ฮร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!! สวัสดีค่ะรีดที่รักของไรท์ทุกท่านขาาาา
>< //จรดหน้าผากแนบตัก// ไรท์ไม่รู้จะพูดยังไงเลยค่ะ รู้สึกดีใจมากกกก
ที่ได้มายืนอยู่ตรงนี้อีกครั้งค่ะ (อนึ่งอยู่บนเวที) ในที่สุดก็ได้กลับมาลงฟิคแล้วค่ะ หลังจากที่เอาแต่เวิ่นรั่วๆ
ไร้สาระอยู่ในเฟสไปวันๆ หนึ่ง (เฟสไรท์ จิ้มฉึก แล้วไปคุยกันค่ะ 5555 >> แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด)
โอยยยยย แล้วไรท์ก็ต้านทานกระแสคู่จิ้น
“ถึงร้ายก็ฟิน” ไม่ไหวค่ะ 555555 หลังจากที่ได้รับคำรบเร้าแล้วก็ซื้อตั๋วขึ้นเรือค่ะ....หลังจากนั้นก็ลอยคอเลยค่ะ ไม่ลงและ
ไม่สามารถลงได้ค่ะ 55555 อร๊ายยยยยย
คุณเกรฟส์ ถอดเข็มขัดออกมาฟาดน้องซิคะ....เฮ้ยยย
ไม่ใช่แล้ว 555555 ต้องถนอมน้องสิ น้องบอบบาง
น้องเป็นคนไร้เดียงสา ต้องการที่พึ่งง ><
และที่ไม่พูดไม่ได้เลยคือชื่อเรื่องค่ะ......
อะไรของเอ็งฟ้าาาาาา ????? (รีดไปหาความหายนะคะ) คือศูนย์สั่งการไรท์มันบอกอย่างนั้นเลยเขียนไปค่ะ
55555 มันบอกว่า อันนี้แหละแจ่ม! แต่สิ่งที่รีดกำลังจะได้อ่านต่อไปนี้จะมีแต่สิ่งที่อ่อนโยนค่ะ ไรท์รับรองได้เลย ฮ่าา
//ผายมือ//
อันที่จริงไรท์กะจะพูดถึงคนอื่นๆ
อีกหลายคนด้วยค่ะ
แต่ว่าเอาไว้ในเรื่องยาวเนอะ เพราะรีดๆ จะได้เจอพวกเค้าทุกๆ คนเลยค่ะ ^^ ไรท์แอบบอกแล้วนะค้าาา 55555
ครีเดนซืผู้แสนใสซื่อและคุณเกรฟส์ผู้แสนจะมีมาดของเราจะเป็นอย่างไรในเรื่องเรียกน้ำย่อยนี้ ไปอ่านกันเลยค่าาาา
ปล. ฟิคในเรื่องนี้ถูกบิดเบือนจากฐานของความเป็นจริงจากในภาพยนตร์เล็กน้อย....เช่นเคยค่ะ ให้ดูหนังแล้วขว้างมันทิ้งไป ยึดฟิคของไรท์เป็นพอค่ะ แล้วรีดจะเพลิดเพลินมาก แต่เรื่องนี้ดูหลายๆ รอบได้ค่ะ ยิ่งดูยิ่งดีต่อใจค่ะ 5555 (ไม่เหมือน The Hunger Game ที่ดูแล้วอย่าดูซ้ำ...เครียดค่ะ
55555 ให้ดูฟินนิคกับพีต้าพอ กรอดูแค่นั้น
55555)
โอเคค่ะ เราไปกันเลยยยย >[]< //ขี้ไม้ปั๊มโถส้วม//
------------------------------------------------------------------------------------
“เรากำลังจะไปไหนกันเหรอครับ คุณเกรฟส์?”
เด็กหนุ่มที่ถูกทาบแผ่นหลังด้วยฝ่ามือใหญ่อบอุ่นเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยปนไร้เดียงสา เมื่อเบื้องหน้าของเค้าคือบันไดวนสีดำสูงขึ้นไปยังที่ใดเจ้าตัวก็ไม่อาจรู้ได้
เพอร์ซิวัลหยุดตามเด็กน้อยผู้แสนว่าง่ายของเค้า
แต่ไม่ได้มีทีท่าดุด่าแต่อย่างใด ชายผู้มีวุฒิภาวะมากกว่าเพียงแค่ยิ้มบางตอบไปพอเป็นปริศนาเท่านั้น
“เดี๋ยวพอถึงแล้วเธอก็จะรู้เองล่ะครีเดนซ์” เค้าว่าเพียงเท่านั้นก่อนจะออกแรงรุนหลังของครีเดนซ์ให้เดินขึ้นไปยังบันไดนั้นต่อไป
ครีเดนซ์ทำตาม เด็กหนุ่มได้กลิ่นหอมของดอกไม้ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ตลอดทั้งทางเดินมีช่องหน้าต่างเล็กๆ คอยเปิดรับแสงอาทิตย์ยามเช้าเข้ามาด้วย
และเค้าก็พบกับต้นตอของกลิ่นหอมอันพาให้สดชื่นนั้น...
ภายนอกนั้นคือท้องทะเลกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
ที่มีทุ่งหญ้าและดอกไม้ขึ้นลัดเลาะอยู่เต็มพื้นที่ไปหมด เด็กหนุ่มผู้ใสซื่อและโลกทัศน์ที่ถูกบีบบังคับให้แคบมาตั้งแต่จำความได้นั้นอดไม่ได้เลยที่จะหยุดดูแล้วจ้องภาพตรงหน้าด้วยความตื่นตาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ สายลมของความสดชื่นและกลิ่นเค็มของทะเลทำให้ครีเดนซ์รู้สึกถูกทำให้ลอยได้อีกครั้งนับตั้งแต่ได้รู้จักกับ
เพอร์ซิวัล เกรฟส์
เด็กหนุ่มที่วางนิ้วมือทั้งสิบลงบนขอบหินหนาของประภาคารส่งเสียงถามคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังไปหลายครั้งว่าที่นี่คือที่แห่งใดกัน และสิ่งที่เค้าเห็นนั้นมันเป็นของจริงหรือไม่ เพอร์ซิวัลไม่ได้ว่ากระไรมากนักเพียงแค่ตอบคำถามและหัวเราะในลำคอประกอบไปด้วยเล็กน้อยเพราะเด็กหนุ่มของเค้ามัวแต่ตื่นเต้นจนลืมความขี้อายของตัวเองไปเสียสนิทเลยทีเดียว
“เอาล่ะ เราต้องไปกันแล้วนะครีเดนซ์”
คนพามาก้มลงกระซิบที่ข้างใบหูนิ่มอย่างอ่อนโยน
ทำให้คนถูกกระซิบต้องหดคอหนีแล้วเก็บซ่อนใบหน้าที่ขึ้นสีเพราะลมหายใจอุ่นร้อนนั้นเอาไว้อย่างจ้าละหวั่น
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะห้ามหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นจนปวดหน้าอก ในช่วงหลังๆ มานี้ครีเดนซ์ค้นพบว่าเจ้าตัวดูแปลกประหลาดไปมากแค่ไหนเมื่ออยู่กับคุณเกรฟส์ของเค้า
ครีเดนซ์เดินต่อไปด้วยความเชื่อฟังอย่างถึงที่สุด ใช้เวลาเพียงนิดเดียวก็มาถึงที่หมายเพราะเส้นทางไม่ยาวไกลเท่าที่เจ้าตัวคาดไว้นัก สถานที่ๆ เพอร์ซิวัลพามาถึงเมื่อสิ้นสุดบันไดนั้นคือห้องกว้างเปิดโล่งรับอากาศบริสุทธิ์ด้วยหน้าต่างกว้างสามบานที่มีผ้าม่านบางสีขาวพลิ้วไหวตามแรงลมของท้องมหาสมุทร
มันเป็นห้องที่น่าอยู่มาก แต่ในคราแรกที่มาถึงนั้นครีเดนซ์ไม่กล้าเดินขยับตัวไปไหนเลย....เตียงนอนที่เค้ารู้จักเพียงหนึ่งเดียวคือเตียงคับแคบที่อยู่ในส่วนที่คับแคบพอๆ
กันในบ้านหลังเก่าซึ่งดูทรุดโทรมของเค้า
เด็กหนุ่มไม่กล้าเดินเข้าไปสำรวจห้องที่สวยและน่าจับจองเป็นเจ้าของขนาดนี้หรอก
เดี๋ยวจะพาลอยากได้เอาน่ะสิ.....ครีเดนซ์คิดอย่างน้อยใจจนดูเหมือนจะตัดพ้อ สิ่งที่เค้ามีหลายอย่างมักจะดูด้อยกว่าน้องสาวและพี่สาวบุญธรรมอยู่เสมอ แต่ไม่ว่ายังไงพวกเธอก็ไม่มีวันได้อยู่ห้องสวยๆ
แบบนี้หรอก ครีเดนซ์แน่ใจได้.....แต่ทว่าตัวเค้าเองก็เหมือนกัน ดังนั้นเจ้าตัวจึงทำได้เพียงแค่ยืนบีบนิ้วมือเข้าหากันไปมาด้วยความหงอยเหงา สีหน้าของเค้าหงอลงเล็กน้อยและคอยเงี่ยหูฟังเสียงคลื่นทะเลที่พาให้ตื่นเต้นนั้นไปพลางๆ
ปลอบใจตัวเอง
ในระหว่างนั้นเพอร์ซิวัลเดินไปสำรวจความเรียบร้อยรอบๆ
ห้อง เมื่อเห็นว่าเด็กที่พามาด้วยไม่ขยับเขยื้อนไปไหนจึงเดินวนกลับมาแล้วพูดใกล้ๆ
เสียงไม่ดังมากว่า “เธอเป็นอะไรไป
ไม่สบายอย่างงั้นเหรอ?”
แต่เด็กหนุ่มที่ก้มหน้าชิดอกก็ส่ายหน้าช้าๆ
ตอบกลับมา ครีเดนซ์ไม่ค่อยเก่งนักเรื่องตอบคำถามและสู้หน้าคนอื่น
เค้าค่อนข้างติดลบเรื่องเรียบเรียงคำพูดในใจของตัวเอง
“แล้วเธอเป็นอะไรไปล่ะ?” ชายที่สวมชุดสูทมีผ้าพันคอคล้องห้อยลงมาดูสง่างามถามเสียงค่อนข้างเป็นห่วงอีกครั้งหนึ่ง ก่อนความเงียบเพียงชั่วอึดใจนั้นจะทำให้เค้าคิดได้....โธ่ จะมีอะไรเสียอีกล่ะ
ดังนั้นหัวหน้ามือปราบมารจึงถอนหายใจอย่างอ่อนใจแล้วลูบหลังของครีเดนซ์ผู้เก็บไหล่ของตนเองเบาๆ
“ไม่ต้องกลัว ที่นี่ปลอดภัยและเธอไม่ต้องเกรงใจอะไรทั้งนั้น ไปนั่งที่เตียงสิ” เค้าว่า “นั่นจะเป็นที่ของเธอนะ” พร้อมทั้งแนะนำให้เด็กหนุ่มที่เงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่แน่ใจให้ไปทำความคุ้นเคยกับห้องของตัวเอง
ครีเดนซ์ไม่ขัดคำอีกเช่นเดิม เพอร์ซิวัลเดินตามไปนั่งอยู่เคียงข้างๆ
แล้วบอกว่าต่อไปนี้ที่นี่จะเป็นห้องนอนของเค้า
และเค้าสามารถทำทุกอย่างที่ตัวเองต้องการได้เมื่ออยู่ที่นี่
นั่นทำให้ครีเดนซ์หัวหมุน เค้าไม่รู้จักคำว่าทำตามอำเภอใจตัวเองเป็นเช่นไร จึงไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ถึงกระนั้นคนพามาก็กระพริบตาจุดความคิดอะไรได้อย่างหนึ่ง
แล้วพูดกับครีเดนซ์เบาๆ อีกครั้ง “ถอดเสื้อออกสิ” เด็กหนุ่มห่อไหล่ ขยับใบหน้าไปมาเลิกลักแล้วก้มมองพื้น
แต่เพอร์ซิวัลก็ไม่ได้ขยายความอะไรต่อ เด็กน้อยที่ไม่รู้ถึงความหมายจึงจำใจต้องทำตามที่อีกคนหนึ่งบอก.....ครีเดนซ์ไม่มีความต้องการอยากเป็นที่ไม่พอใจของเพอร์ซิวัลเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เค้าพยายามก็คือเป็นเด็กดีที่สุดในสายตาของอีกฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นความรู้สึกนั้นจึงผลักดันให้มือเรียวขาวถอดร่นเสื้อนอกไปด้านหลัง
แต่แล้วจู่ๆ ผู้ใหญ่ที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็พูดขึ้นมาอีก
“หลับตาด้วย” ครีเดนซ์สะดุ้ง
มีเสียงอึกอักในลำคอดังเล็ดรอดออกมาเล็กน้อยเพราะตกใจ แต่ก็ยอมทำตามอย่างแสนซื่อ เค้าคลำหากระดุมอยู่นานเนื่องจากหลับตาอยู่
จึงเป็นการยากเล็กน้อยที่จะหาตัวกระดุมให้เจออย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มประหม่ามากเกินไปจึงทำให้ตัวเองค่อนข้างเงอะงะ ดังนั้นร่างสูงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจึงเอื้อมมือขึ้นมาช่วยปลดให้ทีละเม็ดอย่างใจเย็น เค้าทำแม้กระทั่งถอดเสื้อตัวในออกมาให้ครีเดนซ์ด้วยตัวเอง
เนคไทด์ของเด็กหนุ่มถูกปลดออกมาและวางไว้ข้างๆ
เตียง ก่อนคนปลดมันจะเปลี่ยนใจไปมัดไว้ที่ปลายเตียงอีกฝั่งหนึ่งแทน
เพอร์ซิวัลขยับเข้าไปใกล้ชนิดที่ว่าประชิดติดตัวกับเด็กน้อยแล้วค่อยๆ
โอบกอดให้อีกคนหนึ่งเอนกายมาซบกับอกของเค้า
ครีเดนซ์หายใจหนัก มันแรงมากจนไม่ต้องพูดถึงคำว่าพยายามปกปิดเลยแม้สักนิด ครีเดนซ์ประหม่าเกินไปอีกครั้งและตัวของเค้าก็สั่น
เนื่องจากกำลังตื่นเต้นมากนั่นเอง
แต่เพอร์ซิวัลใจเย็นกว่านั้น ชายผู้มีความเก่งกาจและเคร่งขรึมลูบฝ่ามือไปตามแผลหลัง
และหัวไหล่มนของเด็กหนุ่มเพื่อรักษาแผลของความบอบช่ำที่แมร์รี่ ลู แบร์โบน แม่เลี้ยงของเด็กหนุ่มได้ทำทิ้งเอาไว้ เธอทำร้ายครีเดนซ์ด้วยความไร้เหตุผลอย่างไม่น่าให้อภัย และนั่นคือหนึ่งในเรื่องทั้งหมดที่เค้าปิดบังครีเดนซ์...
เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนเค้าลบความทรงจำของครีเดนซ์ ร่างสูงลบแมร์รี่ ลู ออกไปจากหัวของเด็กหนุ่ม
รวมทั้งเรื่องที่ตัวเองเป็นออปส์คูเรียลด้วย...ครีเดนซ์ไม่ควรได้รับรู้ว่าตัวเองสำคัญขนาดนั้น เพราะถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เนื่องจากทางมาคูซ่าประการจับตัวเค้าอย่างเป็นทางการไปทั่วประเทศแล้ว และในตอนนี้การลบความทรงจำและพาหลบออกมาให้ห่างไกลจากผู้คนก็ทำให้ครีเดนซ์ปลอดภัย
อย่างไรก็ตามเหนือสิ่งอื่นใดเค้าก็ทำให้เด็กหนุ่มลืมไปแล้วว่า
เพอร์ซิวัล เกรฟส์ คนนี้เคยโกหกเพื่อหลอกใช้เจ้าตัวมาก่อน
มันเป็นการเริ่มต้นที่ผิดพลาด เป็นการเริ่มต้นที่เลวร้ายหลังจากที่เพอร์ซิวัลพบว่าเค้ารู้สึกเช่นไรกับเด็กที่น่าสงสารอย่างครีเดนซ์ เค้าเพียงแค่อยากเก็บเด็กหนุ่มไว้ ทะนุถนอมไม่ทำให้เจ็บช้ำอย่างเช่นที่เคยผ่านมา เมื่อลบล้างความทรงจำเพอร์ซิวัลจึงหลงเหลือไว้เพียงแค่ความรู้สึกดีๆ
ของเด็กหนุ่มที่มีให้ต่อเค้าเท่านั้นพอ
เมื่อรักษาแผล เพื่อไม่ให้เจ้าของต้องนึกหาที่มาของมันกับตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย ร่างสูงจึงจำต้องทำให้รอยตำหนินั้นหายไปซะ เพอร์ซิวัลสวมเสื้อกลับคืนให้ครีเดนซ์อย่างเบามือ
เด็กหนุ่มยังคงหลับตาปี๋และหายใจเข้าออกแรงมาก ทุกครั้งที่คุณเกรฟส์โดนตัวเค้าจะสั่นอย่างหาสาเหตุมิได้ และเพอร์ซิวัลก็พูดขึ้นในที่สุด
“เอาล่ะฉันต้องไปแล้ว ลืมตาขึ้นมาสิ” พูดทิ้งท้ายและโปรยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนอีกเล็กน้อย
ก่อนจะเดินลงบันไดไปอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบเหลือเชื่อ แต่ก็แว่วได้ยินเสียงเล็กๆ ที่บ่งบอกถึงความกล้าๆ
กลัวๆ ของอีกคนหนึ่ง เค้าจึงชะงักเท้าแล้วหันหน้ากลับมา
“บะ บ๊าย บายฮะคุณเกรฟส์” พร้อมกับโบกมือน้อยๆ
อย่างที่เคยเห็นคนอื่นบนถนนทำกันเมื่อยามจากลา
เมื่อเห็นดังนั้นเพอร์ซิวัลจึงอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ แล้วเอ่ยกลับไป
“แล้วเจอกันครีเดนซ์” พูดเสียงนุ่มพร้อมกับวาดยิ้มน่าประทับใจให้ก่อนจะเดินลงไป
เด็กหนุ่มรีบเดินตามมา แต่คนที่เค้าแสนไว้ใจก็หายไปเสียแล้ว หายไปได้อย่างไรครีเดนซ์ก็สุดรู้ และในตอนนั้นเองเจ้าตัวก็เพิ่งคำนึงขึ้นได้ว่าเค้าจะอยู่อย่างไรหนอในที่สวยงามแต่กลับอ้างว้างผู้คนเช่นนี้
แต่ไม่นานก็เลิกคิดไปได้เลย เมื่อมีหลายสิ่งในห้องให้เค้าได้ค้นพบและเรียนรู้ มีหนังสือมากมายกับอะไรหลายอย่างที่เจ้าตัวไม่เคยได้เห็น
และเมื่อถึงเวลาอาหารเด็กหนุ่มก็ได้กลิ่นอาหารหอมฉุยลงมาจากด้านลง พอไปถึงก็พบเข้ากับโต๊ะอาหารขนาดหนึ่งทีและอาหารหน้าตาน่าทานตั้งรออยู่ข้างล่างแล้ว
เพอร์ซิวัลมักจะมาหาเด็กหนุ่มบ่อยๆ เพื่อพูดคุยถามไถ่ และคอยฟังเรื่องเล่าของเด็กน้อยของเค้าว่าไปพบเจอหรืออ่านพบอะไรในหนังสือมาบ้าง มือปราบมารรับฟังอย่างเพลิดเพลินและเอ็นดูครีเดนซ์ที่เปลี่ยนกลายไปเป็นอีกคนหนึ่ง ผิดจากเด็กหนุ่มที่เก็บกดและขี้อายจากเมื่อก่อนนี้ไปโดยสิ้นเชิง
วันนี้ก็เช่นกัน ครีเดนซ์กำลังเล่าว่าเค้าเจอดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่ป่าใกล้ประภาคาร
“ผมวิ่งเข้าไปในป่าครับ แล้วก็เจอมัน”
เด็กหนุ่มชูก้านดอกไม้หนาที่ดูแข็งแรงขึ้นมาให้ดู
แต่แล้วเพอร์ซิวัลก็ต้องขมวดคิ้วแน่น
“ครีเดนซ์อย่าเข้าไปเล่นในป่าสิ ฉันไม่ได้บอกเธอรึไง” เป็นเพราะความกังวลและร้อนรนมากเกินไปเลยทำให้เสียงนั้นฟังดูห้วนไปจากปรกติ
เด็กหนุ่มเมื่อได้ฟังอย่างนั้นก็หน้าเสีย รีบโยนดอกไม้ทิ้งแล้วตัวสั่น
“ผมขอโทษครับคุณเกรฟส์ ผมขอโทษ ต่อไปผมจะไม่ทำอีกแล้ว...อยะ อย่าโกรธผมเลยนะฮะ”
เด็กน้อยหดขาขึ้นมาบนเตียงที่เจ้าตัวกำลังนั่งอยู่แล้วกอดเข่าเข้าหากันอย่างน่าสงสาร เสียงเศร้าหมองนั้นพร่ำออกมาเบาๆ “ได้โปรด
อย่า...อย่าตีผมเลย คุณเกรฟส์ ฮึก อย่าตีผม”
เพราะเค้าเคยโดนแม่ทารุณอย่างร้ายกาจมาก่อน “อย่าตีผมเลย”
จิตใจของครีเดนซ์นั้นบอบบาง
เมื่อมีคนฉุดรั้งเค้าขึ้นมาจากก้นเหวได้ก็เป็นเรื่องที่ดีกับเด็กหนุ่ม แต่ถ้าหากไปสะกิดโดนร่องรอยเก่าของความทรงจำแย่ๆ
เข้าก็สามารถทำให้เด็กหนุ่มเปราะแตกได้ด้วยเช่นกัน
เพอร์ซิวัลขมวดคิ้วแน่นแล้วตำหนิตนเอง
เค้ามองดูเด็กน้อยที่ถอยกรูไปติดมุมเตียงแล้วกำมือสองข้างแน่นราวกับว่าถูกมัดด้วยเชือกเส้นใหญ่
“ไม่ ครีเดนซ์” ร่างสูงกล่าวด้วยความเห็นใจเสียงโอนอ่อน
“ฉันจะไม่ทำอะไรเธอทั้งนั้น
ฉันแค่เตือนไว้ เพราะถ้าคราวหน้าฉันไม่อยู่ด้วยมันอาจมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น”
เธออาจไม่ได้กลับมาที่นี่อีก...เค้าอยากพูดคำนี้เหลือเกินแต่นั่นจะยิ่งทำให้ครีเดนซ์กลัว มือปราบมารเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มที่สั่นหงึกๆ
มองเค้าด้วยความรู้สึกผิด
เพอร์ซิวัลเอื้อมมือขึ้นไปลูบเรือนผมเงางามที่เริ่มยาวนั้นและครีเดนซ์ก็เอียงศีรษะเข้าหา
พร้อมเบะปากร้องไห้อย่างสุดกลั้น
“ผมขอโทษครับคุณเกรฟส์ อึก...ผมขอโทษ...”
“ชู่ ไม่เป็นไรเด็กน้อย เธอไม่ได้ผิด เข้าใจไหม เธอไม่ผิดอะไรเลย...ไม่เป็นไร เงียบซะ” เพอร์ซิวัลดึงครีเดนซ์เข้ามากอดไว้แล้วลูบเนื้อตัวที่หวาดวิตกต่อความผิดนั้นเบาๆ
อย่างปลอบประโลม
ครีเดนซ์ยังคงมีท่าทีหวาดกลัวอยู่เหมือนเดิมถึงแม้จะถูกลบความทรงจำไปแล้ว ถ้าเพอร์ซิวัลอยู่ด้วยตลอดเวลาก็คงจะดี อาการแบบนี้คงจะได้หายไปในไม่ช้า แต่ทว่ายังมีอีกหลายอย่างในโลกของความเป็นจริงอันแสนห่างไกลจากที่นี่ที่ค้าต้องจัดการ
“อยะ...ฮึก...อย่าทิ้งผมไปเลยนะ ผมสัญญาจะไม่ดื้อ ผมสัญญาจะเป็นเด็กดี จะไม่ทำอะไรให้คุณเดือดร้อน ฮึ ฮือ...อย่าทิ้งผมไปเลย ฮื้ออ” ครีเดนซ์ทิ้งน้ำหนักตัวขดอยู่ในอ้อมกอดของมือปราบมารและร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับเด็กน้อย
“ชู่...ไม่ ครีเดนซ์
ไม่ มันจะไม่เกิดขึ้นแน่นอนฉันรับรอง” พ่อมดผู้มีความเก่งกาจเหนือใครในมาคูซ่ากระซับอ้อมกอด เค้าเกยคางกับเรือนผมของเด็กหนุ่มแล้วใช้มือลูบปลอบไปมา ดวงตาของเค้าหลุบอยู่ใต้เปลือกตานั้นของตัวเอง
ครีเดนซ์คลายมือที่กำแน่นออกแล้วเปลี่ยนมาเป็นขยำอกเสื้อของอีกคนหนึ่งแทนอย่างหวงแหน เจ้าตัวจะต้องรู้สึกสลายไปทั้งใจแน่นอนหากได้จากกับเพอร์ซิวัลไปจริงๆ ทุกสิ่งที่เค้าเหลืออยู่มีเพียงแค่ชายผู้อารีด้วยความอบอุ่นคนนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น
และครีเดนซ์ยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้รับเศษเสี้ยวไออุ่นจากอ้อมกอดนั้นโดยไม่ต้องสงสัยเลย
ผ่านไปครู่หนึ่งได้กว่าเสียงสะอื้นของเด็กหนุ่มจะสงบลง เพอร์ซิวัลยังคงไม่คลายวงแขนไปไหนก่อนจะผุดคำถามขึ้นมาอย่างไร้การส่งสัญญาณ
“เธออยู่ที่นี่แล้วมีความสุขไหมครีเดนซ์?” เสียงของเค้าทุ้ม
เนิบช้าและให้ความรู้สึกปลอดภัยได้เสมอ
ครีเดนซ์ขยี้ใบหน้าบนเสื้อกั๊กเนื้อดีที่เริ่มแห้งจากคราบน้ำตาแล้ว
“มีฮะ ผมมีความสุข” เด็กน้อยตอบอย่างสัจจริงเพราะความบริสุทธิ์
ที่นี่มีอาหารอร่อยๆ ยิ่งกว่าเค้าตัวเค้าเองจะคาดฝันได้ให้ทานครบสามมื้อแถมมีของว่างระว่างวันอีกต่างหาก มีเสื้อผ้าดีๆ ใส่ มีสภาพแวดล้อมสวยงามให้ตื่นตาตื่นใจ และเตียงนอนนุ่มๆ ที่ทำให้ตื่นสายอยู่เกือบทุกวัน เท่านี้ครีเดนซ์ก็คิดว่าตัวเองโชคดีเกินกว่าเด็กคนอื่นๆ
ที่เจ้าตัวเคยพบแล้ว
หากแต่สิ่งที่เค้าต้องการที่สุดคือการได้อยู่กับคุณเกรฟส์ที่รักของเค้า
เพอร์ซิวัลกระพริบตาเชื่องช้า “เธอชอบมันไหม?”
เด็กหนุ่มเงียบ แต่ร่างสูงที่ให้ที่พักพิงก็รู้สึกถึงศีรษะที่เงยขึ้นมามองเค้าอย่างนึกฉงน
“ทั้งหมดนี่น่ะ” เค้าต่อให้
“ชอบครับ”
ครีเดนซ์ตอบอย่างรวดเร็ว “ที่นี่มีทุกอย่างที่ผมไม่เคยเห็น มีดอกไม้
มีทะเล แล้วก็มีเปลือกหอย เมื่อวานนี้มีอีกาตัวหนึ่งบินมาเกาะบนหินใกล้ๆ กับผมในสวนด้วย มันตัวใหญ่มากเลยครับคุณเกรฟส์ ผมมองมัน
ไม่กล้าขยับไปไหนเลย แต่มันก็แค่มองผมเฉยๆ
แล้วบินหนีไปผม...” ครีเดนซ์ยังชั่งใจว่าจะพูดดีไหมแต่เค้าไม่ควรมีความลับกับคุณเกรฟส์ของเค้า
“...ตกใจมากเลยครับ” เด็กหนุ่มบอกถึงเหตุการณ์ระทึกขวัญที่สุดตั้งแต่มาอาศัยอยู่ที่นี่ให้ฟังด้วยความไหลลื่น
“ยังงั้นเหรอ เป็นอีกาหรอกเหรอ เธอจะทำยังไงล่ะถ้ามันไม่บินหนีไป” เพอร์ซิวัลวาดยิ้มถาม นึกอยากลองแกล้งเด็กน้อยของเค้าดูบ้าง ครีเดนซ์เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบออกมาตรงๆ ว่า
“ผมจะรอจนกว่าคุณจะกลับมา” เสียงนั้นฟังดูหดหู่และแสนซื่อ มันทำให้ร่างสูงหัวเราะออกมาอย่างเสียไม่ได้เลย.....จะนั่งรอเค้าจนกว่าจะมา
เพื่อมาไล่อีกาให้เนี่ยนะ โธ่ ครีเดนซ์
“ผมพูดจริงๆ นะ” เมื่อเห็นท่าว่ากำลังถูกมองว่าเป็นเรื่องตลก เจ้าของเหตุการณ์ลุ้นระทึกก็พลิกตัวกลับมาพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังป่านน้ำเสียงของตนเอง
“โอเคๆ ก็ได้ แน่นอนมันจะเป็นอย่างนั้นครีเดนซ์” เพอร์ซิวัลยกมือขึ้นน้อยๆ
เป็นเชิงว่าเด็กหนุ่มถูก “และฉันจะบอกนะว่าถ้าเธอเจออะไรแบบนั้นอีกก็แค่ยื่นมือออกไป”
แขนแข็งแรงของพ่อมดเหยียดตรงให้ดูเป็นตัวอย่าง “แล้วก็โบกมือไล่มันออกไปเท่านั้นพอ”
เค้าโบกมือและทำเสียงไล่ “ทำเหมือนว่ามันเป็นนกพิราบสิ”
“แต่มันเป็นอีกานะฮะ” ครีเดนซ์มีดวงตาที่กลมโตและเจ้าตัวแก้ให้ตามความเป็นจริง
“เอ่อ นั่นมันก็เหมือนกันนั่นแหละ”
เพอร์ซิวัลส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ไม่นึกเลยว่าเค้าจะถูกยอกย้อนด้วยความไร้เดียงสาของอีกคนหนึ่ง
วันนี้ผู้อำนวยการด้านความปลอดภัยของมาคูซ่าไม่ดูรีบร้อนเหมือนทุกๆ
วันที่เค้าเพียงแค่แวะมาดูหน้า มาพูดคุยกับเด็กหนุ่มแล้วก็กลับไป เพอร์ซิวัลอยู่กับครีเดนซ์จนเด็กหนุ่มผล็อยหลับไปในตอนกลางคืน เค้าเองก็อยู่ตรงนั้น
ส่งครีเดนซ์ในอ้อมกอดเข้านอนแล้วสูดดมกลิ่นหอมจากตัวของอีกคนหนึ่งและใช้ความคิดอย่างเรื่อยเปื่อยอยู่นานก่อนจะลุกขึ้นมาอย่างอ่อนโยนโดยไม่ให้เจ้าของห้องนี้ตื่นตามมา
เพอร์ซิวัลสวมเสื้อโค้ทแล้วคล้องผ้าพันคอตามลงมาเป็นอย่างสุดท้ายเตรียมตัวกลับเข้าสู่ความหนาวเหน็บของมหานครที่เค้าจากมาอีกครั้ง แต่แล้วก็หันย้อนกลับไปมองเด็กหนุ่มที่นอนทาบแก้มใสปลั่งกับหมอนขนเป็ดสีฟ้าอ่อนอย่างดูสบายก่อนขาของเค้าจะพาตัวเองก้าวเข้าไปหาและทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ
อย่างแผ่วเบาเช่นในตอนแรกที่ผละออกมา มือหนาที่คอยโบกสะบัดไม้กาลสิทธิ์อย่างเด็ดขาดนั้นยกขึ้นเกลี่ยปอยผมที่หล่นลงมาปรกหน้าของเด็กหนุ่มเพื่อกันรำคาญ เพอร์ซิวัลยกผ้าห่มขึ้นมาสูงอีกหน่อยหลังจากที่ห่มคลุมให้แล้วในตอนแรก
“คุณเกรฟส์...” เสียงครีเดนซ์เปล่งออกมาแผ่วเบาราวกับกระซิบ
เป็นเหตุให้คนดูแลชะงักมือที่กำลังจับขอบผ้าห่มนั้นลง แต่เพียงชั่วครู่เดียวเค้าก็รู้ว่าเด็กหนุ่มเพียงแค่ละเมอเท่านั้น เพอร์ซิวัลหลุบตาต่ำ ลูบศีรษะของครีเดนซ์แล้วก้มลงจูบมันอย่างแสนห่วงหา
เพอร์ซิวัล เกรฟส์ จะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรเด็กน้อยของเค้าได้อีกแล้วเพราะเค้าจะปกป้องครีเดนซ์เอง การกีดกันเด็กคนนี้ออกจากโลกภายนอกเป็นความตั้งใจของเค้าเองที่ไม่อยากเห็นอีกฝ่ายหนึ่งต้องเจ็บปวดหรือโดนรังแกอีก แต่ครั้นจะให้เป็นอย่างนั้นจริงโดยอยู่ร่วมกับผู้ที่ชอบดูถูกคนอื่นในสังคมมือปราบมารก็ยุ่งเกินไปที่จะสามารถปล่อยครีเดนซ์เอาไว้คนเดียวได้
อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในช่วงนี้
ดังนั้นเค้าจึงจำเป็นต้องพาเด็กหนุ่มออกมาให้ไกลหูไกลตาผู้คนเสียก่อน
และในเวลาต่อมาคุณเกรฟส์เดินเข้าไปในป่าซึ่งอยู่ถัดไปจากทุ่งดอกไม้ล้อมรอบประภาคาร ภายในนั้นมืดสนิท ไม่มีแสงสว่างใดเลย แม้แต่ดวงจันทร์ก็ไม่อาจทำให้อะไรดูดีขึ้นได้ ร่างสูงไม่ประหวั่นถึงสิ่งใดแม้มืดมิดดั่งเดินทางเยี่ยงคนตาบอด
เค้าเดินตรงไปยังต้นไม้ใหญ่
ในมือถือไม้กายสิทธิ์ไว้ข้างลำตัวดูไม่ตื่นตัวเท่าที่ควรเลยเมื่อเข้าป่าที่เงียบสงัดเช่นนี้ เค้าหยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเบนฝีเท้าไปทางซ้าย ลึกเข้าไปอีกจนกลัวว่าอาจจะหลงทางเอาได้หากแต่ไม่ใช่กับ
เพอร์ซิวัล เกรฟส์ คนนี้ ทุกฝีเก้าเค้ามั่นใจ ราวกับว่ากำลังเดินตามรอยเท้าสัตว์ใหญ่อยู่ในที่โล่งแจ้ง
รองเท้าหนังตัดเย็บอย่างดี
ไม่เหมือนใครเหยียบลงไปบนพื้นที่นิ่มยวบของดิน
สอดส่องสายตาผ่านเมฆไม้แล้วสะบัดไม้กายสิทธิ์อย่างฉับไวครั้งหนึ่ง
ปรากฏเป็นแสงเรืองวาบไปทั่ว หากครีเดนซ์ที่หลับอยู่มองมาทางนี้ก็จะสามารถเห็นมันได้อย่างไม่ยากนักจนกลายเป็นชัดเจนไปเลย
เพอร์ซิวัลเดินเข้าไปใกล้ซากไหม้และแข็งของสัตว์ชนิดหนึ่ง เค้าพิจารณามันแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อตัวเองคิดถูก
ที่นี่ไม่มีอีกาเค้ามั่นใจได้เพราะเป็นคนเลือกที่นี่ด้วยตัวเอง และอีกาที่อยู่บนเกาะห่างไกลผู้คนจะต้องไม่มีเศษหนังสือพิมพ์ติดอยู่บนเท้าแฉะๆ
ของมันแน่.....ไม่มีทางที่นกจากถิ่นอื่นจะบินมาถึงที่นี้ได้ด้วยปีกของมันเอง
และมันมีสัมผัสของเวทมนต์
เพอร์ซิวัลส่ายหน้าช้าๆ หากโชคดี มันคงยังไม่ทันได้คาบข่าวไปบอกคนที่ส่งมันมาหรอกนะ...
**************************************************************
มีเวลาไม่มากอีกแล้ว มือปรามมารจึงจำต้องกลับไปยังมหานครนิวยอร์คแล้วสะสางงานที่ยุ่งเหยิงให้เสร็จ เมื่อหลายวันก่อนเค้าหักหลังกรินเดนวัลด์และเปิดโปงจอมวายร้ายที่ยื่นข้อเสนอขอความร่วมมือจากเค้าจนไม่มีความผิดติดตัว อีกฝ่ายหนึ่งพยายามแบ่งปันความผิดมาให้เค้าบ้าง แต่กรินเดนวัลด์ร้ายเป็นคนเดียวเสียเมื่อไรล่ะ...
เพอร์ซิวัลก็แค่ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องทำ และเค้าเบื่อแล้วกับการร่วมมือกับผู้ใช้ศาสตร์มืด เมื่อพบครีเดนซ์ความว่างเปล่าในใจของเค้าก็หายไปแล้วถูกแทนที่ด้วยใบหน้าอันแสนจะเศร้าหมองแต่ขี้อายของเด็กหนุ่มคนนั้น ร่างสูงจึงเลือกที่จะส่งตัวกรินเดนวัลด์ให้มาคูซ่าและฉวยโอกาสนี้ลบความทรงจำของครีเดนซ์ในตอนที่เด็กหนุ่มยังไม่ได้สติจากการสลายตัวของออปส์คูรัส
แล้วพามาที่ประภาคารซึ่งตั้งอยู่ในท้องทะเลอันไกลโพ้นแห่งนี้
พ่อมดผู้เมินเฉยต่อคำสาปแช่งของกรินเดนวัลด์
ร่ายคาถาคุ้มกันให้ประภาคาร และครีเดนซ์จะปลอดภัยเสมอเมื่ออยู่ในเขตอารักขาของเค้า แต่ทว่าข้อจำกัดสิ้นสุดอยู่ที่เขตป่าใหญ่ใกล้ทุ่งหญ้าถัดจากประภาคารไปเท่านั้น หากแผ่ขยายวงกว้างเกินไปอาจทำให้คาถาเบาบางและไม่สามารถคุ้มกันครีเดนซ์ได้อย่างเท่าที่ควร ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจำกัดพื้นที่ของเด็กหนุ่มในยามที่เค้าไม่ได้อยู่ด้วย
และอีกไม่นานเมื่อเค้าเคลียร์ปัญหาทุกอย่างเสร็จ
เมื่อส่งกรินเดนวัลด์เข้าคุกไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันได้อีกก็อาจจะมีเวลาอยู่กับครีเดนซ์เพิ่มมากขึ้น
เพอร์ซิวัลยกยิ้มขึ้นมาอย่างรู้สึกน่าสนใจแล้วเดินเข้าไปในสำนักงานแห่งมาคูซ่า และเพิ่งคิดได้ว่าอีกไม่กี่วันเค้าก็จะมีวันหยุดแล้วนี่นะ
******************************************************************
“แกออกไปซ่าที่ไหนไม่ได้แล้วล่ะคุณกรินเดนวัลด์ที่เคารพ
แล้วอีกไม่นานแกก็จะต้องได้ชดใช้ที่ทำให้พี่น้องมือปรามของเราต้องตาย”
มือปราบมารฝีมือฉกาจฉกรรจ์คนหนึ่งว่าเสียงกรรโชกลอดไรฟัน ก่อนจะจับคอเสื้อของบุคคลดังกล่าวไว้แล้วลากขึ้นไปบนรถม้า
แต่ชายผู้มีผมสีขาวและชื่นชอบการเข่นฆ่ามือปราบมารตัวแข็งขืนไม่ยอมตามไปแต่โดยดี ทว่าใบหน้าของเค้ากลับสงบเยือกเย็นและเหมือนจะมีแผนร้ายผุดพรายออกมาได้ตลอดเวลา พ่อมดผู้หลงใหลในศาสตร์มืดฝืนตัวขัดขืนกับผู้คุมก่อนจะกวนประสาทด้วยการแสยะยิ้มอย่างเปรมปรี และในโอกาสนั้นเองเค้าก็กระแทกศอกใส่มือปราบด้านหลังจนเป็นอิสระจากการจับกุมในที่สุด
“จับมันไว้!” คนที่จุกเพราะโดนศอกหนักๆ ของกรินเดนวัลด์ตะโกนบอกเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างหลัง และไม่ต้องให้เร่งซ้ำเลย มือปราบสามคนก็ดักหน้าพ่อมดที่บัดนี้โดนยึดไม้กายสิทธิ์จนไม่เหลือเวทมนต์ใดแล้วแต่ก็ยังมีฤทธิ์อยู่ได้
“มานี่เลยไอ้ตัวปัญหา” คนหนึ่งว่าเอาไว้
ก่อนจะเข้าไปลากตัวนักโทษขึ้นไปบนรถม้าจริงๆ
แต่ในเสี้ยววินาทีนั้นกรินเดนวัลด์ก็อ้ามือที่โดนใส่กุญแจมือออก กางมันให้ขยายสัมผัสกับอากาศ ดูเหมือนเค้ากำลังจะปล่อยอะไรบ้างอย่างให้เล็ดรอดออกไปผู้คุมที่กำลังพยายามลากเค้าให้ขึ้นไปบนรถม้า
ไม่ ไม่ใช่
แต่ทว่ามันกลับว่างเปล่า....
“ฤทธิ์เยอะนักนะ ขนาดถูกระงับเวทมนต์แล้วแกยังคิดอีกเหรอว่าจะหนีไปได้น่ะ”
มือปราบมารปิดประตูเหล็กหนากระแทกใส่นักโทษที่เค้าแสนจะชิงชัง ชายผู้ฝักใฝ่ในศาสตร์มืดนั่งอยู่ภายในรถม้าคุมขังอย่างสงบเงียบอยู่เพียงผู้เดียว ไม่ได้มีทีท่าต้องการความเป็นอิสระอย่างเช่นในตอนแรกแล้ว เค้าเงยหน้าขึ้นมาแล้วทอดสายตามองออกไปยังผนังอีกด้านหนึ่งของรถม้าที่ดำมืดตรงหน้าของตัวเอง
มันเป็นมนต์ครั้งสุดท้ายของเค้า นกของเค้าบินกลับมาส่งข่าวแล้วเมื่อวานนี้ และคำบอกเล่าก็ทำให้พ่อมดผู้แสนเจ้าเล่ห์ถึงกับประหลาดใจไปเลยทีเดียว...
เด็กหนุ่มที่ถูกหลอกใช้คนนั้นคือคนสำคัญของเจ้าคนจอมหักหลังนั่นเองหรอกหรือ
กรินเดนวัลด์ยิ้ม ก็น่าสนุกดี.....มนต์ล่อลวงที่บิดเกลียวไปด้วยความเป็นจริงของเค้ากำลังโบยบินไปหาครีเดนซ์แล้ว และไม่ว่าคาถาคุ้มกันของคนทรยศนั่นจะแน่นหนาเพียงใดแต่มันก็คงจะไม่ยากเกินไปนักที่ความแสนเจ้าเล่ห์แสนกลของเค้าจะสามารถกระติกนิ้วล่อเด็กแสนซื่อคนนั้นให้ออกมาได้
มันจะทำยังไงนะถ้าเด็กคนนั้นวิ่งหนีแล้วไม่กลับมาอีกเลย
ผู้สังหารมือปราบมารยิ้มกับตัวเอง
.
.
.
TBC.
-----------------------------------------------------------------------------------------
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!! กกฟกกดหกดฟฟดฟดกด ไม่รู้จะพูดอะไรก่อนเลยค่ะตอนนี้ จะพูดว่าคุณเกรฟส์ดูรีบร้อนและพูดจาส่อเสียดในความหมายเกินไปไหมไม่ว่าจะเป็นไอ้บอกว่า
ให้ “ไปที่เตียงสิ”
“ถอดเสื้อออกสิ” “หลับตาด้วย” โอยยยยยยยยยย
จะปล้ำน้องเหรอคะ?! 555555
//คือแค่ชื่อเรื่องแกมันก็ส่อแล้วป่ะ// คุณเกรฟส์ได้โปรดอย่าใช้คำในแบบสองแง่สองงามค่ะ มันฟังดูไม่ดีไม่งามนะคะ 5555555 อย่าทำน้อง น้องยังไร้เดียงสาอยู่ค่ะ ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ อยู่เลยค่ะ 5555
//สักพักโดนช็อต//
และกรินเดนวัลด์ก็ร้ายเกินค่ะ แต่ก็ยังไม่สุดของเค้าล่ะเนอะถ้าเอาจริงๆ
แบบในเรื่องก็คงจะทำได้มากกว่าปล่อยมนต์แน่นอนเลยค่ะ 5555 เอ....เค้าจะทำอะไรนะ ชักลุ้นซะแล้วล่ะค่ะ ต้องติดตามกันนะคะว่าเค้าจะทำอะไร อีกาตัวนั้นของเค้าถูกเผาไปแล้วค่ะ 5555 //ตอกย้ำ//
อูยยย
แต่น้องครีเดนซ์ก็น่ารักเนอะ
ไม่รู้ว่าไรท์ให้เค้าโนเนะไปไหมนะคะ ต้องรบกวนคอมเม้นท์ของทุกท่านด้วยค่ะ M_ _M จะชอบกันไหมเอ่ย? แต่ไรท์ว่าใสๆ อย่างนี้ล่ะค่ะ มันจะมีผลมากกับแผนการของกรินเดนวัลด์
555555 แล้วน้องก็แสนจะเจ้าน้ำตาด้วยค่ะ เอะอะร้องไห้ เอะอะร้องไห้ อร๊ายยยยยยยยย ไรท์ชอบคนเจ้าน้ำตาค่ะ ดูน่าปกป้อง อิๆๆๆ (แต่การปกป้องมันขัดกับชื่อเรื่องนะโว้ย) เออ....จริงด้วย ตึงงงงง [".."]
อร๊ายยยยย
กุมหัวใจอิชั้นทุกผู้ทุกคนเลย! >< เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ ถูกใจ ชอบใจ หรือพอใจกันไหมเอ่ย? บอกไรท์ด้วยนะเออ ^^ รอติดตาม Part หน้ากันด้วยนะเออ ขอบคุณสำหรับการแวะเวียนเข้ามาอ่านและพูดคุยกันค่ะ ร๊ากกกทุกท่านเลยนะคะ ><
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
1 ความคิดเห็น:
เนื้อเรื่องน่าติดตามมาก อยากรู้แล้วอ่ะว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง น้องน่ารักน่าทนุถนอมมาก คุณเกรฟส์นี่เก๊งเก่งเนอะ ที่สามารถทนอยู่ใกล้สิ่งมีชีวิตที่น่ารักขนาดนี้แล้วไม่จับฟัดได้ ความอบอุ่นของคุณเกรฟส์นี่น่าไปซบอกซะเกลือเกิน รอติดตามตอนต่อไปนะค้าบ กรินเดวัลคงไม่ยอมรามือแน่เลย สงสารน้องอ่า
แสดงความคิดเห็น