วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2558

[SF - The Avengers] + [Part 1] Touch , I knows You - Steve x Tony




สวัสดีค่าาา  รีดที่น่ารักของไรท์ทุกท่านนนน >3<!!  วันนี้ไรท์มีเรื่องใหม่มาแบ่งปันกันอีกแล้วค่ะ >< 555555  อย่างที่ชาววายได้กล่าวกันเอาไว้ว่า “คามฟินไม่มีที่สิ้นสุด”  ฉะนั้น ไรท์จึงเดินตามรอยคำกล่าวนั้นค่ะ 55555 //สักพักเก้าอี้ลอย....หัวเราะมากไปแล้วแก -*-//   

อร๊ายยยยยยยย  ไปดู The Avengers 2 มาค่ะ  ฟินโรงแตกเลยค่ะ >///<!!  อร๊ายยยยย หนังอะไรคะเนี่ย รวบรวมหนุ่มๆ หล่อล่ำเอาไว้ให้ได้จิ้นกำเดาหกกันได้ตลอดเลย -.,- ฮาาาาาาา (หื่นนนน) 555555 ไรท์นี่รู้สึกฟินตะหงิดๆ ตั้งแต่เห็นเปโตรวิ่งโฉบเอาธนูที่บาร์ตันยิงไปแล้วค่ะ ><  ละ ละ แล้วเค้าก็พูดคำว่า “ไม่รู้ว่าจะโดนเหรอ?” ใส่กันด้วยค่ะ  (จำได้ว่าพูดใส่กันสามครั้ง *..P) เอื้อออออ  นม เอ้ย! หน้าอกของเปโตรจะแตกจนจะดีดออกมาจากจอปะทะกับหน้าไรท์ได้อยู่แล้วค่ะ 55555 อูยยยยยยย พ่อคุณเอ้ยยยยยยยยยยยย //หื่นนนนนนน -.,-//

แต่ว่าที่เป็น ท็อค ออฟ เดอะ ทาวด์ จริงๆ ก็ต้องสองคนนี้เลยค่ะ....กัปตันโรเจอร์ กับ โทนี่ !! ><  ฮร๊ายยยยยยยย! ฟินโรงแตกระเบิดระเบ้อเลยค่ะ!!  กรี๊ดดดดดดดดด >{}<  //กรี๊ดคนเดียวในใจ 555//  เฮื่อกกกกก //เสียงสูดหายใจค่ะ แรงมากก 555// อูยยย อะไรจะสายตา ท่าทาง อาการเป็นห่วงเคืองแคร์กันมากขนาดนั้นค่ะ >< (เคืองด้วยจริงๆ ค่ะ  มีการทำหน้างอนใส่กันด้วย 5555 อย่างตอนที่แคปฉีกฟืนด้วยมือเปล่าก็ฉุนโทนี่ค่ะ) + (อู่ว์ ฉีกฟืนด้วยมือเปล่าาาาาา *()*)

อูยววววววว ตอนที่โทนี่โดนแวนด้าเล่นคุณไสย์ใส่(?) //เดี๋ยวเค้าใช้พลังจิตไม่ใช่เหรอ??// เห็นภาพเพื่อนทุกๆ คนปางตาย  เพลย์บอยใจบุญก็เข้าไปดูกัปตันคนแรกเลยค่ะ คนอื่นๆ เยอะแยะใกล้ตัวไม่ยอมเข้าไปดู >////<  อิๆ //เริ่มโหมดสปอยล์ระดับ 1 -..-//

เอิ่มมมม รู้สึกไรท์จะเมาท์ยาวแล้วล่ะค่ะ  อันที่จริงอยากไปดูรอบที่สองมากเลยล่ะค่ะ  แต่ว่าเมเจอร์ที่บ้านไรท์ดันเอาออกซะก่อนค่ะ TWT  ยังไม่ทนครบเดือนเลยอ่าาาาา  บ้าจีงงงงงงงงงง......พอพอแล้วอั่น //ไรท์เรียกตัวเองว่าอย่างนั้นค่ะ มาจาก Ray –  Aund 555 เวลาเขียนฟิคช้าชอบว่าตัวเอง//

เอาล่ะค่ะ หวังว่ารีดๆ ที่เป็นแฟนของ Stony จะชอบกันนะคะ^^  บล็อกไรท์มีคู่นี้แล้วววว  มี Fandom – The Avengers แล้ว อ๊ะ! 55555!! //บ้าคลั่ง//  ภูมิใจตัวเองค่ะ...ภูมิใจจจจ //หน้าบาน//  ปล่อยเรื่องนี้ไว้นานและ  ถึงเวลาที่เราจะต้องเขียนสักที 55555 //โดนดันหน้าเบี้ยว/....พอแล้ว! แกจะฝอยอะไรนักหนาห๊าาาา!//

ไปอ่านกันเลยค่าาาาา >{}<!!


---------------------------------------------------------------------------------------------------


“งั้นเรื่องนั้นก็เป็นความจริงใช่ไหมล่ะ”

“อะไร? เรื่อง...ความจริงอะไรงั้นเหรอ?”

“ความจริงที่ว่า คุณเองก็เปราะบาง”


.


.


.


คุณจะทำให้คนอื่นเป็นห่วงอย่างมากมาย เพียงเพราะว่าคุณเป็นห่วงพวกเค้าทำไมกัน?

มันไม่คุ้มกับความรู้สึกเอาเสียเลย.........รู้ไหม?

คุณไม่ควรกังวลและแบกรับเอาคนเดียว  เพราะผมเองก็รู้สึกร้อนรนมากกว่าคุณที่ไม่เคยคิดที่จะรู้สึกถึงมันเลย เป็นสองเท่า

...........เป็นสองเท่าเชียวนะ...............

โทนี่............


.


.


.


**********************************************************************************


หลังรวมกลุ่ม Avengers............

“เย้-------------! สนุกให้สุดเหวี่ยงไปเลยพวกเรา.......เอ้า ชนแก้ววว”

ชนแก้ววววว” เสียงลูกคู่กู่รับกันอย่างแข็งขัน ก่อนจะดังระงมเต็มไปด้วยเสียงที่ชนกระทบกันของแก้วเนื้อดี  รูปทรงสวย เต็มไปด้วยเครื่องดื่มรสชาติดีมีดีกรีไม่ต่ำซึ่งถูกหยิบยื่นขึ้นมากระทบกันเพื่อแสดงถึงความรู้สึกยินดีอย่างยิ่งยวดให้แก่หลายๆ สิ่งที่ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา

.........ทั้งความสำเร็จ และมิตรภาพ............

เหล่าชายหญิงที่ต่างก็ได้จรดขอบแก้วรินรอนของเหลวสีสวยอ่อนนั้นลงคอไปอย่างยินดี พวกเค้าต่างจิบมันและยิ้มให้แก่กันและกัน......กับการที่พวกเค้าได้มายืนอยู่ตรงนี้พร้อมทั้งได้เฉลิมฉลองเพื่อตอกย้ำความสำเร็จ

“รู้อะไรไหม  ฉันกะจะพาพวกเราไปฉลองกันที่ร้านปาทังก้าร้านแรกที่เราไปหม่ำกันนะพวก....” ชายที่เกี่ยวแก้วแชมเปญไว้หลวมๆ ด้วยนิ้วสามนิ้วซึ่งเป็นคนกล่าวเปิดฉากชนแก้วกันไปเมื่อครู่นี้ ง้างนิ้วชี้ที่ว่าง อยู่ไปที่กลุ่มเพื่อนใหม่ที่เค้าเพิ่งจะได้ทำความรู้จักด้วยเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมกับภารกิจที่เหนือความคาดฝัน  ชายนักธุรกิจซึ่งครองตำแหน่งเพลย์บอยใจบุญไปด้วย เอ่ยอย่างออกความคิดเห็น

“แล้วอะไรทำให้นายไม่คิดจะทำตามไอเดียของนายล่ะ” และแทบจะในทันที  เสียงติดจะขบขันแต่ออกแนวประชดประชันก็ดังขึ้น  บาร์ตันพูดจบแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนร่วมงานสาวที่นั่งเอนตัวพิงเก้าอี้อยู่ข้างๆ

“ใช่  ทำไมไม่พาเราไปปิดร้านปาทังก้า  แล้วจัดปาร์ตี้มันที่นั่นซะไปเลยล่ะ” นาตาชาเพยิดพเย้อ ผมสวยตัดสั้นของเธอขยับเล็กน้อย  เผยให้เห็นต่างหูเพชรคู่สวยที่เธอมักใส่มางานเลี้ยงเมื่อยามเข้าสังคม

แต่โทนี่กลับบ่ายหน้า แล้วยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นมาโบกผ่านหน้าตัวเองไปเล็กน้อย

“ฉันคิดดูแล้วว่าไม่ดีกว่า....เพราะดูหน้าของใครบางคนที่ความคิดเป็นคุณปู่แล้ว ฉันทำไม่ลงน่ะ.....ใช่ไหมแคป?  โอ้ ฉันไม่ได้หมายถึงนายนะ  อย่าโกรธกัน” โทนี่ปัดมือเป็นพัลวัน สีหน้าเค้าแสดงอาการบริสุทธิ์ใจได้แนบเนียนมาก

จนเป็นเหตุให้บุตรแห่งโอดินต้องระบายยิ้มร่าออกมา  ธอร์หัวเราะ “ข้าว่าคงจะหายาก...ในวันที่สตาร์กเลิกเอ่ยถึงโรเจอร์เช่นนั้น  แม้แต่วันสุดท้ายเค้าก็คงไม่คิดที่จะเบื่อกับการพูดเช่นนั้นเป็นแน่แท้” บุตรชายคนโตแห่งโอดินเลิกถือแก้วใบเปล่าแล้ว และหันมาถือขวดแทน

“ใช่  นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายในวันโลกแตกที่ฉันคิดจะทำเหมือนกับที่มันเป็นสิ่งแรกของวันที่ฉันคิดอยากทำนั่นล่ะเพื่อน”

สมาชิกในทีม Avengers คนอื่นๆ ที่เหลือพากันหัวเราะอย่างห้ามไม่ได้เมื่อสิ้นเสียงของเจ้าชายสายฟ้าแห่งแอสการ์ด  แม้แต่หนึ่งในคู่กรณีอย่างโทนี่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มนิดๆ และน้อมรับข้อกล่าวหาที่เพื่อนขุนค้อนเพิ่งตั้งให้อย่างเสียไม่ได้แต่โดยดี  ซึ่งจะเว้นก็เสียแต่คู่กรณีอีกคนหนึ่งที่โดนเข้าไปเต็มๆ อย่างชายหนุ่มร่างกายกำยำที่นั่งใช้มือแตะขมับตัวเองอยู่  เจ้าตัวส่ายหน้าน้อยๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่รับมุขด้วยอย่างแรง

“ก็ไม่ได้ซีเรียสหรอกนะ  แต่ไม่ต้องเอามาพูดก็ได้” สตีฟ   โรเจอร์ หรือกัปตันคนเก่งของอเมริกาเอ่ยอย่างรู้สึกเสียเซลฟ์นิดๆ ที่เอะอะอะไร  คนอื่นๆ ก็จะต้องเอาเค้ามาล้อเลียนมันเสียทุกทีไป

“ฉันก็ไม่ซีเรียสแคปฉันยินดีปล่อยให้พวกเค้าพูดได้.....บ่อยๆ เลย” โทนี่ยิ้ม  ดวงตาเป็นประกายวิบวับนั่นเป็นเช่นนั้นเสมอเมื่อได้สนทนากับอีกฝ่ายหนึ่งอย่างสนุกปาก

สตีฟผายมือ  เค้ารู้สึกว่าตัวเองดูเหมือนคุณลุงในหมู่เด็กนักเรียนมัธยมเสียจริง  เมื่อมีโทนี่อยู่ด้วย.......แล้วแต่ งั้นก็เอาที่สบายใจเลย

“เฮ้ นี่ๆๆ  เราสั่งปาทังก้ากันได้นะ  ใครอยากกินบ้าง.....ธอร์นายเอาไหม?.....เฮ้  ฉันเห็นนายเบิ้ลสี่เมื่อครั้งที่แล้วนะ แอบติดใจใช่ไหมล่ะ  ไม่ต้องเก๊กหน่าเพื่อน  ครั้งนี้เอามากกว่าครั้งเดิมป่าว” เจ้าภาพงานและเจ้าของไอเดียเปิดโต๊ะปิคนิคในยามวิกาลเช่นนี้เอ่ยออกความคิดเห็น และถามความเห็นจากสมาชิกกลุ่มคนอื่นๆ

แบนเนอร์ยกนิ้วสั่งอย่างสุภาพ  ธอร์อ่อมแอ้มพยักหน้าตามออเดอร์ที่โทนี่เสนอ  ส่วนนาตาชาส่ายหน้าไม่ขอรับ  แต่บาร์ตันชูนิ้วให้สาม

“ของนาตาชา” ฮอว์คอายสนับสนุนให้เพื่อนของเค้าเสียหุ่น  แต่มันกลับไม่มีผลต่อเธอ

“จัดมา” หญิงสาวพูดเสียงห้วนมากกว่าที่เธอคิด นั่นก็เป็นเพราะเธอไม่ค่อยชอบร่วมโต๊ะกับผู้ชายที่กินมูมมามเสียเท่าไรนัก

“แล้วแคป นายเอาไหม?”

“ไม่  ไม่เอาล่ะ  ขอบคุณ” ชายหนุ่มร่างสูงที่ใบหน้าอ่อนกว่าวัยที่แท้จริงยิ้ม แล้วส่ายหน้าช้าๆ ให้ผู้ถาม  ก่อนเค้าจะได้สังเกตเห็นใบหน้าที่ชะงักค้างไปเล็กน้อยของโทนี่

............สตีฟเผลอจ้องตอบ  แต่ก็แค่แปบเดียว  ก่อนที่อีกฝ่ายหนึ่งจะละสายตาไปแล้วหันไปสั่งปาทังก้าเดลิเวอร์ลี่ให้เพื่อนพ้องต่ออย่างรู้หน้าที่...........

ทุกคนพูดคุยและยิ้มแย้ม  แต่เค้ากลับเงียบแถมยังยิ้มบ้างเป็นครั้งคราวเมื่อถูกพูดคุยด้วย  ซึ่งมันเป็นเรื่องปรกติในนิสัยพื้นฐานของเค้าไปเสียแล้ว.......ในหน้าประวัติศาสตร์ไม่ได้บันทึกไว้ว่ากัปตันอเมริกาฮาเฮชอบปาร์ตี้

แต่สตีฟก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นกลุ่มคนที่เค้ารู้จักได้มีความสุขกัน  ร่างสูงไม่ได้สัมผัสความรู้สึกเช่นนี้มานานแล้ว....กี่ปีกันนะ?  68 หรือ 70 ปี  เค้าไม่แน่ใจนัก  ฟิวรี่บอกว่าเค้าหลับไปกี่สิบปีกันแน่  ชายตาเดียวคนนั้นช่างมีปริศนาและเก็บความลับ

ร่างสูงผมบล์อนตาสีฟ้าตามแบบฉบับหนุ่มอเมริกันมองบรรดาเหล่าเพื่อนใหม่ของเค้า จิบเครื่องดื่มและพุดคุยกันถึงภารกิจสกัดกั้นพวกชิทอร์รี่ที่เพิ่งผ่านมา   แต่ความสนใจของสตีฟก็ใช่ว่าจะเพ่งความสำคัญไปที่หัวข้อสนทนาแต่อย่างใด  กัปตันอเมริกากระพริบตาเบาๆ ให้ความสนใจแก่เจ้าของปาร์ตี้

โทนี่ที่นั่งอยู่บนพนักพิงโซฟาตัวหรูที่แพงที่สุดของตึก.......ใช่ สีหน้าและท่าทางของเจ้าตัวดูจะสนุกสนานกับงานเลี้ยงเล็กๆ นี้เป็นพิเศษ  บางทีอาจไม่ใช่เพราะว่าโทนี่เป็นเจ้าพ่อปาร์ตี้  แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายหนึ่งกำลังปกปิดอารมณ์ขุ่นมัวของตัวเองอยู่ต่างหากล่ะ

ถ้าโทนี่เอ่ยถึงร้านปาทังก้าอย่างหมายมั่นปั้นมือเสียขนาดนี้ เค้าจะต้องมีความต้องการอยากจะออกไปจัดงานสังสรรค์เล็กๆ นี้ข้างนอกเป็นแน่  คงจะไม่ใช้ตึกของตัวเองที่มีแต่ห้องแล็บ ไม่เหมาะกับการจัดปาร์ตี้แบบนี้หรอก  แต่ว่าโทนี่คงกำลังรู้สึกแย่..........

“เฮ้....ข้าพูดจริงนะเรื่องปาทังก้า  อาหารของมนุษย์ไม่เคยอร่อยเลิศล้ำสำหรับข้า  อาหารของชาวแอสการ์ดน่ะดูดีกว่าเป็นไหนๆ  แต่ข้าก็แค่ปฏิเสธสตาร์กไม่ได้ก็เท่านั้น....ข้าไม่อยากให้เค้าเสียน้ำใจ” ธอร์ที่ยืนพิงอยู่ข้างๆ เอ่ยกระซิบแก้ข่าวกับสตีฟเมื่อหลงคิดไปว่ากัปตันอเมริกากำลังคิดเช่นเดียวกับตนอยู่

“อ๋อ  นั่นสินะ  คงต้องเป็นอย่างนั้นล่ะ” ร่างสูงกำยำไม่แพ้กันที่นั่งอยู่ก็พยักหน้ารับ  เห็นด้วยกับคำพูดของเทพสายฟ้าตามมารยาทไป  และเมื่อได้ทำตามดั่งใจปรารถนาแล้วบุตรของราชาแห่งทวยเทพจึงหันไปคุยกับบาร์ตันต่อ

สตีฟมองสองคนด้านข้าง  ก่อนจะนึกย้อนไปเมื่อสองชั่วโมงก่อน.........

หลังจากเหตุการณ์  Avengers  รวมพลอย่างทุลักทุเลภายใต้การต่อสู้จากการปลุกปั่นของโลกิได้สำเร็จ  ทายาทคนเดียวของสตาร์กอินดัสทรีหรือไอรอนแมนก็ถูกหมายหัว และโดนสั่งฆ่า  แต่ทว่าสุดท้ายแล้วโทนี่ก็รอดตายมาได้ ด้วยมันสมองและความสามารถที่ไม่มีใครเหมือน

แต่พอทราบข่าวการโดนไล่ล่าของโทนี่  สตีฟก็กระวนกระวายใจ......ชายร่างกายหนุ่มแน่นที่มีความเก่งกาจเหนือมนุษย์ธรรมดารู้สึกเป็นห่วง  ใช่ เค้าเป็นห่วงอีกฝ่ายหนึ่งมาก  แม้ว่าตอนที่เค้ารู้ข่าวโทนี่จะปลอดภัยแล้วก็ตามเถอะ  แต่ร่างสูงก็ไม่รู้ว่าเหตุใด ทำไมตัวเค้าเองจะต้องคอยเป็นห่วงคนที่เอาแต่พูดจาจิกกัดเค้าอยู่ตลอดเวลาที่เจอกันด้วย  แต่ทว่าความรู้สึกของเค้านั้นก็กลับเข้าใจยากขึ้นทุกที..............

และในวันนี้เมื่อสองชั่วโมงก่อน  สตีฟมาถึงตึกสตาร์กทาวเวอร์เป็น (หรือไอ้ตึกอุบาทว์ที่เค้าเกือบหลุดปากเรียกไป) คนแรก ไปเจอเข้ากับเปปเปอร์ที่กำลังพ่นควันใส่โทนี่อยู่  และด้วยความที่ว่าสตีฟนั้นเป็นคนตรงต่อเวลาเสมอเค้าจึงมาถึงก่อนคนอื่นๆ ที่ยังคงไม่โผล่หัวมา  แต่ทว่าเมื่อมาถึงแล้ว ร่างสูงซึ่งสวมแจ็คเก็ทหนังกลับได้เจอเข้ากับบทสนทนาอันไม่น่าอภิรมย์เท่าไรนักของคู่ข้าวใหม่ปลามันที่เพิ่งจะมีเรื่องน่ายินดีกันไป

“โทนี่  ฉันเคยบอกคุณหลายทีแล้วเรื่องนั้น  เราจะไม่คุยถึงมันกันอีกนะ”

ถึงแม้รู้ว่าไม่ควรแอบฟัง  แต่ร่างสูงกำยำก็พิงอยู่หลังเสาขนาดใหญ่เพื่อปิดบังตัวเอง  เค้าได้ยินเสียงอ่อนโยนที่เริ่มจะไม่อ่อนโยนแล้วของเปปเปอร์ พูดอย่างเหนื่อยหน่าย  แต่แล้วเสียงที่เอ่ยขึ้นอย่างหน้าตาเฉยก็ดังขึ้นตามกันทันที

“เราก็พูดถึงมันอยู่นี่ไง  ลองมาคุ้ยดูดีๆ เมื่อกี้คุณนั่นแหละเป็นคนเปิดประเด็นพูดเอง” สตีฟแทบจะกลอกตาขึ้นฟ้าทันทีเมื่อได้ยินประโยคอันแสนจะเห็นแก่ตัวและไม่แคร์ถึงความรู้สึกของผู้อื่นนั่น  ก่อนจะรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างยิ่งที่ท่าทางของโทนี่ที่สื่อออกมานั้น มันไม่ได้เป็นไปตามที่เค้าคาดไว้

.........โทนี่   สตาร์ก ผู้มากความรู้และไม่สนใจสิ่งใดรอบกายกำลังขมวดคิ้วตกๆ อยู่ตรงหน้าของเปปเปอร์...........

สตีฟแปลกใจ  เค้าไม่เคยเห็นหน้าลำบากใจแบบนี้ จากอีกฝ่ายหนึ่งที่คอยยุแหย่เค้ามาโดยตลอดเลย.......หากพิจารณาแล้ว ดูเหมือนกับว่าโทนี่กำลังจะใช้คำพูดติดตลกของตัวเองทำให้ฝ่ายหญิงหยุดทำหน้าไม่พอใจเค้าเสียมากกว่า  สตีฟคิดอย่างนั้น

“โอ้  ให้ตายเถอะ” เปปเปอร์หันกายไปทางอื่น แล้วยกมือขึ้นมานวดข้างขมับอย่างประสาทกิน “เมื่อไรคุณจะเห็นว่ามันสำคัญสักทีนะ”

“อะไร?   เห็นว่าการที่คุณต้องการจะถอนตัวออกไปน่ะหรือสำคัญ?” จู่ๆ โทนี่ก็ทำหน้าเรียกร้องความสนใจขึ้นมาบ้างแล้วเอ่ยเสียงค่อนข้างดัง   สตีฟมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย.......ถอนตัวหรือ?  เปปเปอร์กำลังจะถอนตัวจากอะไร  ทำไมเค้าไม่เห็นรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย

...........แต่ก็อย่างว่า เค้าเพิ่งฟื้นขึ้นมายังไม่ทันครบปีจากการหลับยาวด้วยซ้ำ..........

ยังไม่ทันที่จะได้คิดคำนึงอย่างกระจ่างดี  เค้าก็เห็นโทนี่ยกไม้ยกมือน้อยๆ ขณะเดินอ้อมไปพูดตรงหน้าเปปเปอร์ “ใช่สิ  มันสำคัญ....สำคัญกับผมมากด้วยเพราะคุณกำลังจะออกไป  ปลีกตัวออกไปและไม่ยุ่งเกี่ยวกับผมอีกเลย....” สตีฟเห็นโทนี่ผายมือทั้งสองไปด้านข้างเพื่อประกอบคำพูด

“.....เฮ้นี่ เปปเปอร์  ผมรู้นะว่ามันอันตรายมากๆ แต่ว่าคุณก็ผ่านมันมาแล้วหนิใช่ไหม  เจอมามากกว่านี้คุณยังเคยรับได้เลย  ผมไม่คิดว่าคุณ.....”

“ฉันคิดว่า ไม่ควรที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคุณอีกแล้ว” หญิงวัยทำงานที่จัดการงานเก่งมากกว่าที่เห็นแต่ภายนอกพูดแทรกขึ้นมา เป็นเหตุให้ประโยคที่เหลือของโทนี่ถูกเบรกไปโดยปริยาย

ทายาทคนเดียวของสตาร์กอินดัสตรี้ทำหน้าเหมือนโดนตบ ก่อนจะทำหน้าสะเทือนใจในแบบของตนเองใส่คู่สนทนา  เปปเปอร์เองก็มีทีท่าอึดอัดใจไม่แพ้กัน  แต่เธอเลือกที่จะพูดต่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ

“นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันคิดและได้บอกคุณไปแล้วโทนี่  และฉันเองก็ยังนึกเสียใจกับตัวเองอยู่ว่าทำงานเป็นเลขาผู้ซื่อสัตย์ อย่างเมื่อสิบปีก่อนก็ดีอยู่แล้ว  ไม่ควรจะมายุ่งเกี่ยวให้ทั้งคุณทั้งฉันต้องเจอเรื่องที่วุ่นวายด้วยกันทั้งคู่ด้วย  คุณก็ทำงานอุทิศตัวให้กับทีมของพวกคุณต่อไป ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าฉันจะเป็นยังไง  และฉันเอง ก็จะได้ไม่ต้องคอยมาระแวงหน้าระแวงหลังเกี่ยวกับอะไรก็ตามที่มันเกินจะเชื่อได้” เธอพูดร่ายยาวอย่างชัดเจน  สตีฟเห็นสีหน้าสะอึกของโทนี่

...........อ๋อ  ที่แท้ก็เป็นเพราะแบบนี้นี่เอง  เปปเปอร์คงจะทนไม่ไหวแล้วกับหลายๆ อย่างที่เธอจะต้องแบกรับไว้ในตอนที่คบหาอยู่กับโทนี่..........

ใช่  บางทีเจ้าตัวก็ชอบทำตัวให้น่าเป็นห่วงมากเกินไป  ปากแข็งบอกว่าไม่เป็นอะไร ทั้งๆ ที่เจ็บเจียนจะตายอยู่แล้ว  โทนี่นิสัยปากแข็งเช่นไร สตีฟคนนี้รู้จักอย่างทะลุปรุโปร่งเลยทีเดียว  นั่นอาจเป็นเพราะเค้าคอยมองการกระทำและท่าทีของอีกฝ่ายหนึ่งมาโดยตลอดก็เป็นได้.......

หนึ่งในข้อสงสัยที่สตีฟนั้นก็ไม่เข้าใจตัวเอง

ร่างสูงไม่สามารถห้ามใจตัวเองไม่ให้มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าต่อไปได้  สตีฟเห็นหญิงเพียงคนเดียวในจุดนั้นยกมือทั้งสองขึ้นแล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจใส่โทนี่

“ฉันว่านั้นดีที่สุดแล้วสำหรับเราทั้งคู่นะ” เธอกล่าว “ฉันไม่อยากจะเจออะไรอย่างคิลเลี่ยนอีกแล้วล่ะ......ขอโทษนะโทนี่” ก่อนเปปเปอร์จะเดินจากไปอีกทางหนึ่ง อย่างไม่รั้งรออะไรทั้งสิ้น  แม้ว่าชายที่เอ่ยปากรั้งเธอไว้จะพยายามเพียงใดก็ตาม  โทนี่เรียกชื่อเปปเปอร์.......เธอไม่หัน  โทนี่จับมือเปปเปอร์ไว้........และเธอก็สะบัดออกอย่างเฉยชา

เปปเปอร์ไปแล้ว

และสตีฟก็สังเกตเห็นใบหน้าที่แสดงถึงความอ้างว้างที่สุดของ โทนี่   สตาร์ก

คงเป็นเพราะอย่างนี้กระมัง  คืนนี้โทนี่จึงได้มีท่าทางที่แปลกไปในสายตาของสตีฟ

แล้วงานอดิเรกของนายกลายมาเป็นคอยจับตาดูเค้าตั้งแต่เมื่อไรกัน..........ร่างสูงกำยำที่นั่งเอนหลังพิงกับเก้าอี้นวมตัวสวยแข็งแรงคิดเหนื่อยหน่ายกับตัวเองในตอนที่ปาทังก้ามาส่ง

“เอาล่ะพวก  ใครสั่งปาทังก้าบ้าง” เป็นโทนี่เจ้าเก่าที่เริ่มปลุกความสนใจของคนอื่นๆ และสตีฟก็เห็นพวกที่เหลือทยอยมาเอาออเดอร์ของตนเองยังกะในร้านอาหารย่านบรู๊คลินที่ไม่มีเด็กเสิร์ฟ  ซึ่งแน่นอนตัวเค้าเองนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาหารมื้อดึกนี้ด้วยเลย  แต่ทว่าเค้าก็ได้แปลกใจบ่อยเป็นพิเศษ เมื่อเจ้าภาพที่ออกความคิดเห็นนั้นไม่ได้มีปาทังก้าติดมือมาด้วย..........โทนี่เองก็ไม่ได้สั่งด้วยอย่างนั้นหรือ

สตีฟรู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งคงจะรู้สึกแย่น่าดู และคงต้องการอยากจะให้การสังสรรค์กับเพื่อนพ้องช่วยบรรเทาความไม่สบายใจของตัวเองไปได้บ้าง...........แต่ดูแล้ว  สตีฟไม่ค่อยเห็นผลจากการกระทำนั้นเสียเท่าไรเลย

แต่แล้ว ชายผู้มีมูลค่าหลายล้านก็เดินเยื้องย่างอย่างสบายอารมณ์เข้ามาหาเค้าเสียนี่  ในขณะที่พวกที่เหลือต่างกำลังผลัดกันอวดโฉมหน้าของปาทังก้าที่ดูยังไงก็เหมือนกัน กับคนอื่นๆ

สตีฟกระพริบตา ทำเป็นว่ากำลังสนใจปาทังก้าของคนอื่นๆ บ้าง ก่อนจะปรับโฟกัสมาหาโทนี่ซึ่งถือแก้วแชมเปญเดินเข้ามาหาสตีฟอย่างเงียบเชียบราวกับว่าเค้าไม่ต้องการให้ใครสังเกตเห็น

“ไง  งานเลี้ยงไม่สนุกเหรอคุณปู่บ้านไอติมวอลล์” โทนี่พิงราวกับกระจกแล้วจกกระเป๋ามองออกไปยังกลุ่มเพื่อนที่ยังคงชุลมุนกันอยู่  คุณปู่บ้านไอติมวอลล์ในที่นี่ของอีกฝ่ายก็คงจะหมายถึง สตีฟที่โดนแช่แข็งมานานนับหลายปี

“คนน้อยขนาดนี้ไม่น่าเรียกว่างานเลี้ยงนะว่าไหม” เค้ากวนกลับ  แต่ไม่ยักเห็นแววเสียเซลฟ์ของโทนี่บ้าง  อีกฝ่ายเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ แล้วส่งเสียงหัวเราะกับตัวเองเพียงเท่านั้น..........โทนี่ยิ้ม  แต่ทำไมสตีฟจึงได้คิดว่ามันช่างดูเศร้าและขมขืนยิ่งนักนะ

“ก็คงงั้นล่ะ” โทนี่ตอบรับประโยคนั้นในที่สุด  ก่อนร่างสูงจะตัดสินใจพูดในสิ่งที่เค้าไม่ได้คิดไว้ออกไป

“คุณน่าจะนั่งลง” เค้าว่า รู้สึกว่าตัวเองทำหน้างุนงงเมื่อพูดออกไปเช่นนั้น  และโทนี่เองก็มีไม่แพ้กันเมื่อกัปตันอเมริกาเอ่ยชวนเค้าอย่างเป็นมิตร  แต่สุดท้ายก็ยอมนั่งลงข้างๆ ร่างสูงแต่โดยดี

“คุณโอเคไหม” สตีฟเผลอถามออกไปดั่งใจของตัวเองอีกแล้ว

“ทำไม?” อีกฝ่ายยักไหล่ ยิ่งคำถามมาหาเค้าเสียอย่างนั้น

สตีฟไหวไหล่บ้าง “ก็เปล่า  แค่เห็นคุณดูแปลกไป” เค้าจึงตัดสินใจพูดความจริงออกไป

เค้าได้ยินเสียงโทนี่หัวเราะ และมุมปากประดับหนวดเบาบางที่ยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติครั้งแรกในคืนนี้ “บางทีบางอย่างก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด.....”


.


.


.


TBC.


--------------------------------------------------------------------------------------------------


อร๊ายยย ถูกใจกันไหมอ่าคะ? ><  //ไรท์มิแน่ใจ  เพราะเพิ่งจะบรรเลง คู่จิ้น Avengers เป็นครั้งแรกค่ะ//  คอมเม้นท์ให้ไรท์กันหน่อยนะคะ ><  

เอาเป็นว่าเราใจตรงกันนะคะ ไรท์จะย้อนไปถึง The Avengers ภาค 1 และ ควบมา Ironman ภาค 3 เลย แล้วจากนั้นค่อยไป The Avengers ภาค 2 นะคะ^^   ไรท์กำลังมองหาหนทางที่จะเขี่ยเปปเปอร์ออกบนพื้นฐานของความเป็นจริงที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดอยู่ค่ะ 5555 //ไม่รู้ไรท์เป็นอะไรกับผู้หญิงในเรื่องนั้นๆ ค่ะ.....ขว้างหูขว้างตา 5555 โดยเฉพาะแคทนิสกับคาร์ลี่  แต่สำหรับเปปเปอร์ไรท์เฉยๆ ค่ะ ฮาาาา//

เขี่ย  ใช้คำนี้แรงไปไหมคะเนี่ยยย 5555   แต่ว่าไรท์คิดว่ามันสมเหตุสมผลค่ะ  เป็นไรท์ไม่ทนตั้งแต่จบ Ironman ภาค 3 แล้วค่ะ  เต็มกลืนน จะตายเพราะเรื่องไม่คาดคิดอยู่แล้ววว เปปเปอร์นางเป็นเลขาผู้ซื้อสัตย์น่ะก็ดีแล้ววว//

ต้องสุภาพบุรุษมาดแมนแฮนซั่ม รับได้ทุกอย่าง อย่างกัปตันสุดหล่อของเราสิรับโทนี่ได้ทุกอย่างเลยยยยยย 555555  //ถูกใจจ// โทนี่ต้องมีคนคอยดุ และคอยปรามค่ะ  และที่สำคัญถ้าไม่มีคนคอยกัดก็จะไม่ใช่ The Avengers (เอ๊ะ เดี๋ยววว มันเกี่ยวกันเหรอ)

อร๊ายยยยยย ชอบกันไหมเอ่ยยยย บอกไรท์ด้วยนะคะ  ร๊ากกกกกกกกกก รีดทุกท่านมากๆ เลยค่ะ >,.<  //ส่งจูบ//

สักพักแววเสียงรีดวิ่งมาหา....ถือเก่อี้มาด้วย  แล้ว RonalSi กับ MaLec ของฉันล่ะยะ!!  รีดทวง  แล้วเหวี่ยงวงสวิง.............ง่าาาาา  นี่ Fandom เพิ่มเติมค่ะ 55555 //หัวแตก//

ด้วยรักและแรงหื่น

Ray - Aund



4 ความคิดเห็น:

ต้นข้าว กล่าวว่า...

ขอบคุณมากคะแต่งเรื่องสนุกมากให้ มาอัพเร็วๆนะคะ

Unknown กล่าวว่า...

ท้าดาาาาา เพิ้งตามมาอ่านค้า จริงๆนี่เป็นคู่หนึ่งในอเวนเจอร์ที่ชอบรองจากธอร์กิ คู่นี้จิ้นตอนภาค1ที่นางจะสู้กันเพราะความเห็นไม่ตรงกัน แล้ว สตาร์คบอกไม่อยากรังแกคนแก่ แต่โรเจอร์ไล่บอกไปใส่ชุดมา! ตอนนี้ได้กลิ่นรังสีความวาย55 ชอบมากค่ะไรท์😁😁😁 แต่งต่อๆนะคะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ชอบคู่นี้พอๆ กับธอร์โลกิ
โดยเฉพาะให้โทนี่เป็นฝ่ายรับ 555

1321 กล่าวว่า...

กัปตันดูเย็นชาได้ใจดีจัง555555 ชอบอ้ะ แถมยังเป็นห่วงโทนี่อีกถึงจะชอบกัดกัน -.-