วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558

[FIC - TMI] + [Part 12] Your Heart……หัวใจนายเป็นของฉัน – Magnus x Alec



สวัสดีค่าาา! หลบไปพักกายและใจอยู่นาน (หรือเรียกสั้นๆ ว่าอู่นั่นเองค่ะ -.,-) วันนี้ไรท์กลับมาแล้วค่ะ ^^  ฮาาาาา  พร้อมกับ Fic – MaLec ที่ไม่รู้เคะแสนน่ารักของเราจะน่าสงสารไปไหนนนน T^T 

แต่ว่าพ่อนายแบบขายถ่านของเราก็เริ่มจะได้สติแล้วนะคะ

 เห็นใจอเล็คเสียทีเถอะแม็กนัส  เค้ารอให้อเล็คมีความสุขกันทั้งเมืองแล้วนะ T^T  และข้อแถลงไขเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวอันน่าหมั่นไส้ของแม็กนัสก็กำลังจะปรากฏแล้วล่ะคะ  ติดตามชมกันได้เลยค่ะ  อย่าให้เสียเวลาเลยนะเออ

เชิญไปอ่านกันเลยค่าาาาา >{}< !!!


---------------------------------------------------------------------------------------


ร้านลาเฟ่ต์ในย่านนิวยอร์ก.................

ในตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงจนเกือบบ่ายอ่อนๆ แล้วสำหรับวันที่หมุนไปเร็วเหลือเกินเช่นชีวิตคนในเมือง  และในช่วงเวลานี้คนก็มักจะเยอะเป็นพิเศษเพราะเร่งรีบในนาทีสุดท้ายก่อนจะกลับเข้าไปทำงานในตอนบ่าย  ในร้านที่มีคนนิยมเข้าไปใช้บริการจึงยุ่งเป็นพิเศษ

เด็กสาวอ้วนตุ๊ต๊ะยกถาดพายและขนมปังหลายชนิดที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ๆ จากหลังร้านออกมาเรียงไว้ในตู้เบเกอร์รี่  เธอท้าวตัวช่วงบนหนักหลายปอนด์กับเคาเตอร์ไม้เงางามที่อยู่ถัดออกมา ในขณะที่มีเด็กเสิร์ฟคนหนึ่งเดินกลับมาเอาออเดอร์ไปเสิร์ฟ  เด็กสาวพูดอย่างยินดีแต่สีหน้าดูเหนื่อยอ่อน

“ดีใจจังที่เธอกลับมาอเล็ค”

“ดีใจที่ได้กลับมาเหมือนกันฮาร์โมนี่” อเล็คยิ้มแล้วเดินจากไปพร้อมถาดเครื่องดื่ม  อเล็คเสิร์ฟที่เดียวสี่โต๊ะ  และนั่นเด็กเสิร์ฟในร้านก็ไม่เคยมีใครทำได้เหมือนเค้า

ฮาร์โมนี่ถอนหายใจแล้วยิ้มตามหลังอเล็คไป  หลายวันมานี้เธอคงลดไปหลายปอนด์เพราะพ่อกับแม่ทักว่าเธอดูผอมลง......และฮาร์โมนี่ไม่ชอบที่น้ำหนักลด

แต่ยังไม่ที่จะได้แอบอู่นานนักก็มีคนเดินมาสะกิดไหล่เธอ

“ฮาร์โมนี่ทำงาน!

“ว้ายยยย!....เจซ ให้ตายสิ  ฉันเกือบหัวใจวายตายอยู่แล้วนะ”

“อย่าโม้น่า  ฉันเห็นเธอนั่งอยู่ตรงนี้นานแล้วนะ” เจซไม่สนใจ  ใช้ศอกสะกิดฮาร์โมนี่อีกแล้วออกไปรับออเดอร์  ฮาร์โมนี่กลอกตาขึ้นฟ้าก่อนจะเดินกลับเข้าไปช่วยแซมในครัวต่อ

“นายทำฉันหมดอารมณ์ไปเลยเจซ”

แต่เจซไม่ได้ยิน  เค้าเดินตามอเล็คไปใกล้ๆ ร่างบางผิวขาวเด่นซึ่งใบหน้ายิ้มแย้มตามแบบฉบับเมื่อเจอหน้าลูกค้า...........วันนี้ทั้งวันเจซเอาแต่ตามติดอเล็คแจจนหลายคนอดประหลาดใจไม่ได้เลย

แต่ก็ไม่มีใครท้วงติ่งเรื่องนั้นยกเว้นซะแต่อเล็คเอง  แต่เจซเองก็ไม่ได้ฟังอเล็คเลย การทำงานของพวกเค้าสองคนจึงเป็นไปด้วยกันเกือบทั้งวัน  จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงานของเจซ

“นายจะกลับแล้วสินะ” อเล็คที่ยังคงเดินไปเดินมาอย่างไม่รู้จักเหนื่อยพูดขึ้น  ในขณะที่เจซกำลังถอดผ้ากันเปื้อนออกและเตรียมตัวจะกลับบ้านเมื่อร้านเริ่มกลับเข้าสู่โหมดสงบสุข  เจซตอบกลับไปแล้วทำหน้าไม่เข้าใจเมื่อเห็นอเล็คยังคงทำตัวยุ่งไม่หยุดทั้งๆ ที่ก็ถึงเวลาเลิกงานของเจ้าตัวแล้วเช่นเดียวกัน

“แล้วนายไม่กลับงั้นเหรออเล็ค?” เจซหยุดมือแล้วจ้องอเล็ค  ซึ่งเจ้าตัวก็ยักไหล่กลับมาเป็นเชิงว่าเจซพูดถูกแล้ว

“ฉันกะว่าจะทำถึงกะสุดท้ายของวันนี้เลยน่ะ”

“แต่นายเพิ่งหายป่วยนะ” เจซท้วงอย่างไม่พอใจ   อเล็คก็มองข้ามอารมณ์ฉุนเฉียวนั้นไป

“แต่ฉันก็หายแล้วนี่......ไม่เอาน่า มันไม่แย่ขนาดนั้นหรอก  และอีกอย่างนายมีเรียนตอนบ่ายนี่  รีบไปเถอะน่าถ้าไม่อยากสาย” ร่างบางฉวยถาดที่เจซหยิบหนีกลับมาก่อนจะยิ้มใส่เจซราวกับดีใจที่หนีการเกาะติดของร่างสูงผมบล์อนมาได้ แล้วโบกมือน้อยๆ

“บาย แล้วเจอกัน” ก่อนร่างบางที่ดูสดใสที่สุดในวันนี้จะเดินไปเก็บโต๊ะที่ลูกค้าเช็คบิลเสร็จแล้ว  และดูท่าเจซคงจะเป็นคนที่อารมณ์สดใสน้อยที่สุด

“ให้ตายสิ” ร่างสูงผมบล์อนในชุดแจ็คเก็ตหนังสีดำสบถขึ้นก่อนจะต้องจำใจกลับไปเรียนต่ออย่างช่วยไม่ได้

เจซยอมรับว่าเค้าแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้อเล็คดูร่าเริงเป็นพิเศษ  และทำเหมือนเค้าเป็นคนเอาแต่ใจอยู่ฝ่ายเดียว  เหตุผลร้อยแปดในหัวที่เจซคิดได้ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เลยแม้สักข้อเดียว  และแน่นอนข้อสุดท้ายที่เค้าไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้ก็กลับถูกเทคะแนนให้มากมายอย่างท่วมท้นจนร่างสูงใจไม่ดี

ขออย่าให้เป็นอย่างที่ฉันคิดเลยเถอะ  คนอย่างเจ้าแม็กนัสน่ะเหรอจะทำดีกับอเล็คน่ะ..........เจซคิดในใจอย่างไม่สบอารมณ์เสียเท่าไรที่สิ่งซึ่งเค้าเกลียดที่สุดกำลังจะเกิดขึ้น

เค้าน่ะรักอเล็คมากกว่าที่แม็กนัสรู้สึกรักแฟนสาวของตัวเองซะอีก...........

เจซก็รู้อยู่หรอกนะว่าอเล็ครู้สึกยังไงกับแม็กนัส  อเล็ครักแม็กนัสอย่างหมดหัวใจ.........แต่คนที่ใจร้ายกับอเล็คเสมอมาก็คือหมอนั่นๆ ล่ะไม่เปลี่ยนคนเลย  ทั้งๆ ที่อเล็คเทใจให้  คิดถึงอยู่ตลอดเวลา  แต่ถ้าร่างบางรู้ตัวว่าหมดหวังเมื่อไร เจซก็พร้อมที่จะเป็นคนอ้าแขนรับไว้เอง  เพียงแค่อเล็คร้องขอ เค้าก็พร้อมที่จะทำให้ทุกอย่าง

ทุกๆ อย่างที่เค้าทำได้........ใช่  เจซทำได้ทุกอย่าง

ยกเว้นทำให้อเล็ครักเค้า

บ้าเอ๊ย........เจซสบถในใจอีกครั้ง  ก่อนจะคว้ากระเป๋าใบพอเหมาะของตัวเองเดินตึงตังออกไปจากร้านเสียดื้อๆ เมื่อมีเพื่อนร่วมงานบางคนทักท้วงเค้า

“เฮ้  เจซ นายไม่ได้.....เก็บผ้ากันเปื้อน  ช่างเหอะ  ทิ้งของเรี่ยราดชะมัดฉันจะต้องตามเก็บตลอดตอนเห็นนายขว้างมันลงพื้นเลยใช่ไหม  ให้ตาย ฉันจะบอกคุณบีพอทท์ให้หักเงินเดือนนาย” เพื่อนชายหนุ่มพูดราวกับจะกินเลือดกินเนื้อแล้วคว้าผ้ากันเปื้อนที่เจซทิ้งไว้ เดินไปเก็บยังที่ๆ มันควรจะอยู่อย่างเงียบๆ แต่มิวายบ่นงึมงำไปด้วย

เจซอายุน้อยและอารมณ์ร้ายที่สุดในร้าน   แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วก็ไม่มีใครกล้าหือกับเค้าหรอก

ในขณะที่ร่างสูงของลูกชายตระกลูเวย์แลนด์เดินอารมณ์ไม่ดีออกมาจากร้านรอข้ามถนนซึ่งรถราสัญจรไปมาอยู่นั้น  ดวงตาสีอ่อนของเค้าก็กวาดมองไปรอบๆ เพื่อหาเรื่องคิดใส่หัวให้เย็นลง  ผู้คนแย่งกันเดินพอๆ กับรถแท็กซี่เบียดกันอยากจะไปส่งลูกค้าให้ทันเวลา เสียงแตรดังขึ้น  เสียงโทรศัพท์  เสียงพูดคุย  ฟังดูน่าปวดหูชะมัด  ดูๆ แล้วมันคงจะทำให้เจซสติแตกยิ่งกว่าเดิมแหงๆ

ร่างสูงผมบล์อนสวมฮู้ดหนังที่เย็บติดกับแจ็คเก็ตสีดำของเค้าจึงเบนสายตาไปโฟกัสที่ร้านขายอาหารฟาดฟู้ดตรงข้ามลาเฟ่ต์  หาอะไรที่ดูหยุดนิ่งคงจะดีกว่าเรื่องจอกแจ่กจอแจรอบตัวเค้า  เจซคิดงั้นว่าใจเค้าน่าจะสงบลงได้บ้าง

แต่แล้วก็เปล่าเลย  เมื่อสายตาที่มองไปทั่วๆ ร้านฟาสฟู้ดของเจซดันไปสะดุดเข้ากับคนๆ หนึ่งซึ่งทำเอาเค้าค้างไปเลย  คนๆ นั้นนั่งอยู่ตรงโต๊ะที่ติดกระจกที่สุดของร้าน  ไม่ได้สั่งอะไรนอกจากเฟรนฟรายกับเครื่องดื่ม......มาร้านฟาสฟู้ดก็ต้องสั่งฟาสฟู้ดจัดเต็มสิ  ไม่ใช่มานั่งจิบนั่งชิมเหมือนมาแอบถ้ำมองคนอื่นเค้าแบบนี้!

ไอ้หมอนั่น  คนที่กำลังทำเค้าหงุดหงิดเจียนคลั่ง.......แม็กนัส   เบน

แต่เอ๊ะ....จะว่าไปแล้วถ้ำมอง!

ไม่รู้ว่าตัวเองหวาดระแวงเองไปหรือเปล่า  เจซ   เวย์แลนด์ผู้ไม่เคยมองโลกในแง่ดีจึงจ้องเขม็งไปทางร่างสูงสะโอดสะองของนายแบบหนุ่มซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนน  แม็กนัสไม่ได้สนใจจะสังเกตร่างสูงผมบล์อนเลยทั้งๆ ที่เจซก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังจับตาดูเค้าอยู่

ดูแล้วแม็กนัสคงกำลังมีสมาธิอยู่กับอะไรสักอย่าง..........ร่างสูงอารมณ์ขุ่นมัวผู้สวมฮู้ดสีดำอำพรางใบหน้าจึงมองตามสายตาของคนที่เค้าจับตาดูอยู่ไป และพบว่าไม่ใช่ที่ไหนไกลเลยที่เจ้าแม็กนัส   เบนนั่นกำลังมองดูอยู่...............

ร้านลาเฟ่ต์ที่เค้าเพิ่งจะเดินออกมาเมื่อตะกี้นี้สดๆ ร้อนๆ เลยน่ะสิ!

แกมองหาอะไรของแกว่ะ!...........เจซคิดในใจ  ทันใดนั้นเค้าก็รู้สึกปวดขมับขึ้นมาตุ้บๆ ทันทีเพราะโมโหจนเลือดขึ้นหน้าอีกแล้วเมื่อนึกถึงคู่กรณีดังกล่าวและตอนนี้ยิ่งปรากฏตัวเป็นๆ ให้ได้หมั่นไส้มากเข้าไปอีกแล้วเจซก็ปวดขมับมากกว่าเดิม

............และใช่  เค้าหวงอเล็คมากกว่าอะไรทั้งสิ้น..............

คนที่คอยแต่จะทำร้ายจิตใจคนสำคัญของเค้าอย่างเจ้าแม็กนัสนั่นน่ะ  ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้คุยหรือได้พบหน้าอเล็คเลยแม้แต่น้อย  ไม่มีทาง

และก็เป็นดั่งเช่นที่ทำให้เจซรู้สึกอยากจะกู่ร้องออกมาดังๆ เมื่อคนที่แม็กนัสผู้ทำตัวเสมือนคนธรรมดาไม่ต้องการให้ใครจำได้ กำลังจอบจ้องอยู่นั่นก็คืออเล็คนั่นเอง

ให้ตายเถอะไอ้เบื๊อกนี่! มันจะมากเกินไปแล้วนะ

เจซกดด่าในใจอีกครั้ง  เค้ากำมือพร้อมกับขบกรามแน่น  เค้าไม่รู้หรอกว่าแม็กนัสจะมาที่นี่แล้วนั่งทำตาเยิ้มมองอเล็คทำไม  แต่แล้วในขณะนั้นเองเจซก็เห็นแม็กนัสยิ้มมุมปากกับตัวเอง  วางเงินลงบนโต๊ะก่อนจะทำท่าลุกเดินออกไปจากที่นั่งของตนเอง

เมื่อเห็นดังนั้นร่างสูงกว่าคนทั่วไปของเจซก็สาวเท้าข้ามถนนซึ่งว่างรถพอดีในขณะนั้นไปที่ร้านฟาสฟู้ดฝั่งตรงข้าม  แม็กนัสเลือกทางออกอีกทางหนึ่งซึ่งมีคนเข้าออกไม่มากนักและทางนั้นเป็นทางที่อยู่เยื้องใกล้ร้านลาเฟ่ต์มากที่สุด  เจซซึ่งก้าวเร็วๆ ราวกับคนรีบร้อนเดินไปถึงและดักทางแม็กนัสไว้อย่างรวดเร็ว  แต่ร่างสูงสะโอดสะองไม่ทันได้สังเกตเห็นเพราะกำลังมองคนที่เค้ายิ้มละมุนให้โดยไม่รู้ตัวอยู่ จนกระทั่งพ้นออกมาจากร้านแล้วเพียงเล็กน้อย  คอเสื้อของแม็กนัสก็โดนกระชากไปที่ผนังตรอกด้านข้าง

ร่างสูงสะโอดสะองตกใจกำลังจะโต้ตอบกลับไป เป็นเวลาเดียวกับที่เค้าโดนกระแทกกับตรอกและเห็นหน้าคนที่หาเรื่องเค้าอย่างชัดเจน

“นาย...คนที่ทำงานที่เดียวกับอเล็คนี่  นายทำบ้าอะไรของนายน่ะ!” แม็กนัสว่าเสียงดัง  กำมือของเจซที่ขยำคอเสื้อเค้าแต่ไม่ได้โต้ตอบกลับไปอย่างใจคิดเพราะคนตรงหน้าคือเพื่อนร่วมงานของอเล็ค

............ก็คิดว่าอย่างงั้นน่ะนะ........

เจซไม่พูดเพราะกำลังเดือดจัด  มาถึงตอนนี้ร่างสูงผมบล์อนรู้แล้วว่าแม็กนัสคิดจะมาหาอเล็คร้อยเปอร์เซ็น และเค้าจะไม่ยอมให้อเล็คต้องโดนทำร้ายจิตใจจากคนๆ นี้ซ้ำสองอีกแล้ว

แม็กนัสซึ่งสวมแจ็คเก็ตหนังเช่นเดียวกับเจซแต่ไม่มีฮู้ดและดูนำสมัยกว่า  ดูท่าถึงแม้นายแบบหนุ่มอย่างเค้าต้องการจะปลีกวิเวกออกมาเตร่คนเดียวเงียบๆ แต่ก็ไม่ได้ดูดีน้อยลงเลยทั้งการแต่งตัวและออร่าที่เปล่งประกายออกมารอบตัว  ร่างสูงสะโอดสะองและแขนแข็งแรงที่ได้ออกกำลังอยู่บ่อยๆ กำลังจะออกแรงผลักเจซออกไป  แต่แล้วคนที่หงุดหงิดจนเส้นเลือดปูดขึ้นข้างขมับแล้วในขณะนี้ก็เอ่ยขึ้นเสียงเย็นและสั่นเพราะความโกรธ

“อย่างยุ่งกับอเล็ค”

แม็กนัสดูงุนงงแต่ก็ฉุนไม่น้อยเลยกับคำพูดของคนที่เค้าเกือบจะคิดว่าเสียสติไปแล้ว

นายเป็นใครมาสั่งห้ามฉันยุ่งกับอเล็ค

แต่แม็กนัสใจเย็นกว่าเจซ

“โทษนะ  นายหมายความว่าไง” แขนที่ดันคอและตัวของเจซผละออกมา แล้วชูขึ้นทำท่าราวกับยอมแพ้แต่ทว่าใบหน้าแม็กนัสก็พร้อมหาเรื่องกลับได้ทุกเมื่อ  เป็นเพราะความสัมพันธ์ของเค้ากับอเล็คกำลังโดนคุกคาม

เจซยื้นหน้าเข้าไปใกล้อีกและดูคุกคามมากกว่าแม็กนัส

“อย่ามาเสนอหน้าทำให้อเล็คเสียใจอีก!

“นายพูดอะไรของนาย  แล้วจะมายุ่งกับเราทำไม” แม็กนัสเริ่มฉุนขาด

เรางั้นเหรอ? นายกล้าใช้คำนั้นได้ยังไงในเมื่ออเล็คร้องไห้เพราะนายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนน่ะ! ไอ้เบื๊อกเอ้ย!” และยังไม่ทันทีคนโดนกล่าวหาจะได้ว่าอะไรต่อ  หมัดหนักๆ ของเจซ   เวย์แลนด์ก็กระแทกเข้าที่หน้าของแม็กนัสที่อยู่ในอาการงุนงงจัดไปอย่างเต็มรัก.........ในเวลานี้เต็มกลืนแล้วสำหรับเจซ

ร่างสูงของนายแบบฮอตแห่งย่านนี้ถลาล้มลงกับพื้นโดยไม่ทันตั้งตัว  และคนเริ่มก่อนก็ยังคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ เค้าคิดอยากจะอัดหน้าแม็กนัสมาตั้งนานแล้วพอปล่อยมือไปตามอารมณ์โกรธเคืองเพียงแค่ทีเดียวก็ถึงกับคุมตัวเองไม่อยู่ไปเลย

เจซตามมาคร่อมแม็กนัสไว้  ขย้ำคอเสื้ออีกแล้วง้างหมัดขึ้นเหนือหัว

.............จะไม่ยอมอีกแล้ว  จะไม่ยอมให้หมอนี่ทำร้ายจิตใจอเล็คตามใจชอบอีกแล้ว  ต้องบอกให้หมอนี่รู้ว่าสิ่งที่สะเออะทำลงไปน่ะมันร้ายแรงแค่ไหน............

“อเล็คดีเกินไปสำหรับนายจำเอาไว้!

ผวั๊ะ!

“อย่าได้มายุ่งกับเค้าอีก  เค้าไม่ใช่ของนาย.....นายมันไม่คู่ควรกับอเล็คเลยสักนิดเดียว!” เจซผู้ซึ่งเลือดขึ้นหน้ากำลังจะต่อยแม็กนัสเข้าไปอีกรอบ และคนถูกกระทำเองก็ตั้งท่าจะสวนกลับ  แต่ทว่ากลับมีเสียงหนึ่งตะโกนดังมาจากปลายตรอก

เฮ้ ตรงนั้นมีอะไรกันน่ะ!” ตำรวจนายหนึ่งที่เดินถือถ้วยกาแฟเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้นบังเอิญเดินมาเห็นเข้าพอดี  แต่ก็อยู่ห่างจากที่ๆ ทั้งสองนั้นต่อยกันอยู่พอสมควร

สองคู่กรณีซึ่งกำลังเปิดสังเวียนย่อมๆ หันไปมองทางต้นเสียงอย่างตกใจ แต่ดูท่าจะเป็นคนที่เปิดฉากเริ่มก่อนเสียมากกว่า  ร่างสูงผมบล์อนที่ง้างมือค้างไว้แต่ไม่ได้ลงหมัดก็หงุดหงิดอยู่ไม่น้อย  ก่อนจะตัดสินใจจบเรื่องแบบรวดเร็วเมื่อเจอตำรวจ

เจซใช้สองมือขยำคอเสื้อราคาแพงของแม็กนัส “อเล็คเป็นของฉัน” เค้าพูดรอดไรฟันก่อนจะกระแทกเสื้อที่เค้าขยำลงกับพื้นแล้วลุกขึ้นวิ่งหนีไป  ปล่อยให้ตำรวจเห็นว่าเป็นการทะเลาะวิวาทของเด็กวัยรุ่นก่อนจะเลิกสนใจแล้วเดินต่อไปเรื่อยๆ ตามทาง

เมื่อพ้นตรอกไปแล้วเจซต่อยกำแพงและเตะถังขยะจนปลิวกระจายอย่างรู้สึกเดือดพล่าน

ธรรมดาก็เป็นคนฉุนเฉียวใจร้อนอยู่แล้ว  แต่พอได้อัดหน้าคนที่เกลียดขี้หน้าสักครั้งหนึ่งมันก็ยากที่จะห้ามใจไม่ให้ทำต่อไหว..........แต่หมอนี่ดวงดีชะมัด!

เจซพูดออกไปแล้ว......ใช่ รู้สึกสะใจชะมัด

“อเล็คเป็นของฉัน”

ที่เค้าต้องพูดอย่างนั้นออกไปก็เพื่อให้แม็กนัสเชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ  หมอนั่นจะได้ไม่ต้องมาเกาะแกะและเผลอทำร้ายจิตใจอเล็คได้อีก

.....................ใครกันที่คอยเช็ดน้ำตาให้อเล็ค  ปลอบใจอเล็คและบอกว่าเค้าจะไม่เป็นไร  เค้าต่างหาก  เป็นเจซต่างหากที่เฝ้าดูอเล็คมาตั้งแต่ไหนแต่ไร  เจซเองก็ควรจะมีสิทธิ์ได้ดูแลอเล็คและพูดคำนั้นไม่ใช่หรือ...............

แต่ร่างสูงของเจซ   เวย์แลนด์ก็หารู้ไม่เลยว่าคนที่ทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่แรกก็คือแม็กนัส  คนที่เค้าว่ากล่าวว่าไม่คู่ควรกับอเล็คที่แสนจะใจดี

พอแล้ว  อเล็คเจ็บเพราะนายมามากพอแล้ว..........เจซคิดในใจก่อนจะเตะถังขยะอีกใบปลิวละล่อง


**********************************************************************


ส่วนคนที่โดนต่อยก็นิ่งอึ้งปนโกรธไปเลย  เมื่ออยู่ๆ เด็กเสิร์ฟในร้านลาเฟ่ต์ที่ไม่รู้จักมักจีก็เข้ามาต่อยเค้า  ผลักเค้าลงพื้น  พูดแปลกๆ  แล้วก็จากไปเสียดื้อๆ อย่างนั้น

“อเล็คเป็นของฉัน”

ใช่  พูดแปลกๆ

อเล็คกลายไปเป็นของแกตั้งแต่ตอนไหนกัน!?............แม็กนัสคิดอยากจะสบถออกมา พลางลูบแก้มตัวเองตรงที่เพิ่งโดนเจซต่อยไป  เค้าชันตัวลุกขึ้นนั่ง  ลูบแก้มไปมา

  “อเล็คเป็นของฉัน” คำพูดของเจซดังขึ้นในหัวแม็กนัสอีกครั้ง  และท้ายที่สุดแล้วร่างสูงสะโอดสะองก็พบว่ามันไม่เคยหยุดดังเลย  ราวกับหมุดที่ตอกลงบนหัวใจของเค้าและตอกซ้ำลงไปอีกทุกครั้งที่เสียงของเจซดังขึ้น

แม็กนัสกลับมาปวดหัวตุบๆ อีกครั้ง  เค้านึกถึงตอนที่คุยกับจิมเพื่อนสมัยมหาลัยของเค้าครั้งล่าสุดและก็ปวดหัวเพราะคิดไม่ตกกับบางสิ่งที่ไม่สามรถหาคำตอบได้ของตัวเอง............ใช่  ตอนนี้แม็กนัสเป็นแบบนั้นเลย  กลับมาเป็นอีกครั้ง  ทำไมกันนะ?

“อเล็คเป็นของฉัน”

มันดังขึ้นอีก  แม็กนัสสบถและทำหน้าไม่ชอบใจเสียงในหัวเสียเท่าไร  เค้าปวดหัวมากขึ้น และรู้สึกโกรธ...........

.............โกรธที่อเล็คกลายไปเป็นของคนอื่น...........

“อเล็ค” แม็กนัสพึมพำ  ร่างสูงสะโอดสะองยืนขึ้นจนเต็มความสูงที่เหมาะสมไร้ที่ติของตัวเองและเริ่มเสียสมดุล  เมื่อภาพของอเล็คที่ยิ้มให้เค้าดันลอยเข้ามาพร้อมกับคำพูดของเจซ

...........อเล็คเป็นของเจซเหรอ  อเล็คที่เค้าคอยดูแลมาโดยตลอดตั้งแต่เด็กๆ น่ะเหรอ?.........

บ้าน่า  อเล็คเคยวิ่งตามเค้าหนิ  ชอบบ่นว่าเค้าเดินเร็วเกินไปให้รออีกฝ่ายหนึ่งด้วย  แล้วพออเล็คพูดจบเค้าก็ให้อเล็คขึ้นขี่หลังทุกทีไป.........

“ทำแบบนี้แล้วนาอยย่ามาบ่นเรื่องเดินไม่ทันกับฉันอีกนะ  เห็นไหม เดินทันกันแล้ว”

ใช่  แม็กนัสจำได้  เค้าพูดแบบนั้นกับอเล็คไงล่ะและอเล็คก็หัวเราะคิกคักบนหลังเค้าก่อนจะซบศีรษะลงมา..............

แม็กนัสเห็นเหมือนหนังฉายซ้ำ  ในขณะที่เดินกลับคอนโดสุดหรูซึ่งอยู่ไกลออกไปของตัวเอง  ร่างสูงที่เดินไม่สนใจใครไปเรื่อยๆ ไม่ลืมที่จะล้วงเอาแว่นกันแดดในแจ็คเก็ตขึ้นมาสวมเพื่อช่วยปิดบังรูปลักษณ์หน้าตาของตัวเอง  เค้าดูน่าจับตามองและดึงดูดที่สุด  แต่ทว่าไร้สติ...............

แม็กนัสไม่เคยเจอคนแปลกหน้าที่พูดแล้วทำเอาเค้าเป็นแบบนี้เลย...........ก็หมอนั่นพูดถึงอเล็คแบบนั้นนี่

เค้าควรจะดีใจรึเปล่า?  ควรจะยินดีด้วยไหม?  ที่อเล็คมีคนดูแลแล้ว.........แต่เจ้าหนุ่มผมบล์อนนั่นพูดจาส่อไปในแนวอิโรติคยังไงก็ไม่รู้ ซึ่งมันทำให้แม็กนัสรู้สึกไม่พอใจอย่างน่าประหลาดเลยทีเดียว

อเล็คใสซื่อ  อเล็คอ่อนโยน และใจดี  ทำไมถึงไปได้คนไม่มีสัมมาคารวะแบบนั้นมาอยู่ด้วยกันนะ  อเล็คคู่ควรกับคนที่ดีกว่านี้.........ซึ่งแม็กนัสเชื่อในสิ่งที่เจซพูดทุกคำอย่างสนิทใจเลยทีเดียว

โดยเฉพาะคำสุดท้าย

แม็กนัสเดินเลื่อนลอยไปเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงห้องพักของตัวเอง  ร่างสูงรู้สึกไม่พอใจที่อเล็คอยู่ใกล้เจซ และรู้สึกไม่ดียิ่งกว่าเมื่อเจซพูดแบบนั้น  แม็กนัสเดือดจัดและกำหมัดที่ซุกอยู่ในแจ็คเก็ตแน่น

ถ้าอเล็คเป็นของหมอนั่นจริง  คนนิสัยแย่ๆ แบบโจ่งแจ้งแบบนั้นน่ะ.......จะเป็นใครก็ได้ยังงั้นเหรออเล็ค?

นายจะเป็นแฟนกับใครก็ได้ยังงั้นเหรออเล็ค?  หมอนั่นเป็นแฟนนายใช่ไหม!?  ถ้าเป็นฉันจะเลือกที่ดีกว่านี้หน่อย......แม็กนัสคิดในใจก่อนสไลด์คีย์การ์ดหน้าประตูบานหรูของตัวเองแล้วใช้กำปั้นเหวี่ยงมันออกไปอย่างอารมณ์เสีย

แม็กนัสถอดแจ็คเก็ตออกแล้วคิดว่าจะสั่งเหล้ายี่ห่อโปรดของตัวเองขึ้นมาซดอีกล็อตใหญ่  ร่างสูงวางหูจากเซอร์วิสด้านล่างแล้วก็ต้องแสยะยิ้มกับตัวเอง

อ่อ เข้าใจแล้ว.....หึ

ในที่สุดร่างสูงซึ่งกำลังกำคอขวดน้ำอัมพันดีไซน์สวยอยู่ก็แสยะยิ้มกับตัวเองอีกรอบ.........เค้าเข้าใจเหตุผลที่ตัวเองไม่เป็นผู้เป็นคนมาทั้งอาทิตย์ก็เพราะอเล็คนั่นเอง

เพราะอเล็คสินะ.......แม็กนัสคิดในใจขณะกระดกขวดเหล้า

“ยินดีด้วยอเล็ค  นายมีพระเอกคนใหม่แล้ว” แม็กนัสพูดดูเหมือนปรีดา  แต่เค้ากลับโยนขวดเหล้าใบเปล่าทิ้งไปข้างหลังอย่างไม่ใยดี...............แม็กนัสคิดว่าเค้ายังไม่เมา  แต่จริงๆ เค้าเมาตั้งนานแล้ว

และสิ่งที่เค้ายังไม่รู้ก็คือ ตัวเค้าเองนั้นยังไม่พร้อมที่จะปล่อยอเล็คไป  ให้คนอื่นดูแลน่ะเหรอ?  ฝันไปได้เลย  สำหรับแม็กนัส   เบน น่ะติดร่างบางมากกว่าที่เจ้าตัวติดเค้าซะอีก

ดวงตาสีฟ้าสวยราวกับลูกแก้ว  ผิวขาวดุจหิมะ  เรือนผมเส้นไหมสีดำขลับ  และรอยยิ้มบางๆ จนถึงขั้นฉีกยิ้มนั้นน่ะเป็นของเค้า......อันที่จริงมันเป็นของเค้าต่างหาก

ใครจะรู้จักอเล็คมากไปกว่าเค้ากัน! .........แม็กนัสกำลังเมามากและกลับมารู้สึกไม่พอคำพูดของเจซอีกครั้งหนึ่ง

ทุกครั้งที่คอยเดินตามอเล็คไป........แม็กนัสมองผิวขาวเนียนที่โผล่พ้นเสื้อผ้าของเจ้าตัวเสมอ  และเรือนผมสีเข้มสวยธรรมชาติที่พลิ้วสะบัดไปตามลม  อเล็คชอบวิ่งหรือเดินหนีเค้าเวลาที่ทำอะไรผิดไปจากคำตักเตือนของเค้า

ทุกครั้งที่อเล็ควิ่งตามแม็กนัส...........แม็กนัสจะคอยฟังเสียงแววของฝีเท้าร่างบางอยู่เสมอ  แล้วลอบยิ้มเมื่อเสียงนั้นดังขึ้นดั่งเช่นที่เค้าคิดเอาไว้

แม็กนัสยิ้มโดยที่อเล็คไม่ทันได้เห็นเสมอ.....เรื่องที่ร่างบางไม่เคยจะรู้เลย

และนั่นก็เพราะแม็กนัสไม่รู้ตัวเองด้วยเช่นกัน  เค้าปฏิเสธ  และผลักไสอเล็คด้วยความไม่เข้าใจตัวเอง..........

แต่ความจริงเหล่านั้นก็ไม่ได้เข้าหัวร่างสูงสะโอดสะองเลยในขณะที่แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ต่อจิตใจและสมองของเค้า  แม็กนัสกระดกก้นขวดอีกและพบว่ามันหมด ไม่เหลือแล้วสักหยด

เพราะไม่อยากให้อเล็ครู้สึกแย่เมื่อเวลาที่ไม่มีเค้า  แม็กนัสเลยต้องทำให้อเล็คเกลียดเค้า  แต่ร่างสูงตัดใจทำได้เสียเมื่อไรล่ะ

ตอนนี้เค้าแค่ต้องการหาอะไรกระแทกปากสักขวด.....อะไรก็ได้  อะไรก็ได้ทั้งนั้น

ยังไม่ทันที่จะได้สั่ง  สองขาของนายแบบดีกรีฮอตแห่งย่านดาว์ทาวน์ก็ลุกขึ้น  ปล่อยขวดใบเปล่าในมือให้หล่นร่วงลงไปบนพื้นพรมมีราคา แล้วตรงไปที่ชั้นเก็บเหล้าของเค้า  ก่อนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองได้กวาดของมึนเมาทั้งหลายไปจนหมดตู้เสียแล้ว

แต่พอมาถึง แม็กนัสก็ต้องเปิดตู้ค้างไว้เมื่อมันยังมีเหลืออยู่อีกขวดหนึ่ง

........เอาเถอะถึงจะไม่ใช่เหล้า  แต่ไวน์ก็ถือว่าแก้ขัดได้ล่ะน่า............


.


.


.


TBC.


----------------------------------------------------------------------------------------------


อร๊ายยยยยยย  แม็กนัสอย่าดื่มนะ!! >[]< อย่าดื่มมมม  อ๊ากกกก มิสเตอร์เบนจะกระดกน้ำต้องห้ามแล้วค่ะ(?) 

แต่ว่าเจซ! นายทำได้ดีมาก  โดนใจเราจริงๆ เลยนะเออ //ตบบ่าพลางเพิ่มค่าตัว// สะใจอ่ะ  แม็กนัสโดนซะบ้าง 555 เหมือนกับว่าเจซเป็นพระเอกเลยค่ะ......พระเอกขี้เหวี่ยง ฮาาาา //สักพักโดนเจซโบก//  ไรท์รู้สึกว่าอเล็คน้อยๆ ของเราจะน่าอิจฉานิดๆ แล้วล่ะคะ  แหม....มีคนมาห่วงและหวงด้วย อิอิ๊ววววว >///<

Part หน้าจะเป็นเยี่ยงไรติดตามกันด้วยนะคะ  และท่านใดอยากจะเข้ามาร่วมพูดคุยหรือแชร์สิ่งต่างๆ กับไรท์ก็แอดเฟสมาได้เลยค่ะที่ >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<<  ยินดีรับแอดเสมอเลยค่าาา 

สำหรับวันนี้ต้องขอตัวก่อนนะคะ  แล้วเจอกันเมื่อชาติต้องการค่ะ 55555  รักรีดเสมอนะเออ  จุ๊บุ๊ๆ -3-

ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund


1 ความคิดเห็น:

Titanium snow กล่าวว่า...

โอ้ เจชนายทำได้ดีเกินคาด หุหุ ทำให้หมอนี่คลั่งไปเลย...(แต่ถ้าหมอนี่ไปลงกับอเล็คละอุ๊บ ไม่พูดๆ) nc พลีส ไรท์ 555
#กอดขาอย่างเว้าวอน