วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

[Fic – RonalSi] + [Part 28] เรื่องวุ่นวายของนายตัวดี! – Ronaldo x Messi



สวัสดีค่ะรีดที่รักทูกท่านนนนนนนนนน ><  //จรดมือแนบตัก//  ห๊ายไปนานอีกแล๊วววว 555555 //โดนรีดตบหน้าเบี้ยว//  ขอโทษนะคะ อยากจะคั่นใน The Hunger Games ด้วย  แต่ก็ยังไม่ได้ตรวจทาน Part นี้เลยค่ะ TUT  เลยต้องลงฟิค The Hunger Games ให้จบก่อนค่ะ ง่อววววววว

Part ที่แล้วเราถึงไหนกันแล้วนะคะ  โอ้ววว เฮียกำลังจะถูกพาแว็นไปโรงพยาบาลแล้วใช่ไหมคะ?  แล้วเหมียวผู้น่าสงสารของเราล่ะค่ะ  ดูท่าจะติดเฮียซะแล้วนาาา ^w^ ต้องตามอ่านค่ะ ต้องตามอ่านซะแล้วววว

เอ.....ไรท์ก็ยังหวั่นๆ อยู่ค่ะว่าจะได้ลง Part สุดท้ายภายในเดือนนี้หรือเปล่า  แต่ก็น่าจะทันค่ะ 5555555 //โลเลจริงๆ เลยค่ะไรท์// + //โดนรีดรุมเตะ//

แปะเฟสเอาไว้คุยกันค่ะ 55555 >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<< จิ้มเลยค่ะ >< 

 เอาเป็นว่าเราไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ >//<  เฮียกะเหมียวรออยู่แล้วค่ะ  ไปกันเล้ยยยยย >3<


----------------------------------------------------------------------------------


“ขอโทษครับ  เรากำลังจะไปโรงพยาบาลกันแล้ว....กรุณานอนให้เรียบร้อยด้วยครับ”

ร่างเล็กเปลี่ยนสีหน้าไปเป็นราวกับอ้างว้าง ทันทีที่โดนนอยเออร์แตะไหล่  เมสซี่พยายามทำในสิ่งที่เรียกว่ายิ้มให้แก่โรนัลโด้เพื่อให้กำลังใจกับร่างสูง  แต่คนที่ได้รับมันกลับรู้สึกว่ามันช่างเป็นยิ้มที่แสนเศร้าเสียจริง  เมสซี่ตบบ่าซ้ายโรนัลโด้เบาๆ ก่อนจะถอยออกไปตามการชักนำของนอยเออร์

โรนัลโด้เผลอยิ้มเศร้าตอบ.......เค้าเองก็ไม่อยากอยู่ห่างจากอีกคนหนึ่งเช่นกัน 


.


.


.


************************************************************************


.


.


.


ร่างเล็กตัวจ้อยเจี่ยมเจี๊ยมยืนทำตาละห้อย และโบกมือน้อยๆ บ๊าย บายร่างสูงหลังจากที่หนุ่มๆ เยอรมันข้างหลังบอกลาโรนัลโด้เสร็จแล้ว

รอบข้างของชายหนุ่มทั้งสี่คนคือผู้คนที่เสียขวัญและได้รับบาดเจ็บเนื่องจากโดนลูกหลง วิ่งไปวิ่งมาและเจ้าหน้าที่ก็พยามหาทางช่วยพวกเค้าอยู่อย่างเต็มที  แต่ทว่ารถพยาบาลเที่ยวแรกที่จะได้ไปถึงโรงพยาบาลนั้นเป็นของโรนัลโด้  ตำรวจและหมอที่เพิ่งรักษาเค้าเห็นพ้องกันว่าต้องการจะให้นักฟุตบอลดังได้รับความเป็นส่วนตัวจึงไม่ต้องการให้ผู้บาดเจ็บคนใดปะปนไปกับเค้าด้วย

“โชคดีเพื่อน”

“นายต้องได้ลงสนามแน่คริส ฉันเชื่ออย่างนั้น  รักษาตัวดีๆ นะพวก”

“แล้วพวกเราจะไปเยี่ยมน้าา”

นอยเออร์พูดน้อย  มึลเลอร์ให้กำลังใจ  และปิดท้ายด้วยชไวนี่ที่ยิ้มอย่างโลกสวยอย่างเช่นเคย  โรนัลโด้ต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว  และเค้ากับเมสซี่เองก็ต้องจากกันตรงนี้........

ถ้าหากว่าเค้าอยากให้เป็นแบบนั้น

“ขอโทษครับ  อย่าเพิ่งปิดประตู...” โรนัลโด้ที่จ้องมองใบหน้าน่าเห็นใจของเมสซี่พูดขึ้น พร้อมกับยกมือขึ้นห้ามบุรุษพยาบาลที่กำลังจะปิดประตูรถ  ร่างสูงยกมุมปากขึ้น

“เอ่อ...เค้าลืมอะไรงั้นเหรอ” มึลเลอร์เอ่ยขึ้นเรียบๆ เมื่อเห็นว่าร่างสูงของชาวโปรตุเกตุไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ปิดประตู  เค้ามีสีหน้างุนงง คนอื่นก็เช่นกันโดยเฉพาะเมสซี่ที่โดนโรนัลโด้ส่งยิ้มให้ด้วยสายตาเป็นประกาย

ร่างเล็กมองตอบอย่างไม่เข้าใจ  ในขณะที่ร่างสูงของโรนัลโด้ยกมือขึ้นปรามบุรุษพยาบาลที่จะจับตัวเค้าให้นั่งลงไปที่เดิม เมื่อเค้าเองกำลังจะลุกขึ้น  ร่างสูงพูดกับชายผิวเข้มที่ทำหน้าไม่เข้าใจ ด้วยรอยยิ้มที่หล่อที่สุดในโลก

“ผมไม่เป็นไรแล้วครับ” เค้าพูดประดับด้วยรอยยิ้ม

ก่อนโรนัลโด้จะดันตัวเองขึ้นมาจากเตียง  แล้วโดดลงรถพยาบาลด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม  บุรุษพยาบาลพยายามเรียกร้องให้ร่างสูงคนดังแห่งวงการลูกหนังกลับขึ้นมา แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจเสียงนั้น  กลับหันไปดึงแขนชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่เกือบจะเดินมาชนเค้าเข้าด้วยท่าทางที่ซวนเซดูน่าเป็นห่วง  ร่างสูงแข็งแรงพูดขณะช่วยพยุงชายที่บาดเจ็บคนนั้นไว้

“เฮ้  คุณต้องการหมอนะ  ดูท่าแล้วไหล่ซ้ายคุณจะหลุดแถมยังแขนหักอีกต่างหาก คุณควรไปโรงพยาบาลนะ........เฮ้พวก เอาเค้าขึ้นรถไปเลย  เค้าต้องการไปโรงพยาบาลมากกว่าผม” ร่างสูงพูดด้วยรอยยิ้มแห่งความอารีและเป็นการเป็นงานในเวลาเดียวกัน  เค้าดันหลังส่งชายคนดังกล่าวที่ทำหน้างงๆ ให้เดินขึ้นรถพยาบาลไป

บุรุษพยาบาลช่วยให้ชายวันกลางคนได้ขึ้นรถอย่างปลอดภัยและดูแลขั้นเบื้องต้นอย่างว่องไว  ก่อนชายคนนั้นจะหันมายิ้มอย่างขอบคุณที่ร่างสูงใจดีผู้นี้อุตส่าห์เห็นใจและเชื่อเชิญเค้าขึ้นรถที่กำลังจะไปถึงพยาบาล

และชายผู้ได้รับการหยิบยื่นน้ำใจไปให้คนนั้นก็ถึงกับต้องรู้สึกประหลาดใจอย่ามากกับตนเอง  และได้ตระหนักว่าเค้าโชคดีเพียงใด ที่เพิ่งสังเกตเอาทีหลังว่าชายหนุ่มหน้าตาดีที่เอื้อเฟื้อแก่เจ้าตัวเป็นถึงบุคคลที่ใครๆ ก็ต่างรู้จักและกล่าวขวัญกันอย่างแพร่หลาย

โรนัลโด้ที่เพิ่งสละรถเที่ยว VIP ให้ชายวัยพ่อไปก็ยิ้มและขยิบตาให้ ก่อนจะหันไปเจอกับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่มีแพทย์สนามประคองประกบข้าง  เดินผ่านมาขอกล่องปฐมพยาบาล เค้าถูกยิง  และร่างสูงก็ไม่รีรอที่จะเชิญชายคนนั้นขึ้นรถไปอีกคนหนึ่ง

โรนัลโด้ตอนนี้ดูเหมือนอาสาสมัครช่วยเหลือทีมแพทย์สนามของโรงพยาบาลอย่างไรอย่างนั้นเลย.....

ผลสุดท้ายแล้ว ทั้งนอยเออร์  ชไวนี่  มึลเลอร์  และเมสซี่ยืนมองร่างสูงของโรนัลโด้โบกมือให้รถพยาบาลที่เค้าควรจะอยู่ในนั้น อย่างร่าเริง  ร่างสูงสมส่วนหมุนตัวบนสันเท้าแล้วยิ้มอย่างที่เค้าชอบทำในตอนที่เพิ่งกลับมาจากการช่วยเหลือและบริจาคให้แก่ผู้อื่น  ก่อนจะเจอเข้ากับสีหน้าไม่เข้าใจของหมู่คนที่เป็นเพื่อนเค้า ซึ่งไม่กระดิกตัวไปไหนเลย

โรนัลโด้เลิกคิ้ว  นอยเออร์เปิดสนามถามคนแรกแบบหน้าตาย

“นายทำบ้าอะไรน่ะ”

“ทำไมไม่ไปกับเค้าล่ะคริส”

ร่างสูงยักไหล่ใส่ชไวนี่ ก่อนจะเดินหน้าไปแล้วค้อมตัวดึงมือของเมสซี่ออกมา  โรนัลโด้ยิ้มตอบหนุ่มเยอรมันสามคนที่ตั้งคำถามทางสายตากับเค้า

“คริส เอ่อ คุณ....” ร่างเล็กที่โดนดึงไปอย่างอ่อนโยนหันรีหันขวางไปทางโรนัลโด้ที ทางหนุ่มเยอรมันสามคนด้านหลังที  น้ำเสียงเบาหวิวของเมสซี่เต็มไปด้วยความงุนงง  โรนัลโด้ไม่ยอมบอกอะไรเค้าอีกแล้ว

.............ร่างสูงมีเรื่องให้ประหลาดใจได้ตลอด............

“อ๋อ ผมแค่ไม่อยากไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ แค่......” แทนคำตอบนั้น โรนัลโด้ก้มลงกระซิบตรงข้างหูของเมสซี่  ชไวนี่กัดมือตัวเองแล้วยืดตัวอย่างตื่นเต้น พร้อมกับอีกสองคนที่เกือบอ้าปากค้าง

..............ไปสนิทกันเอาตอนไหนฟะ?!..............

โรนัลโด้กระซิบเสร็จแล้ว  แต่เมสซี่ก็ยังคงยืนจ้องค้างไปยังอากาศธาตุตรงหน้าแล้วดวงตาก็เปล่งประกายราวกับว่าร่างสูงได้ร่ายมนต์สะกดใส่เค้า  ก่อนร่างสูงที่กุมมือบอบบางทั้งสองข้างของเค้าจะประดับรอยยิ้มสนุกสนานบนใบหน้า  แล้วหันไปเพยิดเพย้อกับสักขีพยานการใกล้ชิดในครั้งนี้

“ฝากบอกสองคนนั้นด้วยนะว่าเราจะไม่อยู่” ใบหน้าของร่างสูงดูมีความสุข ทำท่าจะเดินออกไปแต่ก็โดนนอยเออร์เอ่ยทักขึ้นเสียก่อน

เฮ้ แล้วนั่นพวกนายจะไปไหนน่ะ” สีหน้าเช่นนี้หาดูได้ยากนักสำหรับนอยเออร์  โรนัลโด้ยิ้มและขยิบตาทะเล้นจนออกจะเจ้าเล่ห์

“ไปเที่ยว” ว่าแล้ว ก็วิ่งออกไปฉุดมือเมสซี่ที่ปล่อยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวไปด้วย

“เฮ้ เดี๋ยว! ไปไหนกันน่ะ  ไปด้วยคนสิ!

บาสตี้...ปล่อยเค้าไปเหอะ ถ้าเค้าอยากให้เราไปก็ชวนเราไปนานแล้วล่ะ  ว่าแต่นายก็เลิกมองได้แล้ว  เค้าไปกันแล้ว” มึลเลอร์รุนหลังคนที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปอีกทางหนึ่งเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่บ้าง.......พวกเค้าต้องการน้ำและการพักผ่อนเสียที หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งคืนแล้ว

สองคนนั้นเดินไป และตามด้วย มานูเอล   นอยเออร์ ที่ยังคงมองตามหลังของสองคนที่เพิ่งวิ่งออกไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจ.............

 แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เค้าเข้าใจแน่ๆ นั่นก็คือมิตรภาพของสองหนุ่มที่มีชื่อเสียงปีนเกลียวกันมาได้ก่อเกิดขึ้นแล้ว  ไม่ว่าจะมีคนเห็นด้วยหรือไม่  แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว และดูท่าทางสองคนนั้นจะดูห่างกันไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป........

“มานู...มานูเอล  เฮ้ เราจะไปกันแล้วนะ มาเร็วเข้า”

เสียงสดใสของชไวนี่ดังไล่หลังมา  นอยเออร์ต้องไปแล้ว.........

ร่างสูงหกฟุตสี่หันไปตามเสียงที่เรียกเค้าแต่สายตาก็ยังคงมองไปยังทางเดิม  ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาน้อยๆ อย่างที่ไม่มีใครเคยเห็นแล้วเดินไปหาชไวนี่ที่อ้าแขนรอคล้องคอเค้าอยู่  และเมื่อไปถึงชไวนี่ก็ตัวเกือบลอยเลยทีเดียวเพราะนอยเออร์สูงกว่ามาก  หนุ่มเยอรมันสามคนเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่เพื่อขอน้ำและผ้าห่ม ช่วงเช้ามืดของริโอหนาวเสมอ

..........ใช่  นอยเออร์เข้าใจถูกแล้วล่ะ  เพียงแต่เค้าแค่พูดผิดไปนิดหนึ่งเท่านั้นเอง............

บางอย่างที่มากกว่า มิตรภาพได้เริ่มขึ้นแล้ว

.

.

.

*******************************************************

.

.

.

และในขณะที่เรื่องเลวร้ายได้จบลง ผู้คนมากมายต่างต้องการพักผ่อน  แต่ชายหนุ่มสองคนที่หลบออกมากำลังเดินไปด้วยกันในถนนสายที่คลาคลำไปด้วยผู้คนมากมายหลายเชื่อชาติ

โรนัลโด้พาเมสซี่เข้าร้านอาหารที่เพิ่งเปลี่ยนมาเป็นเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงในช่วงที่มีเทศกาลบอลโลก  ภายในร้านมีการตกแต่งเรียบง่ายแต่บ่งบอกถึงธรรมชาติประจำภูมิประเทศได้เป็นอย่างดี   เค้าเคยมีโอกาสแวะเข้ามาและคิดว่าเหมาะดีทีเดียว  ข้างในร้านตกแต่งด้วยไฟสีอ่อนในเวลากลางคืน  มีมุมส่วนตัวใกล้ชิดบรรยากาศธรรมชาติที่ทางร้านจงใจสร้างขึ้นมา  และแสงไฟที่ใช้ตกแต่งและประดับประดาก็สวยเอามากๆ ด้วย

ร่างสูงกับร่างเล็กเล่นทายหัวก้อยกัน  แย่งชิงว่าใครจะได้เป็นคนเลี้ยงอาหารมื้อแรกของพวกเค้าในคืนนั้น  พวกเค้าต้องเริ่มใหม่หลายรอบเพราะเมสซี่บอกว่าโรนัลโด้โกงต้องเอาใหม่  แต่ผลสุดท้ายนอกจากจะได้จ่ายค่าอาหารแล้ว ร่างสูงยังท้องแข็งติดเก้าอี้อีกด้วยเพราะร่างเล็กไม่ยอมเคารพกติกา แย่งยื่นบัตรเครดิตให้บริกรแข่งกันกับร่างสูง  และก่อนหน้านั้นอีกที่โรนัลโด้ยิ้มและหัวเราะจนน้ำตาไหล

โรนัลโด้บอกบริกรว่าเค้าเพิ่งไปเล่นน้ำมา หลังจากบริกรพบว่าบัตรเครดิตของเค้าเปียก  บริกรก็อมยิ้ม รู้สึกประทับใจร่างสูงในความอารมณ์ดีของเค้า

“ก็ให้ตาย  นั่นมันเรื่องจริงนี่” โรนัลโด้กระซิบกระซาบกับเมสซี่เมื่อบริกรลับหายไป  ร่างเล็กทำเสียงที่เรียกว่ากลั้นขำออกมาก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะ แล้วเริ่มทำไหล่สั้นเพราะขำออกมาอีกแล้ว...........

...............ไม่มีทาง  ไม่มีทางที่นักฟุตบอลมืออาชีพและแถมยังจะชื่อดังอีกด้วย จะซุกหน้าลงกับแขนของตัวเองในร้านอาหารป่าแบบนี้............

บ้าไปแล้ว......คริสเตียนโน่พูดและยิ้มให้กับตัวเอง  เพระเค้าเพิ่งรู้ตัวว่าละสายตาไปจากอีกคนหนึ่งไม่ได้เลย  ร่างเล็กตรงหน้าเค้าจะน่ารักเกินไปแล้ว

เวลา 02.15 น. .................

ทั้งสองหยุดอยู่ที่ร้านขายของที่ระลึกเล็กๆ ร้านหนึ่งซึ่งมีของที่ระรึกประจำถิ่นต้อนรับเทศกาลขายเหมือนร้านใหญ่ๆ ทั่วไป  แต่พวกเค้าเลือกที่จะหยุดซื้อที่นี่เพราะมันเป็นร้านเล็กๆ ที่ไม่มีใครคิดเข้ามาซื้อเลย

คุณย่ากับหลานวัยงสิบขวบของท่านเป็นเจ้าของร้าน พร้อมกับพ่อและแม่ของเด็กน้อย ซึ่งมักจะเปิดขายตลอดเวลาและตอนนี้เป็นช่วงขายของสองย่าหลาน........เมสซี่เป็นคนดึงมือโรนัลโด้มาที่นี่และร่างสูงก็ชอบเอามากๆ เค้าบอกอีกคนหนึ่งว่าเราควรจะไม่พยายามบอกคนอื่นว่าเราเป็นใคร

เพราะงั้น พวกเค้าเลยเลือกหมวกบังแดดปีกเดียว กันคนละใบ พร้อมกับแว่นกันแดด  พอมาถึงตอนนี้เป็นเมสซี่บ้างที่ท้องแข็ง ร่างเล็กนั่งตัวปวกเปียกกับเก้าอี้ไม้น่านั่งของร้านแล้วท้าวแขนกับตู้เย็นหลังเล็กกะทัดรัดพลางเช็ดจมูก  แล้วเอาแต่หัวเราะเสียงน่ารักในเรื่องที่ว่า...พวกเค้าใส่สูทกันแล้วก็ใส่หมวกกับแว่นกันแดดยังกะจะไปเที่ยวชายหาดยังงั้นแหละ

โรนัลโด้อ้าแขนแล้วยักไหล่ก่อนจะพูดว่า “ก็มันช่วยไม่ได้หนิ....ปะ ไปกันเถอะผมจะพาคุณไปปล้นร้านทอง...” ร่างเล็กตัวงออีก ซุกหน้ากับวงแขนตัวเองแล้วทุบที่ท้าวแขน  ร่างเล็กหัวเราะจนหน้าแดงแจ๊ไปหมด

นอกจากนั้นพวกเค้ายังเลือกผ้าเชียร์ลาย World Cup 2014 สีสันสวยงามที่คุณยายและคนในครอบครัวช่วยกันทำอีกด้วย.......โรนัลโด้และเมสซี่เห็นตรงกัน  พวกเค้าทั้งคู่รู้สึกชอบร้านเล็กๆ นี้ขึ้นมาจับใจ และยิ่งสร้างความประทับใจเข้าไปอีกเมื่อมาร์โก้เด็กชายวัยสิบขวบคนนั้นนำเครื่องดื่มสูตรลับของคุณย่ามาให้ลองชิม  ชายหนุ่มสองคนนั่งอยู่ที่นั่นพักหนึ่งโดยที่ไม่มีใครผ่านเข้ามาเลย

คุณย่าบอกว่ามันเป็นเรื่องปรกติอยู่แล้ว เพราะนักท่องเที่ยวส่วนมากจะไปซื้อของที่ระลึกจากร้านใหญ่ๆ กันหมด ไม่ได้ผ่านเข้ามาที่นี่มากนักถ้าจะมีก็คงเป็นพวกที่หลงมาเพราะเป็นซอยเล็กและไม่ค่อยมีใครสนใจ

 ก่อนออกไปเมสซี่และโรนัลโด้ร่วมถ่ายรูปกับสองย่าหลานไว้เป็นที่ระลึก (และเช้าวันต่อมาพอพ่อของมาร์โก้เห็นเข้า ร้านของพวกเค้าก็ดัง กระทั้งมีคนเข้ามาอึดหนุนจนขายของไปซะหมดเกลี้ยงเพราะที่นี่เป็นร้านที่ซูปเปอร์สตาร์นักเตะทั้งสองเคยมาเข้า.....ร้านของมาร์โก้เลยดังได้ออกข่าวในทีวีด้วยล่ะ)

และที่ดูจะแย่ที่สุด เหมือนจะเป็นที่ร้านของมาร์โก้ไม่สามารถรับเครดิตได้  แต่คุณย่าก็บอกว่าไม่เป็นไร  พวกเค้าไม่จำเป็นต้องจ่ายเงิน  แค่เข้าร้านมาแล้วมีความสุข  ชื่นชมของที่ครอบครัวช่วยกันทำก็พอแล้ว ไม่ค่อยมีใครได้เห็นมันเยอะนัก  โรนัลโด้จึงให้นาฬิกาข้อมือของเค้าเป็นสิ่งตอบแทน ซึ่งมันก็มีราคาไม่มากไม่มาย.....เพียงแค่สองล้านปอนด์เท่านั้นเอง

(และภายหลังร่างสูงตัดสินใจบริจาคเงินสร้างร้านใหม่ให้คุณย่าอีก พร้อมกับเงินสนับสนุนธุรกิจที่แสนน่าประทับใจของคุณย่า....อีกเล็กน้อย) + (คุณก็รู้ใช่ไหมว่าเล็กน้อยของโรนัลโด้น่ะมันเท่าไร)

ทั้งสองเดินไปตามท้องถนนอีกครั้ง และเริ่มมีผู้คนมากขึ้น  ท้องถนนถูกประดับประดาด้วยแสงไฟหลากสีมากขึ้น  และเมสซี่ก็หัวเราะออกมาอีกรอบเมื่อหันไปมองโรนัลโด้และหันกลับมามองตัวเอง........ให้ตาย เดินผ่านตำรวจแล้วโดนจับไม่ต้องสงสัยเลย  พวกเค้ากำลังจะไปปล้นร้านทองกันหรือไม่ก็เป็นบ้าไปแล้ว

ร่างเล็กเดินหันหลังให้กับทางข้างหน้า  หันมาพูดกับร่างสูงด้วยประโยคที่ไม่รู้เรื่องนักเพราะขำค้าง  โรนัลโด้มองตามอย่างคิ้วกระตุกนิดๆ นึกสงสัยอยู่ในใจว่าลีโอของเค้าดื่มเหล้าไปบ้างรึเปล่า  แต่ก็ไม่ใช่แบบนั้นเลย.....บางทีคนน่ารัก เวลาทำอะไรที่เข้าใจยากก็ยังน่ารักอยู่ดีนั่นล่ะนะ

และก็เป็นร่างสูงเองที่ เดินเข้าไปจับ ประคองเมสซี่ไว้ไม่ให้หงายหลังก้นจูบพื้นไปเสียก่อน เพราะเดินไม่ดูทางข้างหลัง  เมสซี่ทำหน้าเสียเปลี่ยนอารมณ์ทันที  สลับกับร่างสูงที่เป็นฝ่ายหัวเราะใส่บ้าง

“ดูคุณทำหน้าสิ ฮ่ะ..ฮ่ะ ฮ่าๆๆๆ เหมือนเด็กเลย ฮ่าๆๆ .....โอ๊ะ” ร่างสูงชี้ไปที่ร่างเล็กซึ่งยื้นปากใส่อีกรอบในคืนนี้  ก่อนเมสซี่จะดันหน้าคนที่หัวเราะเค้าอย่างน่าหมั่นไส้ไปอีกทางหนึ่งอย่างแรง จนโรนัลโด้แว่นเบี้ยว

ฮ่าๆๆๆ ดูหน้าคุณสิ....ฮ่าๆๆๆ หัวเราะทีหลังดังกว่านะ....อ่ะ ฮ่าๆๆ” เมสซี่ยิ้มใส่ร่างสูงจนตาปิด แล้วกุมท้องตัวเอง ชี้หน้าคนที่แว่นเบี้ยวอย่างมีชัย......โรนัลโด้จัดแว่นใหม่ แล้วตรงเข้าไปขยี้นิ้วใส่เอวเล็กๆ ของคนที่หัวเราะทีหลังดังกว่า

“หื้มม หัวเราะเก่งนักนะ....ผมยังแก้แค้นที่คุณหยิกหัวนมผมไม่เต็มอิ่มเลย  อี้แน่ะ! อี้แน่...!

“อา อ๊าาา! ฮ่ะ ฮ่าๆๆ อย่าแกล้งผมสิ....เดี๋ยวผมล้มน้า...อาาา ฮ่าๆๆ อึก อย่า! เดี๋ยวผมปัดไปโดนคุณจะเจ็บเอา...ฮ่ะๆๆ เอานะ” ร่างเล็กโดดหยองๆ ทำตัวเอียงข้าง  และพยายามแกะมือร่างสูงซึ่งไม่ยอมปล่อยออก........กลายเป็นว่านอกจากโจรปล้นร้านทองแล้ว พวกเค้าสองคนก็ยังดูเหมือนผู้ใหญ่สติไม่ดีที่เดินไปตามถนนซึ่งปกคลุมไปด้วยแสงไฟหลากสีอีกด้วย


.


.


.


TBC.


-------------------------------------------------------------------------------------------


อร๊ายยยยยยยย! เฮียพาเหมียวไปเที่ยว! >///<  อย่างที่เฮียได้หลอกถามเหมียวไปเมื่อ Part 19 ใช่ไหมคะ?  อร๊ายยยยยยยยย  เฮียขาาา  โรแมนติกมากเลยค่ะ >//<  ไม่ห่วงตัวเองเลย 5555  แต่เฮียบอกว่าเค้าหายเจ็บแล้วนี่เนอะ^^  งั้นไรท์กับรีดยอมเชื่อก็ได้ค่ะ ><  แหมมมมม  แต่เฮียทำเพื่อเหมียวนะคะเนี่ยยยยย

อยากทำให้ความต้องการที่จะลองไปเที่ยวในเมืองของเหมียวเป็นจริง  โดยที่เฮียก็อยากเป็นคนพาเหมียวไปใช่ไหมล่ะค่ะ ><   เฮียโด้เลยจัดเลย.....พาไปตอนนี้นี่แหละ  เพราะเดี๋ยวเจอพี่ๆ พ่อยกของเหมียวแล้ว  เฮียจะพาลโดนกีดกัน 55555555  ร้ายนะคะเฮียยย >< (แต่เหมียวรักมาก) ฮิ้ววววววววว  //แซว// 55555555

แต่ขอเช็ดน้ำตาอีกรอบนะคะ  จะจบแล้วค่ะ TUT  //เข้าโหมดอาลัยอาวรณ์//  ขอบคุณทุกๆ คอมเม้นท์และกำลังใจ  การติดตามของรีดทุกๆท่านเลยค่ะ ^^  เฮียเหมียวในเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่มีรีดที่น่ารักของไรท์ทุกคนนะคะ

รอติดตามความน่ารักของเฮีย(ผู้ยอมได้ทุกอย่างเพื่อความสุขของเหมียว)กะเหมียวต่อไปใน Part หน้านะคะ  ฟิคเรื่องนี้จะจบแล้ว คอมเม้นท์เป็นอนุสรณ์(?)ไว้กันด้วยนะเออ^^  รักรีดทุกท่านมากๆ เลยค่ะ M_ _M

ด้วยรักและหื่น
Ray - Aund





วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

[SF - THG] + [Part 5…END] The Miracle...ขอปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแก่เรา - Finnick x Peeta



แอนนี่  เธอก็เป็นแค่น้องสาวนั่นแหละ โฮ๊ะๆๆๆๆๆๆ //หัวเราะแรงง//  และฟินนิคกับนางไม่เคยจูบกันค่ะ  (ในฟิคของไรท์)  เพราะไรท์เป็นคนกำหนดเอง  เอื้อ ฮ่ะๆๆๆๆๆ 55555555  

เดินทางมาถึง Part สุดท้ายของเรื่องแล้วค่ะ  เป็นอย่างไรบ้าง  คอมเม้นท์ง่ายๆ ในบล็อกแบบไม่ต้องสมัครสมาชิก ให้ไรท์หน่อยนะคะ^^   หวังว่า 5 Part ที่ผ่านมาคงจะกินใจรีดไม่น้อยนะคะ

เอ้า! ไปอ่านกันเลยค่าาา


----------------------------------------------------------------------------------------------


“ฟินนิค....ฟินนิค!


.


.


*******************************************************************************


.


.

ผมกอดเธออย่างคิดถึงและรู้สึกโล่งใจที่น้องสาวยังคงปลอดภัยดี  ผมพูดคุยกับแอนนี่ ถามถึงหลายๆ อย่างที่คนเป็นพี่สมควรพึงกระทำ  หลังจากนั้นผมก็เข้าไปหาคนอื่นๆ อย่างโจฮันน่า.......เธอดูอารมณ์เสียและยังฉุนเฉียวอยู่ แม้ว่าจะอยู่ในสถานที่ๆ ปลอดภัยแล้วก็ตาม  เธอตวาดทีมแพทย์  ไล่ตะเพิดออกไปให้ห่างจากตัวเอง  ก่อนผมจะเข้าไปคุยกับเธอและบอกว่าผมเข้าใจเธอ โจฮันน่าเย็นลงและยอมคุยกับผมด้วย

“ไอ้พวกนรกนั่นมันร้ายกาจ” เธอคำรามรอดไรฟัน “มันสมควรตกนรก!

“ไม่เป็นไร....ฉันเข้าใจ  ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้วนะ  ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงอีกแล้ว” ผมปลอบเธอ เพื่อไม่ให้โจฮันน่าอาละวาดอีก  แต่ถึงกระนั้นหญิงแกร่งอย่างเธอก็ยังคงเย้ยหยัยแคปปิตอลอย่างรังเกียจเดียจฉันไม่เลิก  และผมรู้ว่าตอนนี้แคทนิสก็คงจะอยู่ในห้องของพีต้าแล้ว  แต่ทว่าจู่ๆ เสียงโครมครามก็ดังขึ้นภายในห้องนั้น  มันฟังดูคล้ายมีการกระทบกระทั่งกันไปมาจนข้าวของแตกกระจาย  ในคราแรกผมคิดที่จะเข้าไปดู แต่ทว่าก็มีคนวิ่งเข้าไปและปิดกั้นทางเข้าจนไม่สามารถมองเข้าไปได้เสียแล้ว

ผมได้ยินคนพูดกันว่า “พีต้าจะฆ่าแคทนิส” ก่อนเด็กหนุ่มจะโดนฟาดที่หัวจนสลบไป

.............อะไรนะ  อำผมเล่นหรือเปล่า  พีต้าทำแบบนั้นอย่างนั้นหรือ  แค่ยิงนกเค้าก็ยังทำไม่ได้เลย  พีต้าจะกระโจนเข้าไปกระแทกพร้อมกับบีบคอแคทนิสได้ยังไงกัน  ผมไม่ยอมเชื่อคำบอกเล่าของบ็อกส์

แต่เค้าบอกว่าเค้าเป็นคนฟาดหัวพีต้าเอง ในตอนที่เด็กหนุ่มผู้ที่อยู่ๆ ก็แข็งแกร่งนั้นหมดหนทางควบคุม...................

พลูตาร์ชบอกว่า พีต้าโดนทรมานและล้างสมองจริง (อย่างที่ผมคิดเอาไว้) เค้าโดนทำให้เชื่อฟังในคำสั่งของแคปปิตอล ถึงแม้ว่าจะพยายามต่อต้านมากแค่ไหนก็ตาม  แต่เค้าก็ถูกทำให้เกลียดและมีความคิดที่ว่า จะต้องฆ่าแคทนิสให้ได้ ไปเสียแล้ว.............พระเจ้า เรื่องเลวร้ายแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไงกัน  สโนว์ใช้อะไรคิดว่าทำแบบนี้แล้วเรื่องทั้งหมดจะเป็นอย่างที่เค้าต้องการ  ไม่  มันไม่ใช่เลยสักนิดเดียว

ผมกำหมัดอย่างเคียดแค้นในตอนที่แอนนี่บอกให้ผมพาไปดูโดยรอบของเขต 13  และไม่นานนักประธานาธิปดีอัลม่าก็ออกมากล่าวสุนทรพจน์ปลุกใจคนในเขตอีกรอบ  ผมอยู่ที่นั่นด้วย แต่ก็หาได้สนใจคำพูดของเธอไม่  ผมยังคงคิดถึงใบหน้าที่เหนื่อยล้าแต่ก็ยังดึงดันที่จะหวาดระแวงอยู่ของพีต้า ตัวผอมแห้ง  ซีดเซียวที่ผมไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน..........ผมสงสารเค้าจับใจ

และเมื่อถึงเวลาแยกย้ายผมพาแอนนี่กลับไปพักผ่อน  ก่อนจะเดินตามทางต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่ลังเล  ผมเดินผ่านห้องพยาบาลของแคทนิส  เธอกำลังนั่งอยู่บนเตียง  มีเผือกดามคออยู่แล้วร้องไห้  บางทีเธออาจจะเสียใจที่โดนพีต้าทำร้ายเอาแบบนั้น ทั้งๆ ที่เค้าก็เป็นเพื่อนกับเธอมาโดยตลอด (แคทนิสบอกผมว่าพีต้าเป็นเพื่อนของเธอ)

ผมเดินผ่านประตูห้องที่เปิดแง้มอยู่ของเธอไป โดยไม่ได้หยุดดู  กระทั่งฝีเท้าที่ไม่เร่งรีบแต่ทว่าก็สม่ำเสมอของผมมาหยุดอยู่ตรงที่ๆ เคยเป็นห้องพักฟื้นของพีต้า.......แต่ว่าเค้าไม่อยู่ที่นี่แล้ว  ผมไล่สายตาไปตามข้าวของที่แตกซึ่งยังไม่ได้รับการเก็บกวาดอยู่ทั่วห้อง  ผมกระพริบตาหนักๆ ก่อนจะค่อยๆ เดินต่อไปอย่างเงียบเชียบ  มีกระจกบานใหญ่อยู่ตรงนั้น.......ไม่สิ  ข้างในนั้นมันเป็นห้องต่างหาก  ห้องที่มีกระจกเอาไว้มองเข้าไปข้างใน เหมือนกับห้องสอบสวนที่มีกระจกสองด้าน

ไม่รอช้า  ผมรีบเดินเข้าไปดูทันที  และที่ผมเห็นก็แทบจะฉีกกระชากหัวใจของตัวเองอีกรอบ.......พีต้าอยู่ในนั้น  ถูกมัดตรึงไว้อยู่กับเตียงอย่างแน่นหนา เค้าดิ้น.....ดิ้นแล้วดิ้นอีก  ผมมองเห็นสีหน้าอันเหนื่อยและหวาดกลัวของเค้า  แต่พีต้าก็ยังดิ้นต่อไปหวังว่าตัวเองจะเป็นอิสระ  เค้าไม่ยอมหยุดดิ้นเลยจนกระทั่งผมเดินเข้าไปในห้องนั้น...........

พอเห็นผม  พีต้าดิ้นเล็กน้อย แต่ก็หยุดไปในที่สุด  ร่างของเด็กหนุ่มที่มือไม้สั่นเพราะเริ่มหมดแรงแล้ว กวาดตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า  ตัวของเค้าเอียงไปด้านข้างเล็กน้อยอย่างไม่ไว้ใจในการมาของผม สายตาเค้ายังคงจ้องเขม็ง ราวกับเห็นว่าผมกำลังถือแส้มาทรมานเค้าอย่างนั้นก็ไม่ปาน

“ไม่เป็นไร....ฉันไม่ทำร้ายนายหรอก” ผมกล่าวเสียงเบาเพราะไม่อยากให้เค้ากลัว  ก่อนผมจะเรียกเค้าอีกจากจิตใต้สำนึกอันห่วงหา

“พีต้า” ผมเพิ่งจะหยุดร้องไห้ไปแต่ก็ทำเป็นเข้มแข็งเอาไว้ในตอนที่เข้ามาหาเพื่อนๆ ในห้องพยาบาล  แต่ทว่าตอนนี้กลับร้างผู้คน  พีต้าหันมามองหน้าผมราวกับไม่คิดว่าผมจะรู้จักชื่อของเค้า  และเค้าไม่มีท่าทีขึงขังเหมือนตอนครั้งแรกที่เจอกันอีกแล้ว  ผมจึงเดินเข้าไปหาเค้าทีละน้อย จนมายืนอยู่ห่างจากเค้าไปเพียงไม่ถึงสองก้าว  พีต้าห่อไหล่แล้วกำมือที่ถูกรัดนั้นจนแน่น  ผมเห็นน้ำตาที่ไหลลงมาจากหางตาช้ำๆ ของเค้าอย่างเบาบาง

“นายคงจะเจ็บมากเลยสินะ” ผมกระซิบอีก แต่แสดงสีหน้าออกไปว่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง.......ผมไม่อยากให้เค้าต้องเป็นแบบนี้เลย

และสีหน้าของพีต้าก็เปลี่ยนไป  แววตาของเค้าดูสับสน  ริมฝีปากบางแต่ซีดเซียวคู่นั้นก็เม้มเข้าหากันแน่น  ไหล่คู่เล็กๆ นั้นสั่นเทาไปมา บ่งบอกว่ากำลังจะหมดแรง  เส้นผมสีทองที่เคยส่องประกายดุจทองคำก็ดูไร้ชีวิตชีวา  ผมได้เข้ามาอยู่ใกล้พีต้าเป็นครั้งแรกหลังจากเค้ากลับมา  ผมไล่สายตาไปตามรายละเอียดที่ถูกบิดเบือนไปทั้งหมดของพีต้า

...........ผมรู้สึกเจ็บปวด...........

“พีต้า...” ผมเอ่ยออกไปเสียงติดจะสั่นเครือ

“.....ใครทำอะไรกับนาย  เป็นใครกันที่ทำกับนายแบบนี้” ผมแตะแผลตรงหางคิ้วของเค้า  ซึ่งไม่ได้รับการขัดขืนอย่างที่ผมคาดหวังเอาไว้  เด็กหนุ่มตัวเล็กบนเตียงตรงหน้าผมเพียงแค่ขยับหนีเล็กน้อยก่อนจะมีสีหน้าสันสบมากขึ้นไปอีกเมื่อผมแตะรอยช้ำของเค้า

อันที่จริงผมไม่รู้ว่าจะเริ่มแตะตรงไหนก่อนดีด้วยซ้ำ เพราะพีต้าเค้าดูบอบช้ำไปหมด  รอยสีม่วงและเขียวที่กระจายอยู่ทั่วทั้งตัวช่างพาให้หดหู่ใจ  ผมไม่เคยจินตนาการถึงเค้าในแง่นี้มาก่อนเลย.....ผมยอมรับผมคิดถึงเค้าทุกๆ คืนแม้ว่าเราจะไม่ได้จากกัน  และนั่นจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะบอกเค้าถ้ามีโอกาส

แต่ในเวลานี้ผมสงสารเค้าเอามากๆ  ผมอยากจะทำบางสิ่งบางอย่าง....จะอะไรก็ได้ เพื่อแบ่งเบาความเจ็บปวดของเค้ามาให้ผมบ้าง  นี่มันหนักเกินไปสำหรับพีต้าหากจะให้เค้าแบกรับเอาไว้คนเดียว  ผมกลัดกลืนของเหลวลงคอไป  หลีกเลี่ยงอาการที่จะร้องไห้เพราะสงสารเค้าอีกครั้ง

“นายเจ็บมากไหม  ฉันขอโทษนะ......เอ่อ ไม่สิ  นายคงจะจำฉันไม่ได้หรอก  แต่ถึงไม่ว่ายังไงมันก็เป็นความผิดของฉันที่นายต้องกลายเป็นแบบนี้” ผมใช้นิ้วเกลี่ยไปที่กลุ่มผมสีหม่นหมองของเค้าอย่างแผ่วเบา เพราะกลัวว่าเค้าจะผงะหนีผมไปเสียก่อน  ในคราแรกพีต้าขมวดคิ้วเป็นปมใส่ผม  แต่เมื่อผ่านไปและเห็นว่าผมไม่ได้ทำอะไรเค้าเลย นอกเสียจากไล่นิ้วไปมาตามเค้าโครงที่หายไปของเค้า  พีต้าก็คลายปมนั้นออกแล้วเลิกคิ้วใส่ผมแทน

ผมจึงนั่งลงที่ขอบเตียง  ข้างๆ เค้า

“นายคงเจ็บปวดมากเลยสินะ  ที่ต้อง....” ผมหยุดคำพูดของตัวเอง  อย่าไปตอกย้ำเรื่องแย่ๆ ใส่ใจของเค้าอีกเลย “.....ฉันขอโทษนะพีต้า” ผมเอื้อนเอ่ยคำพูดที่แสนจะเรียบง่ายแต่แสดงออกถึงความรู้สึกผิดทั้งหมดนี้ของผมออกไป........แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่พอหรอก

ผมกระพริบตาถี่ขึ้นเมื่อรู้สึกร้อนที่ขอบตาขึ้นมา  ฝ่ามือของผมไล่อยู่บนสันแก้มของเค้า ก่อนจะละออกมาอย่างอ่อนโยน  ผมอยู่ใกล้พีต้ามากในขณะนี้  ใกล้มากพอที่ผู้ป่วยซึ่งถูกมัดอย่างเค้าจะหันมาต่อยผมได้สบายๆ  แต่พีต้าก็ไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากจ้องมองผมอย่างค้นหา.....หึ เค้าคงจะสงสัยว่าผมเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้เข้ามาทำตัวงี่เง่าน่าสมเพสใส่เค้าแบบนี้

ถึงแม้พีต้าจะเปลี่ยนไป  ไม่ใช่เด็กหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยแสงเจิดจรัส  และร่าเริงคนเดิม  ไม่ใช่เด็กหนุ่มที่ไม่ชอบความรุนแรง  แต่กลับกลายไปเป็นคนที่พร้อมจะฆ่าเพื่อนสาวของตัวเองได้ทุกเมื่อ  และถึงแม้จะเป็นแบบนั้น ผมก็อยากที่จะรักษาเค้า......ผมอยากทำให้เค้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมถึงแม้จะมีคนในเขต 13 ไม่เห็นด้วยก็ตาม  ผมจะไม่สนพวกเค้า  เพราะผมรู้ดีว่าลึกๆ แล้ว ในนั้นคือพีต้าของผมที่ยังคงมีรอยยิ้มซึ่งบริสุทธิ์อบอุ่นดุจความหวังให้แก่ผมอยู่

เค้าคือสิ่งที่ห่างไกลจากความรุนแรงอันป่าเถื่อนของแคปปิตอลซึ่งแผ่ขยายไปทั่วทั้งพาเน็ม.........ผมเชื่อเช่นนั้น  และผมรักเค้า

ใช่  เพราะงั้นไม่ว่าจะอะไรเกิดขึ้น  ผมก็จะอยู่เคียงข้างเค้า........ผมวาดมุมปากขึ้น  ทำในสิ่งที่น่าจะเรียกว่ายิ้มได้ในตอนที่ม่านน้ำตาเอ่อออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่อยากจะร้องไห้หรือแสดงออกให้พีต้าเห็นว่าผมอ่อนแออะไรทั้งนั้น  ผมยิ้มให้เค้าราวกับจะบอกพีต้าว่า ไม่เป็นไร  ผมจะช่วยเค้าเอง

แต่ทันใดนั้น  หัวใจของผมก็เต้นกระตุกไปทีหนึ่ง  เมื่อมือซึ่งถูกมัดของพีต้ายกขึ้นมากลางอากาศ  ผมนิ่งอึ้งไปเลยเมื่อคิดว่าเค้ากำลังจะต่อยผม  แต่ทว่าก็ไม่ใช่  พีต้าไม่ได้ต่อยผม............

..............ผมรู้สึกถึงฝ่ามือเล็กๆ และเย็นเชียบที่แตะลงมาบนแก้มของผมอย่างสั่นเทา  สัมผัสนั้นคล้ายมือของทารกที่ตัวหนาวเย็น  มันทั้งนุ่ม  แผ่วเบา  และอ่อนโยน  จนกระทั่งพีต้าทาบมือลงมาบนแก้มผมอย่างแนบสนิท  สีหน้าของเด็กหนุ่มราวกับเจอเรื่องอัศจรรย์ใจ.......แต่ผมก็ต้องรู้สึกอัศจรรย์ใจมากกว่าเค้าหลายเท่านัก

ผมรู้สึกว่าน้ำตาที่เอ่อล้นอยู่นั้นไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว  เมื่อพีต้าพูดเป็นครั้งแรกหลังจากที่เค้ากลับมา  และมันทำให้หัวใจผมสั่นไหว


-----------------------------------------------------------------------


----------------------------------


ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน...อึก อ่า....ผะ ผมจำได้  จำได้ว่าตัวเองโดนทรมาน  โดนต่อต่อย  มันเจ็บปวด.....ปวดไปทั้งตัว  พวกเค้าบอกผมว่าต้องฆ่าแคทนิส.....ต้องฆ่าเธอให้ได้  ผมไม่มีทางเลือกและก็จำไม่ได้แล้วว่าแคทนิสเป็นใคร แล้วผมคือใคร.....ผมเองก็ยังจำไม่ได้  พวกเค้าทำร้ายผมมากเกินไป

พีต้า’  ใช่  เค้าบอกว่าผมชื่อพีต้า  ผมจำได้แค่นั้นก่อนจะโดนทรมานอีก.....มากมายจนรู้สึกชาไปหมด  ผมได้ยินพวกที่ทรมานผมบอกว่าผมมีเพื่อน  มีคนรู้จัก  ผมต้องการที่จะจำพวกเค้าให้ได้เหลือเกิน แต่ทำไม่ได้....ยังไงก็ทำไม่ได้  ผมนึกไม่ออก

“กลับไปถึงที่นั่นแล้วฆ่าแคทนิสซะ! เธอเป็นคนที่ทำให้นายต้องเป็นแบบนี้....ต้องโดนทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด  แต่เชื่อเถอะ ว่าถ้านายทำสำเร็จแล้ว นายก็จะไม่ต้องโดนช็อตหรือโดนต่อยด้วยเหล็กในเจ็บๆ นั่นอีกต่อไป.....” พวกเค้าให้ผมดูรูปแคทนิส  อ๋อ เธอหน้าตาเป็นอย่างนี้เองสินะ  คนที่ทำให้ผมต้องเจ็บปวด  และภายในคืนนั้นเองก็มีคนมารับตัวผมไป.......ไปหาแคทนิส  พวกเค้าบอกว่าคนพวกนี้จะพาผมไปหาแคทนิส

ผมจำใครไม่ได้เลย  คนที่นั่งข้างๆ  คนที่เข้ามาเกาะแกะร่างกายผมและเรียกผมว่า “พีต้า”  ก่อนผมจะเจอแคทนิส  และกำลังจะฆ่าเธอ ก่อนจะโดนฟาดเข้าอย่างแรง........ผมทำงานพลาด  เลยต้องโดนทรมานอีกสินะ  หลังจากนั้นนานเท่าไรไม่รู้ผมก็ตื่นขึ้นมา อยู่ในห้องสีขาวชวนปวดตา  ผมถูกมัด  พวกนั้นมัดผมไว้.....ผมทำอะไรผิดมัดผมไว้ทำไม  จะเข้ามาทรมานผมอีกอย่างงั้นหรือ?

ผมดิ้นไปมา และตัวสั่น ก่อนจะร้องไห้เพราะความเจ็บปวดที่กำลังรออยู่  และแล้วประตูก็ถูกเปิดออก มีคนเข้ามา........แต่ไม่ใช่คนที่ชอบทรมานผม  ไม่มีเครื่องช็อตหรือแมลงติดมือมาด้วย  แต่เป็นผู้ชายคนที่มาหาผมเป็นคนแรก  ผู้ชายที่ทำตัวแปลกๆ บอกว่ารู้จักผม  แต่ผมจำเค้าไม่ได้.....จำไม่ได้เลยจริงๆ

จนผู้ชายคนนั้นซึ่งมีท่าทางระมัดระวังจะพูดจาแปลกๆ เมื่อเข้ามาอีก  ตอนนั้นผมรู้สึกคุ้นเคยกับเค้าอย่างบอกไม่ถูก.....แต่ผมก็จำเค้าไม่ได้  เค้าเป็นใครกัน  เป็นใคร?

ผู้ชายหัวยุ่งเหยิงเหมือนคนที่ไม่ได้ดูแลตัวเองคนนั้นเดินมานั่งลงข้างๆ ผม  เค้าโน้มตัวลงมาและกระซิบ พร้อมทั้งแตะตัวผมไปตรงนั้นตรงนี้ โดยที่ไม่นึกรังเกียจผม  ไม่ทำสายตาเหยียดหยามใส่เหมือนคนอื่นๆ  อ่อนโยนกับผมเป็นครั้งแรกตั้งแต่จำความได้  ฝ่ามือของเค้าอบอุ่นและทำให้ผมรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด  ผมจึงไม่ต่อต้านเค้า.........เค้าบอกว่าเค้าขอโทษที่เรื่องทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้......เรื่อง?  เรื่องอะไรกัน?

ก่อนเค้าจะยิ้มให้ผม  และในตอนนั้นเองที่ทุกอย่างในหัวอันแสนสับสนของผมจะมืดสนิท  ไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลย  มีแต่รอยยิ้มของเค้า แล้วผมก็เห็น.......เห็นเค้ายิ้มให้ผมอีกในความทรงจำ 

“พีต้า...” ในความทรงจำเค้ายืนอยู่บนสนามหญ้าไกลสุดลูกหูลูกตาและกำลังเรียกผมอยู่

“พีต้า......หึ นายคิดงั้นหรือ” เค้านั่งลง.....อยู่ข้างผม  และกำลังหัวเราะอยู่เหมือนเรากำลังคุยเรื่องที่สนุกที่สุดในโลกกันอยู่  รอยยิ้มและความใจดีของเค้าทำให้ผมอุ่นใจ

“โอ้ว ระวังหน่อยพ่อหนุ่มเท้าไฟ” และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เค้ารับตัวผมไว้  ในตอนที่ผมกำลังจะลื่นล้มเพราะขากางเกงของตัวเอง..........เค้ายิ้มให้ผม  ยิ้มให้ผมเสมอมาตั้งแต่จำได้ 

เค้าชื่อ....ชื่อ.....อ่า  ใช่  เค้าชื่อนั้นนี้เอง  ผมจำชื่อของเค้าได้แล้วจำได้ถึงเสียงที่เคยเรียกผม  เสียงที่หัวเราะให้ผม  และท่าทางปลอบโยนที่มีให้ผม  ก่อนเค้าจะทำให้ผมจำได้ว่าตัวเองเคยเป็นใครมาก่อน..............

ผมจำเรื่องราวเพียงเศษเสี้ยวอันแสนจะสำคัญได้แล้ว จึงได้รู้ว่าเค้าคือใคร......เป็นเค้าจริงๆ ด้วย  ผมนึกว่าเค้าตายไปแล้ว  มือที่ติดจะสั่นไม่เลิกของผมแตะลงไปบนแก้มกร้านแดดอ่อนๆ ของเค้าอย่างดีใจ......ใช่จริงๆ ด้วย  เป็นเค้าจริงๆ ด้วย  ผมไม่ได้ฝันไป! 

ผมไม่ได้ทำร้ายเค้า  ผมแค่อยากจะยืนยันให้แน่ใจ ว่าความทรงจำนี้ไม่ใช่ความฝัน..........

เพราะผมคือ พีต้า   เมลลาร์ค..............

ผมพูดเป็นคำแรก ในตอนที่น้ำตาของเค้าอยู่ๆ ก็ไหลออกมาเหมือนหยดน้ำ

 “ฟินนิค...”

เค้ามีสีหน้าประหลาดใจ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองร้องไห้

...............เพราะผมคือ พีต้า   เมลลาร์ค

พีต้า   เมลลาร์ค ที่รัก ฟินนิค   โอแดร์


.


.


FIN.


-----------------------------------------------------------------------------------------------
           
           
            เอ.....รึต้อง TBC. คะเนี่ยยย ><!!  ไรท์บอกแล้วว่าเรื่องนี้ชวนปวดตับปวดขมับกันมากกกกกกก  อยากจะเอาหัวโขกขอบโต๊ะเหลือเกินค่ะ  TUT  ฟินนิคกับพีต้าน่าสงสารนะย้าาาาาาาาา T{}T  //บอกตัวเองค่ะ//

ทามมายยยยยยยย  อ๊ากกกกกกกกก  โอ๊ยยยย //ทึ่งหัวตัวเอง//

แต่อย่างน้อยพีต้าก็จำฟินนิคได้แล้วล่ะเนอะ ^^ นั่นไงคะ  ดูหนังแค่รอบเดียวแล้วอ่านฟิคไรท์ยาวเลยค่ะ...........บิดเบือนเนื้อหาสุดๆ  คนแรกที่พีต้าจำได้คือฟินนิคแมน 555555   ในหนังภาคสุดท้ายจะเป็นยังไงต  ไรท์เขียนตามใจตัวเองเลยค่ะ 5555555

หวังว่ารีดๆ จะชอบกันนะคะ  อย่างน้อยก็ยังมีช่วงท้ายๆ เรื่องที่ค่อยปลอบใจได้บ้าง TUT  //รีดบอก....ไม่พอ!//  ฮาาาาา  ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามค่ะ 

ภาคสุดท้ายของสงครามการปฏิวัตรแห่งพาเน็มจะเป็นเช่นไร  และจะเกิดอะไรขึ้นกับความรักที่ไม่สามารถเป็นไปได้ของฟินนิคและพีต้า //เดี๋ยวไรท์จะแอบมาแปะตอนสปอยล์ของภาคต่อไปเร็วๆ นี้ค่ะ -^-//  สงครามจะถูกกบฏหรือกองกำลังแห่งม็อกกิ่งเจย์ช่วงชิงเอาชัยชนะมาได้หรือไม่  แคทนิสจะเป็นเช่นไร  เธอจะรบเร้าพีต้าด้วยความงี่เง่าที่ไม่สมควรอีกต่อไปหรือไม่

และสุดท้ายแล้วความรู้สึกที่แท้จริงของฟินนิคกับพีต้าจะถูกเอ่ยออกมาหรือไม่  หรือทั้งสองฝ่ายจะไม่มีใครได้รู้เลย

ร่วมติดตามกันในภาคต่อไปของ The Hunger Games @ Fan Fictions Hollywood (Thailand) ค่ะ ^^   และท่านใดที่อยากติดตามข่าวสารเกี่ยวกับภาคต่อไปก็จิ้มเบาๆ เข้ามาเป็นเพื่อนไรท์ได้เลยค่ะที่


ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ  แล้วพบกับฟินนิค + พีต้ากันใหม่ใน The Hunger Games ภาคต่อไปค่ะ  ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ  รักรีดทุกท่านหมดหัวใจเลยค่ะ -3-




แถมๆๆ ค่ะ  แต่งเอง ประหลาดมากเลยค่ะ  ธรรมดาเว่อร์ 555+  อย่าไปสนใจหัวขาวๆ ของพลูตาร์ชนะคะ  หัวแคทนิสก็ห้ามสนค่ะ 5555 ให้สนแค่หัวทองๆ สองคนที่กำลังมอบปากให้กันก็พอ 555555


ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund