ใกล้เข้ามาแล้วกับ Nc – MaLec ที่ไรท์ได้สัญญาไว้ อิๆ สวัสดีค่าาาา
สาวก Magnus x Alec ทั้งหลายยยยยยยยย ^0^ วันนี้ไรท์กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งแล้วค่ะ(?) ไม่รู้ว่าทำไมช่วงนี้ถึงมีหลายอย่างยุ่งๆนักหนา ทำเอาไรท์อดที่จะเซ็งไม่ได้เลยค่ะ เรื่องนี้เสร็จแล้วเรื่องอื่นก็พุ่งเข้ามาซะไรท์เกือบหน้าหงายเลยค่ะ
แต่ว่าก็เริ่มเบาลงแล้วนะเออ
(วันนี้ได้ข่าวว่าเครื่องปริ้นเจ๋งหนิ -_-“) แต่ว่าเรื่องกำลังจะดำเนินไปถึง
$%%*^()()&&)_++(^#$ แล้วนะเออ //สักพัก...ผั๊วะ!
.....แว่วเสียงขว้างโทรศัพท์มาประทับลงบนหัวไรท์// 55555 เราก็รู้ๆ กันอยู่ค่ะ ไรท์มิจำเป็นต้องบอกก็ได้ชิมิเคอะ อิ3อิ
มาช่วยกันเอาใจช่วยอเล็คกับแม็กนัสให้ใจตรงกันสักทีนะคะ
^^
เอาล่ะค่ะ ที่นี้ก็ไปอ่านกันเลยค่าาาาาา >3<!!!
--------------------------------------------------------------------------------------------
“อเล็ค! ผ้าเช็คโต๊ะหายไปไหนหมด!”
เสียงแผดดังลั่นทำเอาทุกคนในร้านต่างอกสั่นขวัญหาย มีเพียงแค่ชายหนุ่มซึ่งถูกเรียกชื่อที่กระฉับกระเฉงอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่โผล่หน้าออกมาจากตู้วางเบเกอร์รี่ตอบคำถามของคนช่างยั๊วะ
“ผมเก็บไว้หมดแล้วครับคุณบีพอทท์ ทำความสะอาดเรียบร้อยหลังจากใช้เสร็จอย่างที่คุณบอก”
อเล็คตอบเสียงปรกติ ทำใจดีสู้เจ้าของร้านที่ร่างอ้วนยิ่งกว่าพอกกี้ในเรื่องลูนี่ตูนซะอีก
อเล็คเก็บและทำความสะอาดเสร็จแล้วแสดงว่าเค้าเช็ดโต๊ะทุกตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย ชายแก่แถมพุงอ้วนแพละล้นออกมาจากกางเกงหอบกล่องพัสดุไว้ในอ้อนแขนสั้นๆ
ของตัวเอง มองพิจารณาอเล็คผ่านแว่นเลนส์กลมซึ่งมันดูเล็กไปเลยเมื่อแทบกับคนใส่
และไม่พูดอะไรเลยก่อนจะเดินออกจากร้านไป นั่นคือบีพอทท์กำลังบอกพนักงานที่เพิ่งมาทำงานหลังจากหยุดไปเจ็ดวันของเค้าว่า
............เออ ก็ดีหนิ แต่ฉันยังไม่หยุดจ้องนายง่ายๆ หรอกนะ.........
เจ้าของร้านสุดอึดอัดย้ายร่างเกินคำว่าตุ๊ต๊ะของตัวเองออกไปแล้ว เพื่อนๆ ในร้านที่อยู่กะสุดท้ายก็ออกมาหาร่างบางใจกล้าที่เพิ่งถูกสอบสวนไปเมื่อครู่นี้
“โว่ อเล็คนายนี่ใจเย็นสยบทุกอย่างไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”
“ฉันก็แค่ตอบตามความจริงน่ะ” อเล็คยักไหล่ในขณะที่เดฟซึ่งท้าวเคาเตอร์อยู่นั้นโดนแซมดันเข้าเต็มๆ
“ถอยหน่อยเจ้าแห้ง ฉันยังต้องเก็บอะไรๆ อีกเยอะ”
“ไปตายซะแซม” เดฟแหวใส่ คลายๆ อยากจะเปิดศึกปะทะน้ำลายกับพ่อครัวของร้านเต็มที อเล็คยิ้มน้อยๆ อย่างติดตลกเมื่อนึกถึงภาพครั้งล่าสุดที่สองคนนี้ทะเลาะกันจนครัวแตกแล้วก็เป็นเค้าเองที่คอยเก็บนู่นเก็บนี่ให้ ร่างบางดึงถาดในตู้เบเกอร์รี่ออกมาวางเทินกันทั้งหมดแล้วพูดในขณะที่สอดมือเข้าไปใต้ฐานของถาด
“ฉันว่าฉันก็ต้องรีบเก็บด้วยเหมือนกัน เราจะได้กลับบ้านกันไวๆ ......อ๊ะ เดฟ โธ่
ไม่เอาน่า”
“ฉันจัดการเองอเล็ค นายกลับบ้านไปได้เลย” เดฟที่แย้งถาดใส่เบเกอร์รี่มาจากอเล็คยิ้มแฉ่งให้
“เดี๋ยวฉันจะช่วยเจ้าบ้าแซมเก็บของในครัวที่หมอนั่นทำรกไว้เอง นายไม่ต้องห่วง กลับบ้านเถอะ
นายเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“แต่ว่าพวกนายสองคน...”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า” เพื่อนร่างสูงผอมจนเกือบจะเก้งก้างบอกปัดประโยคที่แสนดื้อดึงของอเล็คด้วยความดื้อดึงที่มีมากกว่า วันนี้อเล็คเดินไปเดินมายังกะหนูติดจั่นเลย ใครๆ ในร้านก็ต่างกลัวกันว่าร่างบางที่เพิ่งหายป่วยคนนี้จะไข้กลับอีกรอบ
เดฟตัดปัญหาเดินหนีไปหลังร้านแล้ว ทิ้งให้อเล็คยืนคิดอยู่คนเดียว
.........บางทีมันอาจจะเป็นอย่างเดฟว่า เค้าไม่ควรหักโหมมากนัก ยิ่งกระเซาะกระแซะไม่เหมือนคนอื่นเสียด้วย และคืนนี้เค้าก็มีนัด..........
แม็กนัส......
ไม่ใช่ว่าอเล็คลืมหรอกนะ แต่แม็กนัสเป็นคนบอกเองนี่ว่า หลังเลิกงานแล้วให้มาหาแม็กนัส
น่ะ......ทุ่มครึ่งก็ถือว่าไม่ใช่เวลาดึกอะไรนี่นา
ร่างบางคิดถึงเรื่องไปพบแม็กนัสทั้งวัน
แม้เค้าจะเดินไม่หยุดแต่ก็เป็นเพราะตื่นเต้นนั่นแหละถึงได้เป็นแบบนั้น อเล็คเดินไปหลังร้านเพื่อบอกลาเดฟกับแซมซึ่งส่อแววว่าจะกัดกันจริงๆ
แล้วออกจากร้านมา
อเล็คเพิ่งจะนึกได้เมื่อตอนเข้าร้านนี่เองว่าเค้าลืมกระเป๋าไว้ที่ห้องของแม็กนัส และรู้สึกแย่นิดๆ ถ้าแม็กนัสจะเจอปึกบิลทั้งหลายทั้งแหล่ที่แม่เค้าฝากมาจ่าย
ถ้าหมอนั่นไม่เป็นจอมค้นข้าวของเหมือนเมื่อก่อนน่ะนะ.......อเล็คคิดในใจพลางยกยิ้ม
ในย่านที่ร่างบางทำงานอยู่นั้นจริงๆ
แล้วพอพระอาทิตย์ตกดินก็จะแทบร้างผู้คนกันเลยทีเดียว เพราะย่านนี้ไม่ได้เต็มไปด้วยแสงสีเสียงที่น่าดึงดูดใจเหมือนย่านการค้าย่านข้างๆ
นี้ ดังนั้นจึงหมายความว่าแท็กซี่ก็จะไม่มีผ่านมาในย่านที่เค้าทำงานอยู่เลยสักคัน
เพราะงั้น การไปหาแม็กนัสในครั้งนี้ของร่างบางผู้น่าสนใจยิ่งกว่าสวยน้อยที่เดินไปเดินมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ
จึงเป็นไปด้วยการเดิน และเพียงเพราะใช้เวลาไม่มากเท่าไรอเล็คจึงไม่กังวลอะไรมาก เค้ารู้สึกดีจนหุบยิ้มไม่ได้เลยซะอีกที่แม็กนัสเป็นคนออกปากเองว่าอยากเจอเค้า
วันนี้อาจจะเป็นวันของเค้าก็ได้ใครจะไปรู้
อเล็คคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอย่างอารมณ์ดีในขณะที่เดินไปตามทางที่เค้ารู้จัก และแล้วก็มาถึงที่หมาย ไม่รู้ว่าแม็กนัสกำลังหลับอยู่บนโซฟาแล้วเปิดทีวีให้ดูตัวเองอยู่รึเปล่านะ? อเล็คก้าวเข้าลิฟต์ไปอย่างกระฉับกระเฉงอีกเช่นเคย ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันบิดมุมขึ้นเล็กน้อยเพื่อเป็นร่องรอยว่าเค้ายิ้ม ดวงตากลมโตสีสวยที่เหมือนขวดแก้วกวาดขึ้นไปมามองตัวเลขชั้นของลิฟต์ถัดขึ้นไปเรื่อยๆ
ร่างกำลังใจจดใจจ่อที่จะได้กับแม็กนัสเต็มขั้น จนกระทั่งเสียงมือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังดังขึ้น อเล็คมีสีหน้าตกใจอยู่เล็กน้อย ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาแล้วรับสายที่เค้าคุ้นเคยอยู่ไม่น้อยเลย
“สวัสดีครับแม่”
ทันทีที่ร่างบางรับสาย
เค้าก็แทบจะฟังไม่รู้เรื่องเพราะแม่ของเค้าพูดรัวเร็วและดูจะโหยหวนมากเหลือเกิน อเล็คเลิกเม้มปากแล้ว แต่อ้าค้างน้อยๆ ราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง ถ้าแม่เค้ายอมเปิดช่องโหว่ให้เค้าพูดบ้าง
และทันใดนั้นหัวใจเค้าก็กระตุกวูบ จนคล้ายเหมือนหยุดเต้นไปเลยหลังจากนั้น
“อะ เอ่อ แม่ว่าอะไรนะครับ....” อเล็คถือโทรศัพท์พูดจาตะกุกตะกักถามซ้ำอีกครั้ง
“อเล็ค บ้านของเรากำลังจะโดนยึด!” แมรีสทำเสียงจนออกเหมือนตวาดใส่ลูกชายคนโตของตัวเอง เธอสติแตกเจียนคลั่งเพราะไม่รู้จะทำยังไง และหวังพึ่งอเล็คเพียงคนเดียว
“คนจากธนาคารมาบอกเราที่บ้านเมื่อเย็นนี้และแม่กับพ่อก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วอเล็ค!” เสียงตื่นตระหนกกรอกมาตามสาย
ในขณะที่ลิฟต์ใกล้ถึงจุดหมาย
“ละ แล้ว แม่เอาบ้านไปจำนองกับธนาคารตั้งแต่เมื่อไหร่
ทำไมผมถึงไม่รู้.....” อเล็ครู้สึกเหมือนโดนหยิกท้อง
“เมื่อปีที่แล้ว พ่อกับแม่เอาเงินที่ได้ไปใช้หนี้พนันที่ติดไว้แล้วก็ซื้อนั่นนี่เข้าบ้านอีกเล็กๆ
น้อยๆ เท่านั้นเอง!
แป๊บเดียวมันก็หมดซะแล้ว”
“แต่ว่าเงินเยอะขนาดนั้นเลยนะครับ แล้วจะให้ผมทำยังไง” อเล็คทำหน้าปวดร้าวและรู้สึกหนักอึ้งไปหมดทั้งตัว มันเป็นเรื่องที่ร้ายแรงเอามากๆ เพราะบ้านของพวกเค้ากำลังจะถูกยึด ที่แม่โทรมาหาเค้าคงต้องการจะให้เค้าช่วยอะไรแน่ๆ แต่จะให้เค้าทำยังไงล่ะ ไม่มีใครกล้าสู้กับธนาคารหรอก ถ้ามีเงินไม่มากพอ...........
“เงินไงล่ะอเล็ค เอาเงินที่ลูกเก็บไว้ไปไถ่บ้านคืนกับธนาคารก่อนแล้วเราก็จะมีบ้านอยู่ต่อไปยังไงล่ะ!” แม่อเล็คพูดเสียงฟังดูมีหวัง เอาน้ำเย็นเข้าเกลี้ยกล่อมลูกและบ่งบอกเลยว่าเธอรู้สึกดีแค่ไหน
“งะ งะ เงินของผมงั้นเหรอครับ”
อเล็คเสียงเบาหวิว เอนหลังพิงกับผนังลิฟต์แล้วลู่ตัวลง
เมื่อเสียงรัวเร็วแต่บอกจำนวนเงินอย่างชัดเจนของแมรีสเอ่ยกลับมา
มันเป็นจำนวนเงินที่กว่าตัวเลขที่เค้ามีอยู่ในบัญชีเพียงนิดเดียวเท่านั้น............
แต่ว่านั่นมันคือเงินเก็บสำหรับเปิดร้านของเค้า
“มะ แม่แต่ว่าผม.....”
“แต่อะไรอีกล่ะอเล็ค! นี่แม่.....นี่บ้านของเรานะ! ถ้าแกไม่ได้ทำงานในเมืองเส็งเคร็งนั่นแล้วกลับมาก็ยังมีบ้านให้อยู่นะ แกต้องช่วยบ้านเราและน้องๆ”
อเล็คคุยอีกเล็กน้อย วางสายอย่างเงียบเชียบและใจสลายในทันที เค้ารู้สึกจุกเหมือนโดนต่อยท้องหลังจากที่ต้องจำใจรับปากแม่ไปอย่างเสียไม่ได้..........
รู้ไหม นานแค่ไหนกว่าเค้าจะเก็บเงินได้เท่านั้นน่ะ.........
ความฝันที่จะเปิดร้านของร่างบางล่มจมไม่มีชิ้นดี พร้อมกับเงินก้อนที่เก็บสะสมมาเกือบทั้งชีวิตและถ้าจะให้เริ่มเก็บใหม่คงจะทำไม่ได้เสียแล้ว.......วันนี้มันไม่ใช่วันของเค้าซะแล้วสิ
อเล็ค ไลท์วู้ตกอดตัวเองในขณะที่บานลิฟต์ดีดตัวออกจากกันพอดี เค้าหมดแรงแล้วแม้ว่าแม็กนัสจะรออยู่ข้างหน้า.......คนที่อเล็คอยากจะเจอมากที่สุด
แต่ว่าแม่ก็กลับมาพร้อมกับความรวดร้าวใหม่
ซึ่งมันก็มักจะเกิดขึ้นแทบทุกครั้งที่อีกฝ่ายติดต่อร่างบางมาทางโทรศัทพ์ แต่ทว่าครั้งนี้มันมากมายกว่านั้นเป็นอย่างยิ่งเมื่อความฝันของเค้าถูกลบออกไปอย่างต่อหน้าต่อตา
“แต่อะไรอีกล่ะอเล็ค! นี่แม่.....นี่บ้านของเรานะ!
ถ้าแกไม่ได้ทำงานในเมืองเส็งเคร็งนั่นแล้วกลับมาก็ยังมีบ้านให้อยู่นะ แกต้องช่วยบ้านเราและน้องๆ”
ปฏิเสธไปก็ไม่ได้ แล้วจะให้อเล็คทำอย่างไร
“จะให้ผมทำยังไงได้ล่ะ....ผมทำอะไรได้ อึก บ้าจริง
อย่าให้แม็กนัสรู้ว่านายร้องไห้อีกแล้วเด็ดขาดเลยนะ” อเล็คพึมพำกับตัวเอง พลันน้ำตาที่เป็นเพื่อนเก่าของเค้าก็ร่วงรินลงมาอย่างไม่ต้องออกแรงสั่งเลยด้วยซ้ำ แต่อเล็คไม่อยากเจอมันเลย......ไม่อยากทำให้แม็กนัสรู้ว่าเค้าร้องไห้อีกแล้ว
..........กลัวแม็กนัสจะเห็นว่าเค้างี่เง่าอีก............
อเล็คทึกทักไปอย่างนั้น เพราะทุกครั้งที่เค้าร้องไห้ช่วงหลังๆ
มานี้แม็กนัสจะชอบหันหลังให้เค้าแล้วพยายามบอกให้เค้าหยุดร้องซะ ดังนั้นอเล็ค
ไลท์วู้ตจึงใช้หลังมือเช็ดน้ำตาเจ้ากรรมที่ไม่ได้ใช้ให้มันไหลออกไปจนหมดจากแก้มใสของเค้า
พร้อมกับที่ลุกขึ้นแทรกตัวออกมาจากลิฟต์ก่อนที่มันจะปิดลง
เห็นท่าว่าความสดใสและอารมณ์ดีของร่างบางในวันนี้จะลดฮวบลงจนแทบไม่เหลือเสียแล้วล่ะ อเล็คสูดจมูกและเช็ดขอบตาที่ออกจะชื่นๆ ของตัวเองอีกรอบเพื่อความแน่ใจ จนกระทั่งมาถึงหน้าห้องของแม็กนัสอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว
เนื่องจากระยะทางนั้นใกล้กันมาก
ในใจจริงๆ
นั้นอเล็คอยากจะหมุนตัวแล้ววิ่งกลับบ้านไปซะมากกว่า เพราะเค้าไม่แน่ใจว่าพอสมองเค้าหวนนึกถึงเรื่องเมื่อครู่นี้แล้ว เเม้เพียงจะแค่แวบเดียวเท่านั้นก็ตามเถอะ มันอาจจะทำให้เค้าร้องไห้ขึ้นมาได้เลย แต่ว่าบางทีแม็กนัสอาจจะมีเรื่องสำคัญที่จะคุยกับเค้าจริงๆ
ก็ได้ หรือคิดอีกในแง่หนึ่งจะสำคัญหรือไม่สำคัญอเล็คก็ไม่ควรเบี้ยวนัดอยู่ดี ร่างบางผิวขาวสะอาดสูดหายใจเขาเล็กน้อยก่อนจะกดกริ่งหน้าประตูของเพื่อนสนิท
และใช่เวลาเพียงไม่นานประตูก็ถูกเปิดออก อเล็คคิดในใจว่าเค้าจะบอกให้แม็กนัสพูดเรื่องอะไรก็ตามมาเลยตรงนี้จะได้ไม่จำเป็นต้องเข้าไปข้างใน แต่ทันทีที่เปิดประตู ผู้มาเยือนก็ต้องชะงักไปเล็กน้อย
เมื่อคนที่มาเปิดประตูนั้นแทบจะยืนไม่ไหวด้วยซ้ำ
“แม็กนัส เฮ้
นั่นนายไหวรึเปล่าน่ะ.....”
“อเล็ค” แม็กนัสพาดท่อนแขนกับลูกบิดดั่งเช่นทุกครั้งแต่คราวนี้ตัวของร่างสูงเซเล็กน้อย
จนดูคลายจะล้มลงไปเสียอย่างนั้น อเล็ครีบเข้าไปช่วยแต่พอเมื่อรับน้ำหนักเกือบทั้งหมดของแม็กนัสมาแล้วนั่นแหละ
เค้าถึงเพิ่งได้ตระหนักว่าเพื่อนร่างสูงของเค้าตัวหนักแค่ไหน
“เฮ้ อเล็คนั่นนายเหรอ” แม็กนัสส่งเสียงที่คล้ายคำทักทายออกไป หากมองไม่ผิดเหมือนร่างสูงเปลือยท่อนบนกำลังจะยิ้ม อเล็คทำหน้างุนงงอยู่ไม่น้อยก่อนจะพูดตอบออกไป
“ก็ใช่ ฉันน่ะสิ ก็นายบอกว่าให้ฉันมาตอนเลิกงานแล้ว.....เฮ้
นี่นายเมาอีกแล้วเหรอแม็กนัส” ร่างบางเอ่ยขึ้นมาพลางเลิกคิ้วอย่างไม่ชอบใจ
เพราะนั่นหมายถึงแม็กนัสไม่ดูแลสุขภาพตัวเองอีกแล้ว............
“บ้าจริง” อเล็คงึมงำแต่ดูไม่เหมือนสถบ
กำลังจะบอกแม็กนัสให้ยืดตัวตรงๆ แล้วกลับเข้าไปนอนซะ แต่แล้วร่างสูงสะโอดสะองภายใต้ยีนส์ตัวเก่งสีเข้มเพียงตัวเดียวก็ใช้สองมือโอบรอบคอระหงส์ขาว
แล้วเงยหน้าขึ้นมาหาอเล็ค ร่างบางที่โดนเกี่ยวด้วยแขนแข็งแรงแต่ไม่ปราณีประนอมในเรื่องน้ำหนักนั้นสะดุ้งเหมือนโดนไฟช็อตไปแวบหนึ่ง
ก่อนจะยื่นหน้าตัวเองออกมารักษาระยะห่างจากแม็กนัส
............ก็ให้ตาย นี่มันห่างกันไม่ถึงสิบเซน.........
อเล็คจึงพยายามออกห่างไปอีก แต่แขนของแม็กนัสหนักเหลือเกิน มันยากกับการที่ต้องออกห่างจากชายคนนี้ทั้งๆ ที่เค้ายังคงเกี่ยวเอาไว้อยู่แบบนี้ อเล็คเริ่นใจเต้นรัวอย่างที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นในเวลานี้ ในขณะที่แม็กนัสจู่ๆ ก็ขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วทำหน้าอย่างที่อเล็คเรียกว่าหงุดหงิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“นาย...ดึกขนาดนี้แล้วยังจะออกมาเดินเพ่นพ่านอีกเหรอ”
แม็กนัสพูดเสียงฟังดูติดจะไม่พอใจนัก
แต่อเล็คงงจัด
“อะ ห๊ะ....นายว่าอะไรนะ?
ก็นายบอกให้ฉันมาเองนี่ เฮ้
เดี๋ยวแม็กนัส.......อ๊ะ เหวอออออ” ร่างบางที่ดูอ่อนแอไปเลยเมื่อทรงตัวแทบไม่ได้เนื่องจากแบกเพื่อนร่างสูงไว้ถึงครึ่งท่อน
ยังพูดไม่ถึงไหนก็โดนอีกร่างที่สติไม่ครบถ้วนดึงเข้าห้องไปเสียแล้ว
เมื่อเข้ามาพ้นธรณีประตูอเล็คก็เกือบล้มเพราะโดนรั้งคอเข้ามาจนตลอดทั้งตัว แต่ก็โชคดีไม่น้อยเลยเมื่อคนที่มีสติน้อยที่สุดยังคงเกี่ยวประคองอเล็คเอาไว้ได้ ร่างที่ไม่ได้แตกต่างกันนักแต่ดูอ่อนแอกว่าอย่างเห็นได้ชัดถูกกอดรัดอยู่ในอ้อมแขนของแม็กนัส เบน ซึ่งใช้สายตาที่ฉ่ำเยิ้มมองลงมาทางเค้าอย่างหาคำอธิบายไม่ได้
ก็ให้ตาย อเล็คไม่รู้หนิว่าแม็กนัสคิดอะไรอยู่ตอนที่กำลังเมาแบบนี้น่ะ!
แม็กนัสเคยประกาศกร้าวเอาไว้ว่าไม่ชอบเค้านี่นา ให้เดาว่านี่คงจะไม่ได้เกิดจากอารมณ์ขบขันของเจ้าตัวหรอกนะแต่เป็นเพราะแม็กนัสกำลังเมาต่างหากล่ะ
“แม็กนัส นายยืนไม่ไหวเหรอ” ร่างบางผมสีดำขลับพูดเกือบจะตะกุกตะกักและหายใจไม่สะดวกเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่เป่ารดเค้าอยู่ แต่แม็กนัสไม่ได้พูดทะเล้นด้วยเหมือนเมื่อก่อน อันที่จริงร่างสูงไม่เคยจ้องนานด้วยสายตาแบบนี้มาก่อนเลย..........และตอนนี้มันเปลี่ยนไปเป็นหงุดหงิดและฉุนเฉียว
..............คำพูดของเจซลอยเข้ามาในหัวแม็กนัสอีกครั้งหนึ่ง..............
แต่อเล็คไม่รู้ว่าร่างสูงของเพื่อนเค้าคิดอะไรอยู่ และไม่รู้ด้วยว่าเค้ากำลังจะเจอกับอะไรในตอนนี้
แต่สัญชาตญาณบอกเค้าว่าแม็กนัสไม่ใช่แม็กนัสคนเดิมที่เค้ารู้จักเสียแล้ว อเล็คพยายามใช้แขนดันตัวเองออกมาแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะแม็กนัสเริ่มรัดเค้าแน่นขึ้นเมื่อรู้ว่าเค้าจะหนี
“เอ่อ แม็กนัส...อ๊ะ นาย อึก
ปล่อยฉันก่อนสิ ฉันว่านายกอดแรงไปนะ”
อเล็คพยายามบังคับให้เสียงตัวเองฟังดูราบเรียบที่สุด แต่นี่เค้าเอนตัวหนีจากแม็กนัสจนเกือบจะทิ้งแรงทั้งหมดไว้ในอ้อมแขนของเพื่อนร่างสูงอยู่แล้วนะ............แม็กนัสเป็นอะไรรึเปล่า
ร่างสูงยังคงไม่พูด “และถ้านายไม่มีอะไรแล้วล่ะก็ ฉันแค่แวะมาเอากระเป๋าฉัน ละ ละ
แล้วฉันก็จะ....กลับ” อเล็คสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ มือใหญ่ของเพื่อนร่างสูงก็ค่อยๆ
ลูบแผ่นหลังบางขึ้นมาทีละน้อย
“ฉันไม่ได้ชอบนาย........”
คำพูดที่เสียดแทงใจอเล็คเมื่อหลายปีก่อนและยังคงเป็นเช่นนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ของแม็กนัสดังก้องขึ้นในใจ
เพื่อเป็นการเตือนว่าร่างสูงตรงหน้าที่ห่างกันเพียงไม่ถึงคืบคนนี้ไม่ใช่คนเดิม...........
“แม็กนัส ดะ ดะ เดี๋ยว นี่นายโอเครึเปล่า......อ๊ะ
อย่านะแม็กนัส! นายกำลังจะทำอะไรน่ะ เดี๋ยวก่อน!” อเล็คตัวแข็งทื่อและจับไปที่มือของแม็กนัสที่ล้วงเข้ามาในสาบเสื้อเชิ้ตสีอ่อนของเค้า ร่างบางรู้สึกถึงลมหายใจที่คลุ้งแอกลอฮอล์เมื่อแม็กนัสยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก
พร้อมกับที่มือแกร่งที่ไม่ยอมหยุด อเล็คใช้มือของตัวเองไล่จับแต่ก็ไร้ผล
มันไม่สามารถห้ามความแปลกประหลาดของแม็กนัสได้เลย
“เฮ้ย อย่าแม็กนัส นี่ฉันเอง...อเล็คไง! นายไม่ไหวแล้วนะ
ไปนอนเถอะ” คนที่โดนลูบกระทำ ตัวสั่นและห่อไหล่เมื่อแม็กนัสไม่ยอมพูดกับเค้าแถมยังทำตัวเหมือน........
เหมือนพวกคนหื่นๆ อีก
อเล็คคิดว่าบางทีแม็กนัสอาจจะเมาและอยากนอนมากจนเดินไปเองไม่เป็นก็ได้เลยหาที่ยึดเกาะ แต่ทว่าก็ไม่ใช่.........แม็กนัส เบนก้มลงไปดูดเม้มซอกคอขาวบริสุทธิ์ที่ยังคงมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
ของอเล็คอย่างรวดเร็ว คนถูกดูดเม้มสะดุ้งเฮือกและผลักตัวอีกคนออกไปอย่างแรงจนตัวของพวกเค้าผละออกจากกันจนได้
แม็กนัสเซถลาจนเกือบล้มและในหัวของอเล็คก็ขาวโพลน
เมื่อกี้แม็กนัสทำอะไรน่ะ?!
.
.
.
TBC.
-----------------------------------------------------------------------------------------------
อร้ายยยยยยยยยยยยยยย >3<!! อิเบนนนน จะทำอะไรอเล็คของฉันน่ะ!
เอาสักทีเถอะ รีดๆ
เค้ารอกันมาตั้งนานแล้ว! //อ้าว!// เฮ้ย แต่เบามือหน่อยนะ อเล็คฉันบอบบาง เฮือกก -.,-
ตาแม็กนัสจะทำตามที่ไรท์บอกหรือเปล่าก็ร่วมติดตามชมกันในตอนหน้านะคะ
>///< จะประทับใจรีดๆ
รึเปล่าน้ออออออ ฮิๆ รออ่านกันนะคะ
และท่านใดที่อยากเป็นเพื่อนกะไรท์ก็เข้าไปที่นี่เลยค่าาา >>แฟนฟิค ฮอลลีวู้ด<<
ไรท์ยินดีรับแอดเสมอเลยค่าาา...........รักทุกท่านะเออ -3-
ด้วยรักและแรงหื่น
Ray - Aund
3 ความคิดเห็น:
อ้ากกกกกก ตามมาอย่างว่องไว โอ้ยยยยฮือออ
รอตอนหน้าไม่ไหวแล้ววว ต้องขอบคุณเอลซ่ากับน้อง
จริงๆ หึๆๆๆ//ยิ้มชั่วร้าย อเล็ค..กรี้ดดดดด แงง รอนะคะ นึกภาพตามแล้วมัยโคตรฮ็อตเลย <3
แม็กนัสสส นายจะทำอะไรรรรร
รีบๆเข้าสิ อ่อนโยนด้วยนะ#เดี๋ยวๆ
นอนฟินตาย เอื้อออออออออ
ตอนหน้ามาไวๆนะค่ะ ไรท์ขาาาา
ไรท์เดี๋ยวดิ อย่าทิ้งให้ค้างกลับมาก่อนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
แสดงความคิดเห็น