วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

[SF – TASM 2] + [Part 1] Winter Wonderland...มหัศจรรย์ แดนเหมันต์ – Peter x Harry



สวัสดีค่ะสาวก Peter และ Harry ทั้งหลายยยยยย ^0^ มาคั้นรายการด้วย SF สั้นๆ กันสักเรื่องนะคะ (นี่สั้นเหรอ?)  ไรท์ขอบอกเลยค่ะว่าแนวๆ นี้ไรท์ไม่เคยเขียนมาก่อน  ในดินแดนหมันต์ที่ไม่มีใครรู้จักเนี่ยยยย  เป็นถิ่นของพ่อพีทเค้านะคะ

และต้องขอเรียนก่อนเลยว่าเดิมทีไรท์จะเขียนเป็น Nc ค่ะ แต่ว่าสาถะยายซะยาวเลยถ้าจะต่อด้วยฉากบ่ะๆ โอ้ บ่ะๆ มันก็จะยาวเยียดเกินไป  เพราะงั้นไรท์เลยตัดฉับเอา SF นี่เป็นการเริ่มต้นของพวกเค้าล่ะกันค่ะ  //สักพักรีดเดินมาตบหัวโยก+แว่นเบี้ยว//

ใจเยนๆ น่า.....ถือซะว่าดื่มด่ำความเป็น The Amezing Spider-Man 2 ให้หายคิดถึงกันไปล่ะกันนะคะ ^^   [SF – TASM 2] ก็คือ [SF – The Amazing Spider-Man2]  นะคะเพราะว่าชื่อแฟนดอมก็ยาว  ชื่อเรื่องก็ยาวเดียวมันจะยาวเกิ๊นน่ะค่ะ ^.^^  แต่อย่างไรไม่ว่าจะเรื่องไหนๆ แฮร์รี่น้อยก็ยังน่าเศร้าอยู่ดี TWT

เอาล่ะค่ะ  เชิญไปรับชมกันเลยค่ะ  ไรท์เพิ่งจะบุกเบิกแนวของตัวเอง  ดีไม่ดียังไงก็ช่วยติชมด้วยนะคะ  ไปอ่านกันเลยค่าาาาา ><


----------------------------------------------------------------------------------------------


หิมะโปรยปราย

บางเบา  และเย็น

ลอยละล่องตกลงสู่พื้นอย่างนุ่มนวล  ราวกับขนนกที่หลุดลุ้ยออกของลูกนกตัวน้อยๆ  

คล้ายหิมะแรกของฤดูหนาว  หากแต่ว่าไม่ใช่............

มันคือเกล็ดหิมะโปรยปรายแห่งแดนเหมันต์  ที่ซึ่งหนาวและขาวโพลนตลอดกาล  หิมะน้อยหล่นลงมาตามเวลาของมัน และหยุดไปเมื่อถึงเวลา เพื่อสร้างความสมดุลแก่ดินแดนแห่งนี้

ร่วงโรยแล้วร่วงโรยเล่า  หิมะต่างร่วงโรยไปทั่วดินแดน  และที่นี่ก็เช่นกัน.......

มันร่วงโรยลงมาท่ามกลางต้นสนใหญ่น้อยที่เรียงรายกันอย่างไม่เป็นระเบียบแต่ทว่าสวยงามอย่างน่าประหลาด  และตรงนั้น......

ท่ามกลางต้นสนน้อยใหญ่ที่ขึ้นอยู่เต็มผืนป่าสีขาว  พื้นที่ลาดหลุมจนเหมือนรังนกขนาดใหญ่ รอบด้านคือต้นสนที่ถูกเกาะกุมด้วยเกล็ดหิมะขาวสะอาด  หิมะร่วงโรยลงอย่างเบาบางและนุ่มนวล

แต่ทว่าตอนนี้กลับเย็นเยียบเสียแล้ว  สำหรับคนที่นอนคุดคู้ไม่ได้สติอยู่เป็นเวลานานตรงนั้น..........

ร่างน้อยๆ ร่างหนึ่งนอนไร้สติอยู่ในพื้นที่ลาดหลุมนั้นราวกับถูกโอบอุ้มและรองรับไว้ด้วยความหนาวเย็น..........

เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนเหลือบทอง  ผิวขาวซีดไร้ชีวา  บาดแผลตรงโหนกแก้มเช่นเดียวกับริมฝีปากที่ช้ำเลือดและโดนแช่แข็งไปพร้อมๆ กับร่างกายเล็กบางที่น่าสงสาร


.


.


.


***************************************************


“แก! ออกไปนะ  เจ้าเด็กประหลาด อย่ามาเล่นกับลูกฉัน!

“ตะ แต่ว่าผมเปล่า....”

“ออกไป! ทีหลังก็อย่ามาเล่นกับลูกของเราอีกนะ!

ปัง!!

“ผม....เปล่า” เสียงปิดประตูกระแทกใส่หน้าของเด็กน้อยอย่างแรงจนเค้าเองก็เผลอสะดุ้ง  หลังจากที่ลูกของผู้หญิงเมื่อครู่วิ่งแจ้นมาบอกแม่ของตนในเรื่องที่ไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย  จนทำให้เด็กหนุ่มที่ตัวเล็กเกินกว่าเด็กคนอื่นๆ คนนี้ต้องเดือดร้อนและถูกมองว่าเป็นเด็กที่ชอบรังแกเด็กคนอื่นๆ

............แต่สิ่งนั้นก็เป็นเพียงแค่คำโกหกเท่านั้นเอง..............

การที่โดนคนอื่นรังเกียจนี่สิร้ายกาจกว่า 

การที่เป็นในสิ่งที่เลือกไม่ได้ มันผิดด้วยหรือ?........แฮร์รี่เคยตั้งคำถามกับตัวเองในคืนอันมืดมิด กับกองไฟที่ใกล้มอดดับ ภายใต้บ้านร้างเก่าๆ แห่งหนึ่งในชานเมือง

ทุกวันเด็กหนุ่มสาวทุกคนในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้จะมีแม่เป็นคนเตรียมอาหารไว้ให้ทุกวันหลังจากกลับมาจากเล่นสนุก  แต่แฮร์รี่ต้องเดินลึกเข้าไปในป่าเพื่อหาสิ่งที่เค้าคิดว่ากินได้  ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรก็ต้องไป.....ฤดูร้อน  ฤดูฝน  หรือไม่ว่าจะเป็นฤดูหนาว

แฮร์รี่อยู่ด้วยตัวคนเดียวและทำใจไม่สนคำครหาของคนรอบข้างมานานแล้ว

“แก ไอ้ตัวประหลาด....ทำให้ดูหน่อยสิว่าแกทำอะไรได้”

“ใช่ บอบท์มันบอกกับเราและแม่มันว่าเห็นแกทำอะไร....ทำให้ดูหน่อยสิ”

“ให้ตาย  เลิกยุ่งกับฉันสักที ฉันทำอะไรไม่เป็นทั้งนั้นแหละ” เด็กน้อยทำหน้าไม่สู่ดีนัก

“เป็นสิ...แกน่ะทำเป็นแน่”

กลุ่มเด็กพากันผลักตัวของแฮร์รี่ไปมา

“โอ๊ย เลิกยุ่งกับฉันสักที!

แฮร์รี่รู้สึกโกรธมาก และพอรู้ตัวอีกทีเด็กพวกนั้นก็พากันกระจายเกลื่อนไปบนพื้นแล้วมองมาทางเค้าด้วยสายตาหวาดกลัวระคนตกใจ 

“ฉะ ฉันเปล่านะ....ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น  พวกนายเป็นอะไรไหม....”

ว๊ากกก เจ้าเด็กประหลาดนี่จะฆ่าพวกเรา!

และก่อนจะทันได้แก้ไขอะไร  เด็กๆ พวกนั้นก็วิ่งแจ้นออกไปเสียแล้ว  แต่ใช่ว่าจะเข็ดหลาบเสียทีเดียว 

หลายปีต่อมาแฮร์รี่หาเงินได้และใช้มันซื้ออาหารได้ด้วยเงินอันน้อยนิดของเค้า เค้ามีที่อยู่ซึ่งถูกซ่อมแซมจากบ้านร้างหลังที่เป็นที่พักพิงเดียวของเค้า  ทุกอย่างดูจะเปลี่ยนแปลง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด

“ไง แฮร์รี่น้อย...วันนี้จะไปทำอะไรล่ะ ไปหาเงิน หรือหาเรื่องก่อกวนเค้าไปทั่วล่ะ ฮ่าๆๆ”

“ฮ่าๆๆๆ”

เสียงหัวเราะแหบห้าวดังขึ้นดักทางเดินของแฮร์รี่  และไร้วี่แววว่าจะหลบหายไป

แฮร์รี่ซุกมือในกระเป๋าแจ็คเก็ตหนังตัวเก่งและไม่ได้หันไปมอง............เค้าชินชา  ไร้ความรู้สึกกับทุกคำพูดและการกระทำที่ผ่านมา  ซึ่งล้วนแต่ไม่เป็นห่วงความรู้สึกของเค้าทั้งสิ้น  ทุกคนมองว่าเค้าประหลาดและยากที่จะสนทนาด้วย......แฮร์รี่กลายเป็นไร้หัวใจเมื่ออยู่ท่ามกลางคนพวกนี้

และในเช้าวันนั้นของฤดูหนาวแรกของปี  แฮร์รี่ไม่ได้ไปทำงาน และได้แผลกลับมาที่โหนกแก้มกับริมฝีปากหลังจากที่มีเรื่องกับคนน่าหงุดหงิดพวกนั้น........แฮร์รี่เกือบยับเยินและสลบไป

พวกนั้นทิ้งให้เค้านอนจมกองหิมะและไม่มีใครสนใจอีกเลย................


.


.


.


********************************************************************************


พวกนั้นทิ้งให้เค้านอนจมกองหิมะและไม่มีใครสนใจอีกเลย................

“ฮะ!  อึก....” ร่างเล็กๆ ที่เย็นเหยียบสะดุ้งตื่นและรู้สึกเจ็บแปลบตรงกระดูกสันหลัง  แขนขาเกือบชาดิกและไร้เรี่ยวแรงที่จะขยับ

ที่นี่ที่ไหน..........

แฮร์รี่ไม่เคยมาที่นี่มาก่อน  แม้แต่ป่าที่ลึกที่สุดของหมู่บ้านก็ไม่ใช่  เค้ารู้แต่เพียงว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนกองหิมะที่นุ่มสบายและเย็นมาก

แพขนตาหรี่ขึ้นและกระพริบไปมาช้าๆ อย่างอ่อนแรง  บาดแผลตรงริมฝีปากและโหนกแก้มขาวแห้งกรังไปแล้วและน่าประหลาดที่เค้าไม่ได้รู้สึกเจ็บแสบแต่อย่างใด

ร่างน้อยถูกปกคลุมด้วยหิมะบริสุทธิ์เกือบครึ่งตัว  แฮร์รี่นึกว่าเค้าโดนพวกน่าหงุดหงิดพวกนั้นพามาทิ้งไว้ในป่าที่ไม่มีใครพบเห็น.......และนั่นท่าจะจริง  แฮร์รี่คิด

“ฮึก....”

ขยับไม่ไหวแล้ว......แฮร์รี่แนบหน้ากับพื้นหิมะ  และเริ่มคิด  บางทีหากเค้าหายไป  คนที่นั่นอาจจะไม่มีใครได้ทันคิดหรือสนใจว่าเค้าหายไปไหน

บางทีถ้าเค้าหลับไป อาจจะไม่ได้ตื้นขึ้นมาอีกเลยก็ได้

ก็อาจจะดีเหมือนกัน

แพขนตายาวซึ่งถูกเกาะด้วยเกล็ดความเย็น เริ่มทิ้งตัวลงด้วยความเหนื่อยล้า  แต่ทันใดนั้นหูที่กำลังจะเลิกรับเสียงส่งไปยังโสตประสาทก็แววได้ยิน

“ไอ้หัวขโมย! อย่าหนีนะ!!

“ไม่หนีก็โง่ดิ ลุงอ้วน”

“หนอยยย  ไอ้เด็กเหลือขอ! แกกลับมานี่เลย!!

“กลับไปก็โง่อีกนั้นแหละ”

เสียงอะไรน่ะ.......แฮร์รี่คิดได้แค่นั้น  ก่อนสติจะดับวูบไป


******************************************************************************


“เฮ้ โหลๆๆ.......ฮัลโหล  ฟื้นแล้วนะพวก”

“อืออ”

แฮร์รี่ยักมือขึ้นขยี้ตา และใช้ศอกยันตัวขึ้นมา  เค้ามองไม่เห็นคนที่พูดเลย พอลืมตาขึ้นมาเมื่อกี้คนๆ นั้นก็หายไปแล้ว  ร่างเล็กหันไปรอบๆ ไม่รู้สึกหนาว เพียงแค่เย็นเท่านั้น

“ฉันเห็นนายนอนห่มหิมะอยู่  ก็เลยพามาที่นี่น่ะ” เสียงดังขึ้นมาจากทางซ้าย  แฮร์รี่หันไปแต่มองไม่ทัน......คนๆ นั้นไวมาก

“ฉันรู้ว่าชาวเหมันต์นอนอยู่กลางหิมะไม่เป็นไร แต่ว่าทำงั้นนายก็เสี่ยงที่จะหายใจไม่ออกเพราะโดนหิมะกองท่วมหัวนะ” แฮร์รี่หันตาม แต่ผู้ชายคนนั้นก็หนีเค้าไปอีกแล้ว  ไวมากเหลือเกินราวกับว่าหายตัวได้

ชาวเหมันต์เหรอ? ชาวเหมันต์คืออะไรกัน

แล้วทำไมคนที่ช่วยเค้าไว้ไม่ให้แข็งตายจะต้องหลบเค้าด้วยล่ะ

แฮร์รี่หันมองไปรอบๆ เค้าสังเกตเห็นว่าตัวเองอยู่ในช่องผา หรืออะไรสักอย่าง และมันสูงจากพื้นดินมากๆ ร่างเล็กเห็นทิวยอดไม้ซึ่งมีหิมะปกคลุมอยู่ห่างออกไปและที่นี่เหมือนเป็นที่ส่วนตัวของใครบางคน  แต่คนๆ นั้นกลับไม่ยอมให้เค้าเห็นตัวเสียนี่......เอาแต่หลบท่าเดียว

แฮร์รี่ไม่พูดในขณะที่สำรวจพื้นที่โดยรอบ เค้าไม่ได้ลุกไปไหนแต่ที่นี่ก็ไม่ได้กว้างขว้างเสียเท่าไรหรอก

“ไง ถ้ำของฉันเจ๋งดีใช่ไหมล่ะ” แฮร์รี่ไม่เจอเค้า ร่างเล็กจึงหมดความหวังแล้วที่จะรอให้เจ้าตัวยอมเผยตัวออกมาเอง  หนุ่มร่างบางผมสีน้ำตาลอ่อนจึงพูดขึ้นฝืนเสียงที่ฟังดูแหบแห้งของตัวเอง

“เอ่อ คุณ.....สวัสดี คุณช่วยผมไว้ใช่ไหม?” ร่างเล็กไม่รู้ว่าเค้าควรทำตามมารยาทหรือถามข้อข้องใจออกไปก่อนดีกันแน่ เพราะคนที่ช่วยเค้าไว้ก็ไม่ได้เอ่ยทักทายเค้าก่อนเช่นกัน แต่ถึงอย่างไรคนที่เค้าพูดด้วยอาจไม่ได้ยินเพราะเสียงของแฮร์รี่ฟังดูเบามากเหลือเกิน

แต่ว่าร่างที่สูงกว่าเค้าได้ยิน  และเริ่มโรยตัวลงมาจากผนังถ้ำด้านบน

“ใช่ ฉันเองล่ะ  และก็ เอ่อ ใช่ หวัดดีนะ....นายมารยาทดีจนทำฉันรู้สึกผิดไปเลย” เค้าห้อยหัวลงมา และแฮร์รี่ก็ทำหน้าตกใจก่อนจะถดตัวหนีแต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้เพราะร่างกายเค้าเจ็บมาก  แต่แฮร์รี่ไม่ได้คิดเรื่องนั้น เมื่อคนที่อ้างว่าช่วยเค้าไว้โยนตัวเองลงมาจากผนังถ้ำแล้วทิ้งตัวนั่งยองๆ ข้างเค้า  แฮร์รี่ตาโตเท่าที่จะทำได้  มือเล็กเรียวทั้งสองข้างท้าวไปข้างหลังอย่างตื่นตัว

“ทำไม  ตกใจฉันเหรอ?” ชายปริศนาถาม  แฮร์รี่ไม่หยุดตาโต

“ก็คุณใส่ชุดแดง”

“อ๋อ ใช่ น้ำเงินแดงเป็นสีโปรดของฉันน่ะ และนายไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นก็ได้นะ” คนพูดทำเสียงเหมือนกลั้นหัวเราะ

“คุณปิดหน้าทำไม” แฮร์รี่เถิดตัวหนีอีก เมื่อชายตัวสีแดงน้ำเงินคนนั้นเคลื่อนมือมาหาเค้าเหมือนลิงกลอลิล่า  แต่แฮร์รี่ว่า คนๆ นี้ดูเหมือนแมงมุมมากกว่าเพราะชุดที่เค้าใส่มีเส้นพาดไปมายังกะใยแมงมุม

ชายคนนั้นหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ราวกับคิดคนละอย่างกับแฮร์รี่ที่ตกใจไม่หาย  ก่อนจะใช้มือที่สวมถุงมือสีแดงถอดหน้ากากของตัวเองออก......แฮร์รี่คิดว่ามันเป็นถุงสีแดงแปะเลนส์แว่นตาสีโลหะ และมันดูยืดหยุ่นมากๆ

บางทีชายคนนี้อาจจะเป็นวัยรุ่นที่ชอบแต่งคลอสเพลย์แล้วออกแบบชุดด้วยตัวเองก็ได้.....แฮร์รี่คิด

และหน้าตาของชายหนุ่มที่ช่วยเค้าไว้ก็ดูเหมือนจะเป็นคนนิวยอร์กเสียด้วย  คิ้วเค้าเข้มดก  จมูกโด่งมน  เรียวปากหนา  และทรงผมยุ่งเหยิงชี้โด่เด่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงชีวิตนักเรียนไฮสคูล  เวลาเค้ายิ้มดูเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องดีสำหรับเค้า

แต่แฮร์รี่ไม่เข้าใจ  ชายคนนี้มาทำอะไรที่นี่ในเขตพื้นที่รกร้างและหนาวเหน็บ แฮร์รี่ไม่ได้ยินเสียงของเมืองเลย  เสียงเอะอะวุ่นวาย  เสียงรถ  เสียงการก่อสร้าง......ไม่มีเลย  ที่นี่เงียบสงบเหมือนกับอยู่คนละโลกกันเลย

“ผม...ผมอยู่ที่ไหนเหรอครับ  คุณ เอ่อ คุณพอจะรู้ไหม?” เจ้าของเรือนร่างอันอ่อนแรงเสี่ยงถามออกไป และรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่น้ำเสียงของเค้าฟังดูแหบแห้งอย่างน่าประหลาด

หนุ่มชุดสีธงชาติอเมริกายิ้มขบขันกับตัวเองอีกครั้ง ราวกับว่าทุกครั้งที่แฮร์รี่พูดแล้วเค้ารู้สึกดี

“แหมพวก....นายไม่จำเป็นต้องสุภาพกับฉันขนาดนั้นก็ได้  มันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดยังไงชอบกลแฮ่ะ ฉันคิดว่าเราก็รุ่นเดียวกันน่าจะตีซี้กันได้อยู่......ฉันปีเตอร์  ปีเตอร์ เอ่อ ปราคเกอร์  ปีเตอร์   ปาร์คเกอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก......อ๋อ! ใช่  ให้ตายสิ นายถามใช่ไหมว่าตัวเองอยู่ไหนฉันนี่ไม่ไหวเลยแฮ่ะที่นี่ก็อยู่ชายแดนเหมันต์ไงล่ะ.....ให้เดานะ  คงหลงมาล่ะสิ  ที่นี่ไม่มีใครอยากมาหรอกเดี่ยวจะพาลเจอพวกสัตว์แปลกๆ เอา  นายเองก็คิดไม่ถึง......นาย  เอ่อ  นายชื่ออะไรนะ?”

คนที่รู้เรื่องสถานที่นี่ดีที่สุดเอ่ยปากพูดวาจาจนแฮร์รี่ที่พลัดถิ่นมึนหัว  นอกจากจะบอกตำแหน่งปัจจุบันแล้ว  ปีเตอร์ยังแนะนำตัวกับเค้าอีกด้วย มือที่ถูกสวมด้วยผ้าสีแดงยกขึ้นมาให้เค้า แต่แล้วก็ลดลงไปอย่างฉับพลันเมื่อนึกได้ถึงคำถามที่แฮร์รี่ต้องการคำตอบ  เจ้าของเรือนผมสีอ่อนไม่เคยลดความกว้างของดวงตาเลยตั้งแต่บุคคลนิรนามผู้นี้ปรากฏตัว

“เอ่อ แฮร์รี่.....แฮร์รี่   ออสบร์อน” ร่างเล็กกว่าพูด ก่อนจะถูกร่างสูงฉวยมือซ้ายไปเขย่าเบาๆ อย่างยินดี

“หวัดดีแฮร์รี่....ที่นี่เราก็รู้จักกันอย่างเป็นทางการแล้วนะ  เราต้องไปแล้วล่ะ”

“ไป?  ไปไหนเหรอ?”

“ก็ดูนายสิ  คงจะหนาวสินะ  ฉันจะพาไปที่ๆ ช่วยให้นายอุ่นขึ้นได้น่ะ จะได้ไม่หนาวตายไง”

แฮร์รี่รู้สึกงุนงงในคราแรกที่ปีเตอร์บอกว่าเราต้องไป  แต่บัดนี้ความไม่เข้าใจยิ่งกว่ากลับฉาบอยู่ทั่วใบหน้าของร่างเล็กบางเมื่อปีเตอร์รีบร้อนอยากให้ไป  เพราะอยากจะช่วยร่างกายของเค้าที่เพิ่งรู้จักกันให้อบอุ่นขึ้น......ฉันจะพาไปที่ๆ ช่วยให้นายอุ่นขึ้นได้น่ะ........แฮร์รี่ไม่รู้ว่าแม้คนที่รู้จักชื่อเค้ามาแล้วสิบปีจะพูดคำเหล่านี้ออกมาจากปากรึเปล่า  แต่ปีเตอร์ทำ  ร่างสูงโปร่งตรงหน้าพูดพร้อมกับยื่นมือมาให้เค้า

แขนยาวแข็งแรงยื่นออกไปแล้ว  แต่เหมือนชอบลืมหน้าลืมหลัง เจ้าตัวก็ยิ้มทะเล้นก่อนจะบอกให้แฮร์รี่รอก่อนแป๊บหนึ่งแล้วหายไป  ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับลุคใหม่ที่ร่างบางต้องเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ

...........เสื้อผ้าเหมือนคนปรกติ ในโทนสีอ่อนหรือรียกว่าขาวไปเลยก็ได้ มันดูเหมาะกับสภาพแวดล้อมของที่นี่เป็นอย่างยิ่ง.........

เค้ามีชุดธรรมดาใส่ด้วยยังงั้นหรือ.......แฮร์รี่ฉงนในใจ  แต่แล้วปีเตอร์ผู้เป็นมิตรและมีรอยยิ้มอยู่เป็นนิจก็ยื่นมือแกร่งกลับมาหาเค้าอีก  แฮร์รี่จับตอบอย่างค่อนข้างเหม่อลอย และสังเกตได้ว่ามือของปีเตอร์นั้นเรียวยาวและหยาบกร้าน  แต่ว่าอบอุ่นมากๆ

และเวลานั้นแฮร์รี่คิดว่าเค้าค้นพบสิ่งมหัศจรรย์แล้วจากคำบอกเล่าเรื่องชาวเหมันต์ที่ไม่เคยหนาวเหน็บจากหิมะเย็นยะเยือกจากปีเตอร์   ในเวลาต่อมานั้นเอง แฮร์รี่ก็ต้องร้องออกมาอย่างที่เค้าเองก็คิดว่าไม่เคยได้ยินตัวเองทำเสียงแบบนี้มาก่อน

เมื่อปีเตอร์กอดเค้า  แล้วดีดตัวเองออกมาจากขอบผาพร้อมกันกับเค้า  แฮร์รี่จำได้ ตัวเค้ากอดตอบและขยุ้มเสื้อฮู้ดตัวบางของปีเตอร์ไว้แน่นแล้วเริ่มร้อง........ก่อนปีเตอร์จะเหยียดแขนอีกข้างหนึ่งออกไป และตัวของพวกเค้าทั้งคู่ก็เหวี่ยงกลับ  ก่อนจะลงสู่พื้นอย่างนุ่มนวล

สาบานได้  ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย  คนที่เพิ่งจะรู้จักชื่อกันทำเอาแฮร์รี่เกือบยืนไม่ไหว  เสื้อฮู้ดสีขาวซับในสีกรมเข้มกระพือน้อยๆ อยู่นอกเสื้อยืดสีขาวของปีเตอร์ที่ส่งยิ้มมาให้เค้า

“นายตกใจเหรอ....ฉันรู้ นายหน้ามันบอกงั้นน่ะ  และยังบอกฉันอีกด้วยว่าไม่เคยเจอเรื่องสนุกตื้นเต้นเลยแม้แต่นิดเดียว” ปีเตอร์ที่อยู่สูงกว่าเค้า  ลดระดับหน้าลงมาอย่างเวทนาแล้วเริ่มวาดยิ้มที่แฮร์รี่เริ่มไม่ชอบ  เมื่อเหมือนกลายๆ ว่าจะรู้สิ่งที่ปีเตอร์คิดอยู่  ร่างสูงเพรียวใส่ยีนสีซีดเกี่ยวเอวแฮร์รี่แล้วล็อคไว้

“มาเถอะ  ก่อนถึงบ่อน้ำพุฉันจะพานายสนุกเอง....ไม่ต้องห่วงฉันกอดนายอยู่”

ไม่ เดี๋ยว  เหวอ...ม่ายยยยย” เสียงที่กำลังกลับมาใสอีกครั้งของแฮร์รี่  ดังก้องและแววหายไปด้วยความเร็วแสงของปีเตอร์   ปราคเกอร์.....หนุ่มชักใยสุดซ่าแห่งแดนเหมันต์

ใช่!  ใยนั่นแหละไม่มีผิดเลย! คนที่เพิ่งช่วยแฮร์รี่ไว้มีเส้นใยเหนี่ยวๆ ออกมาจากข้อมือด้วย  ยังกะแมงมุมของจริงอย่างนั้นแหละ

“นายเป็นใครกันแน่เนี่ยยยย!--!!” แฮร์รี่ตะโกนแข่งกับกระแสลมแรงเมื่อพวกเค้าทะยานอยู่กลางอากาศ  ปีเตอร์ดีดตัวขึ้นมาแล้วปล่อยให้พวกเค้าหล่นลงสู่พื้นก่อนจะพ่นใยออกไปเกาะต้นไม้รองรับน้ำหนักของทั้งสองไว้  จากนั้นก็ไปต่อ......

อ่าาา! ปล่อยช้านโลงงง

“ใครๆ ก็ตามหาฉันรู้ไหม  ฉันหาตัวจับยาก.....หึ ก็เห็นๆ กันอยู่” ร่างสูงที่กอดรัดคนขวัญหนีดีฝ่ออยู่อย่างแนบแน่นกล่าวสีหน้าสดใส และเคลื่อนไหวไปได้เร็วดั่งใจจนแฮร์รี่ต้องลับตาปี๋ ไม่ขอมีส่วนร่วมในการเดินทางอีกแล้ว

สงสัยชาวเหมันต์จะทำอะไรแปลกๆ แบบนี้ได้แฮ่ะ  และปีเตอร์คนนี้ก็คงจะไม่ใช่เด็กหนุ่มชอบแต่งคลอสเพลย์อย่างที่แฮร์รี่คิดซะแล้ว  ปีเตอร์เป็นชาวเหมันต์จริงๆ !

และชอบทำอะไรบ้าๆ เสียด้วยสิ!!

“วางฉันโลงงงง  อ้า!”  

เสียงดังตุ้บดังขึ้น พร้อมกับที่เท้าเค้าสัมผัสพื้น  แฮร์รี่ตัวอ่อนยวบในอ้อมกอดของปีเตอร์.....ตัวเล็กๆ ที่สั่นเทาเป็นเช่นนั้นอยู่ภายใต้เสื้อแจ็คเก็ตหนังราคาถูกของแฮร์รี่  ปีเตอร์พามาที่แรกเริ่มแห่งความสนุกของเค้า  พร้อมกับเล่านู่นเล่านี้ในเรื่องที่แฮร์รี่สงสัย

ไม่ใช่ว่าหลอกถามหรอกนะ  แต่แฮร์รี่แค่เริ่มมั่นใจแล้วว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ๆ เค้าเคยมาและไม่คิดด้วยซ้ำว่ามีอยู่จริง!

ที่นี่เป็นที่ของมนุษย์ชายหญิงที่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางฤดูหนาวตลอดกาลโดยไม่รู้สึกหนาว  และไม่รู้จักมนุษย์ด้วยซ้ำ  เพราะปีเตอร์ไม่ได้พูดถึงมนุษย์ธรรมดาๆ เลย  พอเค้าถาม ปีเตอร์ก็สาธยายเกี่ยวกับสัตว์แปลกๆ ที่เจ้าตัวเคยเจอ  ไม่มี  ไม่มีเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์เลย.....แฮร์รี่คิดว่าปีเตอร์คิดว่าเค้าเป็นชาวเหมันต์ที่หลงทางกลับบ้านไปเสียแล้ว!

ร่างบางเริ่มกลัว  ว่าถ้าหากปีเตอร์รู้ความจริงแล้วจะเป็นอย่างไร  บางทีที่ปีเตอร์ไม่พูดถึงอาจเป็นเพราะเกลียดพวกมนุษย์เข้าไส้ก็ได้ใครจะบอกแฮร์รี่ได้  เพราะพวกมนุษย์ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง  นึกถึงผลประโยชน์ของตัวเอง  ไม่นึกถึงคนอื่น 

แต่ความกลัวนั้นก็เริ่มลดลงไป จนกลายเป็นหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อปีเตอร์แสดงความเป็นมิตรออกมาอย่างมากมาย  แฮร์รี่ถูกถามว่ามีพ่อแม่หรือไม่ และก็ได้รู้ว่าปีเตอร์เองก็กำพร้าพ่อแม่เช่นเดียวกัน  พวกเค้าสนุกด้วยกันอย่างที่ปีเตอร์ว่า  ปีเตอร์บอกว่าชีวิตเค้าเรื่อยเปื่อยเพียงใดเมื่อไม่ได้มีคนค่อยกำกับเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ  ต้องอยู่ด้วยลำแข้งของตัวเองมาโดยตลอด เช่นเดียวกับแฮร์รี่........

รู้ไหม ถึงแฮร์รี่กลัวว่าจะโดนปีเตอร์เกลียดเอาที่เค้าเป็นมนุษย์  แต่พวกเค้าทั้งสองก็มีอะไรเหมือนกันเยอะมากๆ ...................


.


.


.


TBC.


-----------------------------------------------------------------------------------------------------


แฮร์รี่จะทำอย่างไรต่อและปีเตอร์จะรู้ความลับของเค้าไหม แล้วร่างสูงแท้จริงนั้นเป็นใครกันแน่  เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป  หาคำตอบได้ใน Part ต่อไปเลยค่ะ //ผั๊วะ! เสียงรีดโบกรองเท้า.......แล้วเมื่อไรจะลงล่ะย่ะ!//

ช่วยกันคอมเม้นท์ให้ไรท์มั่นใจหน่อยนะคะว่ายังมีคนที่ชอบคู่นี้อยู่ TYT  หลายเรื่องแล้วที่ไรท์ลงแต่ไร้วี่แววของคนที่คอมเม้นท์หรือแฟนคลับหน้าบล็อก(บางคู่ในเฟสก็เงียบค่ะ)

ช่วยกันคอมเม้นท์กันหน่อยนะคะ  ให้ไรท์มั่นใจหน่อยว่ายังมีคนอยากให้ไรท์เขียนคู่นี้หรือคู่อื่นๆ อยู่..........ขอบคุณค่ะ M_ _M

สำหรับท่านใดที่อยากพูดคุย (หรือติดตามข่าวสารในชีวิตไรท์ -_-“) ก็เข้ามาแอดได้เลยค่ะที่

>>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<<  เฟสไรท์เองค่ะ  จิ้มเล้ยยย >< 

รักรีดนะคะ

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund


3 ความคิดเห็น:

Resident_evil.. กล่าวว่า...

ว้าวฉากสวยงามตระการตาหิมะโปรยปราย ว้าวนึกฉากแล้วแบบสวยบาดใจๆๆๆ nc ไวๆๆ เชียร์รัวปรบมือใหัด้วยจ้า

Unknown กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
Unknown กล่าวว่า...

หิมะ หิมะ... โทนเรื่องเปิดมาก็หนูแฮร์รี่รันทดเหลือเกิน... สงสัยอยู่ว่าสรุปแล้วแฮร์รี่มีพลังบางอย่างจริงๆ รึเปล่า (บทนางทำให้นึกถึงนางเอก elfen lied เลยนะคะ รวมถึงพลังด้วย...ถ้าแฮร์รี่มีอะนะ ถ้ามีนี่เหมือนควบคุมไม่เค่ยได้เลยสินะ...)
ปีเตอร์...นายนี่แบบ...นะ... คิดถึงความปลอดภัยหนูแฮร์รี่หน่อยสิ หนูน้อยเค้ามีแผลพกช้ำอยู่นะ -3-

เมื่อกี้พิมพ์ผิดแล้วแก้ไม่ได้งิ...เลยต้องลบนะคะ -3-
อิอิ ไรท์เปิดเรื่องให้ อิอิ สู้ๆ นะเค๊อะ
ด้วยรัก...จากรีด...