สวัสดีค่ะรีดที่รักทูกท่านนนนนนนนนน
>< //จรดมือแนบตัก// ห๊ายไปนานอีกแล๊วววว 555555 //โดนรีดตบหน้าเบี้ยว// ขอโทษนะคะ อยากจะคั่นใน The Hunger
Games ด้วย แต่ก็ยังไม่ได้ตรวจทาน
Part นี้เลยค่ะ TUT
เลยต้องลงฟิค The Hunger Games
ให้จบก่อนค่ะ ง่อววววววว
Part ที่แล้วเราถึงไหนกันแล้วนะคะ โอ้ววว
เฮียกำลังจะถูกพาแว็นไปโรงพยาบาลแล้วใช่ไหมคะ?
แล้วเหมียวผู้น่าสงสารของเราล่ะค่ะ
ดูท่าจะติดเฮียซะแล้วนาาา ^w^ ต้องตามอ่านค่ะ
ต้องตามอ่านซะแล้วววว
เอ.....ไรท์ก็ยังหวั่นๆ
อยู่ค่ะว่าจะได้ลง Part สุดท้ายภายในเดือนนี้หรือเปล่า แต่ก็น่าจะทันค่ะ 5555555 //โลเลจริงๆ
เลยค่ะไรท์// + //โดนรีดรุมเตะ//
เอาเป็นว่าเราไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ
>//< เฮียกะเหมียวรออยู่แล้วค่ะ ไปกันเล้ยยยยย >3<
----------------------------------------------------------------------------------
“ขอโทษครับ
เรากำลังจะไปโรงพยาบาลกันแล้ว....กรุณานอนให้เรียบร้อยด้วยครับ”
ร่างเล็กเปลี่ยนสีหน้าไปเป็นราวกับอ้างว้าง
ทันทีที่โดนนอยเออร์แตะไหล่
เมสซี่พยายามทำในสิ่งที่เรียกว่ายิ้มให้แก่โรนัลโด้เพื่อให้กำลังใจกับร่างสูง แต่คนที่ได้รับมันกลับรู้สึกว่ามันช่างเป็นยิ้มที่แสนเศร้าเสียจริง เมสซี่ตบบ่าซ้ายโรนัลโด้เบาๆ
ก่อนจะถอยออกไปตามการชักนำของนอยเออร์
โรนัลโด้เผลอยิ้มเศร้าตอบ.......เค้าเองก็ไม่อยากอยู่ห่างจากอีกคนหนึ่งเช่นกัน
.
.
.
************************************************************************
.
.
.
ร่างเล็กตัวจ้อยเจี่ยมเจี๊ยมยืนทำตาละห้อย
และโบกมือน้อยๆ บ๊าย บายร่างสูงหลังจากที่หนุ่มๆ
เยอรมันข้างหลังบอกลาโรนัลโด้เสร็จแล้ว
รอบข้างของชายหนุ่มทั้งสี่คนคือผู้คนที่เสียขวัญและได้รับบาดเจ็บเนื่องจากโดนลูกหลง
วิ่งไปวิ่งมาและเจ้าหน้าที่ก็พยามหาทางช่วยพวกเค้าอยู่อย่างเต็มที
แต่ทว่ารถพยาบาลเที่ยวแรกที่จะได้ไปถึงโรงพยาบาลนั้นเป็นของโรนัลโด้ ตำรวจและหมอที่เพิ่งรักษาเค้าเห็นพ้องกันว่าต้องการจะให้นักฟุตบอลดังได้รับความเป็นส่วนตัวจึงไม่ต้องการให้ผู้บาดเจ็บคนใดปะปนไปกับเค้าด้วย
“โชคดีเพื่อน”
“นายต้องได้ลงสนามแน่คริส
ฉันเชื่ออย่างนั้น รักษาตัวดีๆ นะพวก”
“แล้วพวกเราจะไปเยี่ยมน้าา”
นอยเออร์พูดน้อย มึลเลอร์ให้กำลังใจ
และปิดท้ายด้วยชไวนี่ที่ยิ้มอย่างโลกสวยอย่างเช่นเคย โรนัลโด้ต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว และเค้ากับเมสซี่เองก็ต้องจากกันตรงนี้........
ถ้าหากว่าเค้าอยากให้เป็นแบบนั้น
“ขอโทษครับ อย่าเพิ่งปิดประตู...”
โรนัลโด้ที่จ้องมองใบหน้าน่าเห็นใจของเมสซี่พูดขึ้น
พร้อมกับยกมือขึ้นห้ามบุรุษพยาบาลที่กำลังจะปิดประตูรถ ร่างสูงยกมุมปากขึ้น
“เอ่อ...เค้าลืมอะไรงั้นเหรอ”
มึลเลอร์เอ่ยขึ้นเรียบๆ
เมื่อเห็นว่าร่างสูงของชาวโปรตุเกตุไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ปิดประตู เค้ามีสีหน้างุนงง
คนอื่นก็เช่นกันโดยเฉพาะเมสซี่ที่โดนโรนัลโด้ส่งยิ้มให้ด้วยสายตาเป็นประกาย
ร่างเล็กมองตอบอย่างไม่เข้าใจ ในขณะที่ร่างสูงของโรนัลโด้ยกมือขึ้นปรามบุรุษพยาบาลที่จะจับตัวเค้าให้นั่งลงไปที่เดิม
เมื่อเค้าเองกำลังจะลุกขึ้น
ร่างสูงพูดกับชายผิวเข้มที่ทำหน้าไม่เข้าใจ ด้วยรอยยิ้มที่หล่อที่สุดในโลก
“ผมไม่เป็นไรแล้วครับ”
เค้าพูดประดับด้วยรอยยิ้ม
ก่อนโรนัลโด้จะดันตัวเองขึ้นมาจากเตียง
แล้วโดดลงรถพยาบาลด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
บุรุษพยาบาลพยายามเรียกร้องให้ร่างสูงคนดังแห่งวงการลูกหนังกลับขึ้นมา
แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจเสียงนั้น
กลับหันไปดึงแขนชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่เกือบจะเดินมาชนเค้าเข้าด้วยท่าทางที่ซวนเซดูน่าเป็นห่วง
ร่างสูงแข็งแรงพูดขณะช่วยพยุงชายที่บาดเจ็บคนนั้นไว้
“เฮ้ คุณต้องการหมอนะ
ดูท่าแล้วไหล่ซ้ายคุณจะหลุดแถมยังแขนหักอีกต่างหาก
คุณควรไปโรงพยาบาลนะ........เฮ้พวก เอาเค้าขึ้นรถไปเลย เค้าต้องการไปโรงพยาบาลมากกว่าผม” ร่างสูงพูดด้วยรอยยิ้มแห่งความอารีและเป็นการเป็นงานในเวลาเดียวกัน เค้าดันหลังส่งชายคนดังกล่าวที่ทำหน้างงๆ
ให้เดินขึ้นรถพยาบาลไป
บุรุษพยาบาลช่วยให้ชายวันกลางคนได้ขึ้นรถอย่างปลอดภัยและดูแลขั้นเบื้องต้นอย่างว่องไว ก่อนชายคนนั้นจะหันมายิ้มอย่างขอบคุณที่ร่างสูงใจดีผู้นี้อุตส่าห์เห็นใจและเชื่อเชิญเค้าขึ้นรถที่กำลังจะไปถึงพยาบาล
และชายผู้ได้รับการหยิบยื่นน้ำใจไปให้คนนั้นก็ถึงกับต้องรู้สึกประหลาดใจอย่ามากกับตนเอง และได้ตระหนักว่าเค้าโชคดีเพียงใด
ที่เพิ่งสังเกตเอาทีหลังว่าชายหนุ่มหน้าตาดีที่เอื้อเฟื้อแก่เจ้าตัวเป็นถึงบุคคลที่ใครๆ
ก็ต่างรู้จักและกล่าวขวัญกันอย่างแพร่หลาย
โรนัลโด้ที่เพิ่งสละรถเที่ยว VIP ให้ชายวัยพ่อไปก็ยิ้มและขยิบตาให้
ก่อนจะหันไปเจอกับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่มีแพทย์สนามประคองประกบข้าง เดินผ่านมาขอกล่องปฐมพยาบาล เค้าถูกยิง และร่างสูงก็ไม่รีรอที่จะเชิญชายคนนั้นขึ้นรถไปอีกคนหนึ่ง
โรนัลโด้ตอนนี้ดูเหมือนอาสาสมัครช่วยเหลือทีมแพทย์สนามของโรงพยาบาลอย่างไรอย่างนั้นเลย.....
ผลสุดท้ายแล้ว ทั้งนอยเออร์ ชไวนี่
มึลเลอร์
และเมสซี่ยืนมองร่างสูงของโรนัลโด้โบกมือให้รถพยาบาลที่เค้าควรจะอยู่ในนั้น
อย่างร่าเริง ร่างสูงสมส่วนหมุนตัวบนสันเท้าแล้วยิ้มอย่างที่เค้าชอบทำในตอนที่เพิ่งกลับมาจากการช่วยเหลือและบริจาคให้แก่ผู้อื่น
ก่อนจะเจอเข้ากับสีหน้าไม่เข้าใจของหมู่คนที่เป็นเพื่อนเค้า
ซึ่งไม่กระดิกตัวไปไหนเลย
โรนัลโด้เลิกคิ้ว นอยเออร์เปิดสนามถามคนแรกแบบหน้าตาย
“นายทำบ้าอะไรน่ะ”
“ทำไมไม่ไปกับเค้าล่ะคริส”
ร่างสูงยักไหล่ใส่ชไวนี่
ก่อนจะเดินหน้าไปแล้วค้อมตัวดึงมือของเมสซี่ออกมา
โรนัลโด้ยิ้มตอบหนุ่มเยอรมันสามคนที่ตั้งคำถามทางสายตากับเค้า
“คริส เอ่อ คุณ....”
ร่างเล็กที่โดนดึงไปอย่างอ่อนโยนหันรีหันขวางไปทางโรนัลโด้ที
ทางหนุ่มเยอรมันสามคนด้านหลังที
น้ำเสียงเบาหวิวของเมสซี่เต็มไปด้วยความงุนงง
โรนัลโด้ไม่ยอมบอกอะไรเค้าอีกแล้ว
.............ร่างสูงมีเรื่องให้ประหลาดใจได้ตลอด............
“อ๋อ
ผมแค่ไม่อยากไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ แค่......” แทนคำตอบนั้น โรนัลโด้ก้มลงกระซิบตรงข้างหูของเมสซี่ ชไวนี่กัดมือตัวเองแล้วยืดตัวอย่างตื่นเต้น
พร้อมกับอีกสองคนที่เกือบอ้าปากค้าง
..............ไปสนิทกันเอาตอนไหนฟะ?!..............
โรนัลโด้กระซิบเสร็จแล้ว
แต่เมสซี่ก็ยังคงยืนจ้องค้างไปยังอากาศธาตุตรงหน้าแล้วดวงตาก็เปล่งประกายราวกับว่าร่างสูงได้ร่ายมนต์สะกดใส่เค้า
ก่อนร่างสูงที่กุมมือบอบบางทั้งสองข้างของเค้าจะประดับรอยยิ้มสนุกสนานบนใบหน้า
แล้วหันไปเพยิดเพย้อกับสักขีพยานการใกล้ชิดในครั้งนี้
“ฝากบอกสองคนนั้นด้วยนะว่าเราจะไม่อยู่”
ใบหน้าของร่างสูงดูมีความสุข ทำท่าจะเดินออกไปแต่ก็โดนนอยเออร์เอ่ยทักขึ้นเสียก่อน
“เฮ้
แล้วนั่นพวกนายจะไปไหนน่ะ” สีหน้าเช่นนี้หาดูได้ยากนักสำหรับนอยเออร์ โรนัลโด้ยิ้มและขยิบตาทะเล้นจนออกจะเจ้าเล่ห์
“ไปเที่ยว” ว่าแล้ว
ก็วิ่งออกไปฉุดมือเมสซี่ที่ปล่อยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวไปด้วย
“เฮ้ เดี๋ยว! ไปไหนกันน่ะ ไปด้วยคนสิ!”
“บาสตี้...ปล่อยเค้าไปเหอะ
ถ้าเค้าอยากให้เราไปก็ชวนเราไปนานแล้วล่ะ
ว่าแต่นายก็เลิกมองได้แล้ว
เค้าไปกันแล้ว”
มึลเลอร์รุนหลังคนที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปอีกทางหนึ่งเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่บ้าง.......พวกเค้าต้องการน้ำและการพักผ่อนเสียที
หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งคืนแล้ว
สองคนนั้นเดินไป และตามด้วย
มานูเอล นอยเออร์
ที่ยังคงมองตามหลังของสองคนที่เพิ่งวิ่งออกไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจ.............
แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เค้าเข้าใจแน่ๆ
นั่นก็คือมิตรภาพของสองหนุ่มที่มีชื่อเสียงปีนเกลียวกันมาได้ก่อเกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะมีคนเห็นด้วยหรือไม่ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว
และดูท่าทางสองคนนั้นจะดูห่างกันไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป........
“มานู...มานูเอล เฮ้ เราจะไปกันแล้วนะ มาเร็วเข้า”
เสียงสดใสของชไวนี่ดังไล่หลังมา นอยเออร์ต้องไปแล้ว.........
ร่างสูงหกฟุตสี่หันไปตามเสียงที่เรียกเค้าแต่สายตาก็ยังคงมองไปยังทางเดิม ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาน้อยๆ
อย่างที่ไม่มีใครเคยเห็นแล้วเดินไปหาชไวนี่ที่อ้าแขนรอคล้องคอเค้าอยู่ และเมื่อไปถึงชไวนี่ก็ตัวเกือบลอยเลยทีเดียวเพราะนอยเออร์สูงกว่ามาก
หนุ่มเยอรมันสามคนเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่เพื่อขอน้ำและผ้าห่ม
ช่วงเช้ามืดของริโอหนาวเสมอ
..........ใช่ นอยเออร์เข้าใจถูกแล้วล่ะ
เพียงแต่เค้าแค่พูดผิดไปนิดหนึ่งเท่านั้นเอง............
บางอย่างที่มากกว่า ‘มิตรภาพ’ ได้เริ่มขึ้นแล้ว
.
.
.
*******************************************************
.
.
.
และในขณะที่เรื่องเลวร้ายได้จบลง
ผู้คนมากมายต่างต้องการพักผ่อน
แต่ชายหนุ่มสองคนที่หลบออกมากำลังเดินไปด้วยกันในถนนสายที่คลาคลำไปด้วยผู้คนมากมายหลายเชื่อชาติ
โรนัลโด้พาเมสซี่เข้าร้านอาหารที่เพิ่งเปลี่ยนมาเป็นเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงในช่วงที่มีเทศกาลบอลโลก
ภายในร้านมีการตกแต่งเรียบง่ายแต่บ่งบอกถึงธรรมชาติประจำภูมิประเทศได้เป็นอย่างดี
เค้าเคยมีโอกาสแวะเข้ามาและคิดว่าเหมาะดีทีเดียว ข้างในร้านตกแต่งด้วยไฟสีอ่อนในเวลากลางคืน
มีมุมส่วนตัวใกล้ชิดบรรยากาศธรรมชาติที่ทางร้านจงใจสร้างขึ้นมา
และแสงไฟที่ใช้ตกแต่งและประดับประดาก็สวยเอามากๆ ด้วย
ร่างสูงกับร่างเล็กเล่นทายหัวก้อยกัน
แย่งชิงว่าใครจะได้เป็นคนเลี้ยงอาหารมื้อแรกของพวกเค้าในคืนนั้น
พวกเค้าต้องเริ่มใหม่หลายรอบเพราะเมสซี่บอกว่าโรนัลโด้โกงต้องเอาใหม่ แต่ผลสุดท้ายนอกจากจะได้จ่ายค่าอาหารแล้ว
ร่างสูงยังท้องแข็งติดเก้าอี้อีกด้วยเพราะร่างเล็กไม่ยอมเคารพกติกา แย่งยื่นบัตรเครดิตให้บริกรแข่งกันกับร่างสูง และก่อนหน้านั้นอีกที่โรนัลโด้ยิ้มและหัวเราะจนน้ำตาไหล
โรนัลโด้บอกบริกรว่าเค้าเพิ่งไปเล่นน้ำมา
หลังจากบริกรพบว่าบัตรเครดิตของเค้าเปียก
บริกรก็อมยิ้ม รู้สึกประทับใจร่างสูงในความอารมณ์ดีของเค้า
“ก็ให้ตาย นั่นมันเรื่องจริงนี่”
โรนัลโด้กระซิบกระซาบกับเมสซี่เมื่อบริกรลับหายไป
ร่างเล็กทำเสียงที่เรียกว่ากลั้นขำออกมาก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
แล้วเริ่มทำไหล่สั้นเพราะขำออกมาอีกแล้ว...........
...............ไม่มีทาง
ไม่มีทางที่นักฟุตบอลมืออาชีพและแถมยังจะชื่อดังอีกด้วย
จะซุกหน้าลงกับแขนของตัวเองในร้านอาหารป่าแบบนี้............
บ้าไปแล้ว......คริสเตียนโน่พูดและยิ้มให้กับตัวเอง
เพระเค้าเพิ่งรู้ตัวว่าละสายตาไปจากอีกคนหนึ่งไม่ได้เลย ร่างเล็กตรงหน้าเค้าจะน่ารักเกินไปแล้ว
เวลา 02.15 น.
.................
ทั้งสองหยุดอยู่ที่ร้านขายของที่ระลึกเล็กๆ
ร้านหนึ่งซึ่งมีของที่ระรึกประจำถิ่นต้อนรับเทศกาลขายเหมือนร้านใหญ่ๆ ทั่วไป
แต่พวกเค้าเลือกที่จะหยุดซื้อที่นี่เพราะมันเป็นร้านเล็กๆ
ที่ไม่มีใครคิดเข้ามาซื้อเลย
คุณย่ากับหลานวัยงสิบขวบของท่านเป็นเจ้าของร้าน
พร้อมกับพ่อและแม่ของเด็กน้อย
ซึ่งมักจะเปิดขายตลอดเวลาและตอนนี้เป็นช่วงขายของสองย่าหลาน........เมสซี่เป็นคนดึงมือโรนัลโด้มาที่นี่และร่างสูงก็ชอบเอามากๆ
เค้าบอกอีกคนหนึ่งว่าเราควรจะไม่พยายามบอกคนอื่นว่าเราเป็นใคร
เพราะงั้น
พวกเค้าเลยเลือกหมวกบังแดดปีกเดียว กันคนละใบ พร้อมกับแว่นกันแดด พอมาถึงตอนนี้เป็นเมสซี่บ้างที่ท้องแข็ง ร่างเล็กนั่งตัวปวกเปียกกับเก้าอี้ไม้น่านั่งของร้านแล้วท้าวแขนกับตู้เย็นหลังเล็กกะทัดรัดพลางเช็ดจมูก
แล้วเอาแต่หัวเราะเสียงน่ารักในเรื่องที่ว่า...พวกเค้าใส่สูทกันแล้วก็ใส่หมวกกับแว่นกันแดดยังกะจะไปเที่ยวชายหาดยังงั้นแหละ
โรนัลโด้อ้าแขนแล้วยักไหล่ก่อนจะพูดว่า
“ก็มันช่วยไม่ได้หนิ....ปะ ไปกันเถอะผมจะพาคุณไปปล้นร้านทอง...” ร่างเล็กตัวงออีก
ซุกหน้ากับวงแขนตัวเองแล้วทุบที่ท้าวแขน
ร่างเล็กหัวเราะจนหน้าแดงแจ๊ไปหมด
นอกจากนั้นพวกเค้ายังเลือกผ้าเชียร์ลาย
World Cup 2014 สีสันสวยงามที่คุณยายและคนในครอบครัวช่วยกันทำอีกด้วย.......โรนัลโด้และเมสซี่เห็นตรงกัน พวกเค้าทั้งคู่รู้สึกชอบร้านเล็กๆ
นี้ขึ้นมาจับใจ และยิ่งสร้างความประทับใจเข้าไปอีกเมื่อมาร์โก้เด็กชายวัยสิบขวบคนนั้นนำเครื่องดื่มสูตรลับของคุณย่ามาให้ลองชิม
ชายหนุ่มสองคนนั่งอยู่ที่นั่นพักหนึ่งโดยที่ไม่มีใครผ่านเข้ามาเลย
คุณย่าบอกว่ามันเป็นเรื่องปรกติอยู่แล้ว
เพราะนักท่องเที่ยวส่วนมากจะไปซื้อของที่ระลึกจากร้านใหญ่ๆ กันหมด
ไม่ได้ผ่านเข้ามาที่นี่มากนักถ้าจะมีก็คงเป็นพวกที่หลงมาเพราะเป็นซอยเล็กและไม่ค่อยมีใครสนใจ
ก่อนออกไปเมสซี่และโรนัลโด้ร่วมถ่ายรูปกับสองย่าหลานไว้เป็นที่ระลึก
(และเช้าวันต่อมาพอพ่อของมาร์โก้เห็นเข้า ร้านของพวกเค้าก็ดัง
กระทั้งมีคนเข้ามาอึดหนุนจนขายของไปซะหมดเกลี้ยงเพราะที่นี่เป็นร้านที่ซูปเปอร์สตาร์นักเตะทั้งสองเคยมาเข้า.....ร้านของมาร์โก้เลยดังได้ออกข่าวในทีวีด้วยล่ะ)
และที่ดูจะแย่ที่สุด เหมือนจะเป็นที่ร้านของมาร์โก้ไม่สามารถรับเครดิตได้ แต่คุณย่าก็บอกว่าไม่เป็นไร พวกเค้าไม่จำเป็นต้องจ่ายเงิน แค่เข้าร้านมาแล้วมีความสุข ชื่นชมของที่ครอบครัวช่วยกันทำก็พอแล้ว
ไม่ค่อยมีใครได้เห็นมันเยอะนัก
โรนัลโด้จึงให้นาฬิกาข้อมือของเค้าเป็นสิ่งตอบแทน ซึ่งมันก็มีราคาไม่มากไม่มาย.....เพียงแค่สองล้านปอนด์เท่านั้นเอง
(และภายหลังร่างสูงตัดสินใจบริจาคเงินสร้างร้านใหม่ให้คุณย่าอีก
พร้อมกับเงินสนับสนุนธุรกิจที่แสนน่าประทับใจของคุณย่า....อีกเล็กน้อย) +
(คุณก็รู้ใช่ไหมว่าเล็กน้อยของโรนัลโด้น่ะมันเท่าไร)
ทั้งสองเดินไปตามท้องถนนอีกครั้ง
และเริ่มมีผู้คนมากขึ้น
ท้องถนนถูกประดับประดาด้วยแสงไฟหลากสีมากขึ้น
และเมสซี่ก็หัวเราะออกมาอีกรอบเมื่อหันไปมองโรนัลโด้และหันกลับมามองตัวเอง........ให้ตาย
เดินผ่านตำรวจแล้วโดนจับไม่ต้องสงสัยเลย
พวกเค้ากำลังจะไปปล้นร้านทองกันหรือไม่ก็เป็นบ้าไปแล้ว
ร่างเล็กเดินหันหลังให้กับทางข้างหน้า
หันมาพูดกับร่างสูงด้วยประโยคที่ไม่รู้เรื่องนักเพราะขำค้าง โรนัลโด้มองตามอย่างคิ้วกระตุกนิดๆ
นึกสงสัยอยู่ในใจว่าลีโอของเค้าดื่มเหล้าไปบ้างรึเปล่า แต่ก็ไม่ใช่แบบนั้นเลย.....บางทีคนน่ารัก
เวลาทำอะไรที่เข้าใจยากก็ยังน่ารักอยู่ดีนั่นล่ะนะ
และก็เป็นร่างสูงเองที่
เดินเข้าไปจับ ประคองเมสซี่ไว้ไม่ให้หงายหลังก้นจูบพื้นไปเสียก่อน
เพราะเดินไม่ดูทางข้างหลัง
เมสซี่ทำหน้าเสียเปลี่ยนอารมณ์ทันที
สลับกับร่างสูงที่เป็นฝ่ายหัวเราะใส่บ้าง
“ดูคุณทำหน้าสิ ฮ่ะ..ฮ่ะ ฮ่าๆๆๆ
เหมือนเด็กเลย ฮ่าๆๆ .....โอ๊ะ”
ร่างสูงชี้ไปที่ร่างเล็กซึ่งยื้นปากใส่อีกรอบในคืนนี้
ก่อนเมสซี่จะดันหน้าคนที่หัวเราะเค้าอย่างน่าหมั่นไส้ไปอีกทางหนึ่งอย่างแรง
จนโรนัลโด้แว่นเบี้ยว
“ฮ่าๆๆๆ ดูหน้าคุณสิ....ฮ่าๆๆๆ
หัวเราะทีหลังดังกว่านะ....อ่ะ ฮ่าๆๆ” เมสซี่ยิ้มใส่ร่างสูงจนตาปิด
แล้วกุมท้องตัวเอง ชี้หน้าคนที่แว่นเบี้ยวอย่างมีชัย......โรนัลโด้จัดแว่นใหม่
แล้วตรงเข้าไปขยี้นิ้วใส่เอวเล็กๆ ของคนที่หัวเราะทีหลังดังกว่า
“หื้มม
หัวเราะเก่งนักนะ....ผมยังแก้แค้นที่คุณหยิกหัวนมผมไม่เต็มอิ่มเลย อี้แน่ะ! อี้แน่...!”
“อา อ๊าาา! ฮ่ะ ฮ่าๆๆ
อย่าแกล้งผมสิ....เดี๋ยวผมล้มน้า...อาาา ฮ่าๆๆ อึก อย่า! เดี๋ยวผมปัดไปโดนคุณจะเจ็บเอา...ฮ่ะๆๆ เอานะ” ร่างเล็กโดดหยองๆ
ทำตัวเอียงข้าง
และพยายามแกะมือร่างสูงซึ่งไม่ยอมปล่อยออก........กลายเป็นว่านอกจากโจรปล้นร้านทองแล้ว
พวกเค้าสองคนก็ยังดูเหมือนผู้ใหญ่สติไม่ดีที่เดินไปตามถนนซึ่งปกคลุมไปด้วยแสงไฟหลากสีอีกด้วย
.
.
.
TBC.
-------------------------------------------------------------------------------------------
อร๊ายยยยยยยย! เฮียพาเหมียวไปเที่ยว!
>///< อย่างที่เฮียได้หลอกถามเหมียวไปเมื่อ
Part 19 ใช่ไหมคะ? อร๊ายยยยยยยยย
เฮียขาาา โรแมนติกมากเลยค่ะ >//< ไม่ห่วงตัวเองเลย 5555 แต่เฮียบอกว่าเค้าหายเจ็บแล้วนี่เนอะ^^ งั้นไรท์กับรีดยอมเชื่อก็ได้ค่ะ >< แหมมมมม แต่เฮียทำเพื่อเหมียวนะคะเนี่ยยยยย
อยากทำให้ความต้องการที่จะลองไปเที่ยวในเมืองของเหมียวเป็นจริง โดยที่เฮียก็อยากเป็นคนพาเหมียวไปใช่ไหมล่ะค่ะ >< เฮียโด้เลยจัดเลย.....พาไปตอนนี้นี่แหละ เพราะเดี๋ยวเจอพี่ๆ พ่อยกของเหมียวแล้ว เฮียจะพาลโดนกีดกัน
55555555 ร้ายนะคะเฮียยย >< (แต่เหมียวรักมาก) ฮิ้ววววววววว
//แซว// 55555555
แต่ขอเช็ดน้ำตาอีกรอบนะคะ จะจบแล้วค่ะ TUT
//เข้าโหมดอาลัยอาวรณ์//
ขอบคุณทุกๆ คอมเม้นท์และกำลังใจ
การติดตามของรีดทุกๆท่านเลยค่ะ ^^
เฮียเหมียวในเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่มีรีดที่น่ารักของไรท์ทุกคนนะคะ
รอติดตามความน่ารักของเฮีย(ผู้ยอมได้ทุกอย่างเพื่อความสุขของเหมียว)กะเหมียวต่อไปใน
Part หน้านะคะ ฟิคเรื่องนี้จะจบแล้ว คอมเม้นท์เป็นอนุสรณ์(?)ไว้กันด้วยนะเออ^^ รักรีดทุกท่านมากๆ เลยค่ะ M_
_M
ด้วยรักและหื่น
Ray - Aund