม่เคยลืมคืนนั้นที่เรานอนด้วยกันเลยแม้แต่นาทีเดียว

เมื่อถอยห่างออกจากกันแล้วขยับขยายให้นั่งเหมือนดั่งปรกติ  โทนี่ก็ทำหน้า....อะไรนะ คนสมัยนี้เค้าเรียกว่าอะไรนะกัน  อ่อ ใช่ อึน  โทนี่ก็ทำหน้าอึนใส่ผมราวกับว่าผมเป็นคนเกี่ยวคอเค้ามาจูบเสียเองก่อนจะกระแอ่มไอหนึ่งทีแล้วหันไปจริงจังกับการออกรถในที่สุด

“ฉันหิวชะมัด  วันนี้ผู้อาวุธโสเลี้ยงปาทังก้านะ” เค้าพูด

ได้  เอาไงเอากันสิ

ก็แล้วแต่เลย” ผมยักไล่  โทนี่เหล่ตาลอดผ่านแว่นมองผมแล้วยิ้มก่อนจะออกรถไป

ให้ตายผมชอบคำนี้จัง

และในตอนที่ออกรถไป ผมนึกอยากถามเค้า.....ว่าอยากไปรำลึกความหลังต่อที่บ้านใหม่ของเค้ากันไหม  ผมไม่ได้ต้องการสื่ออะไรแบบนั้นอย่างจริงจังหรอกนะ แต่ผมคิดเผื่อไว้ แค่ว่าโทนี่อาจจะคิดถึงมันอยู่ก็เท่านั้นเอง

เค้าคิดถึงผมไหม

งั้นบอกผมสิ ว่าเค้าอยากให้ผมสัมผัสอีกรึเปล่า.............


.


.


.


FIN


----------------------------------------------------------------------------------------


อร๊ายยยยยยยยย ไรท์ชอบคำนี้จังเลยค่ะ “FIN”  แสดงให้เห็นว่าไรท์ทำอะไรเสร็จเป็นรูปเป็นร่างกะเค้าเหมือนกัน  ฮาาาาาาา TUT  อุ แคปคะใจไวคิดไปงั้นได้ไงค่ะ  เราสุภาพบุรุษนะคะต้องรอให้เค้าอ่อยก่อน เอ้ย! อนุญาตก่อนสิคะ  //สักพักโดนโล่และจรวดถล่ม//  แต่ไรท์ก็เชื่อว่าโทนี่ก็ไม่ขัดศรัทราค่ะ หุๆ  อิ..อิ

Nc ในเรื่องนี้ตัดฉับมาไคล์แม็คค่ะ เพราะไรท์ว่าหากจะเริ่มตั้งแต่แลบลิ้นออกมาจูบกัน เรื่องจะต้องปาเข้าไปจนเกือบเป็น Fic แน่ๆ เลยค่ะ  ไรท์ไม่อยากให้รีดต้องเบื่อนักค่ะ  เดี๋ยวหลับกัน 555555  ไรท์ก็เลยตัดฉับมาที่ฉากที่เค้ากำลังมอบตัวมอบกายเป็นของกันและกันอย่าสมบรูณ์เลยค่ะ 55555555  อ่อ มอบใจด้วยสินะคะ คริๆ >///<

แต่ว่าไรท์ก็เขียนได้ลื่นมากๆ เลยค่ะ 5555555 //ถึง NC เป็นไม่ได้// + //เหมือนมีสัญชาติญาณส่วนตัว -.,- //  รีดลองคิดถึงฉากที่พระ – นาย เค้าหันหน้าเข้าหากันแล้วจูบอย่างร้อนแรงนะค่ะ พร้อมกับทั้งสะบัดเสื้อติดกายของตัวเองไปด้วย อร๊ายยยยยยย! ............เดี๋ยว! นี่แกจะชวนรีดเค้าหื่นในช่วง Talk อย่างนั้นเรอะ! แหม่  แม้แต่ในช่วงเวลานอกก็ยังไม่เว้น

อร๊ายยยยยยยย! ทีนี้ก็เหลือเฮียเหมียว แล้วก็อิตาเบนกะอเล็คแล้วล่ะค่ะที่ยังคงลงอย่างต่อเนื่อง //ได้ข่าวว่าเฮียกะนุ้งเหมียวจะจบแล้วหนิ -..-// ฮะ โอ้ไม่นะ!! //ร้องไห้หนักมากก//  ไรท์สารภาพไม่อยากให้จบลงเลยค่ะ หลงรักเฮียและเหมียวมากกก TWT  //นอกเรื่อง  นี่เรื่องไร Fandom ไหนยะ//

SF คู่หน้าจะเป็นของใคร ติดตามไรท์กันด้วยนะค้าาาาา

รักรีดทุกท่านเสมอเลยค่าาา  ขอบคุณมากเลยนะคะ M3M

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray – Aund

ป.ล. รีดว่าเปโตรตายจริงๆ ไหมคะ? //มาจากไหน//  อูยยยยย คนบ้าอะไรก็ไม่รู้เซะซี่ชะมัดโลยยยยยยยยยยยย -.,-



7 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

งั้นบอกผมสิ ว่าเค้าอยากให้ผมสัมผัสอีกรึเปล่า.............
แหม่เริ่มจูบก่อนคงไม่อยากมั้งคะ
อรั้ยยย กัปตันรุกพี่โทนี่หนักๆไปเลยค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อ๊ายยยยยย อ่านแล้วเลือดพุ่งกระฉูด
ขอคู่นี้อีกน่ะค่ะ ชอบมากๆเลย ><

kirakillerkik กล่าวว่า...

ชอบคู่นี้

จบน่ารักมากกก

Unknown กล่าวว่า...

.....บอกเลยว่า....แม่จ๋าา~ หนูอยากเห็นฉากนี้มากกกกก ><

u-hei กล่าวว่า...

กรี๊ดดดดดดดดด ฟินสมคำจบแหละค่ะ ชอบมากกกกกก
อยากอ่านอะไรแบบนี้อีก หายากอยู่ กับสตีฟที่ตอบโต้ไม่ยอมโทนี่แบบนี้ ชอบบบบบบบบ
ขออีกๆๆๆๆ แหะๆ
สนุกมากๆจริงๆนะค้าาาาา

1321 กล่าวว่า...

ยิ้มจนแก้มจะเเตกอยู่แล้ววว ฟินโว้ยยยยนย ฮือออ T//////T ต่างคนต่างไม่ลืมเรื่องคืนนั้น.. มันจะลืมได้ยังไงเล่า!55555
ชอบความซึนของโทนี่จังเลย พี่เเคปของเขาก็สุดยอดที่ทำให้คนอย่างโทนี่เอ่ยปากพูดความรู้สึกที่แทีจริงออกมา อร้ายยยยคู่นี่มันเหมาะกันจริงๆ!
ไรต์แต่งคู่นี้อีกน้าาาา เดี๋ยวหนังเขาสองคนก็จะเข้าโรงแล้ว ไรต์ต้องแต่งอีกนะ!

Unknown กล่าวว่า...

ชอบคู่stonyมากเลยค่ะ ₩₩₩₩