วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

[FIC - TMI] + [Part 9] Your Heart……หัวใจนายเป็นของฉัน – Magnus x Alec


  
อ่าาา มาแล้วอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียวค่ะ  ไรท์เขียนได้พอสมควรเลยคิดว่าอย่าอิดออดหรือพิรี่พิไรเลย Ray – Aund เอ็งลงๆ ไปก็แล้วเสียนั่นแหละ //รู้สึกเขียนฟิคไปแล้ว ก็เอียงหน้าหันไปดูบางระจันช่อง 3 กะท่านพ่อบ่อยค่ะ  อินเหลือเกิน -_-*//

Part นี้อเล็คน้อยๆ เราจะออกมาเรียกคะแนนจากรีดๆ อีกแล้วค่ะ //เมื่อไรหนอ วันฟ้าใสจะเป็นของอเล็คบ้าง Y^Y//

ไรท์ได้อ่าน หนังสือชุด TMI แล้วก็ได้อ่านคอมเม้นท์ในเล่มแรกของ Holly Black ค่ะว่า

“ตลก  หม่น  เซ็กซี่  หนึ่งในหนังสือเล่มโปรดของฉัน” //ขออ้างอิงค่ะ//

ไรท์ก็จัดเลยค่ะ  ถึงเราจะไม่ได้เขียนเนื้อหาแบบในเรื่อง  เรื่องตลกนี่ต้องยกให้ตอนที่จิม  เคิร์กนางโผล่มาค่ะ แกว่งปากหาเท้าได้ตลอด  หม่นนี่ก็อเล็คจัดเต็มเลยค่ะ(ไรท์สิเนอะจัดเต็ม -..-) หนูจะน่าฉงฉานไปไหนลู๊กกกกกก TOT!

ส่วนเซ็กซี่นี่....ก็ SEX กระจายเลยค่ะ! 555! มันเป็นเรื่องของอนาคตที่รีดๆ ต้องติดตามนะคะ  แล้ว Fic – TMI เรื่องนี้จะเป็นหนึ่งในเรื่องโปรดของรีดรึเปล่าก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรีดค่ะ ฮาาา //ส่งเสียงหื่น// 5555 – Nc หลุดโลกของคู่นี้ ไม่รู้ไรท์จะยังเป็นคนแรกอยู่ไหมนะคะ 

ส่วนท่านใดอยากเป็นเพื่อนกะไรท์  ไซโคให้ไรท์แต่งให้จบเร็วๆ ก็จิ้มแล้วมาเป็นเพื่อนกันเลยค่ะที่


เฟสไรท์เอง  ยินดีรับแอดเสมอเลยนะค้าาาา  ที่นี้ไรท์ว่าไรท์น้ำลายแตกฟองแล้วล่ะค่ะ  ไปอ่านกันเลยล่ะกันะคะ


------------------------------------------------------------------------------------------


เสียงเอะอะวุ่นวายอันแสนจะแสบแก้วหู ดังอยู่ในห้องหรูราคาหลายล้าน ........ที่นั่นมีหญิงสาวสวยอยู่คนหนึ่ง กำลังยกหูเครื่องมือสื่อสารราคาแพง พูดคุยอยู่อย่างเผ็ดร้อนกับปลายสายซึ่งนั่นก็คือน้องชายของเธอนั่นเอง

“ใช่! ฉันก็บอกแกไปแล้วไงว่าฉันทำไม่เป็น แล้วชาตินี้จะไม่มีวันเป็นด้วย!.......ก็อ้างแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ สิ”

“โธ่....พี่คิดว่าผมจะไม่เบื่อบ้างหรือไง” เสียงปลายสายตอบกลับมา ฟังดูติดจะเบื่อหน่ายจนแทบเต็มกลืนแล้ว “ผมปวดหูชะมัดเวลาคุยกับพี่.....ได้โปรดเถอะ พูดเบาๆ หน่อย”

“ฉันไม่ไปเรียนอะไรบ้าบอที่ไหนทั้งนั้น!

หญิงสาวกระแทกเสียงกลับไป ดูจงใจเมินคำขอร้องของน้องชายแม่เดียวกัน  คนที่ถือปลายสายทำหน้าเบ้

“โทษเจ๊.....ผมแค่แนะนำ  ไม่ได้บังคับ”

“ฉันทนต้องปิดเรื่องบ้าๆ ปัญญาอ่อนนี้ไม่ไหวแล้ว” เธอกรีดร้อง “ฉันต้องแต่งงานกับแม็กนัส”

“อ๋อ ช่ายย เค้าก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่แต่งกับพี่นี่  พูดแปลกๆ ”

“หุบปากไปเลยมิคาเอล  อย่าพยายามกวนประสาทฉัน”

“พี่ก็อย่าเรียกผมด้วยชื่อจริงสิ  มันทำให้ผมนึกถึงแม่....ให้ตาย ผมไม่อยากนึกถึงมัน”

“ แกจะช่วยฉันไหม!

“ยอๆๆ เอลซ่า....พี่มีเรื่องอะไรจะให้ผู้จัดการส่วนตัวผู้ที่ทำได้ทุกอย่างคนนี้รับใช้อย่างนั้นหรือ” คนเป็นน้องว่าเสียงนอบน้อม  แต่ในใจเค้าคิดแค่ว่า พูดอะไรออกไปก็ได้ที่ทำให้เธอคนนี้หยุดวีนเสียทีเถอะ

“ฉันต้องการแต่งงานกับเค้า แล้วเลิกทำเหมือนว่าตัวเองเป็นแม่บ้านที่เค้าไม่เคยเห็นสักที......ฉันเบื่อ” เธอร่ำร้องผ่านโทรศัพท์อีก  เพราะเธอเบื่อเหลือเกินที่ต้องเอาชีวิตรอดจากคำถามเรื่องนั่นนู่นนี่ที่เธอไม่ได้ทำจากคำถามของแม็กนัส

“ก็....แล้วพอแต่งแล้ว เจ้าบ่าวของพี่ก็ตัดสินใจไม่จ้างแม่บ้านสักคนเพราะมั่นใจว่าเจ้าสาวของเค้าเอาอยู่ทุกอย่าง ก่อนที่พี่จะบอกความจริงว่า โทษที ที่รัก ฉันทำอะไรไม่เป็นเลย ฮา ฮ่า!

“ถ้าแกอยู่ตรงนี้ ฉันจะตบแก” เอลซ่าขู่เสียงเย็นเยียบ

“โอ๊ะ พี่จะตบคนที่แย่งงานเดินแบบที่โอกาโฮม่ามาให้พี่ยังงั้นเหรอ แล้วไหนยังจะบทที่ทำให้พี่ได้รางวัลนั่นอีกล่ะ......โอ้ เอลซ่า ผมไม่ได้ทวงบุญคุณเลยนะ”

“รู้ไหม  ฉันไม่แปลกใจทำไมแม่ถึงทิ้งแก”

“ไม่  เอลซ่า....แม่ทิ้งพี่ ก่อนจะทิ้งผม  และผมหาเงินได้จากการอยู่ในห้องอุดอู้ที่มีคอมพิวเตอร์พ่วงสายแลนแค่เครื่องเดียว  ผมเป็นอะไรที่เจ๋งกว่าพี่เยอะเอลซ่า” มิคาเอลอารมณ์เดือดขึ้น  เมื่อพี่สาวพาเข้าเรื่องที่เค้าไม่ชอบ  เด็กหนุ่มเชื่อเสมอว่าเค้าอยู่ได้ด้วยลำแข้งและมันสมองของตัวเอง  ไม่ใช่เพราะแม่ที่ทิ้งพวกเค้าไป

...............จะใครมันก็สวะทั้งนั้น............

“ฉันเห็นด้วย  แต่แกก็น่าจะออกมาจากห้องนั้นได้แล้ว เพราะคอมที่แกซื้อมาใหม่มันจะล้นห้องรู้หนูของแกอยู่แล้วนะรู้ไหม.........โอ๊ย บ้าจริง  แกชวนฉันนอกเรื่องอีกแล้วมิคาเอล”

“เอลเดตเซ่  ผมจะไม่คุยเรื่องชื่อกับพี่อีก! มิคาเอลพูด  เหลืออดแล้วกับเรื่องที่เค้าจะไม่ขอร้องเธออีกแล้ว

คนเป็นพี่หน้าเบี้ยวเมื่อได้ยินชื่อเก่าสุดประหลาดของตัวเอง  เธอหน้าเสียเพราะรู้ว่าน้องชายของเธอเริ่มจะไม่พอใจจริงๆ แล้ว  ถ้าขืนยังเป็นอย่างนี้อีกต่อไปน้องชายอาจจะหมออารมณ์ที่จะช่วยเธอแล้วก็ได้

“โอเคๆ ฉันจะไม่พูดแล้ว.....ทีนี้แกจะช่วยฉันอยู่ใช่ไหม”

มิคาเอลเงียบไป เพราะกำลังยิ้มอย่างพอใจ “ใช่  ตกลงพี่จะเอายังไง”

“หลักประกันว่าแม็กนัสจะแต่งงานกับฉัน และจะไม่เปลี่ยนใจจนกว่าจะถึงเวลานั้น”

มิคาเอลเสียงเรียบ “โดยที่พี่ก็อยากจะให้มันเร็วขึ้นด้วยใช่ไหม”

และใช่  เค้าเดาใจพี่สาวตัวเองถูก........เอลซ่าหัวเราะ  จนมิคาเอลต้องขมวดหน้าตัวเองหน่อยๆ

“ฉันรู้แกอัจฉริยะน้องชาย  ช่วยฉันได้เสมอ....” นักแสดงสาวยิ้มกริ่มและกอดอกอย่างออกจะภูมิใจในเรื่องที่เธอเองก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าน้องชายเธอมหัศจรรย์ในเรื่องไม่ดีมากเพียงใด

“ก็....เมื่อวันก่อนมีสารกระตุ้นรักชนิดใหม่เพิ่งย้ายมาอยู่ในกรุสมบัติของผมน่ะ.....เป็นของดี ผมเพิ่งได้มา” คนอีกด้านหนึ่งของปลายสายโทรศัพท์เอนตัวพิงกับเก้าอี้พลางท้าวแขนเหยียดยาวบนโต๊ะข้างๆ อย่างผ่อนคลาย ราวกับเค้าเป็นจิตแพทย์เมื่อยามมีสามีภรรยามาปรึกษาปัญหาครอบครัว

เอลซ่าดูฟังอย่างตั้งใจ “สารกระตุ้นรักงั้นเหรอ...” เธอทวนคำในขณะที่กอดอกแล้วบิดตัวไปมาอย่างเพลิดเพลิน และเสียงเธอสนใจเป็นอย่างยิ่ง

มิคาเอลยิ้ม “ช่าย  สารกระตุ้นรัก  ตัวนี้ไม่มีขายก็อย่างที่ผมบอกว่ามันเป็นชนิดใหม่  และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น มันอยู่ในรูปของไวน์สำเร็จรูป....อุ ให้ตาย ผมใช้คำโบราณไปรึเปล่านะ  แต่เอาเหอะ ของใหม่ชิ้นนี้ของผมพี่ไม่จำเป็นต้องเทใส่เครื่องดื่มแล้วเขย่าให้มันเข้ากันเหมือนเสาเชค  มันเป็นหนึ่งในส่วนผสมของไวน์ และอีกอย่าง....มันออกฤทธิ์แรง  ผมยกมันให้พี่ได้นะ ถ้าพี่อยากได้”

เอลซ่าตาลุกวาว ริมฝีปากสวยฉาบลิปสติกสีสดยกยิ้มขึ้นอย่างชอบใจ  เธอฟังน้องชายบรรยายสรรพคุณต่อ

“โอ้ว  และถ้าพี่สนใจนะผมมีแผนเด็ดมาเสนอ  แม็กนัสเค้าไม่ชอบดื่มไวน์เท่าไรนักใช่ไหม?  ดูเหมือนเค้าจะเป็นพวกคอทองแดงชอบกระดกเหล้าราคาแพงลงกระเพาะซะมากกว่า  ถ้าพี่สนใจ....ถ้าพี่สนใจนะเอลซ่า  ผมจะส่งมันไปที่คอนโดของเค้า...” ชายหนุ่มผู้เป็นแฮ็คเกอร์ฝีมือระดับหาตัวจับยากตบมือบนแป้นคีย์บอร์ด เจาะเข้าฐานข้อมูลของที่พักแม็กนัส

“....และระบุว่าให้คนดูแลใส่มันไว้ในที่เก็บของมึนเมา....บลาๆๆๆ  พอเค้าเจอเค้าก็จะไม่แตะมันเด็ดขาดเพราะไวน์สำหรับเค้าเอาไว้ฉลองกับคนอื่นเท่านั้น  ทีนี้ พี่ก็ทำทีเป็นเข้าไปบ่นว่าอยากดื่มไวน์แล้วเปิดดื่มกันสองคน  แล้วก็บิงโก้! ผมจะติดกล่องไว้ก่อนพี่จะเข้าไป....จากนั้นถ้าเค้าอยากมีแฟนหรือแต่งงานกับคนอื่น  เค้าก็ดิ้นจากพี่ไปไม่หลุดแน่” สายตามิคาเอลเหมือนเริ่มง่วงนอน  เค้าฝืนความรู้สึกอยากหาวเอาไว้

เอลซ่าหัวเราะเสียงสุขใจอกมา  รู้สึกทึ่งเสมอกับความคิดที่ชั่วร้ายกว่าเธอเป็นไหนๆ

โธ่เอ้ยน้องชาย....ทำไมแกไม่ไปเป็นผู้จัดละครซะนะ  มันช่างโดนใจฉันเสียจริงๆ เลย”

แต่น้องชายเธอไม่ได้ตัวลอยกับคำชมด้วย “ตกลงพี่สนใจไหม?”

“อืม....ฉันสนใจสิ”

“ผมก็คิดว่างั้นล่ะ” มิคาเอลพูดจบเป็นเวลาเดียวกับที่เค้ากดปุ่มยืนยันข้อมูลปุ่มสุดท้ายเสร็จพอดี

..........วันพรุ่งนี้ไวน์ยี่ห่อ Shiras จะถูกส่งไปเก็บไว้ยังห้องของแม็กนัส   เบน.........

ใครกันว่าเอลซ่าเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถและโชคดี......ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอล้วนมาจากสิ่งที่น้องชายของเธอดลบันดาลมาให้ทั้งนั้น

เพราะมิคาเอลเป็นคนเก่ง...........

เค้าคืออาวุธลับของเอลซ่า

.

.

.


********************************************************************


ช่วงอากาศของวันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส  มีเมฆกระจายไปทั่วในย่านแสนสวยแห่งนี้ค่ะ.....

ติ๊ก  ติ๊ก  ติ๊ก....

“หือ”

ไม่มีเมฆฝนปรากฏค่ะ....

ติ๊ก  ติ๊ก....

“หะ เหวออออ! ฝนรั่วอีกแล้วว!” ร่างเล็กที่ก้มหน้าก้มตาขีดเขียนอยู่บนหน้ากระดาษดีดตัวขึ้นมาจากพื้น แล้ววิ่งโร่หาต้นเสียงที่มานั้นทันที

อเล็คยืนจังก้ากำดินสออยู่ในมือ  คิ้วเข้มขมวดมุ้นพยายามทั้งมองและฟังหาต้นเสียงที่ว่า  แล้วเค้าก็ต้องแทบโยนดินสอในมือทิ้งไปเลยเมื่อเจอเข้ากับรอยรั่วเจ้ากรรม

“ว๊ากกก!  หนังสือช้านนน!

ร่างเล็กๆ ที่ยังไม่ฟื้นแรงดีวิ่งโร่หาภาชนะรองน้ำที่หยิบคว้ามาได้ในขณะนั้นมารองจุดที่น้ำไหลหยดลงมา  นั่นคือบนชั้นหนังสือของเค้านั่นเอง

“โอ๊ย ไม่ๆๆๆ ไม่น้า...ได้โปรดเถอะ  อย่าเปียกเลยนะ อย่าซึมลงไป” อเล็คร่ำร้องในขณะที่แว่นที่เค้าใส่ในเวลาอ่านหนังสือเพราะเค้าค่อนข้างสายตาสั้น เอียงกระเท่เล่จากจมูกโด่งสวยไปเล็กน้อย เพราะเค้ากระวีกระวาดมากเกินไป

เค้ายืดตัวอยู่บนโต๊ะขาสั้นที่เรามักจะเห็นกันในร้านหนังสือ  ยืดแขนขึ้นไปรองน้ำฝนที่รั่วลงมาจากเพดานและไม่สามารถขยับไปไหนได้อีกเลย.....เป็นเพราะชั้นหนังสือของเค้าสูงเกินไป อเล็คจึงไม่สามารถยืดตัวเอาภาชนะขึ้นไปวางบนชั้นสูงสุดได้

หนังสือที่เค้ารักยังคงไม่ปลอดภัย........

ร่างเล็กตัวขาวซีดยังคงยืดตัวอย่างพยายามต่อไปและหมดหนทางที่จะคิดหาวิธีรักษาหนังสือของเค้าเอาไว้  จนกระทั่งเสียงเคาะประตูที่อยู่ไม่ไกลออกไปดังขึ้น

“ขอโทษนะครับ  เอ่อ อเล็ค...คุณอยู่ในนั้นรึเปล่า” และหลังจากเสียงเคาะประตู เสียงที่ฟังดูไม่แน่ใจก็ดังขึ้น  อเล็คตัวเอนไปมาครู่หนึ่งก่อนจะรีบตอบออกไป หลอดไฟใกล้พังกระพริบอยู่ข้างหัวเค้า หลังจากที่เค้าเปิดมันตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว

“ครับ! อยู่ครับ! ผมอยู่ในนี้...อุ หวะ เหวอออ!

โครมม!

“อเล็คคุณโอเครึเปล่า?”

“อึก โอ๊ยย” แต่อเล็คตอบไม่ได้เพราะกำลังกุมเอวและโอดครวญอยู่  เมื่อไม่มีเสียงตอบรับกลับออกไปคนที่ยืนเคาะอยู่จึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาทันที

“ผมขอเข้าไปนะอเล็ค  คุณเป็นอะไร....โอ้! พระเจ้าช่วย  คุณเป็นอะไรรึเปล่าอเล็ค?!

คนที่เพิ่งแง้มประตูเข้ามายังไม่เต็มบานดีก็ต้องตกใจเมื่อเห็นอเล็คนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้น  ร่างเล็กที่ใส่เสื้อสเว็ตเตอร์ยังไม่ขยับตัวไปไหน  สเว็ตเตอร์ตัวโคร่งของเค้าเลิกขึ้นสูงเล็กน้อยทำให้เห็นเอวเปลือยเปล่าที่ขาวยิ่งกว่ากระดาษ

หนุ่มใส่แว่นที่เพิ่งเข้ามากลืนน้ำลายเล็กน้อย  ก่อนจะวิ่งเข้าไปดูอเล็คที่พยายามลูกขึ้นและทำเหมือนว่าตัวเองไม่เป็นอะไร  ร่างเล็กเจ้าของห้องบอกปัดหน้ายังคงมีแววว่าเจ็บปวด

“ไม่ๆๆ ไม่หรอกผมไม่เป็นอะไร  แค่ล้มลงมาเฉยๆ เหมือนทุกทีที่ฝนตกแบบนี้นั่นล่ะ....เอ่อ แต่ว่าหนังสือของผม” อเล็คกัดริมฝีปากบางเชียบของตัวเองก่อนจะยันพื้นและลุกขึ้นอย่างไม่สู่ดีนัก  แต่หนุ่มแว่นที่รู้จักเค้ากลับดันตัวอเล็คไว้ แล้วพูดน้ำเสียงสุภาพ

“เอ่อ  คุณอยู่นี้ดีกว่า  เดี๋ยวผมไปดูให้เอง.....ตรงชั้นหนังสือคุณใช่ไหม”

อเล็คพยักหน้า  ไม่รู้จะขอบคุณคนข้างห้องผู้มีน้ำใจคนนี้ยังไงดี และทำหน้าเหยเกทันทีที่หนุ่มแว่นคนนั้นหันให้เค้า

“อูย.....” เค้าพึมพำกับตัวเอง  ก่อนที่ร่างผอมแห้งซึ่งสูงกว่าเค้าจะหยิบภาชนะที่อเล็คทำตกกระเด็นก่อนหน้าขึ้นมาแล้ววางมันลงบนชั้นสูงสุดของชั้นหนังสืออย่างง่ายดาย.....วิกฤตการณ์ชั้นหนังสือเปียกน้ำของอเล็คได้รับการบรรเทาแล้ว

อเล็คถอนหายใจ ก่อนจะพาตัวเองมานั่งบนเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุดอย่างแนบเนียนว่าเค้าไม่เป็นอะไร  แต่จริงๆ แล้วสะโพกปวดแปล็บไปหมดแล้ว

หลอดไฟในห้องกระพริบแปลบปลาบอีก  ชายหนุ่มร่างสูงผอมที่เพิ่งเข้ามาใหม่อย่างไร้การเอ่ยชื่อเหลือบมองขึ้นไปผ่านกรอบแว่นหนาเตอะของเค้า แล้วทำหน้ายิ้มๆ

“ดูเหมือนวงจรที่สี่ของคุณจะมีปัญหาอีกแล้วนะ”

อเล็คทำหน้าเจื้อนเพราะไม่อยากรบกวน “โอ้ ขอบคุณคารล์” แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะเกือบทุกครั้งคารล์จะเป็นคนแก้ปัญหาเรื่องไฟเปิดไม่ติดให้กับเค้า

เพราะว่าเด็กหนุ่มไฮลสคลูแว่นหน้าเตอะเด็กเนิร์ตตัวยงของแท้คนนี้อยู่ข้างห้องของอเล็คนี่เอง  และเค้าก็เรียนเรื่องวิศวะช่างกล....เค้าเก่งมากๆ เรื่องไฟฟ้า เหมือนแม็กซ์ในเรื่อง The Amazing Spider-Man 2 เพียงแต่คารล์เป็นคนที่อัธยาสัยดีและชอบช่วยเหลือคนอื่นไม่ว่าใครทั้งสิ้น  อเล็คก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

หลายครั้งที่คารล์เคยช่วยอเล็ค และอเล็คก็เคยช่วยเด็กหนุ่มด้วยเช่นกัน  เพราะพวกเค้าเป็นคนนิสัยดีทั้งคู่  คารล์ค่อนข้างจะเก็บตัวหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่เค้ารัก เลยไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก  เช่นเดียวกับอเล็ค  แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่คารล์ไม่เคยพลาดนั่นก็คือ คอยซ่อมไฟที่ไม่ติดให้อเล็ค.....เค้าใจดีมาก

เด็กหนุ่มแว่นเนิตร์แก้ไขข้อบกพร่องที่แม้แต่ช่างไฟก็ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ ในการหาสาเหตุ เสร็จภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที  เค้าพูดเสียงร่าเริงตามแบบไปด้วยอมยิ้มไปด้วย  ราวกับว่าเค้ามีความสุขที่ได้แสดงความสามารถ

“ผมบอกคนดูแลแล้วนะว่าต้องรื้อเพดานคุณออกมาถึงจะแก้ไขปัญหาเรื่องวงจรที่สี่ที่ทำให้ไฟหลักไม่ติดได้  แต่เธอไม่ฟังผมเลย...”

“โอ้ ขอบคุณคารล์....แค่คุณมาช่วยผมตอนที่มันไม่ติดก็ดีแค่ไหนแล้ว  อย่าให้ผมรู้สึกผิดเพราะทำคุณลำบากเลย” อเล็คทำหน้าจนใจ และไม่รู้จะขอบคุณยังไงดีแล้วกับเด็กเนิตร์ที่มองโลกในแง่ดีตรงหน้า

“แต่ผมซ้อมให้แล้ว  อีกสองอาทิตย์ผมจะมาดูอีก เพราะมันจะเสียอีกในตอนนั้น......คุณป่วยหรืออเล็ค ตอนไปโรงเรียนผมไม่เห็นคุณรับออเดอร์อยู่หน้าร้านเลย”  คารล์เอ่ยถาม  ไม่ได้หยุดพักยังคงเดินไปที่ชั้นหนังสือซึ่งมีรอยรั่วของอเล็ค.......เค้าดื่มกาแฟก่อนไปโรงเรียนทุกวัน

“อ๋อ  เอ่อ  อืม ใช่....ผมกำลังจะหายน่ะ”

“เสียงแบบนั้นผมคิดว่าคุณน่าจะยังไม่เข้าใกล้คำนั้นซะเท่าไรนะอเล็ค”

อเล็คยิ้มแห้ง แม้หนุ่มแว่นไม่ได้หันมองเค้าอยู่ก็ตาม  แต่อเล็คก็มีอาการเนียมอายน่ารักๆ เป็นของตัวเองเสมอ

คารล์เดินออกไปนอกห้องแล้วกลับเข้ามาใหม่พร้อมด้วยอะไรสักอย่างที่อเล็คก็ไม่รู้จัก  ร่างเล็กกุมรอบเอวตัวเองด้วยมือทั้งสองข้าง เพราะอาการปวดแล่นมาด้านหน้าแล้ว ร่างบางรู้สึกเจ็บท้องน้อยชะมัดเลยล่ะตอนนี้

............ป่วยไม่พอ แล้วยังจะมาเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะฝนรั่วอีก  บ้าจริงๆ เลยเชียว...........

“งั้นก็ดูแลตัวเองดีๆ นะครับ  ผมก็ว่าจะมาถามคุณหลายวันแล้วว่าเป็นอะไรรึเปล่า แต่ก็ไม่กล้ากลัวคุณยุ่งอยู่” หนุ่มแว่นดีกรีสมองเพชรพูดโดยไม่มองหน้าอเล็ค เมื่อเค้าก้าวขึ้นเก้าอี้ข้างชั้นหนังสือของอเล็ค แล้วจัดการกับรอยรั่ว

อเล็คยิ้มบางๆ แต่มันก็เป็นรอยยิ้มที่น่าดูมาก “หึ  ผมจะมีอะไรให้ยุ่งล่ะ อยู่คนเดียวกับกองหนังสือเก่าๆ และก็ทีวีช่อง NET GEO PLEPLO .....อ๋อ และก็ขอบคุณมากนะ”

“นั่นผมมีสิทธิเป็นห่วงในฐานะคนข้างห้อง  และอีกอย่างอเล็ค หนังสือคุณเป็นระเบียบมากเลยนะ คุณทำให้หนังสือเก่าๆ ดูน่าอ่านขึ้นมาได้อย่างมหัศจรรย์เลยล่ะ” คารล์พูดในขณะที่เค้าอุดรอยรั่วบนเพดานเสร็จแล้ว และเดินลงมา หันมามองหน้าอเล็คแล้วยิ้มจนริมฝีปากเหยียดไปอีกมุมหนึ่งของแก้ม

อเล็คอดยิ้มตอบแบบนั้นบ้างไม่ได้  แต่ที่เค้ายิ้มได้ไม่ถึงขนาดนั้นเพราะปากเค้าค่อนข้างเล็ก  ร่างบางเอ่ยคำขอบคุณอีกครั้ง.........มีหลายครั้งที่เด็กไฮสคลูข้างห้องนี้ไม่มีอะไรยัดใส่ท้อง อเล็คก็จะเป็นคนเสนอความช่วยเหลือด้วยอาหารที่ทำง่ายและวัตถุดิบไม่มากมายนักให้เสมอ

.............แม้คนเมืองที่เร่งรีบอยู่ตลอดเวลาจะไม่รู้จักคำว่าความมีน้ำใจให้แก่กัน  แต่สำหรับอเล็คแล้วเค้าคิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่เราไม่ลืมที่จะมีน้ำใจให้คนอื่น เพราะอาจมีบางคนที่คิดเหมือนกันเช่นเดียวกับเค้า  อเล็คมองโลกในแง่ดีเสมอ...........

และแม้เค้าเจ็บ  เค้าก็จะบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร..........

เด็กหนุ่มใส่แว่นหนาเตอะ ดันขอบแว่นของตัวเองขึ้น  ในขณะที่เดินผ่านกองสมุดและหนังสือของอเล็คที่วางเกลื่อนอยู่บนพื้นหน้าทีวี แต่ทว่าดูมีระเบียบในขณะเดียวกัน  คารล์ลอบมองมันแล้วเงยหน้าขึ้นมาหาอเล็คที่เริ่มจะชินกับอาการเจ็บแล้ว

“คุณศึกษามันถึงไหนแล้วล่ะ?”

อเล็คทำหน้าตามไม่ทันใส่ เพราะเพิ่งจะหันมามองคารล์ที่อยู่ไม่ห่างออกไปนัก  คนถามพูดต่อ

“ผมว่าร้านของคุณคงจะน่าเข้าน่าดูเลย  เพราะคุณดูใส่ใจและละเอียดอ่อนกับมันเหลือเกินหนิ” คารล์พูดยิ้มๆ แล้วยักไหล่  เค้าเคยบอกอเล็คว่าถ้า อเล็คเปิดร้านของตัวเองได้เมื่อไร เค้าจะเข้าไปอุดหนุนเป็นคนแรกเลยล่ะ

ร่างบางเจ้าของห้องและความฝันที่ว่าจะเปิดร้านเป็นของตัวเองยิ้มบางดูมีเสน่ห์อีกครั้ง ก่อนตอบออกไป “ผมเพิ่งดูรายการที่พาไปเที่ยวในอิตลีน่ะ.....มีร้านกาแฟอยู่ร้านหนึ่ง สไตล์การแต่งร้านน่าสนใจมาก ผมก็เลยจดสิ่งที่น่าจะมีอยู่ในร้านของผมอีกนิดหน่อย”

เด็กหนุ่มแว่นหนาเตอะยิ้มอย่างชื่นชม “คุณมีจินตนาการ”

“ผมรู้ แต่ร้านของผมในอนาคตไม่ได้ต้องการแค่จิตนาการแต่มันต้องการเงินทุนด้วย”

โอ้.....แต่ผมเชื่อว่าสุดท้ายแล้วคุณจะทำได้  เพราะคุณเป็นคนที่ขยันและจริงจังมากๆ และคุณก็รักร้านลาเฟต์” คารล์อุทานออกมาเมื่อเห็นอเล็คทำหน้าเศร้า แต่แล้วร่างที่สูงกว่าและอายุน้อยกว่าก็พูดให้กำลังใจ  เค้าพูดและมองไปที่รูปวาดของร้านลาเฟ่ต์หลายๆ แบบที่อเล็คเป็นคนออกแบบ  เจ้าของรูปมองตาม

“ใช่  ผมอยากเปิดร้านของตัวเองจริงๆ นั่นแหละ  ขอบคุณนะที่คุณเข้ามาดูผมและ เอ่อ  ช่วยซ่อมไฟกับรอยรั่วน่ะ  คุณเป็นคนดีจริงๆ ” อเล็คเดินไปส่งคารล์ที่ประตูเพราะเห็นว่าเจ้าตัวเดินออกไปทางประตู เนื่องจากไม่อยากจะรบกวนเวลาพักผ่อนของอเล็คแล้ว 

ร่างบางเอื้อมมือไปปิดวิทยุที่พยากรณ์อากาศมั่วซั่วอีกแล้วในวันนี้ในระหว่างที่เดินผ่านมัน  และหยุดเดินเมื่อคารล์หันกลับมาหาเค้าราวกับเพิ่งจะจำอะไรได้

“อ๋อ ใช่สิอเล็ค  ผมเคาะประตูคุณเพราะคนดูแลข้างล่างฝากนี้มาให้คุณน่ะ”

เด็กหนุ่มว่า พลางหยิบของบนพื้นที่เค้าวางทิ้งไว้ขึ้นมาให้อเล็ค  คนที่ได้รับการหยิบยื่นทำหน้าประหลาดใจเล็กๆ ก่อนจะรับมาแต่โดยดี  ร่างบางเอ่ยปากขอบคุณตามมารยาท ก่อนหนุ่มแว่นข้างห้องเค้าจะขอตัวกลับไปหมกมุ่นกับโปรเจคที่เค้าจะต้องส่งอาจารย์ในสุดสัปดาห์นี้ต่อ

ชายหนุ่มร่างบางปิดประตูแล้วใช้หลังยันมันไว้ก่อนจะอ่านจ่าหน้าของจดหมายแล้วเปิดดู

.........มาจากพ่อกับแม่ของเค้า........

พอเปิดดูอเล็คก็ทำหน้าเบ้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวทันที

บิลค่าน้ำ , บิลค่าไฟ , บิลค่าเช่าบ้านจากบริษัท , บิลค่าเสื้อผ้าของอิซาเบล , ฯ

ก่อนจะพลิกไปเจอบิลอื่นๆ อีก  ร่างบางที่อ่อนระโหยโรยแรงก็เจอเข้ากับกระดาษลายมือหวัดๆ อ่านไม่น่าจะออกของแม่

อเล็ค....
แม่กับพ่อและอิซี่ตัดสินใจแล้วว่ารายจ่ายเดือนนี้จะยกยอดมาให้แกเป็นคนจ่าย เพราะเงินของเราไม่พอจะยาไส้ในเดือนนี้  น้องต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะ แกเป็นพี่คนโตของบ้านต้องดูแลเรา

จากแม่ของแก.....

ร่างบางทิ้งเปลือกตาลงอย่างอ่อนแรง  เจ้าตัวก็นึกว่าจดหมายปริศนาที่ไหน ที่แท้ก็ใบแจ้งให้จ่ายบิลค่านู่นนั่นนี่ของบ้านนี่เอง

แล้วที่นี้เมื่อไรจะได้เปิดร้านของตัวเองสักทีล่ะ......คนตัวขาวคิดในใจ ก่อนจะยัดทุกอย่างเข้ากระเป้าสะพายเพื่อเตรียมไว้จ่ายในครั้งต่อไปที่เค้าออกจากบ้าน

..........แต่ถึงยังไงพวกเค้าก็เป็นครอบครัว  อเล็คใจอ่อนและรักพวกเค้ามากเกินกว่าจะเมินเฉย แม้เงินเดือนในเดือนนี้เค้าจะใช้จ่ายบิลทั้งหมดนี่ไม่พอก็เถอะ แต่เงินเก็บสะสมในบัญชีพอจะช่วยเค้าได้  ทำยังไงได้ก็นี่ครอบครัวเค้านี่นา...........

เมื่อเก็บใบแจ้งบิลใส่กระเป้าไปเรียบร้อยแล้ว  อเล็คก็กลับมานอนคว่ำหน้ากับเหล่าสมุดบันทึกของเค้าต่อ ร่างบางทำหน้านิ่วเมื่อรู้สึกเจ็บที่กระดูกด้านหน้าตรงท้องน้อย กำลังคิดว่าที่ร้านของเค้าน่าจะมีเคาเตอร์เซอร์วิดด้วยดีหรือเปล่า


.


.


.


TBC.


------------------------------------------------------------------------


ภาระอเล็คเราอีกแหละ  คุณพ่อคุณแม่และน้องสาวน้องชายที่เคารพนี่ T^T

แต่ว่าไรท์รู้สึกชอบน้องชายของเอลซ่านะคะ  เค้ากวนประสาทพี่สาวดี และน้องชายคนนี้ก็ไม่ได้แคร์พี่สาวของเค้าเสียเท่าไรหรอกค่ะ  เพียงแต่ว่าการแก่งแย่งของคนอื่นมามันทำให้เค้ารู้สึกสนุกเพียงเท่านั้น

He โดนจริงๆ เลยค่ะ 5555555  และใน Part หน้าจะเป็นอย่างไรท์อย่างลมติดตามกันนะคะ  ขอบคุณสำหรับการติดตามมากๆ เลยค่ะ  รักเสมอออ

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund


2 ความคิดเห็น:

Rockettear กล่าวว่า...

ชีวิตนี้ยิ่งกว่านางซิน
นำแสดงโดย อเล็ค ไลท์วู้ด
มีพระเอกเป็นเจ้าชายอสูร
นำแสดงโดย แม็กนัส เบน
เข้าฉายในปี 2019

แม็กนัสสสสสสส ไอ้บ้าาาาาา

Cindy2202 กล่าวว่า...

งื้อ มา 2 พาร์ทติดดดด ฟินเลยยยยยยยย
แง้ๆ แม็กนัสแย่ๆๆๆๆ ไม่รู้เลยว่าใครสำคัญญญญ
คุณพ่อคุณแม่ ค่าใช้จ่ายมันไม่เกี่ยวกับอเล็คเลยนะค่ะะะะะะะ
อินค่าาาาาา รอต่อเลย รักคู่นี้มากกกกก